เห็นหลายคนเดือดเนื้อร้อนใจ ว่ากลัวกู้แบ๊งค์ไม่ผ่านบ้าง หรือกู้ผ่านแล้วแต่ผ่อนต่อไปไม่รอดบ้าง โดนยึดบ้าง
ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณซื้อเงินสด ทำไมไม่เก็ยสะสมเงินให้ครบก่อนแล้วค่อยซื้อ หรือสามีภรรยาก็เอาเงินเก็บมารวมกันซื้อ
ทีรถแคมรี่ ไฮบริด คนละ 1.6 ล้าน ยังซื้อสดหน้าตาเฉย ซึ่งราคานี้เท่ากับคอนโด 30 ตารางเมตร
หรือบางคนซื้อบีเอม คนละ 3.5 ล้านคนสดเฉย ซึ่งราคาเท่ากับบ้านเดี่ยวนอกเมือง หรือทาวน์โฮมชานเมือง
และถ้าทุกคนซื้อบ้านเงินสดหมด ธนาคารจะมีปัญหาหรือเปล่าครับ และเจ้าของโครงการจะดีใจหรือเปล่า
บางทีความจำเป็น มันรอไม่ได้น่ะสิครับ ซื้อบ้าน ต้องเก็บกันเป็น 10 ปี เลยทีเดียว บางคนแต่งงาน มีลูก พ่อแม่ อยู่ด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายๆคน รอเก็บเงินไม่ได้
ส่วนบางคนเลือกซื้อรถเงินสดมากกว่าซื้อบ้าน (ในกรณีราคาเท่ากันและมีเงินสดเลือกซื้อได้อย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ) เพราะบางคนยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียน หรืออยากมีเงินสดอยู่กับตัวมากขึ้น จึงซื้อรถเงินสดก่อนบ้าน เพราะว่ากู้ซื้อบ้านผ่อนระยะยาวมากครับ 30 ปีแน่ะ ส่วนรถผ่อนได้แค่ 7 ปี
สมมติยอดกู้ 1.6 ลบ ถ้ากู้ซื้อรถ ผ่อนเดือนละ 2 หมื่นกว่า แต่ถ้าเป็นบ้าน ผ่อนเดือนไม่ถึงหมื่น หรือหมื่นนิดๆ
บางคนจึงเลือกผ่อนน้อย และมีเงินเหลือแต่ละเดือนมากขึ้น สบายใจ เผื่อขยับขยายครับ
แต่ส่วนใหญ่ผมว่า ราคาบ้านจะจัดหนักกว่ารถเยอะนะครับ คงมีน้อยที่จะซื้อบ้านราคาถูกกว่ารถ
ส่วนถ้าไม่มีคนกู้เลย ธนาคารอยู่ไม่ได้ครับ รายได้หลักของธนาคารมาจากดอกเบี้ยเงินกู้ครับ
ปล แต่หนี้บ้านเนี่ย คนส่วนมากเค้าเรียกว่า หนี้แห่งความสุขนะครับ อิอิ ผมก็มีความสุขก้อนใหญ่เลย 555
ถ้าทุกคนมีเงินสด ก็ไม่มีใครอยากไปกู้หรอกน้อง ดอกเบี้ยปีนึงใช่ถูก ๆ เอาแค่ 5%ก็พอ
1,000,000 ก็ดอกเบี้ย 50,000 บาทต่อปี ตกเดือนละ 4,xxx บาท ไม่นับต้นนะน้อง ถ้า 3 ล้านก็คูณเอาเองละกัน
คนที่เค้าซื้อสด เพราะเค้ามีเงิน กว่าจะรอเก็บเงิน ก็คงนานค่ะ ไม่ได้มีบ้านกะเค้าซักที พอเก็บเงินได้ ก็ไม่พอ เพราะราคา อสังหาก็เพิ่มขึ้นๆ เรื่อย อย่างเมื่อก่อน มีเงินล้านก็ซื้อบ้านได้แล้วเดี๋ยวนี้ สามล้ามยังไม่พอเลยค่ะ
ถามแปลกๆ ใครมีเงินสด เขาก็ซื้อสดครับ
การซื้อบ้านเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง
เพราะดอกเบี้ยเงินกู้บ้านต่ำ กว่า อัตราเพิ่มขึ้นของราคาบ้าน
ดังนั้นกู้เงินซื้อบ้าน ถ้าไม่ซวยเจอบ้านที่สร้างห่วย
เจอภัยพิบัติ ไฟไหม้ ฯลฯ
กู้เงินซื้อบ้านคุ้มกว่าเอาเงินไปฝากธนาคารเฉยๆ
เงินไม่พอที่จะซื้อเงินสดครับ
เอาไว้ให้ "คุณเรียนจบหมาดๆ" ได้เป็น "เรียนจบมาตั้งนานแต่ยังเก็บเงินไม่ได้ซักที" ก่อนเถอะค่ะ
เพราะคนแต่ละคนที่มาตั้งกระทู้ถามนั้น คิดว่าแต่ละคนก็คงผ่านการกู้ซื้อรถมาบ้างแล้ว เดือนละประมาณหมื่นบาท พอหมดรถก็อยากได้บ้านซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ไม่เสียเปล่าเลย กู้ได้ระยะยาว จ่ายน้อยกว่ารถอีก
เงินที่เก็บมาก็ลงไปกับบ้านแต่คุณคิดจะให้เค้าเก็บเงินซักกี่ปีจึงจะพอ
รายได้ของคนทำงานแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนรายได้รวมแค่ 1 หมื่น
แต่กับบางคนอาจถึง 1 แสน ถ้าคนรายได้น้อยมัวแต่รอเก็บเงินซึงไหนจะรายจ่ายต่อเดือน ค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ ค่าส่งเสียลูก เจือจุนพ่อแม่
บางคนแทบเอาตัวไม่รอดเสียด้วยซ้ำ แม้จะรายได้เยอะๆ ก็ตาม
กี่สิบปีจึงจะเก็บเงินได้ครบค่าบ้านเพื่อซื้อสด แม้จะเพียงล้านกว่าๆ แบบที่คุณว่าก็เถอะนะ
ไม่มีใครอยากเป็นหนี้หรอกนะคะ
ส่วนคำถาม ธนาคารอยู่ไม่ได้หรอกค่ะและโครงการนั้นถ้าขายได้ จะอย่างไรก็เอาหมด ยิ่งซื้อสดยิ่งชอบสิคะ ได้เงินเร็ว ไม่ยุ่งยากติดต่อโน่นนี่
ไม่มีตังค์ครับ
คนที่กู้อาจเพราะไม่มีพ่อแม่รวยที่จะมาซื้อเงินสดให้
แล้วไอ้คนที่ซื้อรถเงินสดก็อาจไม่ใช่คนซื้อคอนโดก็ได้
ตาม คห ข้างบนครับ
เพิ่มให้อีกเคสครับ
เพราะบางกรณี
เชาสามารถได้ผลตอบแทนจากเงินสดสูงเกินกว่าจะเอาเงินสดไปใช้ทำอย่างอื่น
มีจริงนะครับ เคสแบบนี้
ไม่มีเงินสด มีแต่เงินกู้ ไม่งั้นก็ไม่ได้บ้านค่ะ
อยากซื้อสดเหมือนกัน แต่ไม่มีเงิน
ขำ คห. 6
เจ้าของกระทู้ เค้าคงรวยมากอะค่ะ เลยซื้อเงินสดได้ทุกอย่าง
น่าอิจฉาจัง
พี่พึ่งเรียนจบมาจากไหนหรือ
บ้านนะไม่ใช่ปลาทู
ไม่มีเงินสด มีแต่เงินเดือนถ้าอยากซื้อบ้านเอง ไม่ใช่พ่อแม่ซื้อให้ ก็ต้องขวนขวายหาเอง ใช้เครดิตตัวเอง การงานตัวเองเป็นตัวประกันการกู้
กู้ได้แล้วภูมิใจ เพราะบ้านเป็นของเราทุกตารางมิลลิเมตร
บางคนเค้าคิดว่าเงินพ่อแม่ก็คือเงินของเรา แค่เราไม่ได้คิดแบบนั้น
ลำพังด้วยความสามารถตัวเอง ไม่เกาะพ่อแม่ ไม่ถูกล๊อตเตอรรี่ ทำงานในเมืองไทย เงินเดือนแบบไทยๆ เราเชื่อว่าน้อยคนที่จะซื้อเงินสดได้ค่ะ
กลัวเก็บไว้ไมได้ใช้้นะครับ จะฝังดินก็กลัวปลวก จะเก็บไว้ในเซฟก็กลัวไฟใหม้คุณโจรมาเอาไป จะฝากแบ็งค์ ก็ดอกเบี้ยกะจิดริด จะเอาไปซื้อพันบัตร ก็ความเสี่ยงสูง จะปล่อยกู้ ลูกหนี้หนี เอาเป็นว่าผ่อนเค้าดีกว่าครับถ้ายังต้องทำงานหาเงินอยู่
นี่เค้าไม่รู้จริงๆ หรือเกรียนอ่ะ ?
