ถ้าเป็นคุณเจอแบบนี้…จะทำยังไง!!!!

เรากับแฟนตัดสินใจจะมีบ้านอยู่ในกรุงเทพ  เพราะทำงานอยู่ในกรุงเทพทั้งคู่  เราไปดูมาหลายที่มาสรุปได้แถวซาฟารี จองพร้อมทำสัญญาไปเมื่อประมาณต้นเดือน มิ.ย. คิดว่าจะให้ทันมาตรการภาษีในเดือนนั้น     สุดท้ายมันก็ไม่ทัน เพราะติดปัญหาเรื่องเอกสาร   (ทางธนาคารและโครงการว่าเช่นนั้น)                                        
      โดยแฟนเรา เงินเดือนประมาณ 8,900 ค่าคอมเดือนละ 12,000 ไม่รวมเบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก อายุงาน3ปีกว่า หนี้สินแฟน 3,000บาทต่อเดือน เป็นบัตรเครดิต สำหรับเรา เงินเดือน 8,500 เบี้ยเลี้ยง 22,000 แต่เรารับเป็นเงินสด เดินบัญชีเองทุกเดือน ส่งประกันสังคมและภาษีทุกเดือน ของแฟนเรามีสลิปเงินเดือนครบถ้วนตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา  เอกสารทุกอย่างเราหาให้ครบถ้วนเท่าที่จะทำได้ ปัญหามันติดตรงเรารับเป็นเงินสด แต่ก็มีหลักฐานว่าเรามีงานทำ มีเงินได้ แค่ไม่มีสลิปเหมือนบริษัทแฟน อายุงานก็1 ปี แล้ว
      เราก็รอถึงแม้ว่ามันจะนานมากแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เราเสียใจมากในวันนี้คือเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ทางแบงค์เหลืองได้กลับมาทำเรื่องให้เราอีกครั้งหนึง เราก็งงเพราะทำไปครั้งแรกเมื่อเดือนก่อน และก็ไม่ผ่านมาแล้ว แต่เราก็ดีใจคิดว่าเขาคงพิจารณาเราอีก ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี แต่ก็เกิดปัญหาอีกจนได้ เนื่องจากราคาประเมินบ้านตก ทางธนาคารก็ให้โครงการเเร่งทำ เพื่อจะมาประเมินรอบสอง
      ธนาคารแจ้งตอนปลายเดือนที่แล้วเราก็เข้าไปดู แทบจะวันเว้นวัน เพราะบ้านยังไม่ปูกระเบื้อง ยังไม่มีประตู หน้าต่าง ทาสีรองพื้นไปรอบเดียว เราเข้าไปดู ไม่เคยไปเร่งช่าง ไม่เคยไปโวยวายอะไร ไม่เคยเรื่องมากอะไร เมื่อวันพุธเราเข้าไปดู ไม่มีคนงานทำอะไรเลย เราก็เข้าใจดีว่าวันนั้นมันเป็นวันหยุดคนงาน พอวันพฤหัส ที่ผ่านมาเราโทรไปหาเซล ที่ขายให้เรา บอกเราว่าจะเร่งให้ พอวันศุกร์เราเข้าไปดูอีกที ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับบ้านเราเลย สภาพทุกอย่างเหมือนวันพุธทุกประการ เราโทรไปถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร ว่าทางโครงการโทรไปบอกหรือยัง ว่าจะให้มาประเมินเมื่อไหร่ เขาบอกว่าวันพุธ ที่14 แต่มองจากสภาพบ้านที่เกิดขึ้น เราคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ เราก็โทรไปหาเซล และก็ถามดีว่า "พี่ค่ะ เห็นธนาคารบอกว่าจะมาประเมิน วันพุธ แล้วจะทันมั้ยค่ะ " ด้วยน้ำเสียงดีๆ เพราะเรากลัวว่าถ้าประเมินแล้วราคาจะตกอีก แล้วเธอก็เริ่มด้วยคำพูดว่า "พี่ก็เร่งให้อยู่ พี่ก็ทำงานหลายอย่างนะ ไม่ได้ทำอยู่อย่างเดียว ตอนนี้ได้ราคา1,800,000 ทุกธนาคารเลยจะเอาที่1,800,000 หรือเปล่าล่ะ" เราก็ถามว่าถ้าไม่เอาที่ราคานี้แสดงว่าเงินจองก็จะไม่คืนใช่มั้ย แล้วเธอก็ว่าสายใช่เราไปเลยค่ะ คิดว่านี้คืออะไร ลูกค้าหรือเซลคือพระเจ้ากันแน่ค่ะ และนี่ก็ไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่เธอมาพูแบบนี้กับเรา!!!

