กว่าบ้านจะได้มากัน ก็วิ่งวุ่นหลายอย่าง พอได้มาก็มีปัญหาเรื่องแต่งบ้าน
คนนี้เอาอย่างนั้น คนนั้นเอาอย่างนี้ มากมายกันหมด ทั้ง ๆ ก็ตอบโจทย์
เหมือนกัน ว่าเราจะแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น เราได้ตกลงไว้ว่าจะแบ่งกันคนละครึ่งในการแต่งบ้านกัน อะโอเค เธอห้องนอน ชั้นห้องรับแขก เธอแต่งสวน ชั้นแต่งครัว ฯลฯ แบ่งกันนะ โอเคครับ
ถึงเวลาจริง ๆแล้ว มันไม่เป็นอย่างที่เราต้องการ นี่ก็ไม่ดี โน่น ก็ไม่ดี ตรงนั้นก็ไม่ดี ไรว้า (เป็นเพลงนิดนึง) ก็เกิดการทะเลาะ พูดจากันไม่รู้เรื่อง ต่างฝ่ายอยากจะเอาชนะกัน พอไม่ได้ดั่งใจ ก็เกิดอารมณ์ปรี๊ดแตกขึ้น ขุดคุ้ยพูดจาไม่รู้เรื่อง คิดว่าจะให้เค้ายอมตลอด (เพราะเค้าคิดว่าที่ผ่านมา เรายอมคนอื่นตลอด) ซึ่งจิง ๆ แล้ว บ้านของเรา เราอยากมีส่วนในการจัด และตกแต่ง ตามสไตล์ที่เราตอบโจทย์เหมือนกันคือโมเดิร์น
โอเค ชั้นไม่ยุ่ง งั้นเธอก็ทำไป เบื่อกับการทะเลาะและ บั่นทอนทุกวัน
คิดจะทำอะไร ก็นึกถึงบ้าง เพราะเราต้องอยุ่กันไปตลอดชีวิต
มองเป็นเรื่องสนุกและเป็นกิจกรรมที่ดีของครอบครัว มันยังดีกว่าที่จะเอาชนะกัน เพื่อแลกกับความเจ๋ง ความเก่งในการแต่งบ้าน เมื่อเพื่อนพ้องมาพบป่ะ แล้วได้คำเยินยอ กับการแต่งบ้านดี สวย โอเค แต่ มีปัญหาครอบครัว
คำค้นหา:
- แต่งห้องนั่งเล่น pantip
- https://www thaider com/homepro/11538
บ้านมันควรมีสไตล์เดียวกันไม่ใช่หรือครับ แล้วมีการแบ่งบ้านไปแต่งแล้วมันจะไปด้วยกันได้หรือครับ คิดไม่ออกเลยครับ
มันจะไม่มีปัญหาเลยถ้ามีคนนึงยอมก่อน
อินทีเรีย หรือ สถาปนิกบางคนยังต้องยอมแพ้กับการแต่งบ้านให้กับคนในครอบครัวตัวเองเลยครับ
คือเหมือนคนในครอบครัวเราไม่เชื่อเราซะงั้น ไปเชื่อคนอื่นนมากกว่า
แต่สำหรับคุณลองจ้างพวก อินทีเรียมาดูแลให้ก็ได้ เพราะบางทีคนในบ้านก็อาจจะเชื่อคนอื่นมากกว่าคนในครอบครัวนะครับ
อิอิ เข้ามาดู
คุณคิดว่า ในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ อะไรสำคัญที่สุดครับ บ้าน หรือ การแต่งบ้าน หรือ ชื่อเสียง หรือ การชนะคนรอบข้างเพื่อชดเชยความพอใจของตนเองครับ
ชีวิตของคนเราสั้นมากครับ ไม่กี่ปีก็ต้องจากกันแล้วครับ และไม่แน่นอนด้วยครับ บางที พรุ่งนี้ เราอาจจะจากกันไปแล้ว เหมือนดังเช่น ภรรยาของผมที่จากผมไปเมื่อปีที่แล้วครับ
สำหรับผมแล้ว จากนี้ไป สิ่งที่เหลืออยู่คือ พยายามทำให้คนใกล้ชิดรอบข้างเรามีความสุขที่สุด นั่นแหละครับ คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม ถ้าอยู่ๆ ตัวผม หรือ คนใกล้ชิดรอบข้างผม ต้องมีอันจากกันชั่วนิรันด์ มันก็จะเป็นการจากไป ที่ไม่มีอะไรติดค้างคาใจ จะเหลือแต่ความอาลัยอาวรณ์กันเท่านั้น
การดำรงชีวิตอยู่แต่ละวัน ถ้าคิดให้ดีๆแล้ว มันไม่ได้มีอะไรวิเศษกว่าการ กินอิ่ม นอนหลับ คนรวยหรือคนจน ก็ไม่ได้ต่างจากนี้เลยครับ ทุกๆคนก็ขอให้ได้กินอิ่ม และนอนหลับได้ก็เท่านั้นเองครับ ขอแค่อาหารที่เรากินมีโภชนาการครบถ้วน หรือ มีที่นอนเงียบๆ กว้าง 1 เมตร ยาวไม่เกิน 2 เมตร หลับสบาย แค่นี้ก็สุขโขแล้วครับ ส่วนที่เหลือคือเปลือกนอกที่เราเอามาสุมเข้ามาใส่ตัวเราเองครับ ลองคิดให้ดีๆครับ ว่า ความสุขที่แท้จริง คืออะไรครับ
