คือ…อยากซื้อบ้านใหม่เป็นของตัวเอง
แต่คิดไปคิด…ชาตินี้ชั้นจะมีปัญญามั้ยเนี้ย
-อาชีพ รับราชการ (ชาตินี้คงไม่เปลี่ยนงานแล้ว)
-อายุ 30 ปี
-เงินเดือนตอนนี้ 11420 บาท บวกเงินค่าวิชาชีพ 10000 บาทต่อเดือน
รบกวนเพิ่อนๆช่วยคิดคำนวณให้หน่อยค่ะ
ว่าถ้าจะหาซื้อบ้านใหม่ให้ตัวเองซักหลัง จะหาราคาประมาณเท่าไรดี
พี่ของเรานะ ทำงานที่เดิมตั้งแต่เรียนจบจนปีนี้อายุ 29 แล้วเงินเดือนยังไม่เท่าคุณเลยคะ แต่ครอบครัวเราอาศัยช่วยกันผ่อนคะ เพราะกะจะสร้างบ้านเหมือนกัน กู้คนเดียวคงไม่ไหวคะ
เราว่าถ้าคุณเรียนจบ ก็หารายได้พิเศษได้คะ อาชีพเฉพาะทางได้เงินดีกว่าสายอื่นนะ
คุณ หมอ chan ดีจังเลยครับ
ถ้าเป็นคนทั่วๆ ไป รายได้ประมาณนี้ น่าจะกู้ได้ไม่เกินล้านครับ ประมาณ 800,000
แต่สำหรับคุณซึ่งเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างประจำน่าจะได้มากกว่านี้ เนื่องจากมีสวัสดิการหลายๆ อย่างรองรับ เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์, โครงการบ้านเพื่อข้าราชการ ลองศึกษาสิทธิประโยชน์ของหน่วยงานต้นสังกัดของคุณดู
กรณีของผมเหนื่อยกว่าของคุณอีกครับ ผมเป็นพนักงานราชการ ต่อสัญญา 5 ปี ครั้ง เงินเดือน 11,390 บาท บวกค่าครองชีพ เหมือนกัน ภรรยาก็เป็นพนักงานราชการเหมือนกัน เงินเดือนรวมกัน สองหมื่นกว่าๆ ตอนยื่นกู้กังวลมากว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ได้ในวงเงิน 1,600,000 บาท แต่ก็เหนื่อยพอดีกว่าจะได้ ต้องหาเอกสารรับรอง หลายอย่าง
แต่ทำไงได้ ตำแหน่งพนักงานราชการมันไม่มั่นคงเหมือนข้าราชการ
ลืมบอกไป ผมอายุมากกว่า จขกท.อีกนะ 34 แล้ว
ราคาบ้านไม่ได้บ่งบอกความสุขของคนในบ้านหรอกคะ
ลองหาบ้านที่เหมาะกับเรา บ้านที่ไม่สร้างภาระสร้างความทุกข์ความลำบาก
มากเกินไป
เปลี่ยนมุมมองใหม่ จากราคาบ้าน
มาเป็น บ้านไหนกันนะ ที่จะเหมาะกับเราจริง ๆ
เหมือนหาคู่นะ
จอคู่แท้ ก็อยู่กันจนตายจาก เสาพังกันไปข้างนึง อะคะ
ปูนน้อยทำรังแต่พอตัว ขยันอดออมใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น
เงินเดือน2หมื่นกว่า เก็บออมเดือนละ1หมื่น
1ปีได้1.2แสน
10ปี1.2ล้าน
ผ่อนบ้านหลังละพอเหมาะพอดี หลังละ1ล้าน ไม่เกิน1.5ล้านน่าจะกำลังดี
