คือพอดีว่าช่างสัญญาณกันขโมยแนะนำว่าแบบเดินสายนั้นเสถียรกว่าแบบไร้สายมาก เพราะตัวไร้สายนั้นใช้การส่งคลื่นกันที่ความถี่ 433 MHz ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับคลื่นความถี่วิทยุชุมชน มีโอกาสเกิด False Alarm ได้ง่าย ถ้ามีสถานีมาตั้งใกล้บ้านเมื่อไหร่ก็เตรียมปวดหัวได้เลย แถมหลังโครงการยังเป็นทุ่งนา มีฟ้าผ่าใกล้ๆ บ่อยครั้ง ยิ่งไม่น่าติดแบบ wireless
ทีนี้บ้านผมเป็นบ้านสร้างก่อนขาย จริงๆ แกก็จะติดแบบเดินสายให้ไม่ได้หรอก เพราะแกไม่นิยมการเดินสายลอยให้เกะกะลูกตา แต่พอดีด้วยความโปรของแก แกดันหาช่องเจาะกำแพงในช่องเซอร์วิสชั้นล่าง แทงสายขึ้นไปถึงใต้หลังคาได้ ทำให้จะไม่มีสายโผล่ออกมารกหูรกตา
ทำให้จากที่จะได้เสียเงินแค่ 19,000 กับไร้สายของ Yale (PIR 2, Magnet 2, Remote) ผมก็จะต้องเสียเพิ่มเป็น 34,000 กับ Texecom รุ่น Premier 816 (PIR 2, Magnet 1, ไม่มีรีโมท) แบบเดินสายที่ช่างแกเชียร์มากๆ ว่าคุ้มกว่าจริงๆ
ผมเลยอยากถามเซียนสัญญาณกันขโมยในนี้ว่ามันคุ้มที่เราจะจ่ายส่วนต่างนี้รึเปล่าครับ เพราะผมไปดูที่น้า Vivandi เขียนใน Reviewermonster ว่าจะเดินสายรึไร้สายก็ไม่ต่างกัน
คิดหนักเลย เพราะไม่มีรีโมทด้วย ต้องใช้ระบบหน่วงเวลาจะเข้าออกบ้านก็ต้องเดินไปเปิดปิดเครื่องที่ห้องนอนชั้นสองก่อน
ที่สนใจเรื่องเครื่องแบบเดินสายก็เพราะไม่อยากให้มี False Alarm นี่แหละครับ เกรงใจเพื่อนบ้านเค้า
ใครมีความคิดเห็นอะไรยังไงรบกวนแนะนำผมด้วยนะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นล่วงหน้าเช่นเคย
บุญรักษาทุกท่านคร้าบบบบบ 🙂
ไม่จริงค่ะ ใช้แบบเดินสายอยู่ มี fault alarm บ่อยมากและทั้งหมดเกิดจากสายค่ะ คือสายส่วนที่สัมผัสกับอากาสมันเสื่อม ระบบจะมีปฏิกิริยาเหมือนมีคนมาตัดสายค่ะ นอนๆอยู่ต้องตื่นกลางดึกหลายครั้งเพราะ fault alarm ถ้าโชคดีก็จะเป็นสัญญาน error ตอนกลางวันเวลาที่ไม่ได้เปิดสัญญาน
ไม่แน่ใจว่าเพราะคนที่มาเดินระบบให้ใช้สายคุณภาพต่ำหรือเปล่านะคะ (เขาบอกว่าเป็นสายโทรศัพท์) ช่วงแรกๆเขาต้องมาเปลี่ยนแม่เหล็กให้ทั้งหมดเพราะล็อตแรกที่ติดตั้งให้มีปัญหามากค่ะ
ถ้าจะใช้สายจริงก็เอาให้แน่ใจว่าได้ของคุณภาพดีค่ะ
ตัวเปิดปิดควรมี ๒ ตัวนะคะ ในห้องนอนกับประตูเข้าบ้าน
ช่างของผมก็บอกครับแม่ถ้วยฟูฯ ว่าถ้าใช้สายโทรศัพท์จะมีปัญหา ของช่างผมเค้าใช้สาย 6C ที่ข้างในเป็นเงิน ไม่ใช่ทองแดง ม้วนตั้งพันแปดกว่าๆ
