สวัสดียามดึกค่ะ
กำลังรวบรวมประสบการณ์การกู้ของตัวเองมาแบ่งปัน เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง
ถ้าสนใจก็ตามอ่านที่กระทู้แรกก่อนเลยนะคะ
บอกไว้ก่อนว่ายาวมากก
คำค้นหา:
- pre approved คือ อะไร
สวัสดียามดึกค่ะ
กำลังรวบรวมประสบการณ์การกู้ของตัวเองมาแบ่งปัน เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง
ถ้าสนใจก็ตามอ่านที่กระทู้แรกก่อนเลยนะคะ
บอกไว้ก่อนว่ายาวมากก
ขอเล่าย้อนนิดนึงนะคะ ที่บอกว่า เราเคยคลุกวงในวงการปล่อยสินเชื่อบ้าน
ตอนนั้นมีพี่ที่เราเคารพรักท่านหนึ่ง มาชวนเราไปทำงานเป็นเซลขายสินเชื่อบ้าน
ของสถาบันการเงินแห่งหนึ่งค่ะ ก็เลยทำให้เรามีความรู้เยอะหน่อย
เราคิดว่ามันเป็นงานที่สนุกนะ ต้องวิเคราะห์โปรไฟล์ลูกค้า ว่าทำงานยังงี้
เงิินเดือนเท่านี้ ทำยังไงให้กู้ผ่าน แต่ก็อยู่บนพื้นฐาน
ฃนโยบายของสถาบันการเงินนะคะ
แต่สุดท้าย เราก็ลาออกมา เพราะอยากทำงานแบบเดิมมากกว่า
และในการยื่นกู้ครั้งนี้ เราก็กลับไปยื่นเอกสารกับธนาคารแห่งนี้ด้วย
กับพี่คนที่มาชวนเราไปทำงานด้วยนี่แหละค่ะ
ซึ่งหลังจากที่ธนาคารแรกมีผลปฏิเสธออกมา
ธนาคารแห่งนี้ก็ไม่น้อยหน้า ปฏิเสธออกมาในเวลาไม่ห่างกัน
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า คำปฏิเสธของธนาคาร
ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเส้นทางการกู้
มันยังมีทางลับแอบซ่อนอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีคนพาคุณไปหรือเปล่า
และแน่นอนว่า คนที่จะนำพาคุณไปก็ได้แก่ จนท. ของธ.
ที่เป็นคนรับเรื่องจากคุณนั่นเอง
กับสถาบันการเงินอื่น เราไม่แน่ใจ
แต่กับธ.ที่เราเคยร่วมงาน ทางทีมที่ดูแลลูกค้า
สามารถนำเคสลูกค้าที่ถูกปฏิเสธขึ้นมาปัดฝุ่น
ดูว่าถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลอะไร และหาทางชี้แจงแก้ต่าง
รวมทั้งหาหลักฐานมาคัดง้างกับเหตุผลที่โดนปฏิเสธเหล่านั้น
เช่น หากลูกค้ามีภาระหนี้กับสถาบันการเงินอื่นมากเกินกำหนด
เราก็จะสอบถามกับลูกค้าว่า สามารถปิดภาระหนี้เหล่านั้นได้ไหม
หากลูกค้าสามารถปิดหนี้อื่นๆ ให้ได้ เราก็จะไล่ เอ๊ย! แจ้งลูกค้าให้ไปปิดเสีย
แล้วส่งหลักฐานการชำระหนี้ปิดบัญชีมาให้เรา
จากนั้นเราก็จะทำหนังสือภายในเพื่อชี้แจงกับผู้วิเคราะห์สินเชื่อ
ให้พิจารณาใหม่อีกครั้ง ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ธนาคารก็สามารถ
มีผลอนุมัติออกมาในการพิจารณารอบสองได้
เราเคยเจอเคสลูกค้าถูกปฏิเสธคำขอสินเชื่อ
ด้วยเหตุผลที่งี่เง่าจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
นั่นก็คือ อายุงานไม่ถึงเกณฑ์ที่ธ.กำหนด (ขั้นต่ำ 2 ปี)
ทั้งที่ลูกค้าทำงานมาแล้ว 7 ปี
สาเหตุที่แท้จริงก็คือ พนักงานคีย์ข้อมูลของธนาคาร
อ่านลายมือลูกค้าที่กรอกในช่องอายุงานผิด
จากที่ลุกค้าเขียนเลข 7 แต่คนคีย์ อ่านเป็นเลข 1
และก็จัดแจงคีย์บันทึกลงระบบเป็นเลข 1
จัดเป็น Human Error อย่างร้ายแรง
ซึ่งลูกค้ารายนี้ก็ใช้วิธียื่นเรื่องขอพิจารณารอบ 2
โดยที่ลูกค้าต้องไปให้ที่ทำงานออกหนังสือรับรองอายุงานให้
ไม่มีอะไร ที่เจ้าหน้าที่ ขายสินเชื่อทำไม่ได้ นอกจากจะไม่ทำให้ และอยากขายแต่ประกันชีวิต
และในเคสของเรา หลังจากที่ถูกปฏิเสธมาแล้ว 2 ธนาคาร
เราพยายามเลียบๆ เคียงๆ ถามธนาคารแรก (ที่เราบอกว่า จนท. "อ่อน")
ว่าปฏิเสธมาแล้ว เราสามารถยื่นชี้แจงเอกสารพิ่มเติมได้ไหม
คุณจนทงบอกว่า ทำอะไรไม่ได้เลย ซึ่งเราก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร
แค่บอกจนท.นางนั้นไปว่า งั้นเราขอเอกสารคืน รวมทั้งหนังสือแจ้งผลปฏิเสธ
คุณจนท.บอกว่า ต้องเช็คทางสนญ.ก่อน ว่าออกเอกสารให้ได้หรือเปล่า
คราวนี้ราสวนกลับเสียงแข็งว่า "ต้องได้ค่ะ มันเป็นหน้าที่ของธนาคาร
ที่ต้องมีการแจ้งผลกับลุกค้าเป็นลายลักษณ์อักษร
ไม่ว่าผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไร"
คือก่อนหน้านี้ เราจะเนียนๆ ทำเป็นไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับการขื่นขอกู้
เพราะเราคิดว่า ยังไงเสีย จนท.ธ. ก็ย่อมต้องรู้ดีกว่าเรา
แต่กับจนท. คนนี้ เราว่าเธอไม่รู้เยอะไปนิดนึง
จนเราต้องออกงิ้วเล็กน้อย
มีคนมาปาดด้วย ดีใจจัง
เล่าต่อ..