เงินเดือนๆละ10,000บาท ซื้อบ้านราคา1ล้าน เก้บตังค์เดือนละ5000 บาท ต้องเก้บตังค์16ปีกว่า ถึงจะได้1.0ล้าน แล้วอีก16ปี ข้างหน้า บ้านราคา1.0ล้าน มันจะขึ้น เป็น2.0ล้านเปล่าวะนี่.. ถ้าตอนนั้นผมอาจมีเงินเดือนสัก30000หมื่น เก้บตังค์เดือนละ20000บาท (แบบลูกเมียไม่ต้องกินเลยนะ) ต้องเก้บตังค์ อีก 4ปีกว่า รวมแล้วใช้เวลา20ปี ได้ทาวเฮ้าส์18ตรว. แถวๆชานเมือง ถึงตอนนี้อาจได้บ้านแถวอยูธยา หรือไปก้แถวๆหนอกจอกไปเลยมัง
ชังถามชังคิดจังนะคุณเจ้าของกระทู้… ออคุณ จขกท. มีคอนโดแนะนำ น่าซื้อมากเลย ติดบีทีเอสช่องนนทรี ชื่อคอนโด มหานคร ห้องละ300ล้านเอง
มีตังค์สดน่าซื้อมากเลยครับ…
ไม่ใช้เงินพ่อแม่ครับ ทำงานโรงงานที่บ้าน เงินเดือนน้อยกว่ากรรมกรอีก
แต่ภูมิใจที่เป็นเงินที่หาได้ด้วยตัวเอง
ภูมิใจไหม…บ้านฉันใหญ่โต ขับรถหรู มีหุ้นมากมาย พ่อซื้อให้???
สลิดมากกกก
ความจำเป็นแต่ละคนไม่เท่ากันนะครับ พ่อแม่ไม่รวย ไม่มีเงินเก็บ ก็ต้องพึ่งเงินกู้แหล่ะครับ
ถามทำไม….มีสดก็จ่ายสดสิคูณณณณ
จะมานั่งให้ธนาคารกินดอกเบี้ย…ทำไม.
จริงๆว่าจะไม่แสดงความคิดเห็นแล้วนะ แต่เอาสักนิดเถอะ
คือ ตอบแบบคนจนๆนะ
คือพ่อแม่ พี่ไม่รวย สามีที่หาได้มาก้อดันจนอีก
เงินเดือนที่มีอยู่สองคนรวมกัน ก้อดันไม่ถึงแสนต่อเดือน เศร้าจัง
แล้วก้อดันมีลูก ต้องซื้อข้าว ซื้อนมให้มันกินอีก
เงินเดือนก้อต้องแบ่งไปจุนเจือพ่อแม่บ้าง บางส่วน
แล้วก้อดันอยากจะมีสมบัติเป็นของตัวเอง เลยตัดสินใจดาวส์รถ
คือจนนะ ไม่มีปัญญาซื้อสด แล้วก้ออยากได้บ้านอีก
กะว่าถ้าลูกโต ก้อผ่อนหมด มีสมบัติติดตัวนิดหน่อย
แบบว่าไม่ให้ลูกมันอายเพื่อน อายชาวบ้านนะ
แต่ถ้าวันนึง ที่เงินเดือนสองคนผัวเมียรวมกันแล้วได้เดือนละล้านนะ
พี่สัญญาจะซื้อเงินสด หมดทุกอย่างเลย แม้กระทั้งกะปิ น้ำปลา
พี่ก้อจะไม่รูดการ์ดเลย สัญญาจริงๆ
สมมุตินะสมมุติ สมมุติแค่ตัวเลข
คนมีเงินสด สองล้าน ซื้อบ้านเงินสด หนึ่งล้าน หรือสองล้านก็ได้
แต่เงินจะไปจมอยู่กับบ้านหมด ไม่มีเอาไปทำกำไรต่อ
บางคน แม้มีเงินสดๆ เค้าก็จะยังเลือกผ่อน
ด้วยประการฉะนี้
มาตั้งกระทู้นี้เพื่ออะไร คุณมีเงินสดก็ซื้อไปสิ ส่วนคนที่เขาไม่มี เขาก็ต้องทำวิธีนี้แหละ ส่วนคนที่เขามีเงินสด เขาอาจจะไม่ซื้อเงินสดก็ได้ เขาอาจเก็บส่วนนึงไปลงทุนก็ได้นะ อย่าคิดแคบๆ
ถ้ามีตังค์ก็ซื้อสดสิ ถามมานี่เป็นอะไรบ้างรึเปล่า กว่าจะรอเก็บตังค์ครบก็หนังเหี่ยวพอดี
มีคนฝรั่งเศสชื่อ มารีอังตัวเนต เคยถามแบบไม่ค่อยคิดเท่าไหร่ว่า ไอ้คนจนสมัยนั้นที่มันอดตายเพราะไม่มีขนมปังกินนี่ ทำไมเขาไม่ทานเค๊กล่ะคะ ก็ยังสงสัยว่า คน คิดได้แบบนั้นหรือ ตอนนี้เชื่อแล้วว่ามีจริง
พึ่งเรียนจบหมาดๆจากที่ไหนมาครับ
น่าไปเรียนอีกรอบ
ดูท่าทางยังไม่แน่น
ช่วยผมบอกหน่อยครับ จบ จากที่ไหนมา ผมจะได้ไม่ให้ญาติพี่น้องไปเรียน ถ้าคิดแค่นี้ไม่ได้
ผมมีเงินสดแต่ไม่ได้ซื้อเงินสดครับ เนื่องจาก ดอกเบี้ยเคหะนั้นถูกกว่า ดอกเบี้ยสินเชื่อธุรกิจ จึงตัดสินใจกู้ธนาคารซื้อบ้าน และเอาเงินสดมาหมุนในธุรกิจ บางส่วนก็ใช้สำหรับ กิจการเล็กๆๆน้อยๆของครอบครัว ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยที่เสียไป ซึ่งถือว่าเป็นคุ้มค่าการลงทุนมากกว่าครับ
ปล.แปลกใจกับคำถามของน้องจบมาหมาดดๆๆนะครับ ไม่ทราบว่า ที่ว่าจบมาหมาดๆๆนี้ จบชั้นประถม หรือว่ามัธยมปลายครับ เพราะถ้าเป็นจบระดับอุดมศึกษา น่าจะผ่านการศึกษาในเรื่องการตลาด การจัดการ หรือเคยได้เรียนรู้ เรื่องง่ายๆแบบนี้ไปบ้างไม่มากก็น้อย นะครับบ
คราวหลังต้องตั้งใจเรียนกว่านี้นะครับ จะได้ดูมีการศึกษาและไม่กระทบกับสถาบันที่สำเร็จมาด้วย เดียวคนจะเข้าใจผิดว่า สถาบันน้อง ไม่มีการให้การศึกษาในด้้านนี้แก่น้องได้
บ้าน 3 ล้าน จ่ายสด 1.5 ล้านจากเงินเก็บ กู้แค่ 1.5 ล้าน
หมายความว่า ควรมีเงินเก็บส่วนหนึ่ง และกู้ส่วนหนึ่ง
แต่ถ้าไม่มีเงินเก็บเลย และกู้เต็ม ก็เสี่ยงอยู่น้า……
ขอมาคนละครึ่งทาง เงินเก็บส่วนหนึ่ง กู้ส่วนหนึ่งแล้วกัน
เอาเงินเก็บไว้รอปลวกไงล่ะ
ทุกวันนี้มีแต่บ้านปูน ปลวกจะไปกินอะไร
5555555555555555555555555555555555555555555
‘
บ้านไม่รวยค่ะ
ต้องหาเงินเอง เก็บได้เดือนละไม่เท่าไร
จะรอซื้อเงินสด ถ้าไม่ถูกหวย
คงอายุประมาณ 60-70 โน่นแหละ ถึงจะซื้อได้
ถ้าไม่เจ็บป่วย หรือมีลูกล้างผลาญซะก่อนนะคะ
คนมีหลายประเภท รวยจนไม่เหมือนกัน บางคนคาบช้อนทองฝังเพชรมาตั้งแต่เำกิด ( แต่ระดับสติปัญญาไม่รู้ ) บางคนต้องดิ้นรนตั้งแต่จำความได้
ถ้าคนเหมือนกันหมดโลกคงเหี่ยวเฉา
