Comments on: เอาบทความดีๆมาฝาก สำหรับคนที่กำลังคิดจะไปจองบ้านครับ http://www.thaider.com/homepro/57476 สารพันเคล็ดลับ แก้ไขบ้าน คอนโด อสังหาฯ Wed, 26 Dec 2012 11:16:08 +0000 hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0.9 By: admin http://www.thaider.com/homepro/57476#comment-446393 Wed, 26 Dec 2012 11:16:08 +0000 http://thaider.com/homepro/?p=57476#comment-446393 ประมาณ 3.5 ล้านครับ แต่แปลงผมแพงกว่านั้นครับ

By: blackMH
Since: 6 ธ.ค. 55 17:06:34

]]>
By: admin http://www.thaider.com/homepro/57476#comment-446394 Wed, 26 Dec 2012 11:16:08 +0000 http://thaider.com/homepro/?p=57476#comment-446394 ตอนผมซื้อบ้านก็รู้อยู่แล้วว่าบ้านไม่เรียบร้อยอย่าโอน
แต่สัญญามันบังคับขั้นตอนต่อไปว่าจะต้อง…ภายในวันที่เท่านี้…
เงื่อนไขพิมพ์เป็นแบบฟอร์มสำเร็จรูป อย่าหยวนครับ
ไม่ยุติธรรมก็โวยวาย ตกลงกันไม่ได้เอาเงินคืนให้ได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆที่สุด
อย่ามัวแต่เกรงใจเห็นใจ เพราะผมโดนมาแล้ว เค้าทำธุรกิจไม่มีการมาเห็นใจลูกค้าหรอก
บริษัทเค้ามีหน้าที่ทำเงินรีดเงินให้ได้มากที่สุด

By: Avexiouz
Since: 6 ธ.ค. 55 23:19:49

]]>
By: admin http://www.thaider.com/homepro/57476#comment-446389 Wed, 26 Dec 2012 11:16:07 +0000 http://thaider.com/homepro/?p=57476#comment-446389 ซื้อบ้านจากโครงการคุณภาพสังเกตอย่างไร