ทีนี้มาถึงอีกธนาคารที่ปฏิเสธ อันนี้เราเคยทำงานด้วย
และจนท.ที่รับเรื่องเราก็เป็นรุ่นพี่ที่เราเคารพ
จึงเป็นการง่ายที่เราจะแจ้งความจำนงขอให้ธนาคารพิจารณารอบสอง
โดยที่เราเป็นคนวิเคราะห์สาเหตุที่ถูกปฏิเสธ และคิดวิเคราะห์ว่าจะหา
หลักฐานอะไรไปแก้ต่าง
ประเด็นแรกที่ถูกปฏิเสธ เรื่องความมั่นคงของรายได้ของเรา
ในรอบแรกเรายื่นสำเนาใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ย้อนหลังไปถึง
เดือน ม.ค. 53 ซึ่งเป็นรายรับที่มีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน
เดือนละมากกว่า 3 ครั้ง จากหลากหลายบริษัท
และเกือบทุกรายการมีการนำฝากเข้าบัญชี
เพราะมันเป็นเช็คซะเกือบหมด แต่ปัญหาก็คือ
ตัวเลขรายได้ของเราค่อนข้างมาก แต่ไม่มีหลักฐานเงินเก็บมาแสดงเลย
อีกทั้งบัญชีที่นำเช็คเข้าก็ไม่ใช่บัญชีธนาคารเดียวกับที่เรายื่นขอสินเชื่อ
ก็เลยกลายเป็นความคลางแคลงใจว่าเรามีรายได้จริงหรือเปล่า
ประเด็นนี้ เราแก้ต่างด้วยการยื่นแฟ้มรวบรวมใบหัก ณ ที่จ่าย "ตัวจริง"
ทั้งหมดไปยืนยันว่าเราไม่ได้ปลอมเอกสาร แต่เรามีข้อตกลงว่า
ต้องขอเอกสารพวกนี้คืน เพื่อไปยื่นเสียภาษีปลายปีกับสรรพากร
แต่แค่นี้ยังไม่พอ เราจัดการเขียนบทความกึ่งวิชาการ เพื่ออธิบายว่า
ลักษณะอาชีพอย่างเรา มันทำงานยังไง แล้วใครที่เป็นคนว่าจ้างเรา
แล้วทำไมเขาถึงต้องจ้างเราต่อเนื่องเรื่อยๆ ด้วย
รวมทั้งรูปเริปที่มี ก็ไปค้นมายื่นเพิ่มเติม อะไรที่คิดว่าเป็นประโยชน์
ก็ยื่นเพิ่มเติมเข้าไป
และอีกประเด็น เป็นของน้องเรา
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประวัติการชำระหนี้ล่าช้าเกิน 120 วัน
เราชี้แจงสาเหตุของการชำระล่าช้าที่เกิดขึ้น ไปตามความจริงด้วยปากเปล่า
(เพราะเป็นหน้าที่จนท.ที่รับเรื่องที่จะเอาคำให้การของเรา
ไปทำให้เป็นลายลักษณ์อักษร) ซึ่งมันดูเป็นสาเหตุลอยๆ ที่ใครๆ ก็อ้างได้
ว่าเอาชื่อไปกู้แทนคนอื่น แล้วเค้าไม่ผ่อน ทิ้งภาระให้เรา
ซึ่งเราก็แก้ต่างประเด็นนี้ด้วยหลักฐานอื่นๆ ด้วยว่า น้องสาวเรามันจบบัญชี
และทำงานในสาขานี้มาโดยตลอด จึงถือเป็นตำแหน่งหน้าที่ที่ดูหน้าเชื่อถือ
เรื่องวินัยการใช้เงิน ซึ่งเราก็ไม่ได้กล่าวอ้างลอยๆ เพราะเราแนบเอกสารที่
เกี่ยวกับการเงินทุกอย่างของน้องเราไป เป็นสมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์
2 เล่ม ฝากประจำ 1 เล่ม ยอดเงินในบัญชีรวมกันก็เกือบแสน และยังมีสลาก
ออมสินอีกหลายหมื่น รวมทั้งกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ อีก
2 กรมธรรม์ ยอดเบี้ยประกันที่ชำระไปแล้วเป็นรายเดือนและรายปีรวมกัน
ทะลุหลักแสนไปเรียบร้อย ขนาดเราเองยังทึ่งว่ามันใช้เงินยังไงของมันวะ
เก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำดีแท้ น้องตู
เอกสารเหล่านั้น เรารวบรวมได้ปึกหนากว่าเอกสารที่ยื่นรอบแรกซะอีก
และก็ยื่นไปเพื่อให้พี่ที่เราเคารพทำหนังสือให้ธนาคารฝ่ายวิเคราะห์พิจารณา
เป็นครั้งที่ 2
แต่อย่างหนึ่งที่เราไม่ได้บอกพี่ที่เราเคารพก้คือ เอกสารทุกอย่าง เราทำสำเนาเอาไว้อีกชุด และรวมเข้ากับเอกสารขอกู้พื้นฐานที่เรารวบรวมมาใหม่อีกชุด และก็กรอกใบสมัครของธนาคารที่ 3 ส่งเข้าไปขอสินเชื่อเป้นทางเลือกอีกแห่ง
ธนาคารที่ 3 นี้ เป็นธนาคารของรัฐ ซึ่งเราเคยรู้มาว่า หากมีประวัติการชำระล่าช้า แต่ได้เคลียร์ปิดหนี้ไปแล้ว สามารถอนุมัติเงินกู้ให้ได้
แต่เนื่องจากประสบการณ์ที่เราเจอจนท.ที่รับเอกสารที่ไม่ค่อยประสีประสาความนัก
ในการยื่นธ.ที่ 3 นี้ เราจึงตั้งใจที่จะไปคุยกับจนท. มากกว่า 1 สาขา
เพื่อประเมินดูศักยภาพของจนท. แต่ละสาขา แล้วเปรียบเทียบ เลือกยื่นเอกสารกับจนท. ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า
ในครั้งแรกเราไปคุยกับจนท. สาขาใกล้บ้าน เธอเป็นสุภาพสตรีท่าทาง
เหมือนคุณป้าใจดีข้างบ้าน แต่ก็ดูชำนาญเป็นมืออาชีพพอตัวอยู่