ถ้าไม่คิดแต่งงาน ซื้อคอนโดห้องเล็กๆราคาไม่เกิน 1 ล้านอยู่สะดวกกว่าเยอะ แล้วนำเงินที่เหลือสะสมด้วยการทะยอยซื้อหุ้นดีๆ บริษัทใหญ่ๆที่ไม่มีหนี้สิน มีเงินปันผลสมำเสมอ …ทำไปแบบนี้สัก 15 ปี เมื่อคุณอายุ 45 มองย้อนกลับมา แล้วจะยกนิ้วให้ตนเอง "เยี่ยม" …นกน้อยสร้างรังแต่พอตัว
ค่าวิชาชีพ อยู่ในใบรับรองเงินเดือนหรือเปล่า
ถ้าอยู่ในใบสลิปเงินเดือน น่าจะได้เยอะ เพราะ ราชการจะเป็นสวัสดิการ ธอส. แต่ถ้าไม่อยู่ในสลิปเงินเดือนน่าจะได้น้อยอยู่
เอา วิชาชีพ มาหาเงินซิครับ
เงินล้านหนึ่งหาไม่ยากหรอก
ขนาดแม่ค้าธรรมดา ไม่มีวิชาชีพ เขายังมีเงินแสนเงินล้านกันทั้งนั้น
วิชาชีพ นั่นล่ะครับคือ ปัญญา
กี่ล้านน่ะไม่สำคัญหรอกครับ ต่อให้ไม่มีบ้าน เช่าเขาอยู่เป็นรายเดือน
ขอให้มีที่อยู่ และอยู่อย่างสุขกายสบายใจ ก็พอแล้ว
ถ้าจะหาบ้านสักหลัง ลองคิดถึงอนาคตด้วยว่า จะอยู่ที่เดิมตลอดไปไหม
จะต้องอยู่กันกี่คน ต่อไปอีกสัก 5-10 ปี ควรมีรายได้เท่าไหร่ต่อเดือน ตอนนี้และอนาคตต้องมีภาระอะไรอย่างอื่นอีกไหม แล้วค่อยมาคิด ว่าจะเอาบ้านแบบไหนดี คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ หรือบ้านเดี่ยว ใหม่หรือเก่า ราคาเท่าไหร่ หรือควรจะเช่าเขาอยู่และเก็บเงินไปก่อน การเช่าเขาอยู่ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ ที่ดีคือเราไม่ต้องมีภาระในตัวบ้านมากเท่าไหร่ นึกอยากจะไปเมื่อไหร่ก็ได้
ที่อยากจะเตือนคือ เรื่องจะเสียเงินน่ะ ใจเย็นๆครับ อยากจะเสียเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องให้คุ้มค่าครับ
ผมเป็นข้าราชการ อายุ 27 ปี เงินเดือน 11440 บาท บ้านอาศัยอยู่กันทังหมด 6 คน ผมปลูกบ้านราคา 6 แสนกว่า เน้นประหยัด ไม่เคยคิดเอาบ้านราคาเป็นล้าน เพราะเสียดายเงิน ข้างบ้านผม เค้าชอบแข่งเยาะเย้ยกับผม จะปลูกบ้านราคา 5 ล้าน หวังให้อิจฉา ผมคิดถ้ามีเงินมากขนาดนั้น ปลูกสัก 1 ล้านก็พอ เหลืออีก 4 ล้านไปซื้อไร่ซื้อนา ให้เขาเช่าดีกว่า อย่าคิดมากครับ บ้านใหญ่ไม่ใช่บอกถึงความสุข บ้านไม่ต้องโอ่อ่าก็ได้ แต่ภายในตกแต่งให้ถูกใจเรา มีของอำนวยความสดวกครบ ก็พอ หลายคนมีบ้านใหญ่ สวย แต่ภายในโล่ง วังเวง ไม่ดีครับ คิดใหม่ดีกว่า