ความเชื่อที่ว่าช่วงชีวิตของคน ๆ หนึ่งคงมีโอกาสซื้อบ้านได้เพียงครั้งเดียว กำลังเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ที่มีรูปแบบการดำเนินชีวิตต่างไปจากอดีต ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้ซื้อบ้านในกลุ่มนี้มีปัจจัยหลายประการเข้ามาเกี่ยวข้อง การเลือกซื้อบ้านใกล้ที่ทำงานกลายเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการมีชุมชนที่มีความสมบูรณ์ในทุกด้าน แต่ด้วยช่วงชีวิตการทำงานที่อยู่ในจุดเริ่มต้น เมื่อเวลาผ่านไปผู้ซื้อบ้านในกลุ่มนี้มีการเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงาน มีชีวิตครอบครัว การย้ายบ้านจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
                          ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาก็คือเมื่อผู้ซื้อบ้านในกลุ่มนี้ต้องการย้ายบ้าน หาที่อยู่ใหม่ให้ใกล้กับที่ทำงานใหม่หรือใกล้โรงเรียนลูก จะทำอย่างไรกับบ้านหลังเก่า ปล่อยให้เช่าจะมีใครสนใจหรือไม่ หรือถ้าจะขายเป็นบ้านมือสอง อาจถูกกดราคาต่ำกว่าราคาที่ซื้อมาครั้งแรก เมื่อประเมินแล้วไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป ในที่สุดก็ต้องจำยอมอยู่บ้านหลังเก่าและแก้ปัญหาด้วยการตื่นแต่เช้ามืดเพื่อออกไปส่งลูกที่โรงเรียนก่อนที่จะเดินทางไปทำงานต่อปัญหาในลักษณะเช่นนี้จะหมดไป หากก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรกคุณเลือกซื้อบ้านจากโครงการที่มีคุณภาพ เพราะไม่ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดบ้านที่คุณเป็นเจ้าของก็ยังคงมีมูลค่าเพิ่ม และไม่ว่าคุณจะปล่อยให้เช่า หรือขายเป็นบ้านมือสอง ก็ยังได้ราคา การเลือกซื้อบ้านจากโครงการที่มีคุณภาพไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่มีประเด็นพิจารณาเพิ่มเติมจากการเลือกซื้อบ้านในโครงการที่น่าเชื่อถือ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ซื้อบ้านจะตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโครงการ ในเบื้องด้วยการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการหรือผู้ที่เป็นเจ้าของโครงการว่าเคยมีประวัติถูกร้องเรียนมาแล้วหรือไม่ ตรวจสอบว่าที่ดินโครงการมีโฉนดที่ดินถูกต้องหรือไม่ ใครเป็นผู้มีชื่อในโฉนดที่ดิน ได้รับใบอนุญาตให้จัดสรรที่ดินหรือยัง และที่ดินแปลงที่จะซื้อมีภาระผูกพันกับนิติบุคคลหรือสถาบันการเงินใดหรือไม่  หากเป็นกรณีที่จะซื้อที่ดินพร้อมบ้านจัดสรรทาวน์เฮาส์ หรืออาคารพาณิชย์ ควรตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยว่า ผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้าของโครงการ ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารแล้วหรือไม่ โดยตรวจสอบได้จากกรมโยธาธิการ หรือ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานที่ดินจังหวัด ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโครงการ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในขั้นตอนและวิธีการเลือกซื้อบ้าน)แต่หากผู้ซื้อบ้านต้องการเลือกซื้อโครงการที่น่าเชื่อถือและเป็นโครงการที่มีคุณภาพด้วย จะต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติมดังนี้คือ
1.เป็นโครงการที่มีการจัดวางผังที่ดี บ้านทุกหลังสามารถใช้ประโยชน์ได้จากบริการสาธารณะของทางโครงการได้อย่างเต็มที่ เช่น จัดวางตำแหน่งสวนสาธารณะไว้กลางโครงการ หรือตำแหน่งที่อยู่ห่างจากบ้านแต่ละหลังเป็นระยะทางใกล้เคียงกัน และในปัจจุบันมีหลายโครงการเพิ่มคุณภาพของบ้านด้วยการให้ความสำคัญกับการจัดวางผังของบ้านแต่ละหลังด้วย เช่น จัดวางตำแหน่งหน้าบ้าน และหลังบ้านให้เหมาะสมกับทิศทางลมและแสงแดด เพื่อให้บ้านอยู่สบายตลอดเวลา หรือมีการเพิ่มพื้นที่สวนในบ้านให้แก่ลูกค้าเหล่านี้ล้วนแต่เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าขายให้แก่โครงการทั้งสิ้น