ส่วนเรื่องตัว Keypad ไว้เปิดปิดจะติดเพิ่มก็ำได้ครับ แต่ต้องบวกอีกตัวละสี่พันกว่า คือแค่ชุดเดิมๆ มัน 34,000 นี่ก็เกินงบที่ผมตั้งไว้เยอะแล้วน่ะครับ จะขยับขยายก็เลยค่อนข้างคิดเยอะเลยล่ะ
ว่าแต่ของแม่ถ้วยฟูฯใช้กันขโมยยี่ห้ออะไรครับ
เป็นของอเมริกัน ชื่อว่า HAI ค่ะ
สำหรับผมประทับใจแบบเดินสาย จากการใช้งาน ที่บ้านพ่อ-แม่ ประมาณ ๗ ปี และที่บ้านตนเอง(ติดตั้งเมื่อต้นปี) ยังไม่เคยเจอ fault alarm แต่จะแนะนำให้เจ้าของกระทู้ติด Keypad เพิ่มที่ประตูทางเข้า-ออก เวลาเข้าบ้านจะได้ไม่ต้องวิ่งไปปิดสัญาณ(ถึงแม้ว่าจะตั้งให้หน่วงนานขึ้นก็ตาม)
ของที่บ้านใช้ของ wisdom ค่ะ เพราะว่าก่อนติดตั้ง ทั้งที่บ้าน และเพื่อนบ้าน ก็ช่วยๆ กันหาติดต่อ ก็เข้ามาพรีเซ้นต์กันหลายเจ้านะคะ
แต่ในที่สุดเราก็เลือกของ wisdom เพราะเราหาข้อมูลแล้ว ก็ติดอันดับฮิตต้นๆ และพอมาใช้ ก็ไม่ผิดหวังค่ะ
ไม่เคย fault alarm เลยค่ะ ตอนที่ติดตั้ง ก็ 29900 เราก็ทั้งต่อราคา ทั้งขอของแถม ก็ได้มา
1. กล่อง control หลัก ติดข้างบน
2. เซ็นเซอร์ 3 จุด
3. รีโมต 2 อัน
4. กล่อง control เล็ก สำหรับปิดเปิด ติดหน้าบ้าน ต้องใส่รหัส (สะดวกกว่าใช้แต่รีโมทนะคะ) เพราะว่าบางทีคนนึงออกจากบ้าน เอารีโมทติดไปด้วย พอเรากลับมาจะเข้าบ้าน แล้วไม่มีรีโมท ก็คงต้องฝ่าสัญญาน ให้มันดังขึ้น ถึงจะวิ่งไปปิดที่กล่องข้างบนได้ คิดดูซิคะ เสียงดังบ่อยๆ เข้า เพื่อนบ้านคงไม่เชื่อขี้หน้าอีกต่อไป
อันนี้เจอกับตัวเองค่ะ ข้างบ้าน ไม่มีกล่องหน้าบ้าน พอจะเข้าบ้าน อีกคนไม่มีรีโมท ก็ต้องวิ่งเข้าไปปิดที่กล่อง สัญญานดังบ่อยมาก
พอวันที่โจรงัดบ้านเข้าไปได้จริงๆ เราได้ยินก็เฉยๆ นึกว่า เจ้าของบ้านต้องวิ่งเข้าบ้านแล้วเสียงดังขึ้น
ที่ไหนได้ โจรมันตกใจเสียง วิ่งหนีไปตั้งนานแล้ว เราถึงจะรู้กันค่ะ
แต่เราก็มีทางออกอีกอันค่ะ ลืมบอกไป
คือเราใช้มือถือเราหมุนเข้าศูนย์ เพื่อทำการปิด เปิดสัญญานได้ค่ะ
แต่อันนี้เราเผื่อว่า ถ้ามือถือพอดีแบตหมด หรือลืมมือถือไว้ในบ้าน หรืออะไร ๆ นี่แหล่ะ
คุณ Plakorn ครับ ของ GE ที่เห็นในรูปนั้นค่าเสียหายสูงรึเปล่าครับ
คุณแกงส้มแมวครับ ผมเองก็สนใจของ wisdom นะครับ แต่ยังไม่เห็นร้านไหนในพิดโลกขายเลยอ่ะครับ แล้วเปลี่ยนถ่านทีค่าใช้จ่ายเป็นยังไงบ้างครับผม
ของ wisdom รู้สึกว่าเค้าไม่ได้วางขายตามร้านค่ะ ต้องโทรติดต่อกับ บริษัทฯ หาเซลส์โดยตรง เดี๋ยวหลังไมค์ไปบอกให้ค่ะ