ถ้าคิดไม่ออกว่า ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ก็แบบนี้ดีมั้ยครับ ถ้ามีปัญหาเรื่องแต่งบ้านในระหว่างคนในครอบครัว ถ้าต่างคนต่างปล่อยวางไม่ได้ ลองหาคนกลางที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ มาเป็นคนช่วยคิด ช่วยเสนอความคิดเห็น ขัดเกลาความคิดของแต่ละคน ให้กลมกลืนเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายดีมั้ยครับ คนกลางที่ว่า ก็คือ มัณฑนากร ครับผม
เร่ิมต้นจากการให้โอกาส "ฟัง" อีกฝ่ายก่อนค่ะ เสร็จแล้วขั้นต่อมาคือความไว้ใจอีกฝ่าย
การไว้ใจไม่ใช่หมายความว่าให้ยอมรับและทำตามในทุกสิ่งที่เขาสั่งให้ทำนะคะ
คือรับฟังไอเดียร์ เปิดใจยอมรับแนวคิดของอีกฝ่ายโดยปราศจากอคติมาเจือปน
ถ้าเขาพูดแล้วนึกภาพไม่ออก ให้ใจเย็น ๆ ลองเอาดินสอปากกามาวาดให้ดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
พอเขาได้พูด ได้แสดงออก นั่นหมายถึงเขาก็ต้องพอใจในส่วนที่เป็นที่ยอมรับของคุณได้
ดังนั้นเมื่อคุณออกความเห็น เขาเองย่อมต้องปฎิบัติกลับแบบที่คุณว่ามา ถึงแม้จะโยกโย้โอ้เอ้
ไม่ยอมรับฟังง่าย ๆ แต่ก็บอกเขาไปว่า "ทีเธอฉันยังฟังเลยนะ" เสร็จแล้วก็บอกไอเดียร์ตัวเองไปบ้าง
แชร์กันแล้วค่อยพบกันคนละครึ่งทาง หรืออย่างแย่ เราอาจจะยอมเขาบ้างในระดับหนึ่ง ดีกว่าไม่ได้เลย
หรือจะให้ดี ไปเดินดูของด้วยกันเลยดีที่สุดค่ะ บ้านหลังนึงของตกแต่งไม่ใช้ชิ้นละบาทสองบาท
ไม่พอใจถึงจะทุบทิ้งกันง่าย ๆ ท่องจำไว้ อารมณ์มา หายนะเกิด….
เราแต่งห้องกะน้องสาว ยึดว่าเลือกของที่เราชอบ อาจจะเข้ากันบ้างไม่เข้ากันบ้าง ใครจะสน เลือกที่เราชอบเป็นพอ อยู่กันไปก็รักกันเอง อย่าทะเลาะกันเลย ขอให้ซื้อมาเพราะชอบจริง ๆ เหอะ
ต่อ ๆ
อย่างของเรา ตอบในฐานะผู้หญิง ที่กำลังจะมีบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองหลังแรกในชีวิต ก็อยากจะตกแต่งอะไรตามใจปรารถนา
รูปแบบนั้นก็ดี แต่งแบบนี้ก็สวย โอ!….ตื่นตาตื่นใจไปหมด อยากให้ทุกสิ่งเป็นอย่างที่ใจหวัง วาดวิมาณกลางอากาศ
ตั้งแต่เสาบ้านยังไม่แห้ง จนป่านนี้หลังคายังไม่ก่อเลย แต่ก็ยังฝัน ๆ ๆ ๆ จะแต่งโน่นทำนี่ไปเรื่อยทุกวัน
พอแฟนบอกอยากได้แบบนั้น อยากแต่งแบบนี้ เราก็ โอ๊ย!~ เบรคเขาทันทีเลยค่ะ อันนั้นไม่ดี อันนี้เสร่อ
นั่นแพงไป นี่ไม่เข้าท่า ทำแบบนี้มันเชย ทำแบบเราดีกว่า ฯลฯ แฟนถามคำนึง "สรุปเขามีสิทธิ์อะไรในบ้านหลังนี้บ้าง"
จุกเลยค่ะ เหมือนโดนตุ๊ยท้องเลย กลับไปนิ่งคิดเหมือนกัน เออ!เราจ่ายตังค์ส่วนหนึ่งยังตื่นเต้นปรีดา อยาก
แต่งโน่นแต่งนี่มากมาย แล้วแฟนล่ะ เขาก็เป็นเจ้าของเงินอีกส่วนหนึ่งเหมือนกัน เขาก็อยากเห่อ อยากแต่งบ้านของเขา
ในแบบที่เขาอยากอยู่และมีความสุขเหมือนกัน ตอนหลังเลยแบ่งแบบคุณแหล่ะค่ะว่างั้นแยกกันนะ เธอแต่งห้องนอน
กับห้องรับแขก แล้วก็ประตูรั้วไป ที่เหลือฉันแต่งนะ….เสร็จแล้วปัญหาก็จะเกิดแบบคุณอีกอ่ะค่ะ คือกลับไปก้าวก่ายกันอีก ซึ่งก็คือเราเองนั่นแหล่ะ แฟนก็จะพูดว่า "อือ ๆ ตามใจละกัน" เราก็คิดได้ที
ตอนหลังตัดปัญหา แต่งบ้านร่วมกันเลยค่ะ จะซื้ออะไรอยากได้แบบไหนเดินเลือกพร้อมกันเลยค่ะ…จบ!