เมื่อเห็นชื่อบริษัทนายจ้างของน้องเรา เธอก็รู้โดยทันทีว่า มี MOU ระหว่าง
บ.นี้ กับธ. ในการปล่อยสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นสวัสดิการ
ให้กับพนง. บ.นี้ แล้วเธอก็บอกให้เราไปขอเอกสารรับรองการทำงาน
ของน้องเรามาเพิ่ม เพราะเรายื่นไปแค่สลิปเงินเดือน กับหนังสือปรับขึ้น
เงินเดือนที่บ.น้องเราออกให้ตอนปลายปี
และอีกวัน เราก็ไปคุยกับ สนญ. ของธ.ที่ 3 นี้ ปรากฏว่าไม่ประทับใจเท่ากับ
ตอนคุยกับสาขาแถวบ้าน พนง. ที่สนญ. ดูเด็กกว่า และดูไม่ใส่ใจเท่าไร
เลยทำให้เราตัดสินใจยื่นเอกสารที่สาขาแถวบ้าน
แต่เมื่อน้องเราไปขอหนังสือรับรองการทำงานจากออฟฟิสมัน
ทางแอดมินเค้าก็แจ้งว่า ถ้าจะกู้โดยใช้สวัดิการออฟฟิส ต้องไปยื่นที่สาขา
ที่ทางออฟฟิศเซ็น MOU ด้วยเท่านั้น มันไม่ครอบคลุมทุกสาขา
ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่ค่อยอยากเอาไปยื่นสาขาอื่น เพราะรู้สึกว่า
สาขาป้าใจดีนี่ ป้าแกก็น่าจะดุแลเคสเราได้อย่างดี แต่เพื่ออัตราดอกเบี้ย
ต่ำพิเศษ เราก้เลยต้องโทรไปขอเอกสารคืนจากป้าแกด้วยความเกรงใจ
และในอีกวันนึง เอกสารขอกู้ของเราที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก ก็เดินทางไปยัง
ธ.ที่สาม สาขาที่สาม คราวนี้ จนท. ที่รับเรื่อง เป็นชายร่างท้วม ออกแนวฮาๆ
พี่แกตรวจเอกสาร ดูประวัติการทำงานของเราด้วยความสนอกสนใจ
พร้อมกับซักถามอะไรที่อยากรู้ นอกเรื่องนอกราวบ้าง แต่ก้ดูใส่ใจไปอีกแบบ
ขณะที่กำลังตรวจเอกสารเราใกล้เสร้จแล้ว พี่ฮาแกก็สะดุดใจ พูดออกมาว่า
ทำไมเอกสารเรามันถึงเรียงลำดับมาอย่างถูกต้องเป๊ะๆ 1 2 3 4 ไม่มีผิดเลย
เราก็ทำเนียนๆ ตอบไปว่า จนท. สาขาใกล้บ้านที่เราไปยื่นเอกสารรอบแรกเค้าเรียงมาให้ ทั้งที่ความจริง เรารับเอกสารคืนมาแล้วก็กระจายรื้อเพื่อแทรกเอกสารเพิ่ม แล้วเรียงใหม่เองทั้งหมด
ปกติแล้ว ธ.พาณิชย์ทั่วไปมักจะอวดอ้างว่าสามารถอนุมัติสินเชื่อได้เร็วสายฟ้าฟาด
แต่ไม่ใช่กับ ธ.ที่ 3 แห่งนี้ เนื่องจากเป็นธ.ของรัฐ ทำอะไรก็ต้องเนิบๆ
จะปรู๊ดปร๊าดไม่ได้ เด๋วผิดธรรมเนียม จนท.ธ.ที่ 3 บอกเราว่าใช้เวลาพิจารณา
ประมาณ 1 เดือน ซึ่งเรากะว่าถ้าผลการยื่นขอพิจารณารอบ 2 กับอีก ธ.
ไม่ผ่าน ก็ค่อยมารอลุ้นกับผล ธ.ของรัฐอันนี้
หลังจากเสร้จเรื่องเอกสารกับทั้ง 2 ธ. นี้ เราก็เอาเวลาทั้งหมดมาทุ่มให้กับงาน
ซึ่งช่วงที่เราทำเอกสารขอกู้ เราก็ทุ่มให้กับทางนั้นจนไม่ได้ทำงานเลยเหมือนกัน
ง่วงอีกแล้ว…
ใครอยากอ่านต่อ ลงชื่อไว้ด้วยนะคะ
ถ้าไม่ถึง 10 คน อาจไม่เล่าต่อ
เหนื่อยพิมพ์มาตั้งเยอะ อยากให้มีคนอ่านเยอะๆ ด้วยอ่า
อ่านอยู่จ๊ะ
ลงชื่อครับ
ขอขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์นะครับ จะตามอ่านนะครับ
ขอบคุณมากครับ
ผมก็ใช้บริการจากเจ้าหน้าที่สินเชื่อคนหนึ่งอยู่ บริการโอเคครับ กู้กันมาสี่ห้า loan แล้ว
ตามอ่านอยู่นะคะ น้องเก่งมากๆเลย
รบกวนคุณน้องช่วยเข้าไปดูเคสพี่ให้ที ได้ไหมคะ ไม่มีใครไปตอบกระทู้พี่เลย
พี่ไม่ค่อยรู้เรื่องเงินกู้เลยค่า เกิดมาไม่เคยกู้ กลัวที่สุดคือการเป็นหนี้
แต่ตอนนี้อยากเป็นหนี้เต็มแก่แล้ว ไม่รู้ธนาคารจะยอมให้แม่ค้าอย่างพี่เป็นหนี้เขาไหม พี่ทำงานไม่เคยหยุดเลยนะ เปิดร้านตั้งแต่เช้ายันเกือบเที่ยงคืนทุกวัน ปีหนึ่งจะหยุดแค่สองสามวัน เช่าห้องเขาอยู่ เก็บหอมรอมริบ มาหลายปีแล้ว ถ้ากู้ได้เต็ม พี่จะเอาเงินเก็บไปแต่งตึก กับลงทุนน่ะจ้ะ
หวังพึ่งคำแนะนำจากน้องๆและคนเล่นเวปนี้แหละค่ะ ขอบคุณหนู(ฟ้าคำราม)มากๆ เรื่องของหนูเป็นประโยชน์มากจริงๆค่ะ
http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R9870800/R9870800.html#4
อ่านสนุก แล้วก็มีประโยชน์กับคนทั่วไป
ติงนิดหนึ่งว่าส่วนใหญ่จะเป็นการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวของ จขกท.
