ผมรบกวนสอบถามและขอคำแนะนำดังนี้ครับ ผมรับดูแลคอนโดให้เช่าของเพื่อนผมซึ่งไปอยู่ต่างประเทศ
1) ถ้าผู้เช่าอยู่ครบสัญญาหนึ่งปีแล้ว ต้องทำสัญญาเซ็นต์กันใหม่หรือปล่าวครับ
2) ถ้าผู้เช่าต้องการให้เข้าไปซ่อมแซมพวกอ่างล้างหน้า ลูกบิดประตู ล้างแอร์สามเครื่อง ถอดม่านซัก ก่อนต่อสัญญา
พวกซ่อมแซมอ่างล้างหน้า ลูกบิด อย่างนี้ผมสามารถซ่อมให้ได้ครับ แต่ถอดม่านซัก ล้างแอร์ นี่คิดว่ายังไงครับ คือไม่ได้มีระบุในสัญญา แต่ลูกค้าเป็นลูกค้าชั้นดีจ่ายตรงตลอดผมก็อยากทำให้เขา แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนผมเขาจะคิดยังไง ผมอยากรักษาลูกค้าดีๆไว้นั่นเองครับ
ส่วนตัวผมเคยเช่าคอนโดอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องจุกจิกผมไม่เคยรบกวนเจ้าของห้อง ทุกอย่างที่ลูกค้าขอมาที่ว่าข้างบนผมจัดการของผมเองครับ
ตอนนี้ส่งเมล์ไปบอกเพื่อนผมแล้ว แต่อยากฟังความเห็นของสมาชิกชายคาครับ ขอบคุณมากๆครับ
ข้อที่หนึ่ง ควรทำนะค่ะปีต่อปีไป เพราะเราเคยมีประสบการณ์ในการฟ้องร้อง คือถ้าเราไม่ได้ทำสัญญาตัวใหม่ แต่ผู้เช่ายังเช่าอยู่ พอผู้เช่ามีปัญหามารื้อสัญญากันดูมันเหมือนว่า เราไม่ได้ต่อสัญญานะ เค้าก็อ้างโน้นนี่นั้นได้ ฉะนั้นทำไปเถอะค่ะ
ข้อสอง เราบริการหมดนะพวกซ่อม ๆ ให้เนี่ย แต่กรณีซักม่านนิ แบบว่าไม่เคยทำให้จ้า แบบประมาณว่าอะไรทำเองได้ก็ทำ ไม่อยากวุ่นวายกับเจ้าของ เคยเช่าเหมือนกันนะ แต่แบบลูกค้าดี ๆ ถ้าเป็นเรา เราก็อาจจะบริการเต็มที่นะแต่ยังไม่เจอลูกค้าดี ๆ อิอิ
ทำปีต่อปีค่ะ หมดรอบก็เอาสัญญาไปเปลี่ยนใหม่ เรื่องล้างแอร์ จะให้ช่างไปล้างทุก 6 เดือนเป็นปกติ เรื่องม่าน เวลาลูกค้าย้ายออกก็จะซักทุกครั้ง ถ้าลูกค้าขอก็ทำให้ค่ะ
ข้อ 1 ต้องขึ้นอยู่กับสัญญาค่ะ ว่ามีการระบุไว้หรือไม่ ส่วนตัวมีระบุไว้ค่ะ
เมื่อผู้เช่าได้เช่าห้องเช่าจนครบกำหนดเวลาในสัญญาข้อ ๑ แล้ว หากผู้เช่ามิได้แจ้งยกเลิกการเช่า ให้ถือว่าสัญญาฉบับนี้มีผลบังคับต่อไปจนกว่าผู้เช่าจะบอกเลิกการเช่า และในระหว่างที่ผู้เช่าเช่าต่อไปนั้น ถ้าหากผู้เช่าประสงค์จะบอกเลิกการเช่า ผู้เช่าต้องแจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบล่วงหน้า ๖๐ วัน (หกสิบวัน) ถ้าผู้เช่ามิได้แจ้ง ผู้เช่ายินยอมให้ผู้ให้เช่าคิดค่าเช่าเพิ่มอีก ๒ เดือน (สองเดือน)
ข้อ 2 เค้าขอมา เราก็จัดให้ค่ะ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้เช่าด้วย
ตามกฎหมาย ถ้าไม่ได้ทำสัญญาใหม่แต่ยังอยู่ต่อโดยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ถือว่าการเช่ามีผลอยู่ตามสัญญาเดิม แต่เป็นการเช่าแบบไม่ระบุระยะเวลา ซึ่งคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายหากต้องการยกเลิกการเช่าต้องแจ้งให้อีกฝ่ายทราบล่วงหน้าค่ะ (กี่วันจำไม่ได้แระ)
ส่วนเรื่องซักม่านกับล้างแอร์ ถ้าเป็นเรามีผู้เช่าดีๆอยู่ในมือเราทำให้นะคะ มันก็ไม่ได้ลำบากจนเกินไป (ถึงจะจุกจิกไปหน่อย) เพราะผู้เช่าดีๆหายากกว่าการซักม่านและล้างแอร์เยอะเลยค่ะ
คห.1
ถ้าเราไม่ได้ทำสัญญาตัวใหม่ แต่ผู้เช่ายังเช่าอยู่ พอผู้เช่ามีปัญหามารื้อสัญญากันดูมันเหมือนว่า เราไม่ได้ต่อสัญญานะ เค้าก็อ้างโน้นนี่นั้นได้ ฉะนั้นทำไปเถอะค่ะ
>>> ครบกำหนดเวลาตามสัญญาเช่าแล้ว ผู้เช่ายังอยู่ต่อและผู้ให้เช่าก็มิได้ทักท้วง กรณีเช่นนี้จะถือว่าเป็นการทำสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไปแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา
ซึ่งมีผลให้ ถือตามข้อตกลงในสัญญาเดิมทุกประการ