ผมเลือกที่styleการตกแต่งก่อน
โอเคเราเลือกstyleนี้
มีบ้างอาจเห็นไม่ตรงกัน
แต่มันก็มีจุดที่ลงตัว เพราะเป็นstyleเดียวกัน
ไม่ดีก็เปลี่ยนมั่ง
แต่ที่ผมไม่มีปัญหาเพราะเลือกที่จะใช้แบบเรียบๆ
เฟอร์น้อยชิ้น ไม่รกรุงรัง ทำความสะอาดง่าย
เฟอร์น้อยชิ้น ทำให้เราเลือกที่จะใช้ของแพง คุณภาพดีได้
ดีกว่าของถูกๆ ซื้อมาเดือนสองเดือน เบื่ออีกละ
ที่สำคัญฟังกันและกันครับ
โชคดีที่เขาให้เราแต่งบ้านคนเดียว เขาว่าอย่างไงก็ได้ แต่เราอยู่กันมานานจนรู้ว่าเขาชอบอย่างไร เราก็ถามนะ ห้องทำงานคุณเอาอย่างนี้ไหม ให้เขาเลือกบ้าง อิอิ ส่วนห้องนอนเราเลือกวอลเอง แฟนเราบอกลิเกจัง 5555
บางครั้งเราเคยโมโหเขาด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่น ทำหลอดไฟเสีย เราเคยพูดจาหักหารน้ำใจเขา แล้วก็มานั่งคิด ว่าไอ้หลอดไฟนี่มันมีค่ากว่าคนที่รักเราอีกหรือ…. ตอนนี้บางครั้งที่โมโหก็พยายามนึกไว้ว่า ช่างมันเถอะ มันไม่มีค่าเท่าแฟนเราหรอกนะ
เอาส่วนเฉพาะของผม ผมให้แฟนเป็นคนเลือกเฟอร์เองทั้งหมด เพราะบางทีเวลาคุยกันเหมือนจะคุยรู้เรื่อง แต่พอเอาเข้าใจจริงๆ เหมือนความคิดไม่ตรงกัน กลัวมันจะออกมาไม่ Match ก็เลยให้เธอเลือกเองให้หมดเลย เธอจะได้ลั๊ลลา ถึงแม้ผมจะออก คชจ. เองทั้งหมดก็เหอะ แม้บางทีอยากจะได้แบบที่ตัวเองชอบ แต่ถ้ามันออกมาเป็นแบบนี้ ผมก็ต้องยอมเธอ ก็เลยมาคิด แบบไหนก้ได้ ไม้สำคัญ แค่มีเธออยู่ก็พอละ
บททดสอบ..ความรัก
ของในบ้านที่สวยงามสุดคือครอบดรัวดรับ เรากับดนที่เรารักบางที่ก็ต้องมีกะทบกันบ้าง รู้สึกแย่ยังแก้ได้แต่ถ้ารู้สึกเบื่อ ด้านๆชาๆจะเอาไงก็เรื่องของคุณอันนี้น่ากลัว ปีหน้ากะจะทำบ้านเหมื่อนกันตอนนี้ก็คุยๆกะแฟนอยู่อันไหนไม่แน่ใจก็หาขอมูลในชายคานี้ละ เอารูปเอาแบบให้แฟนดู จะใด้ไม่ทะเลาะกันมากเวลาทำ
คุณคงน้อยใจแฟนสิคะนี่ ทำใจสักนิดเถิดค่ะ เข้าใจเหมือนกันว่าบ้านเป็นเรื่องใหญ่เป็นหน้าเป็นตา ตอนนี้ทั้งสองกำลังเห่อบ้าน เรื่องเล็กน้อยก็เลยดูเป็นเรื่องใหญ่โต
อีกสักพักพอมีลูกหลานเจ้าตัวเล็ก รอยนิ้ิวมือเหนียวเหนอะหนะเต็มบ้าน รอยดินสอสีตามกำแพง รอยขีดข่วนบนโซฟาแล้วคุณค่าที่แท้จริงของบ้านจะออกมาเองค่ะ ตอนนั้นจะโมด้นโมเดิ้นอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว แต่จะเป็นบ้านที่อบอุ่นด้วยเสียงหัวเราะและความรัก
อย่าเพิ่งท้ออย่างนั้น เรื่องแต่งบ้านเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยเดี๋ยวก็หายเห่อเอง จากนี้ไปชีวิตคู่ยังจะมีปัญหาอีกมา หาจุดยืนที่ลงตัวของทั้งสองนะคะ เอาใจช่วยค่ะ
เป็นเหมือนกันค่ะ ไม่มีอะไรถูกใจไปซะทุกอย่างค่ะ บางทีเราไม่ชอบแต่พอรับได้ก็หยวนๆกันไปค่ะ
ของเรานี่แค่แฟนอ้าปากจะออกไอเดีย เราก็หงุดหงิดแล้ว ถึงขั้นร้องไห้กันเลยทีเดียว แต่ตอนนี้ปล่อยวางแลวค่ะ อยากทำไรทำไปถอะ ไม่สวยค่อยมาทับถมกันทีหลัง 55
เคสนี้แนะนำแต่งบ้านให้มันดู "กลางๆ" ค่ะ แล้วจะ win win ทั้งคู่