เราอายุ 36 ปลายๆๆ เพิ่งจะโอนบ้านทาวน์เฮ้าส์ ที่มาในราคา 2.3 ล้าน
เราอยู่คอนโดแถวๆ ถนนสุขุมวิท77 มา 12 ปีได้ล่ะสาเหตุที่ซื้อบ้านเพราะ บางครั้งพ่อเราแวะมาเยี่ยม/มาหาหมอในกรุงเทพฯ ก็ไม่สะดวกที่จะให้แกนอนค้าง (ห้องเราจะโล่งๆ ไม่ได้กั้นห้องนอน แค่ 32ตรม. ผู้ ญ จะเปลี่ยนเสื้อผ้ามันไม่สะดวก)
อีกอย่างเราก็เบื่อที่จอดรถที่คอนโดมากๆๆ เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี ใครกลับเร็วได้จอดก่อน กลับช้าก็ต้องจอดขวางคันที่กลับมาก่อนและบางครั้งต้องฝากกุญแจไว้กับ รปภ อีกเผื่อมีรถคันไหนออกก่อน(อันนี้น่าเบื่อสุดๆๆ) เลยตัดใจซื้อทาวเฮ้าส์ ถึงแม้มันจะแพงเพราะเลือกไม่ไกลจากที่ทำงานมาก(ไปกลับ 40กม. พอจะขับไหว) ถึงแม้จะอยู่คนเดียวเราก็ไม่กลัว มีความสุขกับการได้เดินขึ้นเดินลง ชั้น1 ชั้น2 และมีพื้นที่หน้าบ้านให้ปลูกต้นไม้เล็กๆๆ มีที่จอดรถอันเป็นที่รักของเราก็พอล่ะ
ชีวิตนี้ขอมีบ้านในกรุงเทพฯ ซักหลังเป็นความสุขอย่างหนึ่ง คิดเสียว่าเก็บเงินไว้กับบ้าน จะขายเมื่อไร ก็ได้เงิน(ช้าเร็ว ก็ช่างมัน)
ปล.บ้านเราก็ยังไม่ค่อยได้ตบแต่งอะไร ซื้อแต่ที่จำเป็นๆ ก่อน
ซื้อมาเยอะกลัวรก
ค่าวิชาชีพ10000เป็นหมอหรือเปล่าครับ ถ้าใช้คงไม่ต้องกังวลหรอกครับ
ตอนผมซื้อบ้านหลังแรกอายุแค่28 เงินเดือน สามพันกว่าบาทเอง
คุณalliance รุ่นปู่เราแน่ๆเลย ชิมิๆ
ท่องไว้ว่าพอเพียง ซื้อเท่าที่พออยู่ก็น่าจะพอแล้ว ซื้อบ้านราคาหลายๆล้าน แล้วต้องทำงานงกๆเพื่อผ่อนบ้าน ไม่เคยได้เดินในสวน ปลูกต้นไม้ จะมีประโยชน์อะไร
เราเป็นข้าราชการ 10 กว่าปีถึงซื้อบ้าน ก่อนหน้านั้น เรียนต่อให้พอใจ ลงทุนไปกับการศึกษาก่อนอสังหาริมทรัพย์
พอกู้ได้ ก็ซื้อเท่าที่จำเป็น ธปล่อยให้ 2 ล้านกว่า แต่เราก็ซื้อบ้านราคา1.3 ล้าน จะซื้อบ้านหลังใหญ่ เพียงเพื่อให้คนทึ่งเล่นไปทำไม ถูบ้าน กวาดบ้าน ก็เราเหนื่อย เวลาผ่อนก็เราผ่อน ขอแค่เป็นบ้านที่เราอยู่อย่างมีความสุขก็พอแล้ว กี่ล้านไม่สำคัญ
ตอนนี้ผมเพิ่งอายุ 25ปี มีบ้านหลังแรกให้ตัวเอง เงินเดือน 14,500
ผ่อนบ้าน เดือนละ3,600 19ตารางวา ชั้นเดียว สองห้องนอน
แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว หางินมาค่อยๆๆตกแต่งเรื่อยๆๆ สักหนึ่งปี
ใช้ชีวิตพอเพียงก็พอ ดีที่สุด….