14 thoughts on “ถ้าเป็นคุณเจอแบบนี้…จะทำยังไง!!!!

  1. อ้วนเสน่ห์

    ง่วงแล้วอ่ะค่ะเดี๋ยวจะมาเล่าต่อ

  2. เอก โท ตรี

    เข้ามาถอนหายใจเป็นเพื่อนครับ

    เซลล์หนอเซลล์ -*-

  3. gas_d

    อย่าได้รีบโอนเชียวครับ ไม่ต้องไปเร่งธนาคารด้วยครับ ผ่อนดาวไปเรื่อยๆ ไว้บ้านเสร็จสมบูรณ์แล้วค่อยไปธนาคาร ไม่งั้นโอนก่อนแล้วโครงการไม่สนใจทำงานต่อให้เสร็จก็ซวยเลยละครับ
    ปกติเป็นธรรมดาที่โครงการมักจะเร่งให้เรารีบโอน เพื่อจะได้รับตังค์ไวๆ แต่ถ้าเค้าได้รับเงินไปครบเมื่อไหร่ เราพูดอะไรก็จะไม่มีใครได้ยินแล้วละครับ เป็นเบี้ยล่างเขาทันที จะให้ทำหรือแก้ไขอะไรแทบจะต้องกราบกันเลย ฉนั้นเราต้องเป็นคนออกเสียงก่อนว่าถ้าบ้านไม่เสร็จสมบูรณ์เราจะไม่โอน ทีนี้โครงการก็จะเร่งงานให้เราเองครับ

  4. วีทีอาร์

    เห็นด้วยกับข้างบน ห้ามโอนก่อนเด็ดขาด จองไปเรื่อยก่อน  เสียเงินจองดีกว่า เสียเงินดาวน์นะ กับเงินผ่อนนะ

  5. อ้วนเสน่ห์

    ด้วยความที่เราเข้าไปดูบ้านอยู่บ่อยๆ เราก็ได้ไปคุยกับเพื่อนบ้าน ถึงได้รู้อะไรเยอะที่ทำให้น่าโมโห ตอนยื่นกู้แรกๆ ยื่นกู้ที่แบงค์แดงด้วย เซลให้เซ็นต์เอกสาร แต่ไม่มีการติดต่อจากธนาคาร พอเราถามก็ตอบเราว่า ทางแบงค์นี้เขาต้องดูว่าลูกค้ามีเงินออมมั้ย เราไม่มีเงินออม เลยไม่พิจารณา แต่ข้างบ้านเราเป็นผู้หญิงกู้คนเดียว เงินเดือน 30,000 กว่า รับเป็นเงินสด ไม่เคยมีบัญชี ไม่เคยเสียภาษี ไม่ได้ส่งประกันสังคม ไม่เคยเป็นหนี้อะไรเลย แต่กู้กับแบงค์แดงได้ 2,300,000 ในขณะที่บ้านเขากับเราก็ราคาเท่ากัน แต่มาบอกว่าเรากู้ไม่ได้เพราะไม่มีเงินออม แล้วทำไมข้างบ้านกู้ได้อ่ะ แล้วเมื่อปลายเดือนที่แล้วอีกเช่นกัน เซ็นต์เอกสารอีกแบงค์หนึ่งไป เพื่อกันไว้เผื่อแบงค์เหลืองพลาด จนป่านนี้เรายังไม่ได้รับการติดต่อจากทางธนาคารเลย แล้วคุณคิดว่าคืออะไร นึกถึงทีไรแล้วโมโหค่ะ ไม่อยากจะมองหน้ากันอีกต่อไปเลย เจ็บใจมากตรงมาวางสายใส่เรานี่แหละค่ะ คิดว่าลูกค้าคืออะไร

  6. minttax

    ยื่นหลาย ๆ แบงค์ค่ะ สัก 3-4 เจ้า ทำสัญญาเท่าไหร่ ถ้าเงินไม่มาก ดูโครงการอื่นเผื่อไว่ได้เลย  อย่าลืม เราต้องเป็นหนี้ไปอีก 20 ปี ต้องเลือกที่เราสบายใจที่สุดค่ะ

  7. Hayclub

    โครงการอะไรครับ จะได้เป้ฯความรู้ เพื่อว่าจะมีท่านอื่นหลงไป ในโครงการด้วยนะครับ

  8. nu_ry

    ลองไปแบงค์ ออมสิน ก็ดี นะคะ ธนาคารประชาชน ถึงแม้รับเงินสด ก็น่าจะกู้ผ่าน

    แต่ว่า… ถ้าบ้านไม่เรียบร้อย อย่ายอมโอน ก่อน นะคะ เหมือน คห. ข้างบน ที่บอกไว้  ลองดูมหากาพย์กระทู้ บ้านสวนริมธาร สิคะ พอโอนแล้ว หน้ามือเป็น … เลย

