ดอกเบี้ยบ้านวงเงินกู้เยอะกว่า จำนวนปีก็นานกว่า แต่เวลาผ่อนมันลดต้นลดดอก หักภาษีได้อีกนิดหน่อย
แต่กู้รถดอกเบี้ยเป็นแบบแฟลตเรท และกู้เงินไม่สูงนัก
แต่ถ้าดูแต่เรทดอกเบี้ยแล้ว กู้บ้านโดนเยอะกว่าหลังจากผ่อนครบสามปีแรก
เอายังไงกับทางเลือกนี้ดีเนี่ย ใครมีประสบการณ์ช่วยแนะนำหน่อย
คำค้นหา:
- การโปะบ้าน
- car for cash ดอกเบี้ยเท่าไหร่
- ปิดเงินกู้บ้าน
ดอกเบี้ยบ้านลดต้นลดดอกครับ อัดไปเลย ยังไงรถก็ดอกคงที่ ค่างวดเท่าเดิม
บ้านค่ะ งวดต่อไปคุณก็จะได้จ่ายดอกน้อยลง ตัดเงินต้นมากขึ้น
ไปปิดยอดรถดีกว่า…เพราะอย่างไรเสีย "บ้าน" ย่อมปลอดภัยกว่า "รถ"
เอารถออกมาก่อน รถนี่แหละจะทำให้เราไปไม่รอด เพราะธนาคารคุยง่ายกว่า หากเกิดปัญหา แต่รถ…คุยยากและดอกแพง
ปิดรถก่อน
อีกสักพักเราก็ขายแล้วซื้อใหม่ บ้านเรายังต้องผ่อนอีกนาน
ปิดรถ คับแล้วเราจะมีเงินเก็บในส่วนที่ไม่ได้ผ่อนรถเป็นรายได้เพิ่มขึ้น
บ้านค่ะ รถมันเก็บดอกเราไปหมดแล้ว ไม่ยอมคืนง่ายๆ หรอก
ต้องจ่ายค่าบ้าน ลดต้นลดดอกไปก่อน เพราะค่ารถ เค้ารวมดอกไปแล้ว จ่ายไม่จ่าย ก็ดอกเท่าเดิม
โป๊ะรถ ดอกไม่ลด ลดก็ลดน้อยมาก
โป๊ะ บ้าน ดอก ลดทันที
บ้านสิครับ จะไปโปะรถทำไม
โปะบ้านดอกลดทันที เดือนหน้าก็เงินเหลือเยอะขึ้นแล้ว
เป็นผมๆ โปะรถครับ อย่างน้อยดอกก็ลดลง 50% ของที่เหลือ มันอยู่ที่ว่าคุณใช้เงินมากแค่ไหนในการโปะ เพราะมันจะลดรายจ่ายออกไป 1 ทาง แต่ถ้ามีเงินมากๆสามารถโปะบ้านเงินสดได้เลยก็ทำไปเถอะครับ จะได้เหลือผ่อนรถอย่างเดียว
อย่างบ้าน 1.5 ล้าน รถ lสองแสน และผมมีเงินสามแสน ผมจะโปะรถก่อนครับ อย่าลืมว่า ถ้าคุณโปะบ้านถ้ายังไม่หมด คุณก็ต้องผ่อนจำนวนเงินเท่าเดิมนะครับแต่ดอกเบี้ยเงินต้นมันลดลงไปเท่านั้นเอง
โปะบ้านค่ะ
เพราะโปะรถไม่ได้ทำให้ประหยัดอะไรขึ้นเท่าไหร ผ่อนรถเป็นการเช่าซื้อ ดอกเบี้ยถูกคิดไปล่วงหน้าในแต่ละงวดแล้ว และถูกคิดในทางบัญชีในค่างวดในรูปแบบเดียวกับการคำนวณลดต้นลดดอก ดอกเบี้ยไม่ได้เท่ากันทุกงวด ดังนั้น งวดท้ายๆ จะเหลือส่วนของดอกเบี้ยไม่มากนัก และตามกฏหมาย ปิดบัญชีก่อนจะได้คืนดอกเบี้ย 50% ของดอกเบี้ยทางบัญชีที่เหลืออยู่ ไม่ใช่50% ในวิธีคิดแบบลดต้นลดดอก ลดจริงไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ลองโทรไปเช็คยอดที่ไฟแนนซ์ให้ปวดใจเล่นดูก็ได้
ส่วนการโปะบ้าน ตัดเงินต้นเต็มๆ ดอกเบี้ยลดลงตามเงินต้นที่ลดลงจริงๆ ผู้กู้ได้ประหยัดดอกเบี้ยเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เข้ามายกมือให้ โปะบ้านอีกเสียงคับ