จขกท. มีเงินซื้อเงินสดไหมละครับ
ดิฉันมีเงินสดซื้อบ้านอยู่หลังหนึ่งคิดไปแล้วก็เสียดายที่ซื้อสด
เงินสดไว้เก็บใช้ในยามจำเป็น เก็บเกี่ยวสิ่งที่ได้กำไรได้มากมายกว่าที่คิดไว้ น่าเสียดายจริงๆ
หลายๆคำตอบเหมือนที่พี่ๆเขียนไว้แต่อีกหน่อยคุณก็รู้เองค่ะ
เว้นเสียแต่ .. ทางบ้านคุณโคตรรวย
ตอบให้ก็ได้ครับ
คือว่า คนที่เป็นอย่างที่คุณว่านะ เขาไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาแต่เกิด ไม่ได้เป็นเศรษฐีมาแต่เริ่ม เลยต้องดิ้นรนสร้างฐานะ ให้ตัวเองมีการดำรงชีวิตที่ดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถ้าคุณไม่ได้เป็นเศรฐีมาตั้งแต่เกิด สักพักคุณก็จะรู้เองว่า..ทำไม
ถึงมีเงิน…ก็ไม่ซื้อสดคะ
เหมือนความเห็นที่ 8 ว่าไว้
จะเอาตังค์ไปจมทำไม
เอาไปทำให้มันงอกเงยดีกว่าคะ
นอกจากมีพันล้าน ซื้อบ้านแค่ร้อยล้าน ค่อยซื้อสด
ล่อเป้าสินะ
อืมม เชื่อแล้วว่าน้องเขาเพิ่งเรียนจบจริงๆ คิดแบบใสซื่อบริสุทธิ์มากๆ
ประสบการชีวิต จะช่วยให้คำตอบเองล่ะน้องเอ๋ย
เรียนจบระดับไหนเหรอ ดูโลกทัศน์แคบจัง
รอเก็บเงินซื้อ กว่าจะครบ ราคาบ้านก็ขยับขึ้นไปอีก
เมื่อไหร่ถึงจะได้ซื้อ
แปลกแต่จริง มีคนไม่รู้เรื่องแบบนี้อยู่ด้วย
ถ้ามีเงินใครจะอยากซื้อของแพงกว่า เฮ้อ
ฐานะแต่ละคนไม่เท่ากันครับน้อง อย่างพี่ซื้อสดได้นะ แต่เป็นบ้านแบบกระต๊อบ
เละเลยเจ้าของกระทู้… คำถามแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าที่บ้านคุณคงซื้ออะไรด้วยเงินสดทุกอย่าง ไม่ต้องผ่อน ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ถ้าเป็นอย่างที่ว่า ก็ต้องบอกว่าคุณเป็นคนที่โชคดีที่สุด ไม่อยากคิดว่าจะเป็นพวกเกรียน แต่อยากให้มองโลกให้กว้างกว่านี้ สังคมนอกบ้านชีวิตจริงของคนอื่นขมขื่นกว่าที่คุณรู้ อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน แล้วจะรู้ว่า โลกไม่ได้แคบแค่รั้วบ้านของคุณ…
อะ ให้ความรู้เป็นวิทยาทานนิดนึง
พี่นะ อายุ30นิดๆ มีเงินสดอยู่ แต่เลือกที่จะกู้ บ้าน ปีแรกกู้เต็มให้วงเงินเกินค่าบ้าน ทีแรกกะจะไม่เอาเพราะกลัวเวลาปิดหรือรีไฟแนนซ์จะโดนคูณค่าปรับเยอะ (ถ้างงก็ไปหาคำตอบเอาเอง) แต่คิดไปคิดมา กู้ตอนนั้นดอกปีแรกอยู่ที่ 2% เออก็น้อย และมีแหล่งเงินฝากดอกเบี้ย 3.5% หลังหักภาษี กำไรนิดหน่อย เลยเอามาฝากกินดอกไปพลางๆปีแรก ปีหลังค่อยว่ากัน
ค่าบิลท์อินไม่มีเพราะเฟอร์ลอยตัวหมด เผื่อโยกย้ายเอาไปใช้ต่อได้ เบื่อแล้วปรับเปลี่ยนได้ ต่อเติมแค่ครัวกะโรงรถ นี่แหละที่เป็นปัญหาเก็กซิม ช่างทำได้ห่วยมากๆ
แต่พอปีถัดมาดอกลอยตัวก็เริ่มโปะทีละล้าน จนกลายเป็นลูกหนี้ชั้นดีได้เจรจากะแบงค์ลดดอกให้อีก1ปี ปีถัดมาอีกมีปัญหาทางการเงินต้องทำเรื่องลดส่งเลยกลายเป็นลูกหนี้ต๊อกต๋อยขอลดดอกไม่ได้แล้ว
ก็ยอมทนไม่ปิด แม้จะมีเงินสดเพราะปีต่อไปจะได้รีไฟแนนซืโดยไม่ต้องเสียค่าปรับ ก็เอาดอกของ3ปีมาเฉลี่ยดุประกฏว่ายังคุ้มเลยกัดฟันผ่อนต่อไปอีกปีนึง แต่ยอดเหลือน้อยแล้ว ดอกเลยไม่เท่าไหร่แม้จะลอยตัว จะไปโปะเพิ่มยังไม่อยากพราะเอาเงินไปหมุนได้มากกว่าดอกที่ต้องเสียหลายเท่านัก
รถก็มีแล้วไม่ต้องเซื้อ แต่แพลนจะซื้อใหม่กะว่าจะซื้อสด แต่กลายเป็นว่าถ้าผ่อนจะได้แถมเยอะกว่า ซื้อสดกลับไม่ได้อะไร แต่ซื้อรถไม่อยากผ่อนเพราะไม่ลดต้น จึงเลือกที่จะผ่อนสั้นดาวน์เยอะและรีบปิด
ซื้อของในห้างเดี๋ยวนี้ถ้ามีผ่อน 0%จะรีบเอา เพราะใจหายเวลาเห็นบัตรเครดิตมาตัดเงินในแบงค์ทีละเยอะๆ แต่ผ่อนมันดูน้อยดี บางทีดอกไม่กี่ร้อยยังยอมเสียดอกเพราะบัตรบางใบเราไม่ค่อยใช้ แต่พอผ่อนๆไปมันไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมบัตรเพราะมีการใช้บัตรและยังได้แต้มอีก
ได้เอาไปกินอาหารฟรี เรียกว่า 2ต่อ แล้วบางบัตรก็มีโปรโมชั่นเจ๋งๆแล้วแต่ช่วงทำโปรของบัตรนั้นๆ เช่นได้เครื่องนั่นนี่ฟรีเอามารกบ้านเล่นดีกว่าไม่ได้ไรเลย (ขี้งก) แต่ก็เอาไปเป็นของขวัญไว้จับฉลากงานปีใหม่ได้ไม่ต้องซื้อ เหอๆ
แต่เพราะชอบเอาเงินมาหมุน 1แสนต่อปีอาจได้กำไรมา3หมื่นขั้นต่ำ หรือถ้าทำได้ดีๆอาจได้กำไรแบบคูณ2ของเงินต้น แต่เสียดอกแค่ครึ่งเดียวลองคิดดูเองว่า ถ้า 1ล้านจะเท่าไหร่
ความจริงเรื่องแค่นี้คิดได้ตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆแล้ว สวนทางกะพ่อแม่ที่มักจะเชียร์ให้ซื้อของเงินสด แต่นั่นเขาแก่แล้ว เขาได้แต่กินเงินฝากแบงค์ ถ้าดอกเบี้ยแบงค์เงินฝากยามนี้ก็น่าซื้อสดอยู่หรอก แต่พอดูดอกเบี้ยเงินผ่อนยิ่งน่าผ่อนใหญ่เลย ยังไม่สูงเท่าไหร่