ลองนึกถึง "จานสีขาวๆ" เราจะบีบสีอะไรลงไปก็ได้
สุดท้ายแล้วมันก็จะเข้ากันเองล่ะ
อาการเดียวกันเลยครับ เราต้องยอมเขาตลอดครับ เพราะสุดท้ายเราคิดว่าเรากับแฟนต้องอยู่ด้วยกันไปจนตายครับ อยากทำอะไรทำเลย อยากต่อเติมแบบใหนให้เขาคิดเลยครับ เราจ่ายตังค์อย่างเดียว
เรากับแม่็ก็เหมือนกัน แค่สีบ้านไม่พูดกันตั้งหลายวัน
ตอนนี้ก็ปลง ๆ แล้วหล่ะค่ะ บางสิ่งถ้าเรารู้ว่าการที่เค้ายอมเรา แล้วมีปัญหาในใจ เห็นนู่น นี่ เป็นขัดใจตลอด ก็คงต้องยอมแล้วหล่ะ พูดไปก็เหมือนเราตอนนี้ ยอมรับค่ะ เห็นเค้าต้องการเฟอร์ แบบนั้น แบบนี้ เอามาลงที่บ้าน ก็รู้สึกว่า เออ มันขัดอ่ะ แต่ถ้าเป็นเราจัด เค้าก็คงจะขัด ๆ เหมือนกัน ก็คือทางแก้ของเราเอง ก็ปล่อยค่ะ เราอยากแต่งบ้านใจจะขาด แต่เค้าบอกจะแต่งเองก็โอเคค่ะ คุณจัดไปเลยนะ ชั้นอยากอยู่กับคุณ(คิดในใจนะ กลัวเสียฟอร์ม)แค่นี้ชั้นยอมได้ เพื่อให้คุณแสดงฝีมือในการจัดบ้าน
ก็ทำตามนะคะ อย่างที่คุณ ๆ บอกมาด้านบน แต่เค้าอยากโชว์เต็มที่ ก็เอาซักตั้ง ถ้าไม่ดีมา ก็ซ้ำเติม (อิอิอิถึงทีเราแล้ว) ถึงแม้จะให้ฟัง หรือ พูดกลาง ๆ ยังไง อารมณ์อยากแต่งมีสูง อะไรก็รั้งไม่อยู่ สิ่งสำคัญของเราคืออะไร คิดว่าการยอมครั้งนี้ มันคงไม่เสียศักดิ์ศรีแม่บ้านอย่างเรามากเกิน สิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็น เค้าก็ยอมเราเยอะอยู่ ก็ถัว ๆ กันไปค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่ให้กำลังใจกัน บางอย่างก็พูดกับใครไม่ได้ ถึงมีเพื่อน แต่ใครเล่าจะเข้าใจ นอกจากเรากันเองเนี่ยแหล่ะ ใช่มั้ยค่ะ
365 วันแห่งรักค่ะ
อิอิ
ตอบในมุมของคนทำงานตกแต่งนะ
ความสุขของคนอยู่ในพื้นที่ ที่เรียกว่าบ้าน
ไร้สาระมากที่จะไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตาเห็น
มันเป็นจริตในบ้านที่คนอาศัยหยิบไปยึดถือโดยมองไปว่าเป็นสิ่งแทนความสุขได้ ทำให้ความสวยงามเกิดขึ้นในบ้านได้
ความหมายของความสุข การตกแต่งเป็นแค่ส่วนน้อยนิด
รอยยิ้มของครอบครัวจากความเข้าใจ จากการร่วมทุกข์ร่วมสุขนั่นแหละคือ interior ที่แท้จริงที่จะทำให้ผู้อาศัยในบ้านมีความสุข
ไม่ใช่ วัสดุ ไม่ใช่อ่างแบบไหน ไม่ใช่สไตล์นั่นนี่
ไม่ต้องตกแต่งอะไรมากแต่คนในบ้านมีความรักความเข้าใจกัน แค่นั้นก็เจ๋งพอแล้ว นักออกแบบที่ไหนก็ออกแบบความสุขให้ไม่ได้หรอก เรื่องตกแต่งมันก็แค่สิ่งสมมุติรูปแบบนึงเท่านั้นเอง
ของผมก็มีบ้างที่แง้วๆ ใส่กันครับ
แต่หลักๆ ก็ให้ผบ. เลือก
สมมุติอย่างโต๊ะให้เค้าเลือกแบบที่เค้าชอบมาสัก 3 แบบ
ผมช่วยเคาะว่าเอาตัวไหนดี
บางทีผมก็เลือกมา 3 แบบ ให้เค้าเป็นคนเคาะ
ก็เลยแง้วๆ กันน้อยหน่อยครับ
ปล. แต่ส่วนใหญ่ไปดูด้วยกัน แล้วชอบเหมือนกันพอดีครับ
เราตกแต่งแบบให้อยู่แล้วมีความสุขค่ะ ไม่เน้นสไตล์ แต่เน้นสบาย
ไม่ชอบงานบิลท์อิน เพราะเปลี่ยนใจอยู่บ่อยๆ และไม่ชอบอะไรที่เพอร์เฟคเกินไป เพราะอยู่แล้วไม่รีแล็กซ์