  9. เบาหวิว

    วางหูใส่เราแบบนี้ สวยแน่ พรุ่งนี้แม่จะไปให้ถึงที่เลย ถามมันต่อหน้านี่แหละ ไม่ต้องไปกลัวค่ะ บ้านก็เงินเราทั้งนั้น

  10. aof_kub

    ลองดูในสัญญาครับ ว่ากู้ไม่ผ่านคืนเงินให้รึเปล่าถ้าคืนให้ก็อย่าไปยุ่งเลยครับ กับโครงการแบบนี้ หาที่อื่นดีกว่า แต่ถ้าตกลงอยากได้ที่นี่จริงๆ บ้านยังไม่เสร็จก็อย่าไปโอนเด็ดขาด ขนาดยังไม่โอนยังขนาดนี้เลย ลองยื่นกับแบงค์อื่นดูเองเลยครับ ไม่ต้องไปให้โครงการยื่นให้แล้วเสียเวลาด้วย สู้ๆครับเราทำมาหากินสุจริต สักวันต้องเป็นวันของเราบ้าง

  11. คนเดินผ่านทาง

    การประเมินใช่ว่าจะประเมินจากเงินเดือนอย่างเดียว เขาดูภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆของเราด้วย และหลักฐานทางการเงินและยอดเข้าออกในบัญชี ญาติพี่น้อง
    อย่างพี่ที่เงินเดือน 3 หมื่น เขาสามารถกู้ได้อยู่แล้ว และ เบี้ยเลี้ยงกับเงินค่าคอมธนาคารจะไม่นำมาคิด เขาคิดที่ฐานเงินเดือนอย่างเดียว เพราะเขาถือว่าพวกเบี้ยเลี้ยง ค่าคอม เป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน ไม่มั่นคง เพราะ ปีหน้าปีถัดไปบริษัทอาจยกเลิกก็ได้ เพราะบริษัทจะไม่จ่ายก็ได้ เพราะพวกนี้ถือเป็น้ำใจของบริษัท ไม่ใช่ต้องจ่ายตามกฏหมายแบบเงินเดือน อย่างผมกู้ซื้อบ้านมา เงินเบี้ยกันดารที่ได้ทุกเดือนมาตลอดอยู่แล้วธนาคารยังไม่นำมาคิดเลย ดีที่ ฐานเงินเดือนผมถึง ก็เลยกู้ได้ เขาจะเอาฐานเงินเดือนมา+ – ค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วเขาจะให้ยอดได้เท่าไร อย่างของคุณ 2 คน 8900+8500 ช17400 ธนาคารจะคิดจากยอดนี้ครับ ถ้ากู้เกินตัวธนาคารจะดูองค์ประกอบอื่นอาทิ ญาติพี่น้อง เงินออม ต่างๆ ครับ พี่น้องเยอะใหม ถ้าเราไม่ใหวพี่น้องคงช่วยได้อะไรประมาณนี้อะครับ

    เปอร์เซ็นต์ต่างๆ หาจากในเน็ตมาได้ประมาณนี้ครับ เครดิต google

    ความสามารถในการผ่อน แต่ละธนาคารคิดไม่เหมือนกันคะ บางธนาคารคิด 30% หรือ 1 ใน 3ของเงินเดือนหักค่าใช้จ่าย บางธนาคารคิด 50% หรือ 70% เอาเป็นว่าคิดที่ 30% แล้วกันนะคะ เพราะว่าจะได้สามารถยื่นกู้ได้ทุกธนาคาร

    ถ้าคุณเงินเดือน 50,000 บาท ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ (บัตรเครดิต ผ่อนรถ หรือบ้านอีกหลัง ) คุณสามารถผ่อนได้เดือนละ 15,000 บาท (คิดที่ 30% ตัวเลขกลมๆ)
    ส่วนเงินค่าโอที โบนัส หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วแต่ธนาคารนะคะ ว่าจะคิดให้อย่างไร บางธนาคารคิดให้ 50% บางธนาคารไม่คิดให้เลย บางธนาคารคิดจากรายได้ที่ยื่นเสียภาษี/12 เดือนเลยก็มี ถึงได้บอกให้เตรียมตัว 1 ปีไงคะ

    หากคุณมีค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้านอีกหลัง ให้เอาเงินเดือนแล้วลบค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้านออก แล้วคิด 30%
    หากมีบัตรเครดิต ให้ลบใบละ 1,000 บาทเป็นอย่างต่ำ
    ดังนั้น หากคิดจะมีบ้าน ให้เคลียร์ รถ บ้านอีกหลัง ปิดบัตรเครดิตให้มากที่สุด และที่สำคัญ ให้จ่ายหนี้ทุกอย่างให้ตรงตามเวลา จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องเครดิตบูโร