แต่กะคนที่หมุนเงินเก่งๆ ควรสำรองเงินสดไว้คิดเป็นสัดส่วน 70:30 แล้วแต่ช่วงอายุ แล้วเอาไปลงทุนให้งอกเงย
แต่ถ้าเก็บไว้เฉยๆอยู่ในให
แนะนำว่าให้เอาไปซื้อบ้านเงินสดซะปลวกจะกินช้ากว่า
อะไรไปเข้าฝัน จขกท. ให้ตั้งคำถามแบบนี้ครับ
อืมเป็นคำถามที่ดีนะครับ
การเป็นหนี้ก้อนโต กับอนาคตที่ไม่แน่นอน เป็นอะไรที่เสี่ยงมากๆ เหมือนกัน
ไม่รู้จริงเหรอ
แต่ก่อน (ตอนเด็ก ๆ นะ) เราก็ไม่รู้ค่ะ เข้าใจความรู้สึกว่าน้องคงสงสัยจริง ๆ ไม่ได้กวนเนอะ
มีสองประเด็นค่ะว่าทำไมคนถึงกู้ธนาคารเวลาซื้อบ้าน
๑. ตังค์ไม่พอค่ะ รอเก็บเงินไม่ทันแน่ ค่าเงินลดไปเรื่อย ๆ มี ๑ ล้านวันนี้อาจจะมีค่าแค่ ๙หรือ ๘ แสนในวันข้างหน้า (ด้วยเหตุนี้คนที่ลงทุนเก่ง ๆ จึงไม่คิดฝากเงินกินดอกค่ะ) ซื้อเลยได้บ้านเลย ราคาบ้านและที่ดินมีแต่จะขึ้น แต่อัตราการผ่อนมีแต่จะน้อยลง (ตามค่าของเงิน) เพราะคนเรารายรับจะขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามอัตราเงินเดือนที่มีการปรับ แต่เวลาผ่อนเรามีสัญญาตายตัวว่าผ่อนเดือนละเท่าไหร่ อีกสิบปีข้างหน้าเงินที่จะต้องผ่อนแต่ละเดือนอาจจะไม่สูงสำหรับคน ๆ นั้นก็ได้ค่ะ
๒. มีตังค์แต่ไม่อยากเอามาซื้อทีเดียวเพราะเงินจะจมค่ะ เช่นบางคนหัวใสทำธุรกิจอยู่ใช่มั้ยคะ เช่นเล่นหุ้น ลงทุนกิจการอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายธนาคาร คำนวนแล้วยังไงก็คุ้มกว่าซื้อสด เค้าก็ซื้อผ่อนค่ะ โดยกั๊กเงินเอามาลงทุน แล้วเอาเศษ ๆ ผลกำไรมาผ่อนไงคะ
แต่ที่คนรวย ๆ บางคนซื้อสดเลย โดยไม่กลัวเงินจมนั้น เค้าอาจมีเยอะซะจนยังไงก็ไม่จมน่ะค่ะ อิ ๆ แบบว่าขนหน้าแข้งยังไม่ทันร่วง หรือเค้าอาจมีเงิน แต่ไม่ได้เอาไว้ทำธุรกิจที่ได้ผลกำไรที่สูงกว่า (ทุกคนที่รวยไม่ได้เป็นนักลงทุนทุกคนนี่คะบางคนรวยมรดก เงินแช่ในธนาคารเฉย ๆ ดอกก็น้องกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้) ก็เลยซื้อสดดีกว่าค่ะ
แล้วไอ้คนที่ซื้อแคมรี่ ไฮบริด กับ บีเอม น่ะ มันคนเดียากับที่กู้เงินซื้อบ้านไหมล่ะ
ผมก็ผ่อนเอาทุกอย่างเหมือนกันทั้งบ้าน ทั้งรถ
ขอโทษที่ไม่ได้เกิดมารวย จขกท ที่อาจจะรวยจนไม่รู้ว่าคนจนๆ จะเก็บเงินอย่างไร
ไม่ทราบว่าจบที่ไหนครับ จะได้ไม่ให้ลูกไปเรียน
สงสัยเป็นปัญหาของลูกคนรวย ว่าทำไมไม่ซื้อเงินสด
พ่อแม่ไม่มีเงินถุงเงินถังให้ เลยได้แต่กู้แบงค์ไปวันๆ
โชคดีของเรา มีเพื่อนรุ่นแม่เตือนสติว่า
เก็บเงินสด กว่าเอ็ งจะเก็บครบ ราคาบ้านก็ขึ้นไปไกลแล้ว
ไปกู้แบงค์นั่นล่ะ ได้เลย ให้เค้ากินดอกบ้าง
เงินสด เก็บมา 10 ปี จากทอง 11000 ราคาขึ้นไป 20000
แต่เงินเดือนไม่เคยขึ้นเยอะๆ สักที
ถ้ารู้แล้วฝากบอกด้วยว่า ทำงานอะไร มีเงินพอซื้อบ้านเงินสดบ้าง
ตอนนี้บ้านแพงโหด 5 ล้านก็ไม่พอแล้ว
กว่าจะได้เงินสด ก็มีแก่พอดีนะเนี่ย
เงินสด ราคามีแต่ลดลงจริงๆ
ไม่มีเงินซื้อสด เลยต้องกู้แบงค์
http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R9865994/R9865994.html
ตกลงแกเป็นคนโรคจิตหรือครับ
ถ้ามีโครงการที่ดี อยู่ในทำเลที่ดี ถูกใจคุณ แล้วคุณขอเก็บเงินอีกสัก 5-10 ปีแล้วค่อยมาซื้อ คุณคิดว่าจะมีอะไรเหลือให้คุณ
เก็บเงินสดซื้อบ้าน สำหรับเราคงได้ซื้อโลงล่ะค่ะ 555
ความจำเป็นแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซื้อรถเงินสด ก็ไม่ใช่เราค่ะ
เราผ่อน แต่ผ่อนในงบประมาณที่เราผ่อนได้ ซื้อรถ บ้าน ในราคาที่เราไหว
สมมุติว่าเรียนจบได้เงินเดือน 20,000 บาท เก็บไปเกือบตายค่ะ
บ้านไม่ได้รวย พ่อแม่ของเราเองก็ช่วยกันสร้าง ช่วยกันเก็บ ไม่ได้มีสมบัติมากมาย
มีแต่กำลังใจ การช่วยเหลือกัน..
คนที่ซื้อรถเงินสดที่คุณว่าเค้าจ่ายกันหน้าตาเฉย ถือว่าเป็นโชคดีของเค้าจริงๆ
ถ้าเรามีเงินสดเยอะ เราก็ไม่อยากเสียดอกเบี้ยเหมือนกัน
ต่อไปถ้าจะมีครอบครัวหรืออยากซื้อบ้าน รถ ก็ประมาณราคาไว้ด้วยนะคะ
เช่น อยากได้บ้าน 5 ล้าน รถ 2 ล้าน
ขอให้คุณเก็บเงินได้สัก 5 ล้าน แล้วขอดูบัญชีของแฟนด้วย
ว่า..มีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านหรือเปล่า จะได้มีเงินสดซื้อ รถและบ้าน
ลืมไปค่ะ..ถ้าจะตกแต่งด้วย แฟนคุณควรมีสัก 5 ล้าน
เงินเก็บ เก็บเองนะคะ อย่าไปเอาสมบัติพ่อแม่ที่ตกทอดมาให้
ตามไปอ่านกระทู้ข้างบน ที่คุณ Tiny_TinTin โพสต์ไว้
จากที่อ่านๆ มา เห็นด้วยค่ะ ชีวิตคุณไม่น่าสนใจเลย.. น่าเบื่อมากค่ะ
สรุปว่า ประสาทไม่ค่อยจะดีนั่นแหละ
มีความสุขกับการสร้างจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย
พวกโรคจิต ขาดความอบอุ่นครับ ที่ตั้งคำถามล่อเป้า…
สวดยอดเลยยย!!
