ให้เขาเตรียมยื่นกู้แบงค์อื่นไว้เลย ของแบบนี้ต้องเด็ดขาดนะครับ
ต้องกำหนดไว้เลยว่าวันไหน ไปยอมเขามากไปก็ไม่ดีนะครับเราจะเดือดร้อน
ไม่งั้นเราก็ต้องให้เขาย้ายออก แล้วประกาศขายใหม่ครับ

เราขอเงินมัดจำก่อน 10,000 หลังทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้ซื้อพูดทำนองว่า
ออกจะเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้ซื้อและเห็นแก่ได้ไปหน่อย!

ผู้ซื้อจะไปทำเรื่องกับธนาคารบอกว่าเราควรจ่ายค่าประเมินห้องให้…..(เอ่อ!
ถ้ามีคนสนใจมาดูห้องเรากัน 10 คนเราต้องจ่ายให้ทั้ง 10 คน รายละสองพันกว่าบาททุกรายก็ไม่ไหวนะ
สมัยเราซื้อห้องนี้มาเราก็จ่ายเองหมดเหมือนกัน)

พอธนาคารอนุมัติมา ปรากฏว่าผู้ซื้อมีเงินไม่พอจ่ายส่วนต่างกับเราอีก 80,000 บาท
ขอให้เราโอนห้องให้เขาก่อน แล้วเดี๋ยวเขาจะนำเงินส่วนที่เหลือมาใช้ให้

พอหาเงินมาได้แล้วนัดวันกระทันหัน บอกวันอังคารนัดโอนวันศุกร์ แล้วดิฉันจะ
ทำเรื่องไถ่ถอนกับธนาคารทันไหม? T__T

โอเคพอจัดการกับธนาคารได้ นัดกันเรียบร้อย เร่งให้เรากับแฟนรีบไปที่ดินแต่เช้า
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเข้าคิวนาน และทำเรื่องเสร็จไว ๆ เรากับแฟนรีบไปถึงที่ดิน
ก่อนแปดโมงครึ่ง แต่ผู้ซื้อที่เร่งเรายิ่ก ๆ ๆ ๆ ให้รีบมา กลับมาเป็นคนสุดท้ายหลัง จนท. ธนาคารซะอีก
อีพี่สาวนี่ตัวดีเลย มาหลังสุด ทำหน้าบูดหน้าบึ้ง ว่าทำไมทำช้ากันแบบนี้ (ก็หันไปถาม
น้องตัวดีของคุณสิยะ!!!)

สุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยดี แม้จะต้องมีการถลกขากางเกงหนีน้ำท่วมกันนิดหน่อยก็ตาม
ผู้ซื้อได้ห้องไปสมใจ ผู้ขายก็ได้รับเงินมาตามส่วนต่างที่ต้องการ เรื่องนี้สอนให้ผู้ขายรู้ว่า
จงใจเย็นแต่อย่าเย็นใจ หากคิดจะขายบ้านต้องตั้งสติ และหาวิธีการคุยกับผู้ซื้อดี ๆ
ตามข้อมูลเขาได้ แต่อย่าไปเร่งรัดเขามาก

ถ้ารอบนี้ไม่สำเร็จ คราวหน้าซื้อขายจะได้รอบคอบขึ้น

แต่ผมว่าลองเค้าย้ายของเข้ามาแล้ว ยังไงคงกู้ให้ได้หล่ะครับ
ย้ายหลายรอบมันก็ไม่สนุกเหมือนกัน