2. แบบบ้าน ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริงมีการสำรวจและทำวิจัยก่อนที่จะมีการออกแบบบ้าน มีการจัดพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเหมาะสม  รูปแบบภายนอกเหมาะกับทุกยุคทุกสมัย รวมทั้งมีการวางระบบภายในบ้านไว้เพื่ออนาคต เช่นมีการใช้วัสดุก่อสร้างเพื่อการประหยัดพลังงาน ใช้ผนังคอนกรีตมวลเบาก่อสร้าง มีการติดฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา มีการเตรียมระบบสำรองน้ำใต้ดิน  มีระบบบำบัดน้ำเสียภายในบ้านทุกหลัง และมีการออกแบบจุดทิ้งขยะที่ใช้ประโยชน์ได้ง่ายและมีความสวยงาม เป็นต้น  
3. มีการจัดสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ เกินกว่ามาตรฐานโครงการจัดสรรทั่วไปเช่น มีบริการคลับเฮาส์ สโมสร หรือศูนย์กีฬาในร่ม  ที่สำคัญคือส่วนบริการเหล่านี้ต้องพร้อมที่จะเปิดให้บริการทันทีที่มีการโอนบ้านให้แก่ผู้ซื้อ และมีการบริหารจัดการที่ดีตั้งแต่เริ่มเปิดบริการ
4.มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี ในอดีตผู้ที่ซื้อห้องชุดในคอนโดมิเนียมจะให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยเป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบันโครงการบ้านจัดสรรเริ่มมีหันมาเพิ่มความสำคัญกับการจัดระบบความปลอดภัยภายในตัวบ้าน  เพิ่มเติมจากระบบความปลอดภัยภายในโครงการ เช่นมีการติดตั้งระบบบ้านอัจฉริยะที่สามารถป้องกันการบุกรุกได้ไม่ว่าผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านอยู่ หรือไม่อยู่ในบ้าน
5.เป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับการบริหารชุมชนในระยะยาวเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากโครงการใดมีการบริหารจัดการชุมชนที่ดี สามารถรักษามาตรฐานโครงการให้มีสภาพเหมือนเมื่อครั้งที่มีการเปิดขายโครงการใหม่ๆ ราคา โอกาสที่บ้านจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคตย่อมมีความเป็นไปได้สูงกว่าโครงการที่ไม่มีการบริหารจัดการที่ดี สิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมในเรื่องของการบริหารชุมชนก็คือผู้ซื้อบ้านควรตรวจสอบว่าทางโครงการมีแนวทางบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางอย่างไร ใครเป็นผู้บริหารชุมชน หากทางเจ้าของโครงการมีการจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาดูแล ควรตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยว่าที่ผ่านมาการบริหารชุมชนของบริษัทนั้นๆเป็นอย่างไร แต่ถ้าว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาเป็นผู้ดูแลทางโครงการมีการกำหนดค่าใช้จ่ายส่วนกลางไว้อย่างไร อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งที่มีการลอยตัวค่าเงินบาท ได้ส่งกระทบต่อภาพรวมของตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยตรง  ระบบก่อให้เกิดมาตรฐานการพัฒนาโครงการในรูปแบบใหม่ การสนอขายที่อยู่อาศัยในปัจจุบันส่วนใหญ่จึงเป็นของผู้ประกอบการที่มีการเสนอขายโครงการมาอย่างต่อเนื่อง หลายบริษัทมีข้อมูลลูกค้าที่มีความต้องการซื้อบ้านอยู่ในความดูแลนับหมื่นรายชื่อ ประกอบกับผู้ประกอบการรายนั้นๆ มีโครงการเสนอขายหลายระดับราคา หลายทำเล จึงทำให้ผู้ประกอบการบางรายมีบริการ “บ้านเก่าแลกบ้านใหม่” หรือบริการ “หาผู้เช่าให้ลูกค้า”  แถมพ่วงให้ด้วย  โครงการที่ให้บริการในลักษณะเช่นนี้ได้ต้องมีการบริหารโครงการหลังการขายที่มีคุณภาพ และชื่อเสียงของผู้เป็นเจ้าของโครงการเป็นที่ยอมรับในตลาดเป็นอย่างดี  บริการในลักษณะที่กล่าวมาทั้งหมดนี้หาได้จากโครงการที่มีคุณภาพเท่านั้น ส่วนจะเป็นโครงการใดบ้างนั้นคุณคงต้องใช้เวลาคัดสรรด้วยตัวเอง และบ้านในโครงการคุณภาพก็มีให้เลือกหลากหลายไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในกลุ่มของบ้านสร้างใหม่เท่านั้น เพราะอย่างที่กล่าวมาแล้วตั้งแต่ต้นว่าบ้านในโครงการคุณภาพแม้ว่าจะเป็นบ้านมือสอง ก็ยังคงขายได้ราคาไม่ว่าจะขายต่อสักกี่ครั้งก็ยังมีราคา