เราว่า เราใช้เจ้านี้แล้วไม่ผิดหวังนะคะ เพราะเราต้องดู after sales service ด้วย ถ้าเราใช้ช่างที่รับติดตั้ง เป็นงานไซท์ไลน์ พอวันนึงเกิดตามตัวช่างไม่ได้ มีปัญหาขึ้นมายุ่งแน่นอน
แต่เจ้านี้เค้ามี call center ที่ติดต่อได้ตลอด 24 ชม. เราชอบตรงนี้แหล่ะ เราสามารถสอบถามปัญหาได้ตลอด ตั้งแต่ติดตั้งมายังไม่เคยอ่านคู่มือเลยค่ะ ได้แต่โทรเข้าไปถามเค้าตลอด
ที่เราเชียร์ เพราะใช้แล้วไม่ผิดหวังค่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเค้าเลย เป็นเพียงลูกค้าเท่านั้นเอง
และเป็นระบบ wireless ด้วย ไม่ต้องมาเดินสายให้ยุ่ง แต่สำคัญคือคุณต้องมีเบอร์โทร (เบอร์บ้าน) สำรองไว้ให้กับสัญญานกันขโมยไว้เลย 1 เบอร์แยกจากเบอร์ที่ใช้งาน เพราะเวลามีผู้บุกรุก เบอร์นี้จะต่อพ่วงกับสัญญานกันขโมย และหมุนมาแจ้งเราที่มือถือ ถ้ามือถือเราไม่ว่างรับ เค้าก็จะหมุนต่อไปยัง คนใกล้ตัวเรา ที่เราตั้งเบอร์ไว้ว่าจะให้แจ้งใครบ้าง และสามารถโทรเข้าศูนย์ กรณีเราออกจากบ้านแล้ว นึกขึ้นได้ว่าเปิดสัญญานไว้รึยัง ก็โทรเข้าศูนย์ทำการเปิดปิดสัญญานจากมือถือเราได้
"เพราะตัวไร้สายนั้นใช้การส่งคลื่นกันที่ความถี่ 433 MHz ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับคลื่นความถี่วิทยุชุมชน"
^
ข้อความนี้ไม่ถูกต้องครับ เพราะถ้าวิทยุชุมชนส่งความถี่ 433 MHz ซึ่งอยู่ในย่าน UHF แล้ว
วิทยุของชาวบ้านทั่วไปจะไม่สามารถรับคลื่นนี้ได้ครับ ไม่เชื่อลองหมุนดูตัวเลขช่องความถี่บนหน้าปัมท์วิทยุดูได้
ที่จริงแล้ววิทยุชุมชนถูกกำหนดให้ใช้ย่านความถี่ FM ครับโดยมีช่วงความถี่ 87.5-108 MHz แบ่งเป็น 81 ช่อง ช่องละ 250kHz
ยกเว้นพวกที่ลักลอบใช้คลื่นความถี่ที่ไม่อยู่ในช่วงที่กำหนดมาออกอากาศแบบผิดกฏหมาย
ซึ่งถ้ามาตรงหรือใกล้เคียงกับคลื่นความถี่ของสัญญากันขโมยที่ใช้ ก้อจะมีการรบกวนกันเกิดขึ้น
โดยคลื่น 433MHz นี้ ถูกกำหนดไว้ให้ใช้กับอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ครับ
แต่กันขโมยไร้สายในไทยนั้นจะมีอีกแบบที่ใช้คลื่นความถี่ในย่าน FM
สังเกตุง่ายๆ คือจะมีเสาอากาศเหมือนวิทยุที่ตัวคอนโทรลและอุปกรณ์ต่อพ่วง
ตัวนี้ถ้าบ้านอยู่ใกล้สถานีวิทยุชุมชนหรือไม่ชุมชน ที่ส่งสัญญาณมาในย่านความถี่ที่ตรงหรือใกล้เคียงกันแรงๆ ก้ออาจมีปัญหาได้
ถ้านึกภาพไม่ออก ก้อลงนึกถึงเครื่องเล่น MP3 ในรถยนต์ ที่เสียบปลั้กจุดบุหรี่ แล้วส่งสัญญาณเข้าวิทยุ FM
อ้อในเมืองนอกจะมีกันขโมยไร้สายที่ใช้คลื่นความถี่ 868MHz ด้วย
ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเอามาใช้ในไทยแล้วจะไปซ้ำซ้อนกับคลื่นความถี่ของอะไรหรือไม่
ส่วนเรื่องความเสถียรระหว่างไร้สายกับเดินสาย
ผมว่ามีข้อดีและข้อด้วยพอๆ กันในเรื่องการเชื่อมต่อระหว่างตัวควบคุมกลางและอุปกรณ์ตรวจจับ
คือแบบมีสายก้ออาจจะมีปัญหาสายขาดหรือไฟดับได้ ส่วนไร้สายก้ออาจมีปัญหาคลื่นรบกวนหรือแบตหมดได้
แต่สิ่งที่น่าจะต้องดูเป็นพิเศษน่าจะเป็นเรื่องความฉลาดของตัวอุปกรณ์ตรวจจับและตัวควบคุมกลางมากกว่า
เพราะ false alarm ส่วนใหญ่มักเกิดจากตัวอุปกรณ์ตรวจจับ+ตัวควบคุมกลางทำงานผิดพลาด
น้อยครั้งที่จะเกิดจากการเชื่อมต่อระหว่างตัวตรวจจับและตัวควบคุมกลางมีปัญหา
คุณ nat1234 ครับ แสดงว่าผมก็ไม่ต้องกลัวเรื่องคลื่นไปตรงกับวิทยุชุมชนใช่มั้ยครับ แต่คุณบอกว่าไร้สายอาจมีปัญหาเรื่องคลื่นรบกวน แล้วงี้จะมีคลื่นอะไรมันมารบกวนอีกล่ะครับ แล้วถ้าในหมู่บ้านมีแต่คนใช้แบบไร้สายกันทั้งนั้น คลื่นมันจะมากวนกันให้เกิด false alarm ได้บ้างรึเปล่าครับ
คุณ เอก โท ตรี ครับ
ค่าเสียหายเอาการอยู่ครับ อุปกรณ์ไม่ได้แพงนะครับ แต่จุดติดตั้งมันเยอะ
ถ่านของ wisdom หาซื้อได้ทั่วไปครับ 7-eleven ก็มีครับ
ถ้าจะใช้สายขอเน่ะนำให้ใช้สายVCTราคาอาจจะแพงแต่ทนแดดทนฝนและทนหนู
แหม..ไม่เข้ามาตอบนาน ยังมีคนบ่นคิดถึง (55+)
ฟันธงให้อีกครั้งครับ ว่าไม่แตกต่างในเรื่องของ False alarm
1. คลื่นความถี่ไม่มีผลต่อเรื่อง False alarm
ในไทยไม่อนุญาตให้ใช้ 868 เพราะตรงกับหน่วยงานในไทยใช้อยู่
2. จะสายโทรศัพท์หรือสาย Alarm cable ก็ไม่มีผล มีผลต่างกันในเรื่องของการ installation ถ้าเป็นสายโทรศัพท์จะมีโอกาสหักในง่ายกว่า เพราะ shield จะบางกว่ามาก
และ alarm cable นั้นจะเป็นสายฝอย ส่วนสายโทรศัพท์จะเป็นสายแข็ง(ทองแดงเส้นเดียว)
แต่ถ้าในการเดินสาย เข้าท่อร้อยสาย ใส่ flex ตามมาตรฐาน จะใช้อันไหนก็ไม่ต่างครับ
ถ้าเทสแล้วไม่มีปัญหา ก็ใช้ยาวไป
ปัญหาที่เกิด Fault alarm ของ PIR detector คือ
1) ประสบการณ์ของช่าง > อันนี้สำคัญที่สุด เพราะไม่ว่าคุณภาพอุปกรณ์จะดีขนาดไหนก็ตาม
แต่ช่างที่ไม่มีความเชี่ยวชาญติด มันก็มีปัญหาอยู่ดี
2) คุณภาพของตัว PIR เอง > โดยปกติถ้าเป็น Brand ดังๆมักจะใช้ได้
ของ Yale เอง จะเป็น OEM แต่เชื่อถือได้ เพราะมาจากโรงงานดัง
อ้อ..ลืมบอกไป
ราคาที่แจ้งมาสำหรับ Texecom นั้น คุ้มครับ แต่คุ้มช่าง (55+)
สมาชิกใน community ผมซื้อกันอยู่ 1-2 หมื่นกว่าๆ สำหรับเซ็ตดังกล่าว
