กำลังจะเลือกสีทาบ้านอยู่ แต่สงสัยที่บอกกันว่า เป็นสีพรีเมียมเกรด นั้นหมายถึงสีระดับเกรด A B หรือ C ครับผม อ้อแล้วประเภททาทั้งภายในและภายนอกนั้นมีคนบอกว่าส่วนมากเป็นเกรด C จริงมั๊ยครับ และถ้าจะกรุณาบอกชื่อยี่ห้อ และชนิดของสีที่ทาได้ทั้งภายนอกและภายในระดับเกรด B ให้ด้วยจะขอบคุณมากครับผม
คำค้นหา:
- เกรดสีทาบ้าน
- คุณภาพสีทาบ้าน
- เกรดสี toa
- ราคาสีทาบ้าน
ไม่มีใครตอบให้เลย รออยู่ครับผม
มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ อยากได้ข้อมูลเหมือนกัน เอาตามความรู้น้อยๆของเรา พรีเมียมเกรดน่าจะหมายถึงสีเกรดเอนะคะ
SWEET TOFFY ขอบคณุครับ นั่งรอฟังผู้เชี่ยวชาญมาตอบต่อไปครับผม
ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนะครับ
เพิ่งทา TOA Supershield ภายนอก และ Supershield Duraclean ภายในครับ ราคาอยู่ระดับกลางๆ
จริงๆแล้วตัวภายนอกก็ทาภายในได้ครับ
เดี่ยวนี้ไม่ค่อยเห็นคุณ siriwat ของ beger มาตอบเลย
หลายไปใหนครับ???
เซฟเก็บไว้
เพื่อให้สีที่ทาคงสภาพที่ดี ใช้งานได้หลายปี
ควรปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักการทาสี ดังนี้
การเตรียมพื้นผิวที่ทา ไม่ว่าจะเป็นผิวปูน ไม้ โลหะ
ต้องเตรียมผิวให้แห้ง เรียบ และปราศจากฝุ่น สนิม คราบไขมัน
การทาสีนั้น ต้องปฏิบัติตามระบบการทาสีที่ผู้ผลิตแนะนำ
เช่น ผนังปูน ต้องทาสีรองพื้นป้องกันด่างเสียก่อนที่จะทาสีทับหน้า
เพราะผนังปูนเป็นสารผสมระหว่างทรายกับซีเมนต์ เมื่อรวมกับน้ำจะเกิดเป็นน้ำปูนใสที่มีความเป็นด่างสูงพอที่จะเกิดปฏิกิริยากับผงสีในชั้นสีทับหน้าได้
ทำให้เกิดรอยด่าง สีตกไม่สม่ำเสมอได้
หรือถ้าเป็นผิวเหล็กก็จะต้องทาสีรองพื้นเหล็ก
ป้องกันการเกิดสนิมเสียก่อนแล้วจึงทาสีทับหน้า
สีคือส่วนสำคัญที่จะเพิ่มความสวยงามให้กับอาคาร บ้าน และที่อยู่
อาศัยอื่นๆ แต่ปัญหาที่มักเกิดขึ้นเสมอคือ เมื่อทาสีไประยะหนึ่งสีจะซีดจาง
หลุดร่อน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
การเตรียมพื้นผิวที่ไม่ถูกต้อง การทาสีไม่ครบระบบ
การเลือกใช้สีผิดประเภท หรือใช้สีที่มีคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น
ดังนั้นเพื่อให้การทาสีเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆให้ครบ ดังนี้
ขั้นแรก : การเตรียมผิว
เพื่อให้สียึดเกาะกับพื้นผิวปูน ไม้ โลหะได้ดี อีกทั้งยังสวยงามและคงทน
ก่อนทาสีทุกครั้งต้องทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบร้อยเสียก่อน
โดยขจัดฝุ่น คราบไขมัน สนิม รา ตะไคร่น้ำออกให้หมด
พื้นผิวที่จะทาสีต้องแห้งสนิทและอยู่ในสภาพเรียบร้อย
สำหรับผิวยิปซั่ม ต้องทำการฉาบเรียบและทิ้งไว้ให้แห้ง
ขัดด้วยกระดาษทราย หลังจากนั้นปัดฝุ่นออก
ทั้งนี้ในส่วนที่มีงานระบบเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น โคมไฟ ปลั๊ก สวิตซ์ เป็นต้น
จะต้องติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและสามารถใช้งานได้ดี
หลังจากนั้นจึงทาสีได้ สำหรับผิวไม้ต้องผ่านการอบแห้ง
หรือตากจนแห้งสนิท หากผิวมีรอยชำรุด ต้องซ่อมก่อนโดยใช้สีโป๊ว
หรือดินสอพองทิ้งไว้ให้แห้งสนิท จากนั้นขัดด้วยกระดาษทรายให้เรียบ
ปัดฝุ่นออกให้หมด แล้วจึงทาสีต่อไป
ขั้นที่สอง : ทาสีรองพื้น
สีรองพื้นคือสีที่ใช้ทาบนผิวชนิดต่างๆ ก่อนทาสีทับหน้า
ทำหน้าที่เสริมให้สีทับหน้ายึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี
และป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างพื้นผิวกับสีทับหน้า
ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายได้
พื้นผิวปูน : สีรองพื้นจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ความเป็นด่างของผนังปูน