จะดียิ่งขึ้น..
หากสอนวิธีเตรียมตัวกู้สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้มีความรู้มากนัก เช่น แม่ค้าตามตลาด
ลงชื่อถึงสิบคนยัง
ลงชื่อไว้ว่า รออ่านอยู่นะ
………………………………
น่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นอีกมากมาย เขียนต่อเถอะ
ลงชื่อ ขออ่านต่อครับ
ของดีมีประโยชน์ครับ
รออ่านนะ
ชอบอ่านค่ะ รออยู่นะคะ
ติดตามอยู่นะคะ ถึงแม้จะกู้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ทำไปแบบงงๆค่ะ
ลงชื่อจ้า อยากเป็นหนี้ใจจะขาด
ลงชื่อครับ
ลงชื่อรออ่านด้วยคนจ้ะ
ของเรากู้ผ่านแล้ว แต่อยากอ่านของคนกู้ยากๆมั่ง …อิอิ
มาลงชื่อจ๊ะ รออนุมัติจากแบงค์ของรัฐอยู่เหมือนกันค่ะ
แอบสงสัยว่าเราต้องทำงานให้ 2 ปีก่อนถึงจะสามารถกู้เงินได้ใช่ไหมคะ
มาลงชื่อด้วยคน เกินแล้วมัง จขกท.ยังไม่มาต่ออีก..
ตามอ่านตั้งแต่วันแรก
ยังอ่านไม่จบเรย จขกท หนีไปนอนซะแระ อิอิ
พิมพ์ ยาวๆ หน่อยได้มั้ยคร้า
เกินแล้ว จขกท. กลับมาให้ว่องเลย
ติดตามอ่าน เหมือนๆ ได้อ่านสารคดีเลยค่ะ
ชอบสำนวนมากๆ เลย แม้ไม่วิชาการ แต่ได้ความจริง
ที่คนจะกู้ต้องรู้เอาไว้ ขอบคุณนะคะ
รออ่านอยู่เช่นกันค่ะ ^^
อ่านแล้วมันส์มากครับ แล้วมันยังไงต่อครับ รออ่านอยู่นะครับ อิอิ
เกินแล้วน่ะ จขกท มาเล่าต่อเร็วๆ กำลังติดตามอยู่ครับ
ธนาคารที่สามเนี่ย สีชมพูป่ะคะ
ลักษณะการทำงานคุ้นๆ ยังไงม่ายรุ อิอิ
กะลังมันส์มาเล่าต่อใหม่เร็วๆ เน้อ
จขกท.เล่าได้ละเอียดดี ขอบคุณที่แบ่งปัน เป็นวิทยาทานค่ะ
เราก็กำลังดำเนินการขอกู้อยู่เช่นกัน
ของคอนเฟิร์มคห.2 ว่า พนง.ธ.ที่เป็นคนเขียนเรื่อง/ชงเรื่องมีความสำคัญมาก
เรากำลังยื่นกู้สองแบงค์ จากประสบการณ์เราว่า พนง.เจ้าของเคสของเรา"ไม่มีความชำนาญ"ทั้งคู่ เลยต้องลุ้นว่าจะทุลักทุเลแค่ไหน ทั้งเสียดายเวลาที่จะต้องรอ ทั้งเหนื่อยใจที่จะต้องลุ้น เราเข้าใจความรู้สึกดี
ขอให้กำลังใจผู้ที่จะขอกู้ว่า หากเรามีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่ธ.กำหนดแล้ว (เราต้องศึกษาเอง) ก็อย่าได้ลังเลที่จะหาช่องทางของเราให้เจอ ต้องมีสักช่องทางนึงที่เป็นช่องทางของเรา ยิ่งถ้าเจอพนง.ธ.เก่งๆ ทางจะสะดวกขึ้นเยอะค่ะ
ถ้าแตกกระทู้บอกด้วยนะครับ…ด้วยหาไม่เจอ
ออ…ที่อยากรู้คือ จขกท. freelance เกี่ยวกับอะไรครับ
ถ้าไม่สะดวกไม่เป็นไรนะครับ ต้องขอฌทษไว้ด้วย
แต่เนื้อเรื่องชวนอยากรู้มากเลยครับ
จขกท. มาเล่าต่อจิ กำลังสนุกเลย
มารับเป็นความรู้เลยล่ะค่ะ
ขอบคุณนะคะที่แบ่งปัน
:]
ตามอ่านค่ะ
รออ่านอยู่นะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
รอด้วย + โหวตค่ะ
เย้ย..!! ขึ้นกระทู้แนะนำเลยเหรอ.. ตกใจนะเนี่ย..