ผมอายุ42ปี
เริ่มทำงานอายุ25ปี เงินเดือน7800บาท มีค่าวิชาชีพ1หมื่น
รับราชการได้16ปี เงือนเดือนครั้งสุดท้ายอยู่ที่18xxxบาท ก็ลาออก
(เพราะไม่มีแม้แต่เวลาจะนอนให้สบายสัก4-5ชม.โดยไม่มีใครปลุก บางวันงานหนักจนไม่มีแม้เวลาจะกินข้าวแบบสบายๆไม่ต้องเร่งรีบ เกือบทุกคืนต้องปิดสวิทช์ตัวเองด้วยยานอนหลับมา16ปี)
ตอนนี้ผมมีบ้านราคา16ล้าน มีตึกแถว3ชั้น1ห้อง มีคอนโด3ชุด
มีภรรยา1คน ไม่มีลูก อยู่กันสองคน ไม่มีหนี้สิน
แล้ววันนึงเมื่อมีเวลาศึกษาธรรม (ผมชอบอ่านของท่าน ว.วชิระเมธี)ก็พบสัจธรรมว่า ..มีไปทำไม
เกิดมาเรามีอะไร ตายไปเอาอะไรไปได้ เหลือปัญหาอะไรไว้ให้คนข้างหลัง
http://webboard.sanook.com/forum/?topic=3254038.msg16310143#msg16310143
นกน้อยทำรังแต่พอตัวครับ
อยู่อย่างพอเพียง ตั่งที่ในหลวงได้ทรงตรัสไว้ครับ
บ้านใหญ่แต่อยู่แล้วเครียดไม่มีความสุข มีไปทำไม่ครับ
การมีบ้านขอให้ซื้อแบบมีสติ เพราะเป็นหนี้ระยะยาว
เอาตามความเหมาะสมกับชีวิตเราอยู่แล้วมีความสุข
ทั้งร่างกายและการเงิน
หากย้อนเวลาได้
ผมขอแค่บ้านหลังเล็กๆ มีของใช้พอควรต่อความจำเป็น มีความอบอุ่น
ทำในสิ่งที่อยากทำเช่นท่องเที่ยวหาประสบการณ์ไปทั่วโลก
อยู่กับคนที่เรารัก ปลูกต้นไม้เฝ้าดูมันเติบโตผลิดอกออกผล มีสติปฏิบัติธรรมตามควรแก่โอกาส
..กว่าจะคิดได้เช่นนี้ ก็ิเลยครึ่งชีวิตมาแล้ว แต่ก็ยังดีที่คิดได้
บางคนแก่แล้ว เงินทองล้นฟ้า ยังดันทุรังดิ้นหนีและต่อสู้สัจจธรรมอยู่เลย
เอาตัวเองเป็นหลักเข้าไว้นะครับ จขกท
ลองดูว่าผ่อนสบายๆได้ที่เท่าไหร่ ไหวแค่ไหนในแต่ละเดือน จะได้ไม่เครียด
แล้วค่อยมาหาที่พักที่เหมาะสมดีกว่านะครับ
ผมไม่ค่อยมองที่ราคาบ้านมาก่อนนะครับ แต่ผมมองทำเล และสังคมมากกว่าครับ
ซื้อบ้านเหมือนซื้อสังคมเลย โดยเฉพาะ TH นะครับ
ลองตั้งหลักกับทำเลที่ จขกท จะได้ประโยชน์ที่สุด แล้วค่อยมาพิจารณาเรื่องราคา ดีกว่ามั้ยครับ
เป็นหมอหรือเปล่าครับ ถ้าใช่เรียนเฉพาะทางให้จบก่อน มีหนี้ขณะเรียนต่อนะเครียดนะครับ
ตอนผมอายุเท่าคุณผมก็คิดอย่างนี้ละครับ ไม่ลาออกจากราชการแน่นอน ตอนลาออกรับราชกามา 11 ปี ได้เงินเดือนตอนลาออกประมาณ 12,000 ไม่มีค่าวิชาชีพด้วย เริ่มจากเงินเดือน 3 พันกว่าบาท ค่าเวรวันละ 150 บาท รับค่าเวรมือไม้สั่น(ไม่ใช่ดีใจ อดนอน เหนื่อย จะเป็นลม)