บางบ้านเค้าแต่งประกวดจริงๆ วันๆซุ่มดูแต่ว่าเพื่อนบ้านมีอะไรมาเพิ่ม แล้วต้องรีบมีบ้าง และต้องดีกว่า ใหญ่กว่า สวยกว่า แพงกว่า เฮ้อ…เหนื่อยแทน
ดีจัง แฟนเราตามใจเราทุกอย่างเลย แต่เราไม่มีเวลาเอง
เค้าถึงว่า ความชอบ หรือรสนิยมคนเราแตกต่างกันครับ
ในสายตาเราอาจจะคิดว่ามันดีแล้ว มันโมเดิร์นแล้ว
แต่ในสายตาคนอื่นกลับมองว่า เนี่ยยยยย หรอ โมเดิร์นที่เธอว่า
ในขณะเดียวกัน บ้านคนอื่นที่เจ้าของบ้านบอกว่า สวยนักสวยหนา
ทำไมเราไปดูบ้านเค้าแล้ว เรากลับคิดว่า "อยู่ไปได้ยังไง ไม่อายคนผ่านไปมาหรือ"
ผมก็เป็น…ตอนแต่งบ้านใหม่ๆ ก็คิดเหมือน จขกท แหละว่าถ้าเราแต่งห้องนอน ให้เค้าแต่งห้องครัว..สลับกันแบบนี้…แต่พอถึงเวลาจริงๆแล้วแต่ละห้องจะไม่เข้ากัน และพอเวลาเราไปเลือกซื้อของด้วยกันมันจะอึดอัดเพราะบางทีเราเห็นแล้วเค้าชอบ แต่เค้าไม่ชอบ..อะไรแบบนี้…
….สุดท้ายใช้วิธีที่ถ้ามีคนใดคนหนึ่งไม่ชอบก็ไม่เอา…..แต่เชื่อว่ามันต้องมีของตกแต่ง หรือแบบที่ทั้งคู่ชอบเหมือนๆกัน แม้ว่าของชั้นนั้นจะไม่ใช่ของที่ชอบมากที่สุด….แต่บางครั้งกว่าจะได้ก็ง๊องแง๊งกันพอสมควร….
….แต่หลายๆชิ้นที่ผมหรือเค้าซื้อ..แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบนัก…แต่ก็หยวนๆกัน..หยวนเพราะรักครับ….
มาให้กำลังใจค่ะ
เป็นธรรมดาค่ะ ..คนสองคน.. ความชอบก็ต่างกัน ความคิดย่อมต่างกัน
ของเราก็ทะเลาะกันแทบแย่ กว่าบ้านจะเสร็จเรียบร้อย
เรายอมเค้าบ้าง เค้ายอมเราบ้าง บางอย่างเราคิดว่าไม่ดี
แต่พอทำไป..เออ มันก็ดีเหมือนกันนะ
บ้านคือวิมานของเรา..สองคน มันก็ควรมีสิ่งที่เราชอบทั้งสองคนนะคะ
นี่เค้าก็เข้ามาอ่าน และก็พอจะเข้าใจเราบ้างนิด ๆ เค้าก็มาบอกว่าเดี๋ยวเราไปดูของด้วยกัน เลือกซื้อแบบที่เราสองคนมองว่าโอเค จะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน แฟนบอกว่า บางอย่างก็จิงอย่าง ทุก ๆ ท่านได้ให้คอมเม้นท์มา ความสุขของเรามันอยู่ ที่เราสองคน เรื่องเฟอร์ ของตกแต่งมันก็แค่ภายนอก เป็นตัวเพิ่มความสุข ขึ้นมาเพื่อให้เติมเต็ม เราก็คุยกันแล้วค่ะ ว่าเราจะฟังเหตุผลกันทั้งสองฝ่าย จะลด ละ และเลิก ในการเอาชนะกันค่ะ
มีอีกอย่างค่ะ ที่จะขอคำแนะนำ เราเริ่มต้นคืออยู่หอพัก ซึ่ง เป็นหอพักแคบ ๆพัดลม ภายใน ไม่มีอะไรเลย นอกจาก โทรทัศน์ ตู้เย็น และไมโครเวฟ จากการที่ทำงาน พอเริ่มจะลืมตาอ้าปากได้ ก็เลยซื้อบ้าน
พอมีบ้าน แล้วเราก็มีเงินอยู่ 100,000 บาท จะซื้ออะไรก่อนหลังดี ที่เราคิดไว้นะค่ะ
– เครื่องซักผ้า
– หม้อหุงข้าว (เพราะใบเล็กสำหรับ 2 คน แต่สมาชิกในบ้าน มี 4 คน)
– เครื่องกรองน้ำ
– โทรทัศน์ (เพราะเครื่องเก่าจะคืนเพื่อนค่ะ เพราะเพื่อนซื้อเครื่องใหม่มาเราเลยขอเยืมก่อน)
– แอร์ 1 ตัว
ทั้งหมดนี้ เงิน 100000 บาท จะพอมั้ยค่ะ ยังไม่ได้รวมเฟอร์นิเจอร์นะค่ะ
บ้านเรา ส่วนใหญ่ แฟนเป็นคนให้เราตัดสินใจเอง จนบางครั้งเราก็รู้สึกว่า
ทำไมต้องเราซะทุกเรื่องเนี่ย แต่พอให้เขาช่วยเลือกก็ไม่ถูกใจอีก..