    แล้วบ้านหลังละเท่าไหร่ ผ่อนเดือนละเท่าไหร่ละคุณเปิ้ล
    อันนี้เปิ้ลมีตาราง คิดคร่าวๆ มาให้ดูก่อน และสำหรับระยะเวลาการผ่อนชำระคิดที่อายุคะ เอา 60 – อายุของคุณ = ปีที่ต้องชำระเงินคะ

    ผู้กู้สามารถกู้ร่วมได้ 3 คนสูงสุดนะคะ
    คือเอารายรับของ 3 คนมารวมกัน
    ปีที่ต้องชำระ คิดที่คนที่อายุน้อยที่สุดคะ

    อัตราที่คิด 30% ของรายได้เป็นอัตราที่น้อยที่สุด ส่วนใหญ่เป็นธนาคารของรัฐ และธนาคารพานิชย์ที่เป็นแบงค์ใหญ่คะ
    บางธนาคารคิดให้ 50% หรือ 70% นั่นหมายถึงคุณจะสามารถได้บ้านราคาที่แพงขึ้นคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูความสามารถของคุณเป็นหลักนะคะว่าคุณเองสามารถที่จะผ่อนได้ที่เดือนที่เท่าไหร่ เพราะธนาคารเองไม่ได้อยากยึดบ้านของคุณหรอกคะ เค้าอยากได้เงิน ส่วนคุณเองก็ไม่อยากให้บ้านโดนยึดเช่นเดียวกัน และที่สำคัญ เวลาคุยกับเซลล์ให้พูดความจริงนะคะ เซลล์อย่างเราอยากขายบ้านให้ได้ก็จริง แต่เราก็อยากให้ลูกค้าได้บ้านของคุณ มากกว่าอยากยึดเงินดาวน์บ้านคะ

    *** หมายเหตุ***
    อัตราทั้งหมดเป็นอัตราคร่าวๆ นะคะ
    สามารถเช็คได้อีกครั้งกับธนาคารที่คุณประสงค์จะขอกู้
    และโครงการที่มีคอนแท็คกับธนาคารใดอยู่ด้วย

  12. ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ (ทำอะไรตามใจคือไทยแท้)

    แบงค์ก็ยุ่งยากแบบนี้แหละค่ะ ตอนนี้ก็ทำเรื่องกู้อยู่ค่ะ แต่ผ่านแล้ว ทำไมถึงผ่านเหรอคะ  เพราะคงจะเสียลูกค้าด้วยค่ะ เพราะเคยขู่ไว้ค่ะ ดิฉันเป็นลูกค้าชั้นดีค่ะ มีเงินฝากเข้าปีละสามล้าน แต่ก็ออกด้วยนะคะ ก็ใช้หมดไปล่ะค่ะ แต่หนี้ธนาคารจ่ายมาห้าปีแล้วไม่เคยเลยที่จะขาด เป็นหนี้อยู่สองล้านบาทค่ะ ซื้อบ้านจัดสรรไว้สองหลัง ค่ะเอาไว้ให้เค้าเช่า  แล้วเอาเงินเช่ามาจ่ายแบงค์ ตอนนี้อยากมีบ้านในฝันเป็นของตัวเอง ก็เลยตั้งใจจะขอกู้เพื่อปลูกบ้านบนเนื้อที่ห้าไร่ครึ่งซึ่งไม่ติดภาระใดๆทั้งสิ้น  แต่เอาเข้าแบงค์แค่สองไร่กว่าๆเท่านั้น เพราะเนื้อที่ติดกันแต่แบ่งเป็นหลายโฉนด ประเมินค่าก่อสร้าง2,900,000 บวกกับค่าดิน4,000,000กว่าๆ เกือบ ห้าล้าน  ก็ปาไปเกือบแปดล้านแล้วค่ะ  แต่ธนาคารให้กู้ได้ แค่ 1,860,000 แค่นี้ยังใช้เวลาตั้งสองเดือนครึ่งเลยค่ะ เหนื่อยหน่อยนะคะ ดิฉันก็ถอดใจเหมือนกัน ค่ะ แต่โชคดีหน่อย เพราะเงินก็หาได้เรื่อย ก็สำรองจ่ายไปก่อน ตอนนี้ยังไม่ได้ตีเสาเข็มเลยค่ะ รอมาสามเดือนแล้ว ฝนตกไม่เอื้ออำนวยเลยค่ะ แถวบ้านยังมารื้อถนนทำประปาใหม่ ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ไม่รู้จะได้บ้านกับเค้ารึเปล่า ขอเข้ามาระบายด้วยคนนะคะ

Comments are closed.