ชีวิตไม่แน่นอนครับ เพิ่งซื้อบ้านเดี่ยวตอนอายุ 47 ปีเองครับ ผ่อนไปเรื่อยๆ ไม่คิดมากครับ ขำขำ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากๆนะคะ
คือ ที่อยากซื้อบ้าน เพราะอยากให้พ่อกับแม่อยู่บ้านเป็นหลัง
มีสวนเล็กๆในบริเวณบ้านค่ะ พ่อชอบปลูกต้นไม้
(ตอนนี้อยู่ทาวน์เฮ้าส์ พ่อต้องปลูกต้นไม้ในกระถาง เห็นแล้วเลยอยากเป็นลูกที่ดีบ้าง)
แต่เผอิญตัวเองรับราชการ(สัตวแพทย์)ได้เงินเดือนน้อย ไม่เหมือนทำเอกชน
เลยกลัวว่า ชาตินี้จะซื้อบ้านให้พ่อกับแม่ไม่ได้
พออ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆแล้ว ก็ยังพอมีหวังค่ะ
ขอบคุณมากๆอีกครั้งนะคะ
เราเริ่มทำงานตอนอายุ 21 เป็นข้าราชการเหมือนกัน ทำงานสุจริต ไม่มีโกงไม่มีใต้โต๊ะ ได้ค่าวิชาชีพน้อยกว่าคุณ ตอนจะซื้อบ้านได้ย้ายมาทำงานอยู่ในหน่วยที่ไม่มีค่าเวรอีกตะหาก ก็ยังมีบ้านของตัวเองได้ เราซื้อบ้านหลังแรกตอนอายุ 25 เป็นบ้านมือสองหลังเล็กๆ แต่ซื้อแล้วก็ไม่ได้อยู่ เพราะมีความจำเป็นต้องไปอยู่ใกล้ที่ทำงานมากๆ เลยต้องไปเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่แทน จะซื้อเลยก็หนักไปเพราะแถวนั้นที่ดินแพงมาก ขนาดคอนโดห้องเล็กกระจิ๋วหลิวยังเกือบ 6 ล้าน จากนั้นอายุ 28 ก็ซื้อบ้านอีกหลังนึง ค่อยๆขยับขยายค่อยๆผ่อนไปค่ะ
สำหรับคุณเราคิดว่าเรื่องมีบ้านเป็นของตัวเองนี่สบายๆค่ะ เพราะยังมีค่าเวรอีก ถ้าใช้จ่ายจากค่าเวร ที่เหลือเก็บไว้ผ่อนบ้านได้ก็ไม่น่ามีัปัญหา จะบ้านใหญ่บ้านเล็กกี่ล้านคงต้องแล้วแต่ความต้องการของคุณ แต่เราเห็นด้วยกับท่านอื่นๆนะคะว่าไม่จำเป็นต้องมีบ้านใหญ่โตเกินไป เพราะภาระในการผ่อน รวมทั้งการทำความสะอาดอาจจะทำให้ขาดความสุข แถมถ้าอยู่คนเดียวหรือสมาชิกในบ้านน้อยๆอาจจะดูเหงาๆวังเวงด้วยค่ะ
พี่ คห 14 ออกไปทำอาชีพ อะไรครับ
ซื้อบ้าน 16 ล้าน
ขออนุญาต จขกท.ตอบ คห.22
ผมเป็นแพทย์ เรียนจบด้วยอุดมการณ์แรงกล้าไปทำงานที่เกาะ1ปี จึงขึ้นมาชายฝั่งต่อ2ปี
แทบไม่มีเงินเหลือเลยเพราะมีแต่รุ่นน้องและเพื่อนไปทั้งเยี่ยมทั้งเที่ยว
เราก็ต้องบริการด้วยน้ำใจเจ้าบ้าน แถมยังต้องเลี้ยงลูกน้องในรพ.อีก
เข้ามาเรียนต่อเฉพาะทางตอนอายุ28-29 ตอนนั้นเงินเดือน9800 คงที่ตลอด5ปี ไม่มีค่าวิชาชีพ แต่แอบยอมอดนอนไปรับจ๊อบตอนดึกตามคลินิกหรือรพ.เวรดึกบ้าง (กลับมาตี5 พอ5:30ก็ต้องรีบไปทำแผลดูคนไข้ต่อเพราะอาจารย์อาวุโสรุ่นเก่าๆมาทำงานกันเช้ามาก อย่างช้าไม่เกิน6:30 งานทุกอย่างต้องเสร็จ)