ก็ต้องตามใจเราอีก รู้สึกจะมีเรื่องสีหลังคาเนี่ยแหละที่เค้าเป็นคนตัดสินใจ
และเราก็เห็นดีด้วย..
ดีใจกับจขกท. ด้วยนะคะ ที่คุณแฟนเข้าใจ
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถามใน คห.29 นี่ ก็อยู่ที่ว่าสเปคเป็นยังไงค่ะ
เราว่า 4 รายการบนนี่ ถ้าเอาแบบธรรมดาๆ รวมกันยังไม่ถึง 15000 เลยนะคะ
ส่วนแอร์ก็แล้วแต่ว่ากี่บีทียูค่ะ ทั่วไปก็มีตั้งแต่หมื่นต้นๆ จนถึง 3 หมื่น
ชอบคห.8 ค่ะ
ของเราก็เป็นแบบนั้น ขอให้แต่ละคนชอบจริง ๆ เหอะ ถ้าคนนึงบอกว่า ชอบแบบนี้ ก็คือเอาแบบนั้นเรา เราไม่เอาแบบที่น่าจะดูแลง่ายจ ใช้งานดีกว่า เข้ากันมากกว่า แต่อีกฝ่ายไม่ชอบ ถ้าอะไรสักอย่างถูกใจคน ๆ หนึ่งมาก ๆ ก็คือเอาแบบนั้นเลย ถือว่าเจอสิ่งที่ใช่แล้ว
ล่าสุด กำลังจะซื้อเก้าอี้ค่ะ คือพ่อชอบมานั่งเล่นห้องเรา แล้วไม่มีเก้าอี้ที่แบบนั่งสบายสำหรับผู้ใหญ่ เราก็ไปเดินดูนะ บางตัวก็สบายแต่มันไม่สวย ตัวสวย ๆ ก็แบบเราว่าพ่อเราคงนั่งไม่สบายแน่ ๆ เลยยังซื้อไม่ได้สักที ตอนหลังพ่อเรามาบอกว่า ถ้าเรายังหาแบบสวย ๆ ไม่ได้ ป๋าจะซื้อเก้าอี้หวายละนะ บอกตามตรงว่าเก้าอี้หวายกับห้องเรามันเข้ากันไม่ได้เลยจนเรียกว่าแปลกแยก แต่แค่ป๋าบอกว่าชอบ เท่านั้นละ ซื้อมาเลย ถ้ามันชอบและตอบโจทย์พ่อเราได้ก็คือว่ามันคือสิ่งที่ใช่แล้ว! ความสุขของคนที่อยู่ร่วมกันย่อมมาก่อน
น้องเราอีก เตียงที่ซื้อมาใช้อยู่ตอนนี้ ราคาค่อนข้างสูงมาก และคิดว่าการดูแลรักษาทำได้ยากกว่าตัวอื่น ๆ ที่ดู เพราะว่ามันเป็นผ้ากำมะหยี่หุ้ม (ถึงจะถอดซักได้ แต่น่าจะสกปรกได้ แต่นานไป ผ้ากำมะหยี่ที่หุ้มอาจจะเก่าและไม่สวยแล้ว) แต่ถามน้องสาวแล้ว เค้าบอกว่า เตียงตัวอื่นก็สวย แต่ชอบไม่เท่าตัวนี้ ดังนั้นเราตกลงเลือกตัวที่เค้าชอบที่สุดค่ะ แม้ว่าจะดูแลรักษายากกว่าตัวอื่นที่ดู แต่ถ้าชอบอันไหนที่สุดก็ควรเลือกอันนั้น
ที่สำคัญ ถ้าไม่แน่ใจรสนิยมอีกฝ่าย เวลาซื้อของให้ไปเดินเลือกด้วยกันค่ะ (จริง ๆ ) อะไรที่น้องเราบอกว่าสวยแต่เราไม่ชอบจริง ๆ บอกเลยว่า อันนี้ขอเหอะ ..ไม่ชอบจริง ๆ เค้าก็ไม่ซื้อ
หรืออะไรที่เราชอบและพูดบ่อย ๆ (เช่นผ้าม่านสีเขียวมินต์) แต่น้องเราไม่ชอบ ตอนที่เราเป็นคนเลือกผ้าม่าน เค้าก็บอกเลยว่ารับได้หมด แต่ขอเว้นสีเขียวมินต์ที่เราชอบ เราก็โอเคค่ะ ต้องอยู่กลาง ๆ ค่ะ จะได้ถูกใจทุกฝ่าย
บางทีถ้ายังเคือง ๆ กันอีก ลองหันกลับไปดูคนที่บ้านไม่สวยเลย อะไรก็ไม่เข้ากัน กองกันรก ๆ หลายบ้านมากมายที่เค้ารักกัน ปรองดองกันดี ไม่ทะเลาะกัน แบบนั้นดีกว่าบ้านสวยแต่เถียงกันทุกวันค่ะ