อย่าคิดนานนะครับ เสียดอกกันเป็นวันๆ ไป
โป๊ะ รถเหมือนเอาเงินไปให้เค้าใช้พร้อมดอกเบี้ยฟรี ๆ
โป๊ะให้ตายยังไง มันก็ไม่ลดต้นให้เราหรอก เค้าคิดดอกเป็นงวดไปแล้ว
เอาไปโป๊ะบ้าน เงินต้นลด
เดือนต่อไป
ไม่ต้องคิดมากครับ ผมผ่อนมาแล้วทั้งบ้านและรถ ……ผมเลือกโป๊ะบ้านก่อน
ดอกเบี้ยรถมันคงที่ คิดไปตามงวดแล้ว โปะไปก็เท่านั้นอะ
โป๊ะรถสิครับเคาคิดดอกก็จริง แต่โป๊ะหมดก่อนกี่ปีเค้าก็ไม่คิดดอกที่หลือ
เพราะส่งรถแต่ละเดือนมันเยอะกว่าส่งบ้าน โป๊ะรถเสร็จก็เอาเงินส่งรถมาส่งบ้าน
ส่วนผม ผ่อนบ้าน 9500
ผ่อนรถ 13600 (รถเหลือ 2 ปี )
ดอกเบี้ยรถเป็นดอกเบี้ยคงที่ จ่ายหมด ดอกก็เท่าเดิม
เอาเงินไปโป๊ะบ้านก่อน ต้นหาย ดอกก็ลดตาม
สรุป เอาเงินไปโป๊ะบ้าน แล้วผ่อนรถไปตามปกติ
หลาย ๆ คนยังสับสน
งวดรถเกิดจาก
ราคา-เงินดาวน์ = เงินต้น
(เงินต้น*ดอกเบี้ย*จำนวนปี)+เงินต้น=เงินที่ต้องผ่อนชำระ
เงินที่ต้องผ่นชำระ/จำนวนเดือน= จำนวนเงินที่ต้องส่ง/งวด
หรือคิดง่าย ๆ
รถยนต์ ราคา 1,000,000 บาท
ดาวน์สมติว่า 10%
ดอกเบี้ย 2 %
ผ่อน 4 ปี (48 เดือน)
เงินต้น=900,000 บาท
(900,000*ดอกเบี้ย 2%*4)+900,000=972,000 บาท
972,000/48=20,250 บาท คือเงินที่ต้องชำระต่องวด
คือ ต่อให้คุณ เหลือ 10 งวด แล้วคุณ อัดไปทีเดียว 202,500 บาท
ดอกเบี้ยคุณก็เท่าเดิม
แล้วคุณจะไป โป๊ะ ทำไม แต่ถ้าคุณเอาเงิน 202,500 ไปโป๊ะบ้าน
เงินต้นลดลงเห็น ๆ เลย เยอะด้วย……
1 เดือน จ่ายค่ารถ 12000 ค่าบ้าน 8000
ถ้ามีัเิงินพอปิดรถได้ ผมเลือกเอาไปปิดลด ดีกว่า ไปโป๊ะบ้านคับ
อย่างน้อย หนี้ คุณก็หายไป 1 หนี้ แถมมีเงิน 12000 บาท เพิ่มจากค่ารถที่ไม่ต้องจ่ายด้วย และคุณก็ผอ่นบ้านต่อไป ต่อเดือนก็น้อยลงด้วย
แต่ถ้าคุณมั่นใจว่า คุณจะมีเงินแบกรับ รายจ่ายต่อเดือนจน รอด คุณก็เอาไปโป๊ะบ้านดีที่สุด
พอดีผมไม่เคยโปะหรือปิดเงินกู้รถ แต่ถ้าเป็นไปตาม #18 ที่ว่า
เหลือต้องผ่อนอีกกี่งวดก็ตาม ก็ต้องโปะหรือปิดเป็นเงินรวมเท่านั้น
ไม่มีการคำนวณให้จ่ายเฉพาะเงินต้นละก็ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องรีบเอาไป
โปะ เพราะมันไม่ได้ช่วยทำให้จ่ายน้อยลงเลย
แต่จำได้จากตอนทำงานที่ไฟแนนซ์ ว่าเขามีการแยกเงินแต่ละงวดที่
ลูกค้าจ่ายว่านำไปหักเป็นเงินต้นเท่าไร เป็นดอกเบี้ยเท่าไร ซึ่งถ้าเป็น