http://www.ghbhomecenter.com/cms_detail.php?nid=302&page=2

By: blackMH
Since: 6 ธ.ค. 55 11:47:12

]]>
By: admin http://www.thaider.com/homepro/57476#comment-446390 Wed, 26 Dec 2012 11:16:07 +0000 http://thaider.com/homepro/?p=57476#comment-446390 วิธีเลือกแคมเปญสำหรับซื้อบ้าน

ในการซื้อ-ขายบ้านทุกยุค ทุกสมัย ผู้ขายมักจะมีกลยุทธ์การตลาดเพื่อการจูงใจให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อบ้านในโครงการของผู้ขายได้ง่ายและเร็วด้วยวิธีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการลด การแลก การแจก หรือการแถม แล้วแต่ผู้ขายจะเลือกใช้และประยุกต์ให้เป็นแคมเปญการตลาดที่จะสามารถจูงใจผู้ซื้อให้ได้มากที่สุด และบ่อยๆ ครั้งที่ผู้ซื้อบ้านมักจะถูกจูงใจจากแคมเปญการตลาดของโครงการจนตัดสินใจซื้อบ้านในโครงการนั้นๆ ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแคมเปญการตลาดในรูปแบบต่างๆ จะไม่ไช่ประเด็นหลักในการการตัดสินใจเลือกซื้อบ้านของผู้ซื้อแต่ละราย  เพราะผู้ซื้อย่อมจะต้องคำนึงถึงทำเลที่ตั้งและประโยชน์ใช้สอยที่บ้านจะตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อ และสมาชิกในครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก แคมเปญการตลาดจะมีบทบาทต่อการตัดสินใจก็ต่อเมื่อ ผู้ซื้อมีโครงการที่มีคุณภาพเหมาะสมอยู่ในทำเลที่ผู้ซื้อต้องการให้เลือกมากกว่า 1 โครงการ การเลือกแคมเปญที่คิดว่าตัวเองได้ประโยชน์มากที่สุด ผู้ซื้อควรจะต้องรู้ว่า แคมเปญไหนมีประโยชน์กับผู้ซื้อในด้านใด เหมาะสมหรือไม่และมีข้อควรพึงระ วังอย่างไร

เริ่มด้วยแคมเปญที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ การลดราคา หรือมอบส่วนลดพิเศษให้กับผู้ซื้อที่จองในวันเปิดตัวโครงการ หรือโอกาสพิเศษอื่นๆ แล้วแต่กรณี การขายบ้านในราคาลดพิเศษ ถือเป็นแคมเปญที่ใช้ได้ผลมาทุกยุคทุกสมัย เพราะราคาถือเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจของผู้ซื้อ ถ้าบ้านในทำเลเดียวกันขายราคาถูกกว่า ผู้ซื้อย่อมให้ความสนใจมากกว่า โครงการที่ขายแพงกว่าเป็นธรรมดา แต่ก็มีบ่อยครั้งที่การราคาส่วนลดจะเป็นการลดลงมาจากราคาที่ตั้งไว้สูงเกินจริงทำให้เหมือนลดราคาลงเยอะแต่จริงๆ แล้วเมื่อเทียบกับโครงการอื่นก็มีราคาใกล้เคียงกัน

ดังนั้น การจะดูว่า บ้านที่ขายในราคาพิเศษนั้น จริงๆ แล้วเป็นการลดราคาที่ทำให้บ้านราคาถูกลงมาจริงหรือไม่ ผู้ซื้อจะต้องเทียบราคาขายต่อตารางเมตรหลังจากลดลงมาแล้วกับโครงการอื่นๆ ในทำเลเดียวกันที่มีคุณภาพโครงการใกล้เคียงกันจะทำให้รู้ว่าราคาที่ลดลงมาถูกจริงหรือไม่ หรือผู้ซื้ออาจจะใช้วิธีการตรวจสอบราคาประเมินการก่อสร้างเบื้องต้นกับโครงการต่างๆ ในทำเลเดียวกัน เพื่อประเมินว่า โครงกาที่จะตัดสินใจซื้อเมื่อลดราคาลงมาแล้ว เป็นราคาพิเศษกว่าโครงการอื่นๆจริงหรือไม่        

นอกจากการลดราคาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในปัจจุบันโครงการบ้านจัดสรรมักจะนิยมจัดแคมเปญร่วมกับธนาคาร หรือสถาบันการเงิน โดยการเสนอเงื่อนไขเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ พ่วงกับการขายบ้านเช่น เมื่อซื้อบ้านในโครงการ จะได้สิทธิกู้เงินซื้อบ้านในอัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 1 ปี ซึ่งแคมเปญในลักษณะดังกล่าวจะทำให้ผู้ซื้อผ่อนบ้านได้ถูกลงในระยะเวลา 1 ปี ตามแคมเปญ เพราะไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่สิ่งที่ผู้ซื้อจะต้องคำนึงถึงก่อนการตัดสินใจซื้อ คือ เมื่อหมดระยะเวลาที่เสนอแคมเปญแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนหลังจากนั้นเป็นเท่าไหร่ และเงินผ่อนต่องวดสูงเกินกว่าความสามารถในการผ่อนของผู้ซื้อหรือไม่

