หากมีที่ดินผืนใหญ่ 1 ผืน แต่เป็นชื่อร่วมกับพี่น้องอีก 6 คน (รวมเป็น 7 คน) แต่คุยกันคร่าวๆ แล้วว่าจะแบ่งกันอย่างไร แต่ก็ยังไม่ได้แบ่งตามกฎหมาย
โดยส่วนตัวต้องการปลูกบ้าน 1 หลังบนที่ดินดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่บนส่วนที่เมื่อหลังการแบ่งตามกฎหมายแล้ว ส่วนนั้นจะเป็นของตนเอง
1. หากไปขออนุญาตปลูกสร้าง โดยตนเองเป็นผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดินทั้ง 7 คน (รวมตนเองด้วย) ให้ปลูกสร้างบ้านตนเอง จะทำได้หรือไม่
2. หากข้อ 1. ทำได้แล้ว ตนเองจะต้องไปกู้เงินจากธนาคารมาสร้างบ้าน
2.1 หากต้องจำนองที่ดินนั้นกับธนาคาร ไม่ทราบว่าตนเองเป็นผู้ขอกู้คนเดียวได้หรือไม่ หรือต้องเป็นเจ้าของที่ดินทั้ง 7 คน (รวมตนเองด้วย) ลงชื่อกู้ด้วยกัน เพราะว่าตามกฎหมายแล้วที่ดินยังเป็นชื่อของทั้ง 7 คน (รวมตนเองด้วย)
2.2 หากไม่จำนองที่ดินนั้นกับธนาคาร จะต้องใช้หรือมีหลักทรัพย์อื่นใดบ้าง ที่ตนเองสามารถใช้ในการกู้เงินจากธนาคารมาสร้างบ้านได้
ขอบคุณครับ
1. ทางเขตจะมีหนังสือยินยอมให้เจ้าของเซ็นต์ค่ะ
2.1 เจ้าของที่ดินต้องเป็นผู้กู้ร่วมถึงจะได้
2.2 คงยากที่จะได้ดอกเบี้ยต่ำ เพราะธนาคารไม่อยากมีปัญหาที่ดินเวลายึดบ้าน ของที่บ้านยังแนะนำให้พ่อโอนให้ลูกซึ่งเป็นผู้กู้ก่อน จะได้ไม่ยุ่งยาก ถ้าไมีการแบ่งมรดกเกิดขึ้น
อาจมีธนาคารอื่นยอมให้ก็ได้ เพียงแต่เราติดต่อไม่กี่ธนาคาร ที่มีโปรให้ข้าราชการ
เป็นเคสเดียวกับเราเลย เราใช้วิธีการนี้ค่ะ
1. ไปที่สำนักงานที่ดินขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวม (ของเรา 6 คน)
2. รังวัดที่ดินตามที่เราจะแบ่งกัน (ต้องบอกเจ้าหน้าที่รังวัดให้เข้าใจ)
3. แยกแต่ละแปลงให้ตรงกับกรรมสิทธิ์แต่ละคน ซึ่งสำนักงานที่ดินจะมีรูปแผนที่แบ่งแยกให้ดูก่อนออกโฉนดจริง (ได้ที่ดินคนละแปลง)
4. ได้โฉนดยื่นธนาคาร (ตอนนี้โฉนดเป็นชื่อเรา สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง)
5. ขั้นตอนที่ 1-3 ใช้เวลานาน 6 เดือน (นานมากถ้าไม่จ่ีายก็ปีอัพ)
6. ส่วนกรณีที่ จขกท.ถาม ต้องรอให้ผู้รู้จริงมาตอบค่ะ
เห็นด้วยกับ คห.2 ค่ะ แบ่งแยกให้เรียบร้อยก่อนที่จะทำเรื่องกู้หรือปลูกบ้านจะดีที่สุดค่ะ
สำหรับกรณีของเราขอมาแบ่งแยกโฉนดทีหลัง(หลังจากพี่สาวสร้างบ้านและเอาโฉนดไปค้ำประกันไว้ในแบ๊งค์สีส้มๆเรียบร้อยแล้ว) ทำยากทำเย็นสุดๆ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้ธนาคารเปล่าๆปลี้ไปตั้ง 3,000 บาท ค่าธรรมเนี่ยมการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่มารังวัดที่ดินใหม่และจดทะเบียนแบ่งแยกในนามเดิม……………….สุดท้าย เสียเวลา เสียเงิน ไปก็ตั้งเยอะ ตัดความรำคาญไปควานหาตังค์มาได้ก็โปะหนี้สินของพี่สาวและถอนโฉนดออกจากธนาคารมาเลยค่ะ เสียเวลาและเสียเงินไปอย่างเปล่าประโยชน์เลย