แบบนั้น ตอนปิดบัญชี น่าจะคิดเงินเฉพาะเงินต้นที่เหลือ กรณีที่เป็น
แบบนี้ ก็ต้องดูอีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รถมันเท่าไร เอามาคูณสอง
แล้วดูว่ามันถูกกว่าดอกเบี้ยบ้านหรือเปล่า ถ้าถูกก็ผ่อนต่อไป ถ้า
แพงกว่าก็รีบเอาเงินไปโปะ
อีกมุมมองหนึ่งคือ เนื่องจากเงินกู้บ้านนี่ ถือเป็นเงินกู้ที่อัตราดอกเบี้ย
ค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว และการขอกู้ก็ไม่ใช่ขอกันง่ายๆ ถ้าชีวิตนี้จะเป็นหนี้
เงินกู้บ้านนี่แหละที่น่าเป็นหนี้ที่สุดแล้ว จึงน่าจะเก็บหนี้นี้ไว้ก่อน
ลองคิดดูว่า ถ้ารีบโปะเงินกู้บ้านไป ถ้าวันหลังเกิดช๊อตเงินแล้วอยากได้
เงินก้อนมาไว้ในมือ อาจจะเดือดร้อนต้องไปทำรีไฟแนนซ์ ต้องเสียเวลา
เสียค่าธรรมเนียม และอาจเสียอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นด้วย มีแต่เสียกับเสีย
ส่วนที่มีบางคห.คิดว่าโปะเงินกู้บ้านแล้วเงินต้นลดดอกเบี้ยลด ค่าผ่อนจะลดตาม
นั้น เข้าใจผิดแล้ว ไม่ว่าอะไรจะลดก็ตาม ค่าผ่อนจะเท่าเดิมตลอด จำนวนงวด
ที่ผ่อนต่างหากที่จะลดลงในช่วงท้ายๆ ของการผ่อน
ผมว่าควรดูรายละเอียดอื่นๆ ประกอบ
-ผ่อนรถเดือนละเ้ท่าไหร่ เหลือกี่เดือน
-ผ่อนบ้าน ยอดเท่าไหร่ เหลือกี่เดือน
-การเงินของเรามีความมั่นคง มากน้อยเท่าไหร่
ลองเรามีความมั่นคงด้านการเงิน คือมีรายรับที่แน่นอน ไม่ผันผวน
ก็โป๊ะบ้านไปเถอะครับ เพราะดอกจะลดลงเห็นๆ มากกว่าโป๊ะรถเยอะ
แต่ถ้ารายรับมีความผันผวน และเราสามารถโป๊ะปิดรถได้เลย การปิดยอด
รถให้หมด ให้เหลือผ่อนบ้านด้านเดียว ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ
ส่วนกรณี ครบ3ปี ดอกบ้าน เรทเพิ่มขึ้น ให้รีไฟแนนท์ไปเลยครับ
อาจขอกับ ธนาคารเดิม หรือย้ายที่ก็ได้ครับ
แนะนำ ถ้าครบ3ปีตอนใกล้งาน มันนี่เอ็กโป ให้เตรียมหลักฐานไปขอที่งาน
ดีกว่าครับ มีโปรโมชั่น มาแข่งกันเยอะ
จ่ายงวดน้อยลง ก็เรียกว่า เงินต้นลด ดอกลดแหละครับ
ถ้าจ่ายแบบโป๊ะ
เงินต้นเดือนล่าสุด * อัตราดอกเบี้ย/ 12 เดือนครับ
จะได้ อัตราดอกเบี้ที่ต้องจ่ายใน 1 เดือนครับ …ถ้าเราจ่ายเท่าไหร่ ให้เอาจำนวนที่จ่ายไปหักดอกเบี้ย แล้วที่เหลือไปหักเงินต้น
ถึงจะเป็นเงินต้นที่เอาคำนวณในเดือนต่อไปครับ
ฉะนั้นถ้าเราจ่ายเกินไปเยอะ ๆ เงินที่เหลือจากดอกเบี้ยก็จะไปหักเงินต้นเดือนต่อไปได้มากกว่าปกติ แล้วถึงจะเอาไปคำนวณดอกเบี้ยเดือนต่อไปครับ…
ส่วนเรื่องใครคิดยังไงหรืออยากโป๊ะแบบไหนก็แล้วแต่จะคิด…….