ยกตัวอย่างเช่น ผู้ซื้อเลือกใช้แคมเปญสินเชื่อซื้อบ้านวงเงิน 1,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 1% คงที่ 1 ปี  หลังจากนั้นในปีที่ 2-30 ใช้อัตราดอกเบี้ย MLR  ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 7% ในปีแรกผู้ซื้อจะผ่อนบ้านเดือนละประมาณ 3,216 บาท เท่านั้น แต่ในปีที่ 2-30 ที่เริ่มใช้อัตราดอกเบี้ย MLR = 7% ผู้ซื้อจะเริ่มผ่อนต่อเดือนสูงถึง  6,544 บาท ซึ่งมีส่วนต่างถึง3,328 บาท จะเห็นได้ว่า ภาระการผ่อนของผู้ซื้อจะเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว ดังนั้นการเลือกใช้แคมเปญสินเชื่อที่พ่วงมากับการซื้อบ้านผู้ซื้อจะต้องพิจารณาถึงการผ่อนส่งในระยะยาวเป็นองค์ประกอบสำคัญในการตัดสินใจ

แคมเปญอีกประเภทหนึ่งที่นิยมใช้กันมาอย่างต่อเนื่อง คือ แคมเปญ ดาวน์น้อย ผ่อนนาน เป็นแคมเปญที่เหมาะสำหรับผู้ซื้อที่ไม่มีเงินออม ทำให้สามารถตัดสินใจซื้อได้ง่าย เพราะไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เงินในการผ่อนดาวน์เป็นจำนวนมากๆ ผู้ขายจึงยึดเงินดาวน์ให้มากขึ้น จากเดิมผู้ซื้อจะต้องผ่อนดาวน์ประมาณ 20% ของราคาบ้าน ตามระยะเวลาการก่อสร้างบ้านประมาณ 8-12 เดือน ผู้ขายอาจจะลดเงินวางดาวน์ลงมาให้น้อยลงอาจจะเหลือ 5-15% ของราคาบ้าน เพื่อให้ผู้ซื้อผ่อนเงินดาวน์ต่องวดน้อยลง    

สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ เมื่อผ่อนดาวน์เสร็จแล้ว เงินที่เหลืออีกประมาณ 85-95%  ของราคาบ้านจะต้องขอสินเชื่อจากธนาคาร ในขณะที่ธนาคารส่วนใหญ่ปล่อยสินเชื่อประมาณ 80% ของราคาประเมินสำหรับการซื้อบ้าน และประมาณ 70% สำหรับการซื้ออาคารชุด ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอทำให้ผู้ซื้อขอสินเชื่อจากธนาคารไม่ได้ ดังนั้นการตัดสินใจซื้อบ้านด้วยแคมเปญดังกล่าว ผู้ซื้อจะต้องคำนวณเงินที่เหลือจากเงินดาวน์ ว่าสามารถจะขอสินเชื่อกับธนาคารได้หรือไม่

แคมเปญวางเงินจองแล้วเข้าอยู่ได้เลย ก็เป็นอีกแแคมเปญหนึ่งที่ใช้หลักการพิจารณาเดียวกัน ผู้ซื้อจะต้องพิจารณาวงเงินที่จะขอสินเชื่อกับธนาคารในขั้นตอนการโอน ว่าจะสามารถขอกู้ได้หรือไม่เช่นเดียวกันนอกจากแคมเปญทางด้านการเงินรูปแบบต่างๆ ทั้งการลดราคา การขายบ้านพ่วงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการดาวน์น้อยผ่อนนานแล้ว แคมเปญแจกของแถมต่างๆ ก็เป็นที่นิยมใช้ของเจ้าของโครงการด้วยเช่นกัน เช่น แจกทอง แถมเฟอร์นิเจอร์ ชุดเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือการบริการในรูปแบบอื่น ได้แก่ ออกแบบตกแต่งสวน หรือปูพื้นหินอ่อนหรือหินแกรนิตให้ฟรี เป็นต้น