ว๊า ไม่น่าจะรีบเรียนจบเลยน่ะนี่ ให้ตายสิ
พวกขาดความอบอุ่น วัน ๆ ไม่มีอะไรทำ
ถ้า จขกท ว่างมากก็ไปตักน้ำใส่ขัน แล้วลองมองดูซิ ว่าตัวอะไร มีเขาหรือเปล่า ?
น่าจะมีปมในใจ กับพวกมีบ้าน กับมีรถ บ้านเมืองมันถึงได้เกลียดชังกันแบบนี้ไม่ทราบอายุจริงเท่าไหร่แล้ว เห็นใจนะครับ ใจเย็นๆค่อยๆอดออมเอา เรื่องกู้ซื้อบ้าน ซื้อรถถ้ามีวินัยวางแผนดีๆก็ถือว่าเป็นการออมอย่างหนึ่งครับเจ้าของกระทู้ลองพิจารณาดู
ไม่รู้นะ แต่ผมว่าจขกท.ไม่ได้คิดจะกวนนะ
ถ้าลองอ่านดีๆ เค้าถามว่าคนที่มีเงินน่ะ เห็นซื้อรถด้วยเงินสด แต่ทีเวลาจะซื้อบ้านซื้อคอนโดทำไมไม่ซื้อด้วยเงินสด
คำตอบก็คือ คนมีเงินเขาคิดตลอดว่าจะใช้เงินยังไงให้ได้ดอกผลมากสุด และเสียดอกเบี้ยน้อยสุด กู้ซื้อรถดอกเบี้ยมันแพง หรือถ้าเขาให้ดอกเบี้ยถูก บางทีซื้อสดมีส่วนลดให้เยอะกว่า คนมีเงินเขาก็เลือกซื้อสดกัน ส่วนกู้ซื้อบ้าน ต้องใช้เงินเยอะกว่าและดอกเบี้ยมันก็จัดว่าถูกเมื่อเทียบกับการกู้ทางธุรกิจ แทนที่คนมีเงินพวกนี้จะควักเงินสดมาซื้อ แล้วไปกู้เงินทำธุรกิจ เขาก็เลือกเก็บเงินสดไว้ทำธุรกิจแล้วกู้เงินซื้อบ้านแทน อีกอย่างหนึ่งการกู้ซื้อบ้านนี่ มันผ่อนไปเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลานานเลย ไม่ต้องไปวุ่นวายกับการยื่นขอสินเชื่ออีก แต่การกู้เพื่อธุรกิจบางทีมันไม่ง่ายแบบนั้น ทั้งหมดนี่คิดแบบคนทำธุรกิจนะครับ
ผมขอโหวตกระทู้นี้ได้มั้ยครับ
คำถามแบบเกรียนๆ แต่คำตอบขั้นเทพทั้งนั้นเลย
…………………………………………………………..
ว่างมากหรือน้ิอง?
โดนครับ
ตอบความคิดเห็นที่ 61 ลองดูแล้วคิดตามนะ
เห็นหลายคนเดือดเนื้อร้อนใจ ว่ากลัวกู้แบ๊งค์ไม่ผ่านบ้าง หรือกู้ผ่านแล้วแต่ผ่อนต่อไปไม่รอดบ้าง โดนยึดบ้างปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณซื้อเงินสด ทำไมไม่เก็ยสะสมเงินให้ครบก่อนแล้วค่อยซื้อ หรือสามีภรรยาก็เอาเงินเก็บมารวมกันซื้อ
ขนาดผ่อนยังโดนยึดเลยแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บไปซื้อสดล่ะ
ทีรถแคมรี่ ไฮบริด คนละ 1.6 ล้าน ยังซื้อสดหน้าตาเฉย ซึ่งราคานี้เท่ากับคอนโด 30 ตารางเมตร
หรือบางคนซื้อบีเอม คนละ 3.5 ล้านคนสดเฉย ซึ่งราคาเท่ากับบ้านเดี่ยวนอกเมือง หรือทาวน์โฮมชานเมือง
แล้วคนพวกนี้มันซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ล่ะครับ มันไม่เห็นเกี่ยวกับกลุ่มคนข้างบนเลยครับ
และถ้าทุกคนซื้อบ้านเงินสดหมด ธนาคารจะมีปัญหาหรือเปล่าครับ และเจ้าของโครงการจะดีใจหรือเปล่า
อันนี้จะมีกี่% ในประเทศครับที่ทำได้
สรุปถ้าไม่เพ้อ ก็เกรียนครับ แล้วดูกะทู้อื่นๆที่ผ่านมาอาจสรุปได้ว่าโรคจิตและขากความอบอุ่นครับ ไม่ทราบจุดประสงที่มาตั้งกะทู้ครับ หรือกำลังสร้างตัวตนใหม่ๆในสังคม online
ตอบคำถามน้องเค้าแบบตรงไปตรงมาครับ …
คนระดับซื้อรถคันละ 2-3 ล้านแบบเงินสดได้ นี่เขาไม่มองคอนโดฯ 3 ล้านกันแล้วครับ เขาคงมองหาที่ดิน ที่สามารถสร้างรีสอร์ตสวย ๆ ได้ริมทะเล หรือคิดทำธุรกิจในระดับ 300 ล้าน Up แล้ว
และที่สำคัญ รถถ้าเก็บตังค์ซื้อเงินสดสัก 3-4 ปี ซื้อเมื่อไหร่ก็ขับเข้ามากรุงเทพฯ ได้
แต่บ้าน เก็บเงินซื้อสัก 15 ปี จากเคยตั้งไว้ว่าจะซื้อในจ.นนทบุรี พอเก็บเงินได้ครบคงจะต้องไปซื้อแถวสุพรรณบุรีแล้วล่ะครับ เพราะที่ดินในจ.นนทบุรี คงเต็มหมด แล้วบ้านซื้อแล้วขยับเข้ามากรุงเทพฯ ไม่ได้นะครับ
บ้านมันขยับไม่ได้เหมือนรถ
ไปว่าเค้า จขกท.เค้า แอ๊บรวย แบบแบ๊วๆถามน่ะค่ะ
ไม่อยากจะตั้งกระทู้อวด ตัวเองมีเงินซื้อแบบไม่ต้องกู้ใคร
เลยแบ๊วถามมาเท่านั้นเอง ..