ปล. ใน กทม นะครับ ต่างจังหวัดอาจแพงกว่า
แต่อาจเป็นไปได้ว่าอาจจะเดินสายยากและลำบาก รวมถึงถ้ามีการกรีดผนัง, etc.. ราคาจะสูงขึ้นตามครับ
โห ประหนึ่งจุดธูป น้า Vivandi เฮี้ยนจริงๆ ครับ รู้ได้ยังไงเนี่ยว่ามีคนบ่นถึง อิอิ
ผมกะลังนั่งอ่านเว็บของน้าอยู่เลยนะครับ ใจยังคิดเลยว่านี่ถ้าได้น้ามาตอบก็ดีสิ
ไหนๆ ก็มาแล้ว ผมขอถามเลยละกันนะครับ
คือช่างของผมเนี่ย แกเชียร์มาเรื่องเครื่องแบบเดินสาย แกบอกว่าไร้สายมันยังกันพวกแจมเมอร์รึเครื่องตัดสัญญาณไม่ได้ และเดี๋ยวนี้เครื่องตัดสัญญาณก็ลักนำเข้ามาจากจีนเครื่องละไม่กี่หมื่นเอง
แกบอกว่าติดแบบเดินสายไป สายสัญญาณแกใช้ให้อย่างดีกันหนูกันปลวก เมื่อวานแกมาดูหน้างานก็ปอกให้ดู ข้างในเป็นฝอยๆ อย่างที่น้าว่าเลยครับ แกบอกดึงได้ไม่ต้องกลัวขาด ติดแล้วใช้ไปเถอะ 7 ปี 10 ปี ไม่ต้องคอยมานั่งเปลี่ยนถ่านปีละเป็นพัน
แต่ทีนี้ผมก็ไม่แน่ใจเรื่องราคา เพราะเท่าที่เช็คมาหลายเจ้า มีแต่คนบอกว่าเดี๋ยวนี้เดินสายถูกกว่าไร้สายแล้ว (ไม่รู้ว่าจะขายของรึเปล่า -*-) แต่ทำไมเจ้าของผมเดินสายถึงได้แพงบรรลัยเยี่ยงนี้ แถมอุปกรณ์ก็น้อยชิ้นเหลือเกิน
ตอนนี้ก็มี Wisdom มาเสนอราคาให้ 26,900 (ค่าติดตั้ง 5000) ได้ PIR 3 ตัว, รีโมท 2 แถม Home Automation และแบตสำรองไฟ
มันเหนือกว่า Yale แบบน่าจ่ายเพิ่มรึเปล่าอ่ะครับ
PIR ที่เกิด false alarm บางยี่ห้อเป็นเพราะมันไวมาก เคยไปทดสอบบ้านลูกค้า เขาเลี้ยงแมว แมวมันเดิน PIR จับความเคลื่อนไหว ทำให้ไซเรนดัง เลยไปปรับให้สัญญาณมันไม่ไวมาก ได้ผล แมวเดิน PIR จะไม่จับความเคลื่อนไหว แต่ถ้าแมวมันวิ่งเร็วๆ หรือกระโดด PIR มันจะจับและทำให้ไซเรนดัง
ส่วนเรื่องเดินสายหรือไร้สาย ตั้งแต่ขายมานี่ ระบบไร้สาย ขายแล้วลืมกันไปเลย มันทนมาก (ถ้าช่างเดินสายไว้เรียบร้อยดีและอุปกรณ์ได้มาตรฐาน) ระยะเวลานานที่สุดเท่าที่รู้คือ 13 ปี ลูกค้าเพิ่งจะโทรมาบอกว่า บอร์ดเสีย ตั้งแต่ติด ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย รุ่นที่เขาเคยติด บริษัทเราเลิกผลิตไปแล้ว
เรื่องค่าเดินสาย อุปกรณ์ 20-30 ตัว (เช่น แม่เหล็กไฟฟ้า 20 จุด PIR 2 จุด คีย์แพด 2 จุด ไซเรน 2 จุด) ค่าเดินสายจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท ค่าโปรแกรมต่างหาก ปกติเราขายนี่ คำนวณราคาทุกงาน ไร้สายมักแพงกว่าเดินสายเสมอเพราะอุปกรณ์แต่ละจุดมันแพงกว่ายกเว้นเจ้าของบ้านจะประหยัดโดยติดแต่ PIR