ส่วนเรื่องถ้าช๊อตเงินไม่มีเงินสด แล้วต้องการเงินสด
ทางธนาคารเค้ามีให้สำหรับคนที่กู้ซื้อบ้านไว้กู้ต่างหากอยู่แล้วครับ
ไม่ต้องห่วงหรอก ธนาคารมองออกว่าคนไหนน่าให้กู้หรือไม่น่าให้กู้….(ส่วนมากนะ)
เป็นหนี้อยู่ครับ ข้อมูลพอจะมีเหมือนกัน …555
เราว่าคุณ คห 18 ก็ยังสับสนเหมือนกันนะคะ
การปิดสัญญาเช่าก่อนกำหนด ไม่ว่าจะเหลือกี่เดือน ครบปีหรือไม่ ไฟแนนซ์ก็ต้องคืนดอกเบี้ยให้ครึ่งหนึ่งของส่วนที่เหลือค่ะ แต่ส่วนที่เหลือนั้น คิดมาแบบลดต้นลดดอก ไม่ใช่คูณจากอัตรา flat rate ตอนที่คำนวณตอนเรากู้
กฏหมายที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา กำหนดไว้ เขียนไว้อย่างในข้อความข้างล่างนี้ค่ะ
และรบกวนทุกท่านอีกครั้งค่ะ มาช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องกันดีกว่า
สะกดว่า"โปะ" นะคะ ไม่ใช่"โป๊ะ"ค่ะ
ข้อความตามประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา มีผลบังคับใช้ 1 กย. 2543 ค่ะ
นั่นสิครับ ข้อมูลเกือบใช่ แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด
คงต้องแล้วแต่จขกท.ว่ามองเรื่องการกู้อย่างไร เพราะการที่เรากู้เงินได้
ตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะกู้ได้ตลอดไปได้ง่ายๆ เหมือนที่คห.22
บอก เพราะทันทีที่เป็นหนี้อะไรสักอย่างหนึ่งขึ้นมา ความสามารถในการ
ใช้หนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว เดินกลับไปกู้แบงค์เดิมอีก อาจโดน reject เพราะ
ไม่เหลือความสามารถในการใช้หนี้แล้ว
ยังมีปัจจัยอื่นที่ควบคุมไม่ได้เช่น เรื่องความมั่นคงของงานและรายได้
เปลี่ยนเมื่อไร บางทีอย่าว่าแต่กู้ซื้อบ้านเลยครับ แม้แต่บัตรเครดิตยังทำไม่ได้
เลย
อ้อ จขกท.กับบางความเห็นใช้คำผิด โปะ ไม่ใช่ โป๊ะ
โปะ = เพิ่ม พอก
โป๊ะ = อะไรที่เราไปยืนรอเวลาขึ้นเรือ
ส่วนตัวเลือกโปะรถ เพราะบ้านพึ่งผ่อนได้สองปี ผ่อนรถต่อเดือนเกือบหมื่นบาท รวมบ้านด้วยก็หนักอยู่ เอาเงินไปตัดรถแล้วได้ลดดอกเบี้ยนิดหน่อยเพราะรถเหลือแค่ปีเดียว แล้วก็เอาเงินที่ส่งรถทุกเดือนมาโปะบ้านก็ช่วยได้เยอะ เหลือเงินใช้เยอะขึ้น เดือนไหนไม่มีธุระก็โปะบ้านเยอะ เดือนไหนมีก็เก็บเงินไว้กินไว้เที่ยวก่อน บ้านยังต้องอยู่อีกนาน ถ้าไม่มีเงินโปะทีเดียวเยอะ ๆ มันไม่ค่อยแตกต่าง (ในความรู้สึกของเราเองนะ)
แต่ถ้าเลือกได้ค่อย ๆ ลดค่าใช้จ่ายที่สามารถทำได้ไปทีละอย่างดีกว่า ปลอดภัยด้วยในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รถเป็นสินทรัพย์ที่สามารถแปลงเป็นทุนได้อย่างรวดเร็วค่ะ
ไม่ทราบเงินก้อนคุณมากขนาดไหน??