รวมแล้วก็ได้ราว2.5หมื่นต่อเดือน
ต้องจำกัดใช้เงินวันละ75บาท ทุกวัน
เช้าข้าวแกง15บาท น้ำ5บาท เที่ยงข้าวกล่องกินในห้องผ่าตัด25บาทน้ำฟรี เย็นข้าวมันไก่30บาท น้ำฟรี แบบนี้ทุกวัน อยู่5ปี(จนเพื่อนๆมันไม่ค่อยอยากชวนไปสังสรรค์)
ช่วง5ปีนี้ พอมีเงินเหลือบ้างจากการอดออม เลยผ่อนคอนโด7แสน
ที่ต้องซื้อเพราะแต่งงาน (แฟนเป็นพยาบาลต้องมาหาเราอยู่เรื่อยจาก ตจว.ถ้าไม่แต่งก็เกรงใจฝ่ายหญิง รักเราขนาดนี้) อย่างประหยัดสุด ไม่มีรูปถ่ายในงาน ไม่มีรูปprewedding เชิญแต่คนสนิทจริงๆ (ต้องแอบแต่งเงียบๆเพราะจริงๆอาจาร์ยไม่อยากให้แต่งเพราะการเรียนแพทย์เฉพาะทางต้องทุ่มเทมาก บางครั้งไม่ได้นอนแม้แต่นาทีเดียวติดกัน3วัน มีรุ่นพี่บางคนถึงกับล้มหงายตึงในห้องผ่าตัดก็มี)ผ่อนจนเหลือ2แสน พอเรียนจบก็รับราชการต่อ ก็เอาคอนโดไปรีไฟแนนซ์ได้ทุนมาเปิดคลินิก5แสน สิ่งที่ทำให้มีเงินเหลือจนทุกวันนี้คือทำตามที่อาจารย์ผมสอนก่อนเรียนจบว่า
..ให้ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ต่อคนไข้ อย่าโลภ..
จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีขึ้นมันก็เข้ามาหาเราเองจากสิ่งที่ตั้งใจทำ
ถึงจุดหักเห เพราะมีคนบีบให้เราออกจากราชการ (จริงๆตั้งใจทำต่อถึงอายุสัก50)ออกจากราชการก็ทำงานแต่ที่คลินิกและโรงพยาบาลเอกชนครับ
หวังว่าคงเป็นกำลังใจให้คนอื่นได้บ้าง แม้ผมจะอยู่ในวิชาชีพที่อาจทำรายได้ดีกว่าสาขาอื่นบ้าง ..แต่สิ่งที่เหมือนกันทุกคนก็คือ อยากได้อะไรก็ต้องตั้งใจจริง..ท่านดาไลลามะมักอำนวยพรว่า "ขอให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ท่านตั้งใจทำ"..ส่วนท่านคานธีมักสอนว่า จงใช้ชีวิตแบบ "low living high thinking"
ถ้าคุณเก็บหอมรอมริบ เดือนละหมื่น ผ่อนบ้านหลังเล็กๆ 2-3ล้านได้แน่ค่ะ
บางคนผ่อน 20ปีเขายังไม่ท้อ คุณทำได้แน่นอน
เงินเดือนเท่าไร เราว่าไม่สำคัญ อยู่ที่รู้จักเก็บไหม
เราเงินเดือน 1แสน แต่ไม่มั่นคง และเป็นคนคิดทำโน่นทำนี่ตลอด เอาเงินเดือนไปเล่นหุ้นเสียหลายแล้ว แต่ไม่เข็ด ยังเล่นอยู่
เอาไปทำธุรกิจก็เจ๊ง แถมมีหนี้สินอีก แต่ก็ยังไม่เข็ด เก็บเงินทำใหม่อีก
ตอนนี้ยังไม่รู้จะไปรอดไหม ปัจจุบันเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่
ถ้าคุณไม่ใช้ชีวิตเสี่ยงแบบเรา คุณมีเงินไปผ่อนได้แน่ค่ะ