ยี่ห้อ wisdom นี่เราไม่เคยได้ยินอ่ะ ที่รู้จักก็มี GE, Bosch, DSC, Maxwell, Crow ของ Crow นี่มันมีบอร์ดเสียงด้วย "เกิดเหตที่โซน 1 ห้องนอนใหญ่" แถมโทรเข้าไปปิดหรือเปิดระบบได้ด้วย
ขอโทษที เขียนผิด ระบบเดินสายนะที่ขายแล้วลืมกันไปเลยเพราะทนมาก
ความถี่ 433MHz ที่ใช้ในรีโมทควบคุมและอุปกรณ์ไร้สายบางอย่าง
เป็นความถี่ที่ไม่ต้องขอใบอนุญาต (Unlicensed Band)
โดยมีข้อกำหนดให้มีกำลังส่งไม่เกิน 10 มิลลิวัตต์ ทำให้สามารถใช้งานได้ในระยะประมาณ 10 เมตรเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริง ต้องบวกลบเผื่อไว้ด้วย หยั่งรีโมทรถยนต์ผมมาใหม่ๆ นี่ 20 เมตร ได้สบายๆ แต่หลังๆ สงสัยถ่านอ่อนเหลือไม่ถึง 5 เมตร
ดังนั้นปัญหาที่จะเกิดจากอุปกรณ์ไร้สายตัวอื่น จึงจำกัดวงอยู่ในรัศมีประมาณ 30 เมตร (บวกเผื่อให้อีก 10 เมตร)
แต่เนื่องจากแต่อุปกรณ์ไร้สายแต่ละแบบแต่ละยี่ห้อ จะมีการเข้ารหัสแตกต่างกัน
ทำให้อุปกรณ์แต่ละตัว จะไม่ยอมรับสัญญาณที่ส่งมาโดยเข้ารหัสไม่ถูกต้อง
และหากมีการส่งสัญญาณมาพร้อมๆ กันจนเกิดการกวนสัญญาณกัน จะมีการร้องขอซ้ำจนกว่าจะได้สัญญาณที่ถูกต้อง
ดังนั้น ถ้าในสภาพปกติ อุปกรณ์ไร้สายทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น รีโมทรถยนต์ รีโมทประตูรั้ว หรือกันขโมยไร้สายของเพื่อนบ้าน
ถ้าทำตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ การเกิด false alarm จากการกวนของอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงกัน จึงไม่น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ครับ
แต่..โอกาสที่จะเกิดก้อมีครับ ถ้ามีอุปกรณ์ตัวอื่นส่งสัญญาณในคลื่นความถี่เดียวกันออกมาแรงมากกว่าปกติ
ตัวอย่างเช่น พวกแจมเมอร์ที่ว่ามา ซึ่งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดชอบใช้กวนสัญญาณรีโมทที่ภาคใต้
หรือมีสถานีวิทยุเถื่อนที่ลักลอบใช้สัญญาณในย่านความถี่เดียวกันหรือใกล้เคียงมาตั้ง ซึ่งแน่นอน คงไม่ได้ส่งมาแค่ 10 มิลลิวัตต์
หรือ..อุปกรณ์กันขโมยไร้สายของเราเอง บกพร่อง เสื่อมสภาพ จนส่งสัญญาณออกมาได้อ่อนมาก
ซึ่งผลที่ได้ ก้อแล้วแต่ตัวควบคุมกลางว่าจะตีความหมายเป็นอะไร สัญญาณขาดๆ หายๆ ถ่านอ่อน แจ้งเตือนทาง sms
หรือ ติดต่ออุปกรณ์ตรวจจับไม่ได้ เข้าใจว่าตัวอุปกรณ์ตรวจจับถูกทำลาย เลยสั่งให้ไซเรนร้องพร้องแจ้งเตือนทาง sms
ซึ่งทำให้เจ้าของบ้าน สามารถทราบได้ทันทีว่ามีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว
แต่นั่นต้องดูด้วยว่า ตัวควบคุมกลางต้องมีคุณสมบัติที่จะแจ้งเตือนสิ่งผิดปกติเหล่านี้ด้วยนะครับ
ในส่วนอุปกรณ์ตรวจจับนั้น เห็นด้วยกับคุณ vivandi ที่ false alarm มักจะเกิดกับตัว PIR ทั้งในเรื่องของช่างติดตั้ง และตัวคุณภาพของ PIR
ในขณะที่ตัวตรวจจับแบบ Magnetic Detector แทบจะไม่เกิด false alam เลย เพราะกลไกการทำงานที่เป็นแบบง่ายๆ หลุดถึงร้อง
ซึ่ง PIR บางยี่ห้อ โดยเเฉพาะของจีนๆ นั้น แค่สิ่งของเคลื่อนไหว เช่น ผ้าม่าน ขยับ มันก้อคิดว่าเป็นผู้บุกรุกแล้ว
แต่ถ้าเป็น PIR ยี่ห้อดังๆ จะฉลาดกว่า ผมเคยทดสอบโดยเปิดแง้มหน้าต่าง
แล้วยื่นมือเข้าไปโบกไปโบกมา มันก้อไม่ร้อง แต่ถ้าโผล่เข้าไปแค่ครึ่งตัว ร้องทันที
ดังนั้น ถ้าเลือก PIR ยี่ห้อดีๆ ก้อมีโอกาสเกิด false alarm ได้น้อยกว่าครับ
ส่วนเรื่องถ่านนั้น ปกติ พวกกันขโมยไร้สายที่ใช้ถ่านลิเทียม จะประมาณ 2-3 ปี ถึงจะเปลี่ยนถ่านกัน
และถ่านลิเทียมที่เอามาเปลี่ยน จะว่าแพงก้อแพง แต่เคยเห็นที่คลองถมขายก้อนละ 30กว่าบาทไม่รู้ว่าใช้ได้ดีเหมือนก้อนละ 100กว่าบาทหรือเปล่า
ส่วน wisdom เนี่ย เคยเห็นราคาที่งานสถาปนิค 29900 ฟรีติดตั้ง รวมแวตแล้ว ได้อุปกรณ์ตามที่บอกใน คห 16 ต่างแค่ PIR ได้ 4 ตัว
ข่าวนี้เหมือนสัญญาณกันขโมยแบบเดินสายนะ เช็งเป็ด….
http://www.thairath.co.th/today/view/130641
เพราะไอ้ false alam นี่เอง เพื่อนบ้านเป็นบ่อยมาก มาเมื่อสามสี่วันก่อนมันดังขึ้นมา ไอ้เราก็นึกว่าเป็น false alam เลยไม่ได้สนใจทั้ง ๆ ที่เราก็อย่บ้าน ได้แต่ชะโงกดูนิดหน่อย ที่ไหนได้เพื่อนบ้านโดนงัดด้านหลังบ้าน ดีว่ายังงัดไม่สำเร็จ
PIR/MW ราคาแพงกว่า PIR อย่างเดียวไม่มาก
แต่โอกาสเกิด false alarm น้อยกว่าเยอะเลย
ค่าอุปกรณ์ wireless จะสูงกว่าครับ
แบบเดินสาย ราคาอุปกรณ์จะถูกกว่า แต่รวมๆออกมา ราคาจะสูงมากกว่าถ้าเดินสายและออกแบบตามมาตรฐาน security
ปล. ไม่แนะนำให้ใช้ PIR + Microwave ถ้าไม่จำเป็นนะครับ
เพราะถ้าคนรู้หลัก เดินทะลุได้เลยหละ ง่ายต่อการเกิด Missed alarm (ไม่ตรวจจับ) มากๆ
ที่จำเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง
1) หนูหรือสัตว์รบกวนขนาดเล็กมากๆ
2) เจอความร้อนหรือแสงอาทิตย์จังๆ
ถ้าไม่มี 2 อย่างที่แจ้งมา แนะนำ PIR เพียวๆ ดีกว่า
สำหรับเรื่องการเลือกยี่ห้อ ก็เลือกเองเลยครับ
สำหรับผม Wisdom ดูจะมีภาษีดีกว่า แต่ Yale ก็ไม่ได้ขี้เหร่แถมไซเรนน่ารักอีกต่างหาก
เอาเป็นว่า เลือกตามกำลังทรัพย์และความจำเป็นครับ
