สามารถบ่มปูน ไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม หลังจากที่ ผิวหน้าของปูนแห้งสนิทแล้วครับ ซึ่งจะบอกเวลาที่ตายตัวไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนผสมของปูน หรือ ความชื้นในอากาศ หรือความชื้นของชั้นพื้นล่างของคอนกรีต แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องใช้เวลา 6 – 10 ชั่วโมง นับจากเริ่มเทคอนกรีตครับ

เช่นหลังเทปูนแล้วประมาณกี่ชม.ครับ

วิธีการบ่มคอนกรีต

การบ่มคอนกรีตโดยการบ่มน้ำ ใช้การพรมน้ำเช้า เย็น อันนี้ควบคุมยากมักชอบลืม

การบ่มคอนกรีตโดยการขังน้ำ ใช้ได้เฉพาะงานบ่มคอนกรีตพื้น (วิธีนี้ดี แต่จะมีน้ำขังทำให้ทำงานลำบาก เปียกเลอะเทอะ เหมาะกับลานจอดรถ,ลานสินค้าเทกอง,ดาดฟ้าบางที่,ถนนในโรงงาน มากกว่าครับ )

การบ่มคอนกรีตโดยน้ำยาบ่มคอนกรีต จะใช้น้ำยาบ่มคอนกรีตทาเคลือบผิวคอนกรีต ควบคุมงานยากผู้รับเหมามักลักไก่ไม่ทา ตรวจสอบยาก และน้ำยาบ่มมีทั้งแบบสลายตัว และไม่สลายตัว แบบไม่สลายตัวไม่เหมาะกับงานที่จะต้องมีการฉาบผิวเนื่องจากอาดทำให้ผิวฉาบหลุดล่อนได้

การบ่มคอนกรีตโดยดัดเเปลงทําเป้นห้องบ่มคอนกรีตควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในช่วง 21-25oC และมีความชื้นสัมพัทธ์เท่ากับ 100%( อันนี้ทํากันน้อยสุด เหมาะกับงานหล่อชิ้นงานไม่ใหญ่มาก )

การบ่มคอนกรีตโดยใช้วัสดุคลุม มีใช้ได้หลายชนิดเช่น

โรยทราย คลุมต้องพรมน้ำด้วย (วิธีนี้ไม่ดีนัก ต้องมีการเก็บทำความสะอาดอีก)

การคลุมด้วยกระสอบต้องพรมน้ำด้วย ( ต้องคอยรดน้ำ บางครั้งมีกลิ่นเหม็นจากกระสอบที่บูดเน่า)

การบ่มโดยพันด้วยพลาสติก วิธีนี้ดีที่สุดไม่ต้องคอยลดน้ำ และความชื้นจะถูกกักเก็บได้ดีและนาน

ในกรณีการบ่มปูนลานจอดรถของคุณ ถ้าไม่มีการใช้พื้นที่ตรงจุดนี้เเนะนำให้คนงานปั้นดินเหนียวยกขึ้นเป็นคันกั้นน้ำเล็กๆโดยรอบลานจอดรถที่เทหล่อคอนกรีต เเล้วค่อยปล่อยน้ำเเช่ขังบนพื้นคอนกรีตที่เราเทหล่อไว้เลยครับ เพราะมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เเละ เวิร์คที่สุดครับ

ในความเข้าใจของผม เรื่องพื้นร่อน หมายถึงพื้นคอนกรีตแตกหลุดจากการเกาะยึด แล้วร่อนออกจากพื้นดินชั้นล่าง ซึ่งกรณีแบบนี้ น่าจะมาจากความหนาของคอนกรีตไม่เพียงพอ (ทำให้แตก) หรือ ไม่ได้ผูกเหล็กหรือวางไวร์เมช (ทำให้ไม่มีการยืดหยุ่นในการรับน้ำหนักกดในแนวดิ่ง จนกระทั่งพื้นผิวคอนกรีตแตกหักได้)

ส่วนเรื่องหินโผล่ออกจากพื้นผิวคอนกรีตนั้น เกิดจาก ส่วนผสมของปูนไม่ดีพอ หรือ ขณะที่คอนกรีต ยังไม่แห้ง ผิวคอนกรีตเกิดถูกน้ำชะล้างปูนออก เช่น ถูกฝน เป็นต้น โดยไม่ได้รับการแก้ไข ณ ขณะนั้น (วิธีแก้ไข คือการใช้ผงปูนโรยพื้นผิว เพื่อซับน้ำ แล้วทำการปาดแต่งผิวหน้าคอนกรีตใหม่ ส่วนกรณีที่ฝนตก ต้องหาผ้าใบมาคลุมพื้นผิวคอนกรีตที่ยังไม่แห้งครับ) กรณีพวกนี้ ไม่ว่า เรื่องแตกร่อน หรือ เห็นหินโผล่นั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการบ่มปูนครับ

เรื่องการบ่มปูนนั้น จำเป็นต้องทำอยู่แล้ว เนื่องจากว่า หลังจากที่เทคอนกรีต แล้ว ประมาณ 3 – 4 ช.ม. ผิวหน้าปูนก็จะเริ่มแห้ง ผ่านไป 6 – 7 ชั่วโมง พื้นผิวหน้าก็จะเริ่มแข็ง แต่ว่า มันแข็งเฉพาะพื้นผิวนอกครับ ภายใน คอนกรีต จะค่อยๆทำปฏิกริยาคายความชื้นออกมา ตัวคอนกรีตจะมีความร้อน วัตถุประสงค์ของการบ่มปูน ก็เพื่อต้องการให้ปูน ค่อยๆคายความชื้นออกมา โดยใช้น้ำเป็นตัวช่วย ระบายความร้อน เพราะมิเช่นนั้นแล้ว คอนกรีตจะคายน้ำออกมาเร็วเกินไป ทำให้เกิดการแตกร้าวของพื้นปูนได้ครับ ซึ่งสมัยก่อน นิยมใช้กระสอบป่าน ปูปิดทับพื้นผิวคอนกรีต แล้วรดน้ำให้เปียกชุ่มตลอด ซึ่งค่อนข้างประหยัดน้ำ แต่เนื่องจากปัจจุบัน กระสอบป่านหายากและแพงมาก บางรายอาจจะใช้วิธี ทำคันกั้นขอบ แล้ว หล่อน้ำเอาไว้บนผิวคอนกรีต หรือ บางรายก็ใช้วิธี ทาหรือพ่นสารเคมีที่ใช้บ่มปูน ก็ได้ครับ

การบ่มปูน สำคัญที่สุดใน 7 วันแรก ซึ่งอยู่ในช่วงปูนเซทตัว ผ่านพ้น 7 วันแล้ว จึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ให้พื้นผิวปูนเปียกชุ่มตลอดเวลา หลังจากพ้น 7 วันไปแล้ว จะบ่มต่ออีก 7 วันก็ได้ หรือ ไม่บ่มก็ได้ แต่ปูนก็ยังทำปฏิกริยา คายความชื้นต่อไป หลังจากเทคอนกรีตไปแล้ว 14 วัน จึงพอจะเริ่มใช้งานพื้นคอนกรีตได้ แต่ยังไม่ได้เต็มที่ จนกระทั่ง 21 – 28 วันไปแล้ว พื้นคอนกรีตนั้นจึงจะใช้งานได้ 100% เต็มครับ

ฉีดน้ำครั้งแรก หลังจากเทพื้นกี่ชั่วโมง