เจอเยอะค่ะ เพื่อนแบบนี้ ชอบอวดรวย
ลองแกล้งยืมเงินดูสิคะ ไม่มีให้ยืมหรอกค่ะ บ่ายเบี่ยงตลอดแหล่ะ
หลายคำตอบทำไม ตอบแรงจังเลยครับผมเค้าอาจจะมาถามโดยที่ไม่รู้จริงๆก็ได้
" เห็นหลายคนเดือดเนื้อร้อนใจ ว่ากลัวกู้แบ๊งค์ไม่ผ่านบ้าง หรือกู้ผ่านแล้วแต่ผ่อนต่อไปไม่รอดบ้าง โดนยึดบ้าง ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณซื้อเงินสด " —- มันก็ถูกนิครับ
แต่… " ทำไมไม่เก็ยสะสมเงินให้ครบก่อนแล้วค่อยซื้อ หรือสามีภรรยาก็เอาเงินเก็บมารวมกันซื้อ" — เค้าก็ถามในข้อสงสัย
คิดว่าก็น่าจะแสดงความคิดเห็น ว่าทำไมเราถึงไม่ซื้อเงินสด แทนที่จะต่อว่าเค้า
เด็กถ้าเค้าเเกิดความคิด คำถามอะไรออกมา แล้วเราไปปิดกั้น
เค้าจะกล้าคิด กล้าถามไหม อย่าใช้ความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้งกันสิครับ
คนไม่รู้ใช่ว่าเค้าจะผิดไปซะหมดเลย
ตาม คห. 68
เราว่าเหมือนถามดูเฉยๆ นะ
ไม่เห็นเกรียนเลย
แหมม มันก็ต้องมีคนสงสัยบ้างแหละ
อ่านแบบเปิดใจกว้าง ก็ไม่เห็นเกรียนเลยนะคะ
อย่าปิดกั้นจินตนาการเด็กค่ะ ^ ^
การเรียนกับทักษะการใช้ชีวิต มันคนละแบบกัน
เด็กจบใหม่ถึงมีประสบการณ์ไม่เท่ากับผู้ที่ทำงานผ่านมาแล้ว
ขนาดดิฉันเอง ยังชอบมาอ่านกระทู้แบบนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของแต่ละคนเลยค่ะ เราอาจจะได้มุมมองลึก ๆ เพิ่มมากขึ้นก็ได้ ^ ^
พี่ข้างบนตามลิงค์ไปอ่านหรือยัง ปัญหาใหญ่คือะี่เขาเป็นคนหลายบุคลิคภาพนะครับ อายุ งานการ ฐานะการเงินก็ชิฟท์ได้ตามกระทู้อีกต่างหาก
รอถูกงวดหน้าก่อนนะ
เดี๋ยวจะซื้อสด 555
คนส่วนใหญ่จบการศึกษาแล้ว ประมาณ 95% ติดกับดักหนู อีก 5% มีโอกาสรวย
คือ จบการศึกษา ก็ทำงานไปสัก 2-5 ปี ก็กู้เงินซื้อบ้าน ซื้อรถกัน หลังจากนี้็ก็ผ่อนไป ถ้าบ้านก็ไม่น้อยกว่า 20-30 ปี รถก็สัก 5 ปี คือไม่ต้องคิดลู่ทางทำกิน(ลงทุน) อย่างอื่นแล้วครับ ทำงานผ่อนบ้านผ่อนรถไป ไม่ต้องไปไหนแล้ว (คือไม่่ต้องคิดนอกกรอบทำอะไรอย่างอื่นแล้ว เดี๊ยวพลาดแล้วไม่มีเงินผ่อนบ้านรถ)
ในจำนวน 95% นี้ จะสามารถผ่อนบ้านหรือรถได้ครบตามอายุการผ่อนได้สักกี่% มีประมาณ 50%นี้ ไม่ผ่านวิกฤตของชีวิต หรือ สดุดในชีวิตการทำงาน ชีวิตครอบครัว หรือโชดร้ายเกิดอุบัติเหตุ หรือเป็นโรคทำให้ไม่สามารถทำงานหาเงินมาผ่อนต่อได้ ทั้งๆที่ผ่อนบ้านไปแล้ว 5-10 ปี หรือผ่อนไปหลายแสนหรือเป็นล้านไปแล้ว แต่สดุด ไม่สามารถส่งต่อได้ โอกาสถูกแบงค์ยึดมีเยอะครับ ยึดขายทอดตลาดทั่วประเทศ ก็มากมาย แบบนี้ก็หมดแล้วอนาคต
ไม่ถึงครึ่งใน 95% ที่สามารถผ่อนสำเร็จจนครบ 20-30 ปี จนได้บ้านอายุ 20-30ปี มาเป็นของตัวเอง ในขณะที่อายุเลยกลางคนไปแล้ว ก็ได้แค่นั้นแหละครับ ต่อจากนี้ถ้าโชดดี ก็สามารถเริ่มเก็บเงินเป็นกอบเป็นกำได้จากการทำงานที่ต่อเนื่องเป็นลูกจ้างบริษัท ส่วนใหญ่จะยังไม่สามารถลงทุนทำกิจการใดๆได้ เพราะเงินส่วนใหญ่ไปอยู่ที่ผ่อนบ้าน และถ้ายังทำงานที่เก่าเป็นลูกจ้างไปต่อเนื่องได้ ไม่ถูกไล่ออก หรือหมดประสิทธิภาพการทำงาน เป็นโรคหรือพิการเสียก่อน
มีเพียง 5% ที่สามารถรวยและมีความมั่นคงทางการเงินได้ในอนาคตปันปลาย โดยเริ่มต้นจากการสะสมเงินเพื่อการลงทุน ให้ออกดอกผลเป็นรายได้ แล้วลงทุนเพิ่มต่อไป ก่อนที่จะเริ่มสร้างหนี้สิน (ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เหมือนพวก 95%) คนพวกนี้จะลำบากในช่วงแรก อยู่อย่างจนก็ว่าได้ ไม่เหมือนพวกแรก (95%) ที่ดูเหมือนจะหรู รวย (มีบ้าน มีรถ) พวก5% จะนำเงินที่ได้ไปสร้างทรัพย์สิน เพื่อให้เกิดรายได้ ค่อยสร้างสะสม ผลจากการลงทุน รายได้จากทรัพย์สิน ก็จะนำไปลงทุนเพิ่ม คนพวกนี้ต่อไปเมื่ออายุมากขึ้นก็มีโอกาส ทำกิจการของตัวเอง สามารถยืดหยุ่นในการทำงาน เพราะไม่ติดกับดักหนู ที่ต้องคอยทำงานผ่อนบ้านรถ จนไม่กล้าไปทำอย่างอื่น กลัวตกงาน กลัวไม่มีเงินผ่อนบ้านรถ
คนส่วนใหญ่ของประเทศ (95%) ยากจน แต่มีเพียง 5% ที่สามารถร่ำรวยได้ อยู่ที่จุดเริ่มต้นของความคิดในการดำเนินชีวิต และจัดการเงินที่ได้มาอย่างไร
…เขียนโดยย่อ..ครับ
ก็ขอให้โชดดี ครับ ราชาเงินผ่อนทุกท่าน ..รวมทั้งผม
กลับไปเรียนอีกรอบแล้วตั้งใจกว่าเดิม จะได้คำตอบเอง
ผมว่าคุณเจ้าของกระทู้กำลังพูดถึงการวางแผนการเงินที่ไม่ดีมากกว่านะ
ผมว่าถ้านักสืบพันธุ์ทิพ กระชากหน้ากาก จขกท.ได้คงน่าสนใจไม่แพ้กรณีนาธาน
ภรรยาซื้อเงินสด.. ส่วน รถและบ้านเงินผ่อนเท่านั้น ๕๕
ของเราแบงค์เพิ่งอนุมัติไม่กี่วันนี้เอง เราละอุตส่าห์ภูมิใจที่จะได้บ้านให้แม่ให้ลูกชายอยู่แบบดีๆหน่อย เพราอยู่บ้านหลังเก่าๆโทรมๆมานานมากๆๆๆๆๆ มาเจอกระทู้นี้ เหี่ยวเลยเรา
อ่านคำถามแล้วเดาๆได้ว่า..