เพิ่งกลับมาบ้านค่ะ ขอเวลาสักครู่ เด๋วมาเล่าต่อ
ลงชื่อด้วยคะ
#19 ขอบคุณสำหรับคำติชมค่ะ ไม่ค่อยได้เรียบเรียงเรื่องราวซักเท่าไหร่ ไว้เล่าจบจะพยายามสรุปเป็นประเด็นๆ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับคนทั่วไปอีกทีค่ะ
สำหรับคนที่มีคำถามทั้งหน้าไมค์หลังไมค์ ขอเล่าเรื่องที่ตั้งใจให้จบก่อน แล้วจะตอบนะคะ
ลงชื่อรอฟังด้วยคนครับ
เรื่องของเราใกล้จบแล้วล่ะ หลังจากเรายื่นเอกสารทั้งหมดกับสองธนาคารแล้ว
อีกไม่กี่วันเราก็มีงานที่ต้องออกทริปต่างประเทศ พอบินไปแล้วก็วุ่นวายกับงาน
จนแทบจะลืมเรื่องบ้านไปเลย คราวนี้เป็นน้องเราที่เครียดแทน
เพราะใกล้ถึงกำหนดวันที่ต้องโอนบ้านปัจจุบันให้กับคนที่มาซื้อ แต่ยังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้เลย
ระหว่างที่เราไม่อยู่ ทางธ.ของรัฐ ก็ติดต่อน้องเรา ขอเข้าไปประเมินราคาบ้าน
ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจกระบวนการของธ.นี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็น ธ.ที่เราเคยทำงานด้วย
ทางธ.นั้นเขาจะติดต่อบ.ประเมินให้มาประเมินก็ต่อเมื่อเคสของผู้กู้ผ่านการพิจารณา
pre-approve แล้วเท่านั้น
คำว่า Pre-Approve เราก็ไม่แน่ใจว่าความหมายของแต่ละธ.จะเหมือนกันหรือเปล่า
แต่ถ้าเป็นธ. ที่เราเคยไปทำงานด้วย Pre-Approve ก็เป็น Process การพิจารณาสินเชื่อ
ตามปกติ นั่นก็คือ เป็นการพิจารณาเฉพาะด้านคุณสมบัติและความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้
ถ้า Pre-Approve ผ่าน ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการอนุมัติจริง ซึ่งจะเป็นการ
ประเมินทรัพย์ที่จะนำมาใช้เป็นหลักประกันในการกู้ ถ้าเป็นโครงการที่ดีลกับธ.ไว้อยู่แล้ว
ก็แทบจะไม่มีปัญหาอะไรในขั้นตอนนี้ แต่ถ้าโปรไฟล์ลูกค้าไม่มีปัญหา
เช่น สมรสแล้ว แต่ตอนมายื่นกู้แจ้งโสด (แอบเมียมาซื้อคอนโด)
ถ้าทางธ.ตรวจเจอก็อาจจะถูกปฏิเสธในขั้นตอนการอนุมัติจริงได้
สำหรับผู้ที่จะกู้ซื้อบ้านที่ไม่มั่นใจว่าจะกู้ผ่านหรือเปล่า และไม่อยากเสี่ยงวางเงินมัดจำกับโครงการ
ก็สามารถมายื่น Pre-Approve กับธ. ก่อนได้ (ถ้าไม่กลัวคนอื่นมาจองบ้านหรือ
คอนโดห้องที่เราเล็งไว้ตัดหน้าเราไป) ระยะเวลาในการทราบผล เดี๋ยวนี้ธ.เอกชนส่วนใหญ่จะ
แข่งกันโปรโมตว่าไวปรู๊ดปร๊าด แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเรียบร้อยของเอกสารที่เรายื่นไป
และขึ้นอยู่กับวินัยในการทำงานของตัวแทนธ.ที่รับเอกสารเราไป บางคนงานเยอะ
ก็อาจจะเอาเคสเราไปหมักดอง ไม่ยื่นเข้าระบบเสียที อย่างเช่นเห็นๆ กันว่า ยื่นเอกสารชุดเดียวกัน
ไปพร้อมกัน ธ.หนึ่งมีผลปฏิเสธมาเรียบร้อย แต่อีกธ. ยังกองเรื่องเราไว้ที่โต๊ะ
รอให้เราไปเรียกเก็บเอกสารคืน
แต่ในการยื่นกู้ครั้งนี้ของเรา เป็นลักษณะการซื้อบ้านมือสอง ไม่ได้ซื้อจากโครงการ
เราเลยต้องเสี่ยงวางมัดจำเพื่อไม่ให้เจ้าของบ้านไปขายคนอื่น ดังนั้นคำแนะนำสำหรับคนที่
คิดจะซื้อบ้าน แม้จะยังไม่ตกลงปลงใจว่าจะเลือกโครงการไหน คุณก็สามารถยื่น Pre-Approve
กับธ. ไว้ก่อนได้ แต่ทางจนท. ธ. อาจจะไม่โปรดลูกค้าที่ยื่น Pre-Approve
โดยไม่ระบุโครงการที่จะซื้อนัก เพราะมีเปอร์เซ็นต์สูงที่หากลูกค้าได้รับอนุมัติแล้วจะไม่ใช้วงเงินกู้
ระหว่างที่เราอยู่ตปท. เราโทรกลับมาถามที่ ธ.ทีเรารู้จักกับพี่ที่รับเรื่อง
พี่เขาแจ้งว่ามีปัญหาบางประการกับระบบพิจารณาสินเชื่อ (เฉพาะเคสของเรา)
ทำให้ผลการพิจารณายังไม่ออกมา
พอเรากลับมา ก็มีการโทรไปถามทั้ง 2 ธ. อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
แม่เราก็เริ่มกดดันเราด้วยการถามจำนวนและขนาดหน้าต่างเพื่อจะไปซื้อผ้าม่าน (เง้อ!)
และก็ยื่นคำขาดว่าจะไม่ไปโอนบ้านปัจจุบันให้คนที่มาซื้อตามวันที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขาย
หากว่าถึงวันนั้นแล้วเรายังกู้ที่ไหนไม่ผ่านซักที่ ซึ่งเดดไลน์ดังกล่าอยู่ห่างออกไปไม่ถึงเดือนแล้ว