แต่มีข้อต่างที่ว่า ไม่มีระยะเวลา(สัญญาเช่า) จึงมีผลเป็นการอยู่ต่อไปอีก 1 เดือนเรื่อยๆๆ เช่นนี้จนกว่าจะมีฝ่ายใดบอกเลิกสัญญาในช่วงเวลากำหนดชำระค่าเช่า ซึ่งเมื่อบอกเลิกการเช่าในช่วงกำหนดชำระค่าเช่าแล้ว ก็ให้มีผลสัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลานี้สิ้นสุดลงเมื่อครบรอบบิลการเช่า
ปล. เรื่องนี้มีกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจน
รูปแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีกฎหมายกำหนด กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว
ดังนั้น คุณจะต่อสัญญา เป็นอีก 1 ปี หรือใช้รูปแบบกฎหมายสัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลานั้น ที่ต่อสัญญาไปเรื่อยๆ จนกว่าบอกเลิกนั้น จะรูปแบบไหนก็ต้องดูที่จุดประสงค์ของคุณคะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คห.3
ผู้เช่าต้องแจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบล่วงหน้า ๖๐ วัน (หกสิบวัน) ถ้าผู้เช่ามิได้แจ้ง ผู้เช่ายินยอมให้ผู้ให้เช่าคิดค่าเช่าเพิ่มอีก ๒ เดือน (สองเดือน)
>>
กฎหมายไม่ได้กำหนด 60 วันนะคะ แก้ความเข้าใจใหม่นะคะ
กฎหมายกำหนดว่า ชั่วกำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่ง เป็นอย่างน้อย แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่า 2 เดือน
ซึ่งคำว่า 60 วัน(2 เดือน) นี้ คุณน่าจะนำผิด เพราะตรงส่วนนี้ ความหมายคือ ถ้าหากกำหนดชำระค่าเช่าคือ มากกว่า 60 วัน เช่น จ่ายค่าเช่าทุกๆ 3 เดือนนั้น การแจ้งบอกเลิกก็ไม่ต้องรอถึง 3 เดือน แ่ต่ให้สามารถแจ้งบอกเลิกล่วงหน้าเป็นเวลา 60 วัน(2เดือน) ก็พอแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัวอย่าง นาย ก. เช่าบ้านนาย ข. อยู่ มีกำหนดชำระค่าเช่าภายในวันที่ 1 ของทุกๆเดือน เมื่อวันที่ 31 มิถุนายน 2544 นาย ก. ต้องการบอกเลิกสัญญาเช่า จึงนำค่าเช่าไปชำระให้แก่นาย ข. ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2544 และบอกเลิกสัญญาเช่ากับนาย ข. ในวันนั้น การบอกเลิกสัญญาของนาย ก. นี้จะยังไม่มีผลทันที แต่จะมีผลเป็นอันเลิกกันก็คือวันที่ 1 สิงหาคม 2544 ถ้าพูดง่ายๆก็คือต้องบอกเลิกสัญญาล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ้างอิง ปพพ.มาตรา 566
ปล. ขออภัยที่ตอบข้อความยาว แล้วไม่ได้จัดข้อความ เพราะรีบออกไปข้างนอก
แต่เห็นกระทู้นี้แล้วอดตอบไม่ได้ เพราะรู้สึกข้อความของแต่ละความคิดเห็น มันแปลกๆๆ พิกล
ปล. สาวกุมภ์ไม่ได้คิดจะต้มมาม่าในกระทู้นี้นะคะ แต่ที่เจาะจงความคิดเห็นแต่ละท่านไปเพราะรู้สึกว่าในแต่ละความคิดเห็นนั้น มีข้อความส่วนที่เพี้ยนๆๆ ผิดไปจากกฎหมายอยู่ จึงอยากแก้ความเข้าใจให้ใหม่
ก่อนอื่นผมใคร่ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่เข้ามาตอบและให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฏหมายด้วยมากครับ
เพื่อนผมตอบเมล์มาแล้วให้ผมทำสัญญาใหม่ ขอขึ้นค่าเช่าอีกหนึ่งพัน แล้วจะเข้าไปจัดการสิ่งที่เขาขอให้ แต่สัญญาใหม่ปี 54 ให้ผมเพิ่มข้อความ"หากผู้เช่าต้องการล้างแอร์ หรือซักผ้าม่าน ให้ผู้เช่าดำเนินการโดยเป็นค่าใช้จ่ายของผู้เช่าเอง ส่วนการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เสียหายผู้ให้เช่าจะซ่อมแซมให้ตามความเหมาะสม"
ตรงส่วนของการซ่อมแซมนี่ผมว่าก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไร จะระบุอย่างไรถึงจะแฟร์ทั้งสองฝ่ายครับ ถ้ายังไม่เบื่อก็ผมก็ขอคำแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ
ขอขอบคุณมากๆอีกครั้งครับ
โหดเหมือนกันนะ เพื่อนคุณ
น่าจะเขียนสัญญาว่า ล้างแอร์ ให้ปีละ 2 ครั้ง ซักผ้าม่าน ให้ปีละ 1 ครั้ง อะไรทำนองนี้