ทำปฏิกิริยากับสีทับหน้า สีจึงสวย ทนทาน ไม่หลุดล่อนง่าย
พื้นผิวไม้ : สีรองพื้นช่วยป้องกันยางไม้หรือน้ำยารักษาเนื้อไม้ที่เคยทาไว้
ไม่ให้ซึมออกมาผสมกับสีทับหน้า สีจึงไม่เป็นรอยด่าง
พื้นผิวเหล็ก : สีรองพื้นช่วยป้องกันการเกิดสนิม
และเสริมการยึดเกาะของสีทับหน้า สีจึงสวยทนนาน
ขั้นที่สาม : ทาสีทับหน้า
สีทับหน้ามีสีให้เลือกมากมาย โดยทั่วไปมี 2 ประเภทใหญ่ๆ
คือ สีน้ำ และสีน้ำมัน ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้
สีน้ำ ( EMULSION ) สีน้ำมัน ( ENAMEL )
-.ใช้ทาบนพื้นผิวปูน -. ใช้ทาบนพื้นผิวไม้ ,โลหะ
-. เนื้อสีด้าน กึ่งเงา -. เนื้อสีเงามาก
-. แห็งเร็ว ( 20 นาที – 1 ชั่วโมง ) -. แห้งช้า ( อย่างน้อย 6 ชั่วโมง )
-. กลิ่นไม่แรง -. กลิ่นแรง
-. ตัวทำละลายเป็นน้ำ -. ตัวทำละลายเป็นน้ำมัน หรือ ทินเนอร์
-. ราคาถูก -. ราคาแพงกว่า
นอกจากนี้สีน้ำและสีน้ำมันยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
สีภายใน และสีภายนอก โดยสีที่ใช้ทาภายนอกมีความทนทานต่อทุกสภาพ
ดินฟ้าอากาศ ขณะที่สีภายในจะใช้ภายในอาคารเท่านั้น แต่สีทาภายใน
จะให้ความเนียน สวย และทำความสะอาดได้ง่าย ดังนั้นจึงควร
เลือกใช้สีให้เหมาะกับสถานที่ที่จะใช้งาน
การทาสีทับหน้าควรทาอย่างน้อย 2 เที่ยว โดยทิ้งระยะให้สีที่ทา
เที่ยวแรกแห้งสนิท แล้วจึงทาทับอีกครั้ง
หมายเหตุ :
การเลือกใช้สีรองพื้นและสีทับหน้านั้น ควรเลือกใช้สีให้ถูกประเภทของงาน
ควรเลือกใช้สีจากผู้ผลิตเดียวกันทั้งระบบ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.konbaan.com/TipsTricks/TipsTricks30.php 🙂
———————————————————————–
อุปกรณ์ทาสี
แปรงทาสี และลูกกลิ้งมีความแตกต่างกัน แปรงทาสีสามารถ
เข้าได้ทุกซอกมุมของพื้นที่ที่ต้องการทา จึงเหมาะกับในกรณีที่เตรียมพื้นผิว
แบบหยาบ ๆ หรือผิวที่ไม่เรียบ การใช้แปรงทาจะทำให้สีสัมผัสกับผิวผนัง
ในซอกมุมต่าง ๆ ได้ดี ลูกกลิ้งเหมาะสำหรับการทาในพื้นที่กว้าง ๆ ซึ่งสามารถ
ทำให้การทาสีทำได้เร็วกว่า แต่ลูกกลิ้งจะใช้ปริมาณมากกว่าการทาด้วยแปรง
อุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือผ้าปูผื้นกันเปื้อนเพื่อป้องกันสี
กระเด็นหรือตกหล่นพื้น บันได้สำหรับทาที่สูงและเพดาน ถาดผสมสี และ
อุปกรณ์ทำความสะอาดต่าง ๆ
จากคุณ : แม่น้องเบสท์ – [ 7 ม.ค. 52 17:05:14 ]
นี่คือสีทาภายในนะคะ ทาภายนอกจะใช้อีกชื่อ
แนะนำไปเลือกยี่ห้อสี ที่ HomePro ใกล้บ้าน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ PC เพื่อสอบถาม/เปรียบเทียบคุณภาพ ราคาได้
แนะนำหากต้องการสีเกรดกลาง (B) ราคาประมาณ 1,300-1,500 บาท/ถัง
TOA : Shield 1
BEGER : BegerCool CeramicShield
JOTUN : Jota Tough
แนะนำหากต้องการสีเกรดมาตราฐาน มอก. (C) ราคาประมาณ 900-1,200 บาท/ถัง
TOA : SuperTech
BEGER : Beger Nano Pro
JOTUN : Strax Matt
แนะนำหากต้องการสีเอนามัย/เช็ดล้างได้ (A+) ราคาประมาณ 2,300-2,500 บาท/ถัง
TOA : Dura Clean
BEGER : Beger Ceramic Clean
ICI : Dulux Easy Care
สีขนาด 1 ถัง จะมีขนาดบรรจุ 5 กล. (18.9ลิตร) ทาได้ประมาณ 150-170 ตรม./เที่ยว หรือประมาณ 75-85 ตรม./2เที่ยว
จากคุณ : siriwatch@beger.co.th – [ 7 ม.ค. 52 22:37:55 A:192.168.0.17 X:124.122.167.225 TicketID:153350 ]
ข้อมูลจากร้านขายสีครับ (ร้านไหนไม่ขอบอก :D)
ทาภายใน
เกรด A
– ICI Dulux EasyCare
– TOA Supershield Duraclean
– Begershield Ceramic Clean
– Jotun Majestic
เกรด B
– ICI Dulux Pentalite
– TOA Shield-1
เกรด C
– ICI Supercote
– TOA 4Seasons
– Beger Cool
ประมาณนี้แหละครับ