แคมเปญต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นประโยชน์มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ซื้อเป็นหลัก ดังนั้นการเลือกแคมเปญของแถมต่างๆ จึงขึ้นอยู่กับว่า ของที่ได้รับจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในภายหลังได้มากน้อยเพียงใด

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ ผู้ซื้อมีงบประมาณจำกัดหลังจากซื้อบ้านแล้ว อาจจะยังไม่มีเงินเพียงพอต่อการซื้อ เฟอร์นิเจอร์ หรือของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับบ้าน แคมเปญแถมเฟอร์นิเจอร์ พร้อมตกแต่งให้ฟรีก็น่าจะเหมาะสมกว่า แคมเปญแจกทอง หรือแคมเปญตกแต่งส่วนหย่อมหน้าบ้านฟรี เป็นต้น หรือในกรณีที่ผู้ซื้อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้แคมเปญเหล่านี้ ผู้ซื้ออาจจะเจรจากับโครงการ เพื่อเปลี่ยนจากการแจกเป็นส่วนลดตามมูลค่าของสิ่งของที่ใช้จัดแคมเปญก็ได้เช่นเดียวกัน

ที่มาของข้อมูล: ศูนย์รวมซื้อขายที่อยู่อาศัย ธอส.

By: blackMH
Since: 6 ธ.ค. 55 11:48:08

]]>
By: admin http://www.thaider.com/homepro/57476#comment-446391 Wed, 26 Dec 2012 11:16:07 +0000 http://thaider.com/homepro/?p=57476#comment-446391 ขอบคุณมากครับ

By: invest4harvest
Since: 6 ธ.ค. 55 14:21:23

]]>
By: admin http://www.thaider.com/homepro/57476#comment-446392 Wed, 26 Dec 2012 11:16:07 +0000 http://thaider.com/homepro/?p=57476#comment-446392 จขกท โครงการนีัเท่าไรค่ะ

By: suzy_snow
Since: 6 ธ.ค. 55 14:57:37

]]>
By: admin http://www.thaider.com/homepro/57476#comment-446388 Wed, 26 Dec 2012 11:16:01 +0000 http://thaider.com/homepro/?p=57476#comment-446388 จะจองซื้อบ้านทั้งทีควรทำอย่างไร

พวกเราคนทำงานทุกคน หรือหลายๆคนก็คงมีความฝันที่อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองกันใช่มั้ยครับ บ้างก็เป็นบ้านหลังแรกในชีวิต บ้างก็จะได้เป็นบ้านที่จะเริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่ ต่างคนก็มีเหตุผลต่างกันออกไป แต่ก็มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ อยากได้บ้านนั่นเอง

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายๆคนที่ผ่านมาในอดีตก็คือ วางเงินจองบ้านไว้แล้ว แต่ไม่ได้บ้านตามที่จองไว้ เพราะผู้ขายไม่สามารถขายบ้านให้ได้ หรือไม่สามารถมาทำสัญญาจะซื้อจะขายกันได้ ซึ่งโดยหลักการแล้ว เงินที่วางจองไว้ก็คือ เงินมัดจำ นั่นเอง หากผู้รับจองไม่สามารถขายบ้านให้ได้ก็จะต้องคืนเงินมัดจำดังกล่าวให้ผู้จอง แต่หากผู้จองไม่เข้าทำสัญญาภายในเวลาที่กำหนด ก็จะสูญเสียเงินจอง(เงินมัดจำ)ไป ถ้าเป็นแบบนี้ก็ตรงไปตรงมาดีใช่มั้ยครับ ใครผิดสัญญาคนนั้นก็ควรต้องรับผิด