ถ้าเป็นงั้นจริงก็คงมีปัญหาตามมาพะเรอเกวียน
แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เราตามผลไปยังทั้ง 2 ธนาคารอีกที คราวนี้ จนท.ธ.ของรัฐได้แจ้งข่าวดี
ว่าธ.อนุมัติสินเชื่อในวงเงินตามที่เราขอไป ก็เลยโล่ง.. เหมือนยกอกออกจากภูเขา
เราโทรไปบอกพี่จนท.อีกธ. แจ้งว่าทราบผล ธ. อื่นแล้ว อนุมัติแล้วด้วย พี่เขาก็เข้าใจ และไม่ว่าอะไร
เพราะหากเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยแล้ว ธ.ของรัฐจะถูกกว่า และก็เป็นความผิดของ
ทางธ. พี่เขาด้วย ที่ดำเนินเรื่องช้ากว่าที่ควรจะเป็นซะมากมาย จน ณ บัดนี้ เรายังไม่ทราบผลการ
พิจารณาของธ.พี่เขาเลย
ขอสรุปประเด็นที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่เตรียมตัวขอกู้ละกันนะคะ
สิ่งที่สำคัญคือ คุณต้องประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเองก่อน
ตามโครงการต่างๆ มักจะมีตารางการผ่อนต่อเดือนแจกให้ลูกค้า
คุณสามารถใช้ตัวเลขนั้นมาคำนวณคร่าวๆ ให้คิดง่ายๆ เอาเงินเดือนของคุณ
มาคูณ 40% แล้วต้องได้ได้มากกว่าหรือเท่ากับยอดผ่อนต่อเดือน ซึ่งถ้าคุณมีภาระหนี้อื่น
ก็ต้องเอายอดผ่อนหนี้นั้นมาหักออกจาก 40% ของเงินเดือนด้วย ที่เหลือคือความสามารถในการผ่อนชำระของคุณ
สมมติว่า คุณเงินเดือน 20,000.- จะเท่ากับว่าคุณมีความสามารถ
ในการผ่อนชำระอยู่ที่เดือนละ 8,000.- (20,000 x 40%)
แต่คุณมีหนี้เงินผ่อนซื้อไอโฟนอยู่ที่เดือนละ 2,000.-
ความสามารถในการผ่อนชำระของคุณก็จะเหลือแค่ 6,000.-
คุณก็ต้องไปดูตารางผ่อน ว่าผ่อนเดือนละ 6,000.- จะกู้ได้เท่าไหร่
แต่ถ้าอยากกู้มากกว่านั้น ก็ต้องหาเงินไปโปะไอโฟนให้หมด
กรณีที่มีปัญหากับเครดิตบูโร ของดใช้คำว่าแบล็กลิสต์นะคะ
เพราะมันไม่มีคำนี้ในการพิจารณาสินเชื่อ เขาใช้คำว่า เป็นผู้มีประวัติผิดเงื่อนไข
ซึ่งก็คือประวัติการชำระหนี้ล่าช้า ซึ่งเกิดจากบริษัทเจ้าหนี้ส่งประวัติดังกล่าวไปบันทึกไว้
ในฐานข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิต ซึ่งจะแบ่งระดับความร้ายแรงตามจำนวนวัน
ที่ค้างชำระ แม้เราจะเคลียร์การค้างชำระไปแล้ว แต่ข้อมูลการชำระล่าช้าจะยังคงอยู่
หลังจากปิดบัญชีไปแล้ว 3 ปี
หากใครไม่แน่ใจประวัติตัวเอง สามารถไปตรวจเช็คได้ที่ธ.อาคารสงเคราะห์ พระราม 9
แถวแยกอสมท. ถ้ามีปัญหา แนะนำให้ปรึกษากับสถาบันการเงินที่เรายื่นกู้ (แต่ต้องกับจนท.ที่มีประสบการณ์ด้วย) เพราะเงื่อนไข และความ Sensitive จะไม่เหมือนกัน
บางธนาคารอาจให้เราชี้แจงว่า ทำไมถึงเกิดการชำระล่าช้าขึ้น ขอให้ตอบไปตามจริง
เพราะความจริงจะปกป้องทุกคน (ฮา) เช่น บางคนชำระหนี้ช้า เพราะเป็นช่วงที่พ่อป่วย
เข้าโรงพยาบาล ถ้ามีเอกสารอะไรยืนยันได้ก็แนบไป และที่สำคัญกว่าก็คือ อะไรที่จะเป็นสิ่ง
ที่ทำให้ธนาคารเชื่อได้ว่า คุณจะไม่ผิดนัดชำระหนี้อีก เช่น ปัจจุบันมีรายได้เยอะกว่าแต่ก่อนมาก
หรือแจ้งทางธ.ว่ายินดีให้ธ.หักเงินผ่อนจากบัญชีเงินเดือนโดยตรง อะไรทำนองนั้น แต่ขอบอกก่อนว่า
เอกสิทธิ์ในการยกเว้นผ่อนผันเรื่องพวกนี้มันแล้วแต่ธนาคาร แล้วแต่ผู้พิจารณาจริงๆ
ประเด็นสุดท้าย จากเคสของเราก็คือ กรณีที่ผู้กู้ไม่ได้ทำงานประจำที่มีเงินเดือนที่แน่นอน
อันนี้คุณต้องมีหลักฐานแสดงรายรับที่ชัดเจน อย่างเราก็คือ ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย
และก็ต้องมีการนำรายรับเหล่านั้นมาเข้าบัญชีธนาคาร แต่ไม่แนะนำให้แต่งบัญชีธนาคารนะคะ
เพราะมันสามารถตรวจสอบกันได้ และคงไม่เป็นการดีต่อการทำธุรกรรมครั้งต่อๆ ไปในอนาคต
และหลักฐานที่จำเป็นอีกประเภทก็ได้แก่ หลักฐานการประกอบกิจการต่างๆ ของเรา
เช่น ใบทะเบียนพาณิชย์ สัญญาเช่าร้าน/แผง ใบเสร็จค่าเช่าร้าน ใบอนุญาตประกอบกิจการ
ต่างๆ รูปถ่าย หรืออะไรที่ดูแล้วจะเป็นหลักฐานยืนยันถึงการประกอบสัมมาชีวะของเรา
ขนมาให้หมดเลยค่ะ ซึ่งเคสของเรามันไม่มีหลักฐานอะไรพวกนี้เลย นอกจากรูปถ่าย
เราก็ใช้วิธีแนบตัวอย่างผลงาน และเขียนบทความอธิบายประกอบ โดยเล่าขั้นตอนการทำงาน