อย่าทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยากสิครับ ทำไมไม่แบ่งให้เรียบร้อยละครับ //งงครับ แยกโฉนดออกมาเลย จบ
ลองตอบข้อสอบดูหน่อย
ผมเข้าใจว่าจะไม่ใช่หนังสือมอบอำนาจ เพราะคุณไม่ได้ทำการแทนพี่น้อง แต่ว่าคุณจะทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ดังนั้น น่าจะเป็นหนังสือยินยอมให้ใช้ประโยชน์จากที่ดิน ซึ่งน่าจะต้องรวมว่าการยินยอมให้เอาที่ดินไปจำนองกับธนาคาร
ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม เมื่อเอาที่ดินไปจำนอง เท่าที่ทราบ ขึ้นอยู่กับมูลหนี้ที่จะก่อ ถ้ามากต้องมีเจ้าของคนอื่นอย่างน้อย 1 คนมากู้ร่วม
ผมว่าคุณไปสอบถามแบงก์สัก 1-2 แห่ง นำร่องไปก่อนว่าใช้หนีังสือยินยอมจะสร้างบ้านบนที่ดิน แล้วจะกู้ได้ไหม ต้องกู้ร่วมด้วยไหม
ได้แล้วค่อยถามว่าใช้หลักฐานอะไรบ้าง แล้วจะเอาเข้า ไม่เข้าได้หรือไม่ อย่าเพิ่งคิดยาว
ประเด็นนี้มันพูดยาก เพราะมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกรณีทั่วไป แถมมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตั้ง 6-7 คน แต่ละแบงก์พิจารณาไม่เหมือนกันแน่นอน หรือว่าอาจจะไม่รับแต่แรกเลยก็ได้ ยกเว้นว่าคุณจะกู้เยอะเขาก็ชอบ เพราะได้เป้า และความเสี่ยงต่ำ เพราะที่ดินแปลงใหญ่ สร้างจริง 100 แต่โฉนดค้ำ 1 ไร่
จากประสบการณ์ ผมว่าเหนื่อยมากครับ คุณนะเหนื่อยครับ
– เจ้าของกรรมสิทธิที่ดินทั้ง 7 ต้องมีหนังสือยินยอมให้ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของตนเอง แก่ผู้ขออนุญาตก่อสร้าง
– เวลาเอาเข้าแบ็งค์กู้คนเดียวได้ แต่………… เจ้าของที่ดินทั้งหมดต้องทำการจำนองที่ดินกับแบ็งค์ในฐานะผู้ถือกรรมสิทธิ์ และเป็นผู้ค้ำประกัน หากทั้ง 7 คนมีภรรยา ทั้งสมรสจดทะเบียนและไม่จดทะเบียนต้องเซ็นสัญญายินยอมให้คู่สมรสทำนิติกรรม… ( มีภรรยาทุกคนก็ปาไป 14 )
– ถ้าให้กู้ทั้ง 7 คน คงหาแบ็งค์ที่ยินดีรับเครสคุณได้ยากแน่ๆ แต่ถ้ายอดสูงๆคุ้มค่าเหนื่อย ก็ไม่แน่ แต่ที่สำคัญคุณจะปวดหัว หากเป็นการก่อสร้างที่ต้องเบิกงวด เพราะทั้ง 7 คนต้องลงนามในกระดาษแผ่นเดียวกันกี่รอบ…
– จำนองกับแบ็งค์ไปแล้ว อย่าหวังว่าจะเอาโฉนดออกมาตัด มาแบ่ง มาทำการใดๆ ที่ทำให้หลักประกันด้อยลงเพราะคงเป็นการยาก….ที่แบ็งค์จะยอม… ซึ่งมันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นเพราะคนตั้ง 7 คน ….ต้องมีสักวัน