แต่มีสัญญาจองบางอย่างที่มักจะมีข้อความ เอาเปรียบผู้จองอย่างมาก เช่น ถ้าไม่ได้บ้านไม่ว่าเหตุใดๆก็จะไม่ได้เงินมัดจำคืน โอ้โห เอาเปรียบกันมากจริงๆ แต่ตอนนั้นใครจะไปสนใจเล่าครับ ก็คนมันอยากได้บ้าน อารมณ์นั้นยังไงก็จะเซ็นชื่อจองอย่างเดียว เอาล่ะครับ เรามาดูกันว่า การจองซื้อแต่ละที ไม่เฉพาะบ้านเท่านั้นนะครับ แต่ในที่นี้จะยกตัวอย่างว่าจองซื้อบ้าน เราควรตรวจสอบสาระสำคัญอะไรบ้างในสัญญาจอง

1. วันที่และสถานที่ทำสัญญาจอง – อย่าตกม้าตายเพราะลืมดูวันที่นะครับ
2. ชื่อผู้จองและผู้รับจอง – ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ต้องถูกต้องนะครับ ไม่ให้มีปัญหามาแก้ทีหลัง
3. รายการทรัพย์สินที่จะจอง – เช่น จองบ้านและที่ดิน ก็ดูว่ามีครบถ้วนหรือไม่ ที่ดินโฉนดเลขที่เท่าไหร่ ควรจะมีบอกไว้ด้วย
4. ราคาทรัพย์สิน จำนวนเลินที่ต้องชำระ และวิธีการชำระเงิน – อันนี้ต้องดูว่าตรงตามที่ประกาศขาย ตามที่คุยหรือต่อรองกันไว้หรือเปล่า จะชำระเงินกันอย่างไร
5. กำหนดวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย และข้อความว่าผู้จองได้อ่านสัญญาจะซื้อจะขายแล้วหรือยัง หากมีข้อความเช่นว่านั้นคุณก็ควรที่จะได้อ่านสัญญาจะซื้อจะขายนั้นแล้วจริงๆ หากยังไม่ได้อ่านก็ให้ขอมาอ่านก่อน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการวางเงินมัดจำเพื่อเข้าทำสัญญาที่เราไม่รู้จัก ซึ่งเค้าจะเขียนอะไรมาเราก้ต้องเซ็น แบบนี้ไม่ดีแน่ แต่ถ้าหากว่าเค้าไม่มีสัญญาจะซื้อจะขายให้คุณอ่าน ก็อย่าเพิ่งจองครับ บอกเค้าว่าเราจะจองก็ต่อเมื่อมีสัญญาดังกล่าวมาให้อ่านก่อนเท่านั้น แล้วเค้าจะรีบหามาให้คุณอ่านเองแหละครับ
6. เงื่อนไขแปลกประหลาดอื่นๆที่ผู้รับจองกำหนดขึ้นมา – เช่น ไม่คืนเงินมัดจำไม่ว่ากรณีใดๆ อะไรทำนองนี้ หากอ่านแล้วมันทะ:-)ๆก็ให้สอบถาม และขอให้แก้ไขเป็นข้อความที่คุณรับได้ดีกว่าครับ

ลองทำตามนี้ดูนะครับ หากว่าจะต้องจองบ้านหรือจองทรัพย์สินอะไรก็ตาม จะได้เกิดความสบายใจในการเข้าทำสัญญาต่างๆ สัญญาอะไรก็ตามมันเป็นความตกลงของสองฝ่ายที่คิดเห็นตรงกัน หากว่าคุณรับไม่ได้กับเงื่อนไขก็ไม่ต้องไปเซ็นครับ เพราะเซ็นแล้วเราก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของเรา หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะได้รับความสบายใจในการทำสัญญาต่างๆมากขึ้นนะครับ

ท้ายที่สุดจริงๆ หากว่าคุณได้ทำสัญญาที่สุดแสนจะเอาเปรียบนี้ไปแล้วล่ะก็ มีหน่วยงานของรัฐที่ดูแลเรื่องนี้อยู่คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยติดต่อได้ที่หมายเลข 1166 (Hot Line) หรือไปที่เวบไซต์ http://www.ocpb.go.th/ ได้ครับ

โกวิท ทาตะรัตน์
http://www.lawyerthai.com/articles/people/026.php

By: blackMH
Since: 6 ธ.ค. 55 11:43:54

]]>