ตั้งแต่เริ่มแต่บ้านมา ทะเลาะกับแฟนตลอดเลยค่ะ สไตล์ไม่ตรงกัน บางอย่างเราชอบ เค้าไม่ชอบ เค้าชอบ เราว่าไม่สวย จะบิ้วอินอะไรยังไง เถียงกันบ่อยๆ เราเลยใช้วิธีนิ่ง เงียบ ยอม…. ยอมเพราะบ้านนี้เค้าจ่าย เราเลยไม่ออกเสียงดีกว่า บ้านออกมาไม่สวยจะได้มาโทษเราไม่ได้ ^^
เรื่องสไตล์ไม่เข้ากัน ผมว่ามันอยู่ที่ตัวเราเอง ถ้าเราเคร่งครัด ต้องอย่างนี้ๆหลุดไม่ได้ มันท่าจะลำบากกับคนรอบข้างและทุกข์มันจะมาลงที่เราเองในที่สุด การตกแต่งมันไม่มีที่สิ้นสุด แล้วมันก็มีที่เราเรียกว่า มิกซ์ แอนด์ แมทซ์ ซึ่งผมเรียกว่า มั่วจนได้ดี แบบนั้น
บ้านสวยกิ๊ก แต่คนในบ้านหน้าหงิกเป็นม้าหมากรุก หรือทำครัวทีก็บ่นกระปอดกระแปด กระแทกใส่กัน ว่าฉันไม่ชอบไอ้นี่เลย สวยไปก็เท่านั้นครับ
อย่าตึงมาก อย่างอินทีเรียเขาก็จะเสนอแนะ แล้วก็เอาของอย่างนี้ๆ มุมนั้นอย่างนี้ๆ แต่ว่าเขาก็รู้ว่าขายไอเดียไม่ได้หมดหรอก ก็ปรับจูนกันไป ไปเจอเจ้าของบ้านที่มีไอเดีย มืืออาชีพก็เหวอได้ ได้มุมมองจากลูกค้าได้ ไม่แน่หรอก
ที่บ้านผมเองเริ่มจากมุมคล้ายๆจขกท.เหมือนกัน แต่ว่าที่สุดก็มาจบอย่างที่คุณ M Sonata บอกนั่นแหละ
พอดี พ่อผมเสีย ผมไปบวชเพื่อปลดทุกข์ที่สะสมมา 40 กว่าปี ผมอยู่กุฏิเล็กมากกกกกก โทรมมาก เสาจะหักไม่รู้เมื่อไร ฝนสาดด้วย หนูกวน ห้องนอนเล็กพอๆกับห้องเมดที่บ้าน โดนถามว่าทำไม่มาอยู่อย่างนี้ ผมบอกถ้าอยากสบาย ผมอยู่บ้านครับ หรูเฟ่ วันหนึ่งก็กินเพื่ออยู่ มีแรงทำวัตร สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฯลฯ ละ สละ และแบ่งปัน และเมตตา
ใจสงบ ร่างกายอยู่ได้แม้จะผอมมาก ผมรู้ว่า เราไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย เราปรุงแต่งมาก เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เรารู้จัก คือ หาเงิน ใช้เงินหาความสุข สบาย จริงๆแล้วความสบายใจ (ไม่ใช่ความสุขนะ) หาได้ไม่ยาก หากคุณรู้ว่าคุณต้องการ ( need ) อะไรในชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะหมดลมเมื่อไร
ผมก็เห็นเลยว่า ร่างกายนั้นไม่ได้ต้องการอะไรมาก ที่มันมากจนล้นนั่น เพราะใจมันท่วมด้วยความอยาก มันพอกพูนจากการใช้ชีวิตในสังคมบริโภค
พูดถึงความสูญเสีย ที่คนเรากลัวตาย เพราะว่าเราคิดว่าเรายังไม่พร้อม หรือเรายังไม่ได้ทำดี คนที่เคยด่าพ่อแม่ ก็กลัวตกนรกขึ้นมาดื้อๆ หรือเรายังไม่ได้กอดพ่อ กอดแม่เลย พอคนที่เรารักจากไป สติแตก เพราะยังไม่ได้ทำโน่นทำนี่ให้เขา
คนตายนะครับ หยุดหายใจแล้วก็หายหัวไปเลยนะครับ โทรไม่เจอ ส่งอีเมล์ไม่ตอบนะครับ หาสุดโลกไม่เจอ