โป๊ะบ้านหมดไหม?? แต่จากคำถามคงไม่หมด
ถ้าไม่หมด คุณยังคงมีหนี้สองทาง คือ รถ และ บ้าน
ค่างวดผ่อนบ้าน และ รถ ไม่มีทางลดลง เพียงแต่ทำให้
คุณผ่อนบ้านได้เร็วขึ้นเท่านั้น หรือถ้าต้องการผ่อนบ้านลดลง
ก็ต้องทำรีไฟแนนซ์ควบไปกับการโป๊ะเงินก้อน
ถ้าโป๊ะรถ อาจเซฟค่าดอกเบี้ยไม่มากเท่าบ้าน เพราะรถเป็น Flat rate
แต่คุณจะเหลือหนี้เพียงทางเดียว ซึ่งคุณอาจใช้ชีวิตได้เบาใจมากขึ้น
การมีเจ้าหนี้น้อยหลาย ย่อมดีการมีเจ้าหนี้มากหลาย หรือเท่าเดิม แต่มูลหนี้ลดลงไม่มากหนัก
ข้อดีของรถ ถ้าคุณได้ครอบครองกรรมสิทธิ คุณก็สามารถนำทะเบียนรถที่ถือครองเป็นหลักประกัน ไปกู้เงินได้ เช่น Car for Cash ในกรณีฉุกเฉิน หรือต้องการเงินลงทุน ซึ่งง่ายกว่าบ้านถ้าจะต้องไปกู้เพิ่ม
ถ้าเป็นดิฉัน เลือกโป๊ะรถ เพราะเบาใจเบากายกว่ากัน ถึงจะลดดอกไม่เยอะ แต่มั่นคงในการใช้ชีวิตมากกว่า มีทรัพย์สินถือครองที่สามารถ
เปลี่ยนเป็นเงินได้ทันที เงินงวดที่เคยผ่อนรถ อาจนำมาโป๊ะบ้านไปเรื่อย
ซึ่งก็ได้ลดต้น ลดดอกอยู่ดีค่ะ
ถ้าคิดจะโปะ ผมจะโปะบ้านครับด้วยเหตุผลลดต้นลดดอก(บางคนบอกงวดเท่าเดิมแค่จำนวนงวดลดลงแต่มันก็คือจ่ายเงินถูกลง) ส่วนเงินก้อนที่มีต่อให้เยอะพอที่จะปิดเงินกู้รถได้เลยผมก็ไม่ทำอยู่ดี ถึงจะบอกว่าได้รถมาเป็นกรรมสิทธิก็ตาม จากความคิดผมมันดูไม่คุ้มสู้เอาเงินไปหมุนทำอย่างอื่นต่อดีกว่าดีกว่าไปจ่ายหายหมดทั้งที่ไม่ได้จ่ายลดลงไป หรือต่อให้ไม่หมุนก็เก็บสดไว้กับตัวเผื่อฉุกเฉินก็ยังน่าทำกว่าพวก car for cash
ส่วนเรื่องปิดเร็วกว่าแล้วไฟแนนต้องคืนดอกนี่ผมไม่มีความรู้เลยครับ จากที่อ่านมาตราอะไรข้างบนก็ยังงงๆ หลายท่านที่เห็นว่าควรโปะบ้านก็น่าจะยังไม่รู้ รบกวนผู้รู้เรื่องมาตราอะไรนั่นหน่อยก็ดีครับ เท่าที่ผมรู้ถ้าต้องจ่าย9,000/เดือน ก็ต้องผ่อนเรทนี้ไปตลอดจนครบสัญญา ถ้าเหลืออีก10งวดแล้วจะขอปิดก็คือ90,000บาท+ค่าธรรมเนียมขอปิดก่อนกำหนด(รึเปล่า)