ตั้งแต่เริ่มจนจบ เหมือนทำรายงานอาชีพของฉันส่งครูยังไงยังงั้น
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ เรากำลังกลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องกู้ต่อไปเหมือนกัน
2 ปีที่แล้วกู้คอนโดให้เช่าไปแล้วที่นึง ตอนนั้นทำงานประจำไม่มีปัญหาอะไร
เราเป็นวิศวกร ตอนนี้ออกมารับงานเองเป็นจ๊อบ หรือทำเป็น parttime บ้างกับบางบริษัท ซึ่งรายได้รวมมากกว่าเดิมเกือบ 2 เท่า แต่ปัญหาคืองานที่รับเป็นจ๊อบ เรารับต่อจากวิศวกรอาวุโส (สับต่อๆ มาว่างั้นค่ะ) ซึ่งเอกสารมีแค่สัญญาว่าจ้างที่เราบังคับให้ทำระหว่างบุคคล กับแคชเชียร์เช็คที่จ่ายเงินแต่ละงวดเท่านั้น อยากรบกวนถามเจ้าของกระทู้ว่า แค่นี้เพียงพอสำหรับการยืนยันเอกสารที่มาของรายได้เพื่อกู้แบ็งค์หรือไม่ เคยถามแบ็งค์เขียวเค้าบอก ให้เอาหลักฐาน 50 ทวิมายืนยันด้วย
ส่วนการเสียภาษี ปีนี้ออกมาทำปีแรก ก็ยังงงๆ เหมือนกัน ว่าต้องจ่ายแบบไหน
ทั้งนี้ ที่เขียนเล่ามา กระท่อนกระแท่นบ้าง ใช้คำตกๆ หล่นๆ บ้าง แต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่วางแผนจะเป็นหนี้ได้อยู่บ้าง
สำหรับคนที่ถามอาชีพเรามา ขอไม่บอกละกันนะคะ แต่มีคห. หนึ่งเดาถูก
บอกว่าเราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง นั่นล่ะ อาชีพเราเลย รับแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทั่วราชอาณาจักร
สำหรับวันนี้ ขอุติการแพร่ภาพกระจายเสียงไว้แต่เพียงเท่านี้
ราตรีสวาท
คห. 56 แบ๊งเค้าขออะไรมา ถ้าเรามีก็ประเคนไปโลดเลยค่ะ แถมๆ ไปด้วยก็ได้
อย่างแคชเชียร์เช็คที่เคยรับมา ได้ทำสำเนาเก็บไว้บ้างไหม
วิศวกรเค้าต้องมีใบอนุญาตทางวิชาชีพรึเปล่า
แล้วงานที่เคยทำ พอจะหาตัวอย่างงานแนบให้ธ.ด้วยได้ไหม
ต้องออกไซต์งานรึเปล่า มีรูปถ่ายตัวเองตอนออกไซต์งานไหม
ตอบเจ้าของกระทู้
มีใบประกอบวิชาชีพ และรายการงานที่ทำทุกโครงการค่ะ รูปถ่ายออกไซต์มีพร้อม
แคชเชียร์เช็คไม่เคยถ่ายไว้ เพิ่งสังเกตว่ามีจ่ายเงินสดด้วย คือ งวดงานเราเบิกครั้งละ 5-6 หมื่น เป็นงานรับจ้าง ศึกษา ออกแบบ บางครั้งเค้าไม่สะดวกไปแบ็งค์ก็เอาเงินสดให้เรา แต่เราเอาไปเข้าแบ็งค์เองทุกงวด
เราตั้งข้อสังเกตเองนะ ว่า ที่มาที่ไปของงานไม่ชัดเจนมากนัก เพราะเราไม่ได้รับงานหรือเงินจากตัวบริษัทโดยตรง แต่เป็นวิศวกรอาวุโสที่จ้างเราอีกที เลยกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของงาน
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำทั้งหมด เป็นประโยชน์มาก และทำให้มั่นใจมากขึ้นสำหรับการวางแผนการเป็นหนี้
ตอนนี้ก็กำลังมองบ้านอยู่คะ เเต่เพิ่งจบ เอิ๊กๆ ขอบคุณพี่มากนะคะ
เถียงกับแฟนตั้งนาน แฟนบอกว่าเงินเราถึงก็ต้องกู้ได้เลยซิ
ขอถามต่ออีกนิดนึงนะคะ ถ้ากู้ร่วม คนที่กู้หลักอายุงานเกิน2ปี แต่คนที่กู้ร่วมอายุงานไม่ถึง 2ปี ทางธนาคารยังคิดว่ากรณีนี้เป็นการกู้ร่วมด้วยไหมคะ
ขอบคุณพี่มากนะคะ
ขอบคุณที่มาแบ่งปันกันนะคะ เป็นประโยชน์มากค่ะ
ตอนนี้กะลังเอกสารท่วมหัวเลย
เพิ่งเรียนจบหรือเปล่าคะ ถ้าเพิ่งจบแล้วทำงานเพิ่งผ่านโปร ลองมองในมุมของธนาคารดูว่าโปรไฟล์การทำงานแบบนี้มีความมั่นคงพอที่จะปล่อยเงินกู้ให้ได้หรือเปล่า ถ้าทำงานเพิ่งผ่านโปรก็กู้ได้ แล้วธนาคารจะมีกำหนดคุณสมบัติผู้กู้ว่าต้องมีอายุงาน 2 ปี ไว้ทำไม?
ตอบคุณ amides เพิ่มเติมนะคะ
คุณสมบัติขั้นพื้นฐานแต่ละธนาคารกำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้กู้หลัก หรือผู้กู้ร่วม ก็ใช้เกณฑ์เดียวกัน เถียงกับแฟนไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ
ขอบคุณค๊าา
ตอนนี้ทำงานมาอีกไม่กี่เดือนก็จะ 2 ปี แล้วคะ
แฟนเค้าไม่เข้าใจว่ากฏระเบียบของทางธนาคารมีกำหนดคุณสมบัติผู้กู้ว่าต้องมีอายุงาน 2 ปีคะ ดีเลยหนูจะได้บอกเพราะเค้าดูเค้ายัง งงๆ ดูเค้ารีบๆเพราะบ้านที่อยู่ปัจจุบันจะโดนทุบทำเป็นรัฐสภาคะ
มีประโยชน์มากคะ
โหวต ….