ของผมใช้ แบบมีสาย ของ Bosch อ่ะ
คุณ : PLAKORN
ติดยี่ห้อเดียวกันเลยครับ
ผมติดบ้านแม่บ้านเพื่อนบ้านตัวเองมา หก-เจ็ด หลังแล้ว
ไม่เคยมี false alarm เลยซักหลัง
confirm ว่ายี่ห้อนี้ระบบมีสาย เสถียรจริง
รบกวนสอบถามคุณ vivandi หน่อยค่ะ
หลังไมล์ไปหาแล้วนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
คุณรำพัด ตอบให้แล้วครับ
ที่บ้านใช้ของ Ness ค่ะ เป็นแบบเดินสาย ซื้อ Remote เพิ่ม เอาสบายใจดีกว่าค่ะ ของแบบนี้ทำครั้งเดียวนะคะ
wisdom ของอิสราเอล
ืness ของออสเตรเลีย
wisdom มีระบบกันตัดสายโทรศัพท์ set ให้ หน่วงว่ากี่นาทีถึงalarm ได้
wisdom ลูกเล่นเยอะมากๆ โทรมาสั่งให้เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านยังได้
Risco Wisdom ของเค้าดีจริงๆ ครับ
มาเชียร์อีกคน มีทุกอย่างที่ผมอยากได้จริงๆ
ทั้งนอนหลับ…หรือไม่อยู่บ้าน ก็สบายใจหายห่วง
รบกวนมคุณ vivandi ตอบมาอีกครั้งได้ไหมค่ะยังไม่ได้รับข้อความหลังไมล์เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
ไม่ได้มีเจตนาที่จะส่งเสริม หรือบอกวิธีการ
แต่ระบบทั่วไป มันก็มีช่องว่าง หรือจุดอ่อนเสมอ
สามารถทำได้ครับ ดังนี้
1. ตัดสายสัญญาณโทรศัพท์ ไปที่ตู้ควบคุมของหมู่บ้านจะทุบทั้งตู้ หรือเผาก็แล้วแต่สะดวก แต่ถ้าเจ้าของบ้านใช้ Option แบบ mobile ก็ต้องใช้เครื่อง Scramble เพื่อรบกวนสัญญาณมือถือ เพื่อไม่ให้โทรแจ้งไปหาเจ้าของได้
2. ทุบสัญญาณไซเรนที่ติดชั้นสองใต้ติดหลัง วิธีนี้ลำบากหน่อย คือ ต้องปีนขึ้นไปที่ชั้นสองจากตัวนอกบ้าน (เข้าบ้านไม่ได้เพราะมี PIR) แต่ส่วนใหญ่ไซเรนจะติดไว้สองที่คือ หน้าบ้าน (เวลาปีนต้องเนียนๆ หน่อย) และยังไม่พอเพราะส่วนใหญ่ไซเรนติดตั้งอีกอย่างน้อย 1 ตัวที่ใต้ฝ้าเพดาน วิธีคือ ต้องงัดกระเบื้องหลังคา แล้วมุดใต้ฝ้า หาไซเรนให้จอทั้งหมด (ไม่รู้ว่ากี่ตัว) แล้วทุบทิ้ง
3. ตัดสายสัญญาณไฟเรน ที่เดินอยู่ใต้หลังคา เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง
4. ตัดสายไฟบ้านหลังนั้นซะเลย เพราะส่วนใหญ่เครื่องจะมีถ่าน/แบตเตอรี่สำรองไฟได้ประมาณ 6 ชม. ดังนั้นหลังตัดไฟฟ้าได้แล้วก็ต้องนั่งรออีก 6 ชม. เพราะให้แบตเตอรี่หมด แล้วก็จะเข้าได้ทำอะไรก็ได้
ถ้าทำได้ทั้ง 4 วิธีที่บอก…ก็ยอมแล้วล่ะครับ
ยกเว้นว่าระบบนั้นจะมีระบบการป้องกันตัวเอง หากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติได้ (ซึ่งก็น่าจะแพงพอสมควร)