1.จขกท. มีฐานะร่ำรวย แสร้งว่าร่ำรวย หรือ ไม่รู้ค่าของเงิน จากประโยคที่ว่า"ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณซื้อเงินสด"
2. จขกท. ไม่ได้จบสาขาที่มีวิชาเศรษฐศาสตร์มา…แน่นอน จึงไม่ทราบเรื่อง ค่าเสียโอกาส จุดคุ้มทุน กำไร ดอกเบี้ย ค่าเงินในอดีตและอนาคต ฯลฯ
จากประโยคที่ว่า "ทำไมไม่เก็ยสะสมเงินให้ครบก่อนแล้วค่อยซื้อ"
3. จขกท. อยู่ในแวดวง คนรวย คนที่แสร้งว่ารวย หรือ คนที่จำเป็นต้องสร้างภาพลักษณ์ให้ดูว่ารวยเพื่อประโยชน์ด้านการงาน หรือทางธุรกิจ
จากประโยคที่ว่า "ทีรถแคมรี่ ไฮบริด คนละ 1.6 ล้าน ยังซื้อสดหน้าตาเฉย"
4. 3 ข้อข้างต้นเดาผิดหมด ถ้าจขกท. "เกรียน" ^^
ไม่ได้ซื้อ แต่สร้างด้วยเงินสดได้ไหม
แต่ไม่เคยสนใจว่า ทำไมคนอื่นต้องผ่อน
ความสุขของเราที่ได้เก็บเงิน 10 ปี
เพื่อสิ่งที่เรารักที่สุด
คงเหมือนคนอื่น ๆที่ซืื้อเสื้อผ้า เครื่องเพชร กระเป๋า
แต่เราเป็นบ้าน จ่ายแค่หมดตัว แต่อยู่แล้วมีความสุขทุกวินาที
ถ้ามีเงินสด คงไม่ผ่อนกันยาวๆให้แบงค์กินดอกเล่นๆหรอกครับ 1 ล้าน ดอก 5 หมื่น ต่อปี 3 ล้าน ดอก 1แสน 5 หมื่น ต่อปี ซื้ออะไรได้อีกมากมายครับ ไม่งั้นเขาคงไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายกันหาเงินทองมาซื้อบ้าน รถ กันหรอกครับ แต่ผมมองต่างออกไปเล็กน้อยคือ บ้าน 1 หลัง ผ่อนตั้ง 30 ปี ผ่อนเสร็จ คงพังพอดีเลยมองไปที่บ้านดิน หลังล่ะไม่เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับเราออกแบบ คงถูกกว่าบ้านคอนกรีตมากๆเป็นหนี้น้อยกว่า เงินเหลือมากกว่า แต่มันไม่ทันสมัยเท่านั้นเองครับ
ตราบใดที่ค่านิยมของคน ยังยึดติดกับวัตถุมากขนาดไหน ชีวิตก็ย่อมวุ่นวาย ตามไปด้วยเพราะทุกสิ่งทุกอย่าง คือ สิ่งสมมุติ สังขาลยังเปลี่ยนไปตามกาลเวลา สิ่งที่เหลือเอาไว้เพียงแค่ ชื่อเสียงและสิ่งที่ดีงามเอาไว้ให้คนรุ่นหลังเท่านั้น
กระทู้นี้มันคาบลูกคาบดอกนะผมว่า เหมือนจะสงสัย หรือ คล้ายจะอวดรวย ต้องติดตามตอนต่อไป
ง่ายๆ เพราะไม่มีตังค์ แต่จำเป็นต้องหาบ้านอยู่
เลยต้องกู้เขา
ผมเองก็ซื้อสด เพราะขายที่ดินได้พอดี
เลยมีเงินสด
แต่คนที่ไม่มีเงินสดแบบนี้ ก็กู้เท่านั้นหละค้าบ
เป็นคำถามที่ ค่อนข้างประหลาดมากที่สุดในหลายปีที่ผมเห็นมาครับ
ถ้าประเทศไทยมีคนคิดอย่างนี้ กับ ถามอย่างนี้ กับเด็กรุ่นนี้
ชาติไทย เดินถอยหลังลงคลองแน่ครับ
อายแทนเลย
เรื่องไม่ซื้อสด ผมไม่สงสัยหรอก
คำตอบคือ ไม่มีเงินเป็นล้านซื้อสดไง 555
แต่ที่แปลกใจคือทำไมแบ็งค์ไม่ทำระบบ ผ่อนแบบ รถ
คือผ่นอแค่ 5-6 ปี ก็หมด
บ้านบางหลังราคา 1200000-1500000 ก็พอๆกับรถเก๋งดีๆ Accord camry คันหนึ่ง
รถผ่อนไม่กี่ปีหมด
แต่บ้าน ถ้าไม่มีเงินโปะ ผ่อนกันยันตายเลยที่เดียว
แบ๊งค์ฟาดดอกเบี้ยเท่าตัว
หัวเกรียน ไปไหนแล้ว
โถ……พ่อลูกเศรษฐี…..ท่าจะคาบกระดูก เอ๊ย! ช้อนเงินช้อนทองตอนเกิดมาเต็มปากสินะเนี่ย……
น่าสรรเสริญมากๆ…..ถามมาได้….ทำไมไม่ซื้อบ้านเงินสด….ใช้หัวแม่เท้าคิดยังน่าจะเข้าใจเลย…..
ตกลงแล้วเรียนจบแล้วจริงรึเปล่าเนี่ย…..สงสัยตงิดๆ….
หรือว่าคนเราก่อหนี้เพราะกิเลสและความโลภครับ
สมมติ มีเงินสดในมือ 5 ล้าน (คนเดียว หรือ สองคนสามีภรรยารวมกัน) ซื้อบ้านเดี่ยวนอกเมือง 3 ล้าน + รถเก๋ง sub-compact 6 แสน = 3.6 ล้าน ยังเหลือเงิน 1.4 ล้านไว้กินใช้ ลงทุน เลี้ยงลูก
แต่คนส่วนใหญ่ (จริงๆ) เมื่อมี 5 ล้าน มักจะมองบ้านระดับ 10 ล้าน + รถซีดานระดับ 1.5 ล้านอัพ ก็เลยไม่มีทางเลือกนอกจากกู้แบ๊งค์ เพราะเงินไม่พอ
แล้วอย่างนี้เรียกว่าก่อหนี้เพราะกิเลส มากกว่าความจำเป็นหรือเปล่าครับ เคยฟังรายการวิทยุคลื่นหนึ่งแนะนำว่า บ้าน รถ และทรัพย์สินอื่นๆ ซื้อได้แต่ต้องใช้ "เงินกู" ไม่ใช่ "เงินกู้" เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หายนะจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เห็นฝรั่งที่อยู่ประเทศเค้า (เคยไปอยู่มา) รวยจนแค่ไหน ก็เช่าอพาร์ตเมนอยู่เหมือนกัน คนรวยอาจจะอยู่อพาร์ตเม้นท์หรูหน่อย แต่ก็ไม่ได้ขนขวายหาทางกู้แบ๊งค์มาซื้อคฤหาสน์ และไม่ว่าคนรวยหรือจนก็นั่งรถเมล์ รถไฟฟ้าคันเดียวกัน อย่างนี้เรียกว่า ฝรั่งไม่ติดกิเลส หรือ ปลงได้มากกว่าเราหรือเปล่าครับ
จริงๆแล้ว การซื้ออสังหา ไม่ควรซื้อสด เพราะดอกเบี้ยเงินกู้เคหะ (housing loan) อัตรามันค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างอื่นเช่น ตราสารหนี้ หุ้นกู้ เผลอๆตราสารหนี้จะได้ผลตอบแทนมากกว่าเอา ดังนั้น การกู้ จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ การลงทุนด้วยการกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นการ leverage เงินลงทุนได้ดีเยี่ยม เมื่อเทียบกับการซื้อสด กู้ซื้อบ้านผลตอบแทนดีกว่ามากกก เป็นสิบเท่า
ฐานะทางรายรับ และ รายจ่าย แต่ละคนไม่เท่ากันครับ
http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R9865994/R9865994.html
ผมก็เคยคิดนะคับ(ไม่ใช่ว่ารวย)
หยั่งกรณี L&H ที่มีแบงค์เป็นของตัวเองอะ
บ้านต้นทุนเท่าไรของราคาขายอะคับ สมมุติว่าขาย1ล้าน
เราดาวน์ + ผ่อน(แบ่งจ่าย+ดอก)
จะมากกว่าราคาขายสดไปเป็นประมาณ 2.5ล้าน
แต่ต้นทุนค่าก่อสร้างจริงๆ ต้องต่ำกว่า 1 ล้านแล้วไม่งั้นขายสดก็ขาดทุน