ขอบคุณ มากครับ มีประโยชน์มากครับ
ขอบคุณมากค่ะ
ได้ความรู้ที่เป็นประโยชน์มากค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ช่วยกันเก็บเข้าคลังกระทู้ก็ดีนะคะ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูลในอนาคต
อู้วส์…โดนใจคะ
ตอนนี้กำลังยื่นเรื่องกู้ซื้อบ้านอยู่ด้วยเช่นกัน 2ปีที่แล้วยื่นกะสามีไปแล้ว ผ่านโลด 95% ราคาบ้าน 2.8 บาท (เป็นบ้านใหม่คะ) ตอนนั้นทำงานเงินเดือนผ่านแบงค์เฉลี่ยเดือนละ 6 หมื่นบาททุกเดือน จนย้ายมาทำที่ใหม่
ส่วน ณ ตอนนี้ ยื่นกู้บ้านมือสอง ราคา 1.4 บาท ไม่แน่ใจคะว่าจะผ่านใหม่ เนื่องจากยื่นกู้คนเดียว สามีภาระผูกพันหนี้สินเยอะทั้งบ้านและรถ ส่วนเรายังไม่มีอะไรเป็นภาระ ขอถามเลยนะคะ
1. เราเป็นเซลล์ขายรถ เงินเดือน+คอมมิชชั่นที่ผ่านแบงค์ เดือนละ 16000 บาท แต่มีเงินที่เค้าเรียกว่ารับสดวันปล่อยรถอีกคันละ 10,000-35,000 บาทแล้วแต่เคส แล้วแต่คัน ส่วนนี้ไม่ผ่านแบงค์ ไม่เสียภาษี เดือนๆ หนึ่งรายรับเรา 2 ก้อนนี้ไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท
2. เราเปิดร้านซักอบรีด เป็นธุรกิจเสริม เช่าตึก 2 ชั้นมีสัญญาเช่า มีหน้าร้านสวยงาม มีลูกค้าประจำกว่า 35 ราย มีราย-รับ ทำเป็นบัญชีรายรับ-รายจ่าย เปิดมาได้ 1 ปี 6 เดือน ไม่ได้จดทะเบียนการค้า จ้างพนักงาน 2 คนเท่านั้นรายรับหลังจากหักค่าใช้จ่ายก็ไม่ต่ำกว่า 15,000-20,000 บาท
3. เรามีเงินออมในบัญชีออมทรัพย์หลักแสน มีกรมธรรม์ประกันชีวิต 2 เล่มยอดส่งปีละ 25,000 บาท มีฉลากออมสินอีก 1 แสนบาท มีทองรูปพรรณอีก 10 บาทที่สะสมไว้
4. เรา มีลูก 1 คนอายุ 4 ปี
5. มีจ่ายค่าบัตรเครดิต เดือนละประมาณ 5 พันบาท ค่าน้ำ/ไฟ ค่านมลูก ค่าเทอม สามีจ่ายคะ
รบกวนหน่อยคะ เราพอจะกู้ได้ 90-95% มั้ยคะ เราต้องการกู้เพื่อทำร้านซักอบรีด จะได้ไม่ต้องเสียค่าเช่า และเราไม่อยากควักเงินออกไปจ่าย อยากเก็บไว้ขยายกิจการคะ เพราะว่าตอนที่เราลงทุนทำร้านซักอบรีด เราจ่ายไปกว่า 250,000 บาท ถ้าย้ายที่ทำการใหม่ เราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอีก
ปล..ที่เรากังวลใจ เพราะเรากลัวว่า รายได้หลักๆ ที่ผ่านแบงค์ของเรามันไม่เยอะ เงินที่ได้เยอะๆ จริงก็เอาไปฝากไว้ มันก็ไม่เห็นแหล่งที่มาของรายได้
แนะนำเทคนิค และแบงค์ที่ปล่อยได้ง่ายๆ ด้วยนะคะ ขอบคุณคะ
นึกถึงตัวเอง วิชาชีพอิสระไม่มีเงินเดือนประจำ ผมใช้หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ภงด.50 (แบบเสียภาษีประจำปี) แล้วก็แนบรายชื่อลูกค้าในมือ
ก็ผ่านมาได้นะครับ บังเอิญว่าซื้อบ้านใหม่ด้วยมั้ง ยอดผ่อนดาวน์ กับผ่อนบ้านรายเดือน พอๆกันด้วยสิครับ เลยผ่านง่ายๆ
เป็นประโยชน์จริงๆ โหวตให้ด้วยคนครับ
เข้ามาชื่นชมเจ้าของกระทู้ค่ะ
เขียนได้อย่างสนุก อ่านเพลินเลย และยังมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆในนี้อีกด้วย
ยินดีด้วยสำหรับบ้านใหม่ค่ะ
>>สมรสแล้ว แต่ตอนมายื่นกู้แจ้งโสด (แอบเมียมาซื้อคอนโด)….แอบฮา
เรานึกถึงสามีตัวเองเลยอ่ะ แม่ได้แอบเมียซื้อนะคะ ซื้อให้เมียนี่แหละ…อิอิ
กระทู้ดี มีประโยชน์สำหรับผมพอดีเลย
ตอนนี้กำลังจะเป็นหนี้ก้อนโตเหมือนกัน แต่ไม่รู้ ธ. เค้าจะให้หรือปล่าว
กำลังรอลุ้นอยู่
ของผม แบ็งค์สนง.ใหญ่ เพิ่งแจ้งอนุมัติ 95% สดๆร้อนๆ เมื่อวานนี้เองครับ ประกอบธุรกิจส่วนตัวครับ…………(E-Commerce or Online Store)
ตอบ คห 68(แทน จขกท.)
1. แบงค์คงจะนับเฉพาะรายได้ที่มีหลักฐานคะ รายได้ส่วนที่ไม่มีเอกสารยืนยัน แบงค์จะไม่ถือว่าเป็นรายได้นะคะ แต่ถ้ามีเอกสารยืนยันได้ ก็นับรวม(จากที่เล่ามา แทบจะไม่มี% เลยคะ)
2. รายได้จากร้าน แบงค์จะดูว่า คุณเปิดมากี่ปี แล้วมีการทำบัญชีหรือไม่ มีเงินหมุนเวียนในแบงค์หรือไม่ อ้อ กลับไปอ่านมา ไม่จดทะเบียนการค้าด้วย แสดงว่า ได้เสียภาษีบ้างหรือเปล่า แบงค์จะดูเอกสารเป็นหลักคะ
ตอบจากประสบการณ์นะคะ ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่แบงคืหรืออะไร เคยกู้คะ และมีสถานะแบบ จขกท. ตอนแรกแบงค์ปฏิเสธเหมือนกัน แต่ดิฉันจิ๊ดคะ คือเราคิดว่าเรามีความสามารถในการส่งไง เงินเก็บเราไม่มี แต่เรามีเงินหมุน เชื่อไหม ทางโครงการบอกว่า ไม่ต้องง้อแบงค์นั้นแล้ว เพราะอีกแบงค์ที่โครงการจัดให้ เราอนุมัติชัวร์ ๆ (แบงค์แรก ผจก.ใหม่(ถอดด้าม) แบงค์เพิ่งเปิดสาขาใหม่) ดิฉันจิ๊ดคะ ผจก.แบงค์ละอ่อนมาก ดิฉันขอเอกสารกลับ แล้วทำอุทรกลับไป ร่ายไป 6 หน้ากระดาษ แล้วแนบเอกสารกำกับ เขียนเลขกำกับในเอกสารเรียบร้อย ผจก.เขต ถามว่า ใครเป็นทำเอกสาร ผจก.ละอ่อน กระมิดกระเมี้ยนบอกว่า ลกค้าทำ 3 วันเขาอนุมัติให้เลยคะ