คือ เราคิดว่ามีเวลา คนเราไม่มีใครโทรมา "เฮ้ย วันนั้นฉันจะตาย แกเริ่มทำตัวดีๆกับฉันหน่อย
เริ่มตั้งแต่วันนี้ รักและห่วงกันแบบพอดีๆ พอถึงคราวเรา หรือเขา หรือเธอ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจเกินพอดี พยายามมีชีวิตที่พอเหมาะพอดี ดูที่จิต ดูที่ใจอย่างเดียว อะไรจะเกิดใจจะไม่สั่นไม่ไหว
บ้านก็แค่อิฐฉาบปูนทาสี คุ้มกะลาหัว อย่าไปยึดมาก เดี๋ยวตายไปเกิดเป็นจิ้งจก ตุ๊กแกเกาะกำแพงบ้านนะเอา
บ้านผมเองไม่มีสิทธิเลือกสี สไตร์ เฟอร์ กระเบื้องเลยสักอย่าง
อยากเถียงใจแทบขาด
มีหน้าที่จ่ายเงินกับพูดว่า อืม… เธอเลือกสวยแล้ว… (เศร้า)
บ้านหนึ่งหลังไม่ได้แต่งได้แค่ครั้งเดียว
เข้าใจความรู้สึกของ จขกท เลยค่ะว่าเป็นยังไง
ดิฉันเองสามีเป็นสถาปนิกค่ะ ตอนออกแบบท่านเล่นเองทุกอย่าง ไม่มีถามเราเลยซักคำ
แล้วพอบ้านเสร็จ เวลาเลือกของเข้าบ้านทีเหมือนจะฆ่ากันตาย เถียงกันได้ทุกเรื่อง
เราชอบนี่เค้าก็บอกมันไม่เข้ากับบ้าน เราชอบนั่นเค้าก็บอกมันไม่สวย ชอบอันโน้นเค้าก็บอกมันเชย บลา บลาๆๆ
สุดท้าย…ส่วนใหญ่ก็เห็นยอมเราทุกที เพราะเราใช้วิชามารหลอกล่อทุกกระบวนท่า ชักแม่น้ำทุกสายที่มีอยู่ในโลกมาโน้มน้าว
แต่ของบางอย่างขี้เกียงเถียงก็หยวนๆ เค้าไป…แล้วพอดูต่อไปอีกซักพัก อืมมม มันก็ดูดีแฮะ
บ้านเราน่ะค่ะ พออยู่ไปๆ มันก็จะคุ้นเคยและรักไปโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้ามันไม่ไหว เราไม่ชอบจริงๆ เดี๋ยวค่อยๆ หาทางเปลี่ยนก็ได้นะคะ
โชคดีที่ผมเป็นคนง่ายๆ…ส่วนใหญ่เลยเลือกตามใจแฟนทุกอย่าง
ถ้าอันไหนที่ผมเลือกบ้าง…แฟนก็มักจะไม่ขัด…เพราะมีไม่กี่อย่าง
แต่ถ้าอันไหนที่เห็นไม่ตรงกันขึ้นมา…ก็งัดเอาเหตุผลมาชนกัน
ซึ่งส่วนใหญ่…ผมแพ้ T T
แต่ก็แพ้ไม่นานหรอก…
เพราะ ถึงผมจะเถียงไม่เก่ง…แต่ตะล่อม+เป่าหูเก่งนะเออ อิอิอิ
เราเลือกแต่งตามความชอบของแฟนค่ะ เลือกทำให้คนที่เรารักมีความสุข มันสุขกว่าเป็นไหนๆ แต่พอดีเค้าให้เราเป็นคนเลือกของด้วย ก็จะได้แบบที่เราชอบ และเป็นสไตล์ที่เค้าชอบด้วย
ไม่เห็นเหมือนผมเลยครับ ผมยกหน้าที่ให้แฟนเลือกเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านหมดเลยครับ ตัวผมเองชอบโทนสีครีมเฟอร์นิเจอร์ไม้ แต่แฟนชอบแนวโมเดิร์นขาว เทา ดำ กระจก ผมก็ตามใจ จ่ายเงินให้แล้วไปเลือกเอาเอง กลายเป็นว่าแฟนเครียดที่ต้องตัดสินใจคนเดียวเลือกคนเดียวกลัวเอามาแล้วไม่ถูกใจผมไปซะงั้น แต่ก็ยกหน้าที่ให้แล้วนะห้ามโยนกลับมาให้ผมล่ะ สบายดีจัง
ตอนแต่งสวนเขาไม่ยอมหลวมตัวมาเลยครับ ไม่งั้นเสร็จผมอีก
รักเขามากครับ ให้ได้ทุกอย่างที่เขาชอบ