ยิ่งค่าที่ดิน ตอนซื้อมาถูกๆแล้วแบ่งขายเป็นบ้านจัดสรร
แค่คิดว่า ผ่อนบ้านไปร่วม ๆ2.5ล้าน บ้านราคาอาจจะแค่ 5แสน – -"
นี้เป็นมุมมองการลงทุนนะคับ ไม่ใช้ซื้อเพื่ออาศัย
ถ้า หลังละ 5แสนขายหรือปล่อยเช่าเท่า 2.5ล้าน แค่คิดก็เครียดแล้ว – -"
แล้วแต่คนอ่ะครับ แต่ของผม ผมเอาเงินที่จะจ่ายสดไปหมุนลงทุนส่วนอื่นก่อนดีกว่าครับ ไม่อยากจ่ายสดเป็นก้อน
ใช่ซี๊………………………………………
เอ็งมันรวย…ก็พูดได้
ทำไงดีครับ รู้สึกเหมือนชีวิตล่องลอย ไร้จุดหมาย (ไม่ผิดห้องแน่นอน) MsgStatus(Msv[0], 0); ก่อนอื่นขอเกริ่นนำประวัติส่วนตัวก่อน
เกิดมาในครอบครัวที่ฐานะดี พ่อแม่มีบ้านหลายหลังไว้ปล่อยเช่า มีรถหลายคัน มีกิจการมั่นคง ไม่มีหนี้สิน
ผมอายุเลยวัยเบญจเพศมาหน่อย จบโทจาก ตปท ตอนนี้ทำงานอยู่บริษัทเอกชน เงินเดือนประมาณ 30k
ทุกเดือนจะให้แม่เดือนละ 5k
นอกนั้นก็ใช้จ่ายตามอัธยาศัย
ด้วยความที่มีพร้อมเรื่องบ้าน ไม่ต้องเช่า รถไม่ต้องผ่อน และแม่จะโอนบ้านอีกหลังหนึ่งให้ มาอยู่เองเมื่อแต่งงาน
ดังนั้น จึงไม่ต้องผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เหมือนคนอื่น ทั้งๆที่ฐานเงินเดือนก็กู้ได้สบาย
วันๆไปทำงาน ตกเย็นไปเดินห้างกินข้าว ศุกร์ เสาร์ไปเที่ยวกลางคืน รายจ่ายต่อเดือนเป็นหมื่น หมดไปความฟุ่มเฟือย
วันๆจ้องแต่รอโปรจากแอร์เอเชีย เพื่อซื้อตั๋วราคาถูกไปเที่ยวต่างประเทศ หรือ ต่างจังหวัด
สรุปชีวิต มีแต่ทำงาน กิน เที่ยว สังสรรค์ แต่ไม่ต้องดิ้นรนผ่อนรถ ผ่อนบ้าน
ไปๆมาๆเริ่มเบื่อชีวิตแบบนี้ แต่ครั้นจะมาซื้อบ้าน ก็ต้องกู้แบงค์ ไม่อยากจ่ายดอกเบี้ย ไม่อยากเป็นหนี้ ไม่อยากผูกพันผ่อนบ้านระยะยาว และไม่มีความจำเป็นต้องซื้อบ้านเพิ่ม เพราะมีอยู่แล้ว
โท ก็เรียนจบแล้ว เท่ากับตอนนี้ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร จะเล่นหุ้น ซื้อกองทุน ก็ไม่มีความรู้ และขี้เกียจตามข่าวตามสถานการณ์
เพื่อนๆช่วยแนะนำหน่อยครับ
ปล ยังโสต ไม่มีแฟน เพราะเลือกมาก ในใจคิดว่า ถ้ามีไม่มีดีไม่มีดีกว่า ไม่อยากปวดหัว จากคุณ : Chicharito เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 53 12:03:45 A:124.120.216.85 X: TicketID:129428 อยากจะถามว่าว่างมากเลยเหรอ กลับไปทำอะไรที่มีประโยชน์กับสังคมดีกว่านะ หรือไม่ก็ไปกอดพ่อ เพราะใกล้วันพ่อแล้ว อ้อ ที่สำคัญตื่นได้แล้ว
ใช้ชีวิตเยอะ ๆ ครับ แล้วจะรู้ว่า คนเรามันไม่เท่ากันครับ
บางก็เดินทางลัด บางก็เดินทางอ้อม และจุดหมายก็ไม่เหมือนกัน
ผมว่า สร้างอะไรด้วยลำแข้งตนเอง แล้วจะเห็นถึงคุณค่า ของมันนะครับ
บ้านจะเล็ก จะใหญ่ ก็มีความสุขได้ครับ ถ้าเราสร้างสรร มันด้วยกำลัง ของเราเอง …
เรียนยังกู้เลยครับ นับภาษาอะไรกับบ้าน
จขกท จบโทจาก ตปท ตอนนี้ทำงานอยู่บริษัทเอกชน เงินเดือนประมาณ 30k
** ถ้ารวยจากฐานะของพ่อ-แม่ ทำไมไม่ลองหนี ออกจากบ้าน
แล้วไปดิ้นรน ดูสิคะ ว่าเงินเดือนที่ทำอยู่ตอนนี้ คุณสร้างอะไรด้วยตัวเองได้บ้าง
ผมว่าเกรียน 1ล้านเปอร์เซ็นต์
ถามคำถามแบบคนไม่เคยรู้เรื่องการเงินด้วยตัวเอง
หลังๆนี่มีเกรียนมาสร้างดราม่าในพันธ์ทิพย์เยอะจริงๆ
นี่มันตั้งกระทุ้มาให้โดนด่านี่หว่า
หรือว่าชอบเนี่ย…
บางคนก็บอกว่าซื้อสดค่ะ
ด้วยการกู้สหกรณ์มาซื้อ (โก้ซะไม่มี)
ถ้าเปลี่ยนข้อความของ จขกท จาก บ้าน
เป็นโทรศัพท์มือถือ หรือ ทีวีจอแบน
ข้อความต่างๆ คงฟังดูโอเค
แต่พอดีมันเป็นบ้านหรือคอนโด ที่ประชากรไม่ถึง 3% ในประเทศนี้มีปัญญาซื้อสด
มันเลยดูเกรียน
คิดว่าเกรียนแหละค่ะ คนเกรียนขนาดนี้ทำงานเอกชนเงินเดือน 30K ได้ไม่นานหรอกค่ะ เดี๋ยวก็โดนบอยคอต มีปัญหา อยู่ไม่ได้ไปเอง
#86 โอเคนะ ผ่อนบ้านแบบผ่อนรถ ทำไมแบ๊งค์ไม่ทำ
ฉันว่าเจ้าของกระทู้ คิดดีนะ คิดนอกกรอบดี น่าจะนำไปปฏิบัติบ้าง
บางครั้ง พวกเราอาจจะหนีวงจรชีวิต อย่างที่ทุกคนเป็นอยู่
เรียนจบ – ผ่อนรถ-แต่งงาน-ผ่อนบ้าน-วิ่งลูกเข้าโรงเรียน
เกษียณ – ตาย
ผ่อนบ้าน ทำเหมือนผ่อนรถไม่ได้ครับ เพราะ รถมีแต่มูลค่าลดลง แต่บ้านพร้อมที่ดิน มันมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
กำไรของธนาคารมาจากดอกเบี้ย เพราะฉะนั้นหลักทรัพย์อะไรที่มีมูลค่าลดลง มันต้องให้ผ่อนหมดเร็วที่สุด เพราะผ่อนไม่หมด ยึดมาแล้วไม่คุ้ม เขาก็เลยตั้งดอกเบี้ยต่ำ ๆ แต่เพื่อให้ดอกเบี้ยที่ได้ ไม่น้อยจนเกินไปนัก ก็เลยเป็นแบบไม่ลดต้น ไม่ลดดอก … สำหรับรถ
แต่บ้านเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทุกปี เมื่อมันเพิ่มขึ้น ก็เก็บกินดอกเบี้ยนาน ๆ ดอกเบี้ยก็เลยสูงกว่า ถึงลูกค้าผ่อนไม่หมดยึดมาก็ความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากมูลค่ามันเพิ่มขึ้นได้ แต่เพื่อไม่ให้ดูเอาเปรียบลูกค้าจนเกินไป … ก็เลยให้เป็นดอกเบี้ยลดต้นลดดอก เอาครับ
แบบที่ว่า เหมือนเจ้าของกระทู้ที่ตอบมานะ
คนเราอาจจะเกิดกิเลศ อยากจะมีหน้ามีตา ก็เลย ไม่รู้จักพอ
แต่สำหรับคนที่ไม่มีเงินเยอะ เก็บไปก็ไม่ได้ ก็ต้องมีการผ่อนชำระ ต้องกู้ธนาคาร เพราะว่าไม่มีเงินสด แต่ถ้ามี แล้วก็รู้จักคำว่าพอ เค้าก็อาจจะซื้อเงินสดก็ได้ อันนี้มันแล้วแต่คน หลายคนหลายความคิด มันพูดยาก เพราะคนเราไม่เหมือนกันทุกคนหรอก
เจ้าของกระทู้สดมากกว่า