1. เรากู้ไปทั้งหมด 4 ธนาคาร แต่ละธนาคารให้วงเงินไม่เท่ากัน bbl, scb, ktb, bay
2. ถ้าทำประกันดอกเบี้ยจะถูกกว่าไม่ทำประกันค่ะ
3. ธนาคารต่าง ๆ บอกแค่วงเงินที่ได้ แต่ไม่ได้บอกว่า ผ่อนเดือนละเท่าไร ไม่ทราบว่ามีวิธีคิดไหมค่ะ
4. เราควรเลือกแบบ fix ดอกเบี้ย 3 ปี หรือเลือกแบบปล่อยลอยตัวค่ะ ไม่แน่ใจว่าใน 3 – 5 ปี ข้างหน้าดอกเบี้ยจะสูงขึ้นแค่ไหน
5. ในการ refinance ก่อนครบ 5 ปี คือ refinance ครบ 3 ปี เห็นบางธนาคารให้คืนค่าจดจำนองคืน แต่ถ้าครบ 5 ปี ไม่ต้องคืนค่าจดจำนองค่ะ เลยไม่ทราบว่าในการ refinance จะมีค่าใช้จ่ายอะไรแฝงขึ้นบ้าง
6. สอบถามคร่าว ๆ มา เค้าบอกว่าให้ถามธนาคารด้วย ถ้าเราพอมีเงินก้อน จะจ่ายมากกว่าที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน โดยไม่ต้องเสียดอกเพิ่มหรือเปล่า และ refinance ต้องมีอะไรจ่ายคืนธนาคารบ้าง
7. พรุ่งนี้ว่าจะไปถามข้อมูลจากธนาคารเพิ่มด้วยค่ะ แต่พอถามจาก sale เค้าให้ไปถามที่เราฝากยื่นเจ้าหน้าที่ไป
3. ถามธนาคาร ว่าค่างวดเท่าไรก็ได้ค่ะ จริงๆมีวิธีคิดเหมือนกัน ใน Excel หรือกดเครื่องคิดเลข finance เอา แต่ดอกเบี้ยธนาคารจะบวกเผื่อดอกเบี้ยขาขึ้นด้วย ถ้าจะเอาเป๊ะๆก็ถามธนาคารไปเลยค่ะ เพราะเราไม่แน่ใจ แต่ละธนาคารบวกดอกเบี้ยเผื่อเท่าไร
5. Re-finance อาจมีค่า Prepayment fee ค่ะ คือค่าธรรมเนียมที่เราจ่ายคืนก่อนกำหนด ต้องถามธนาคารค่ะ ว่ามีมั้ย ในกรณีไหนบ้าง เช่น a)ทุกกรณีไม่ว่าจะเงินเราจ่ายโปะจ่ายปิด หรือ refinance b)เฉพาะกรณี Refinance c)เฉพาะกรณีRefinance ในเวลา 3 ปี
และการคิดค่า Prepayment fee จะคิดเป็น % ของวงเงินที่อนุุมัติ หรือภาระหนี้ก็ได้ขึ้นอยู่กับที่ระบุในสัญญา ถ้าตามวงเงิน ก็เอา % คูณไปเลยค่ะ เช่น ในสัญญาระบุว่า Prepayment fee 2% ของวงเงินสินเชื่อ เฉพาะกรณี Refinance (ภาษาอาจจะเป็นภาษาไทยทางการกว่านี้) ดังนั้นไม่ว่าเราจะ Refinance ตอนยอดหนี้เท่าไหร่ก็ถูกปรับโดยคิดจากวงเงินที่ได้รับอนุมัติครั้งแรก แต่ถ้าคิด Prepayment fee ตามภาระหนี้จะคิด % จากภาระหนี้ที่เหลือตอน Refinance
แต่ส่วนใหญ่ตอนนี้น่าจะกำหนดแบบ Prepayment กรณี Refinance ภายในระยะเวลา 3 ปี นะคะ ยังไงลองถามธนาคารดูอีกที
6.ถามธนาคารค่ะ ว่ามีกำหนดค่าปรับกรณีผ่อนชำระมากกว่า ค่างวดที่กำหนด xx,xxx บาท/เดือน รึเปล่า ถ้าไม่มีกำหนดก็ไม่โดนปรับค่ะ
4. เราควรเลือกแบบ fix ดอกเบี้ย 3 ปี หรือเลือกแบบปล่อยลอยตัวค่ะ ไม่แน่ใจว่าใน 3 – 5 ปี ข้างหน้าดอกเบี้ยจะสูงขึ้นแค่ไหน
ดอกเบี้ย สามปีข้างหน้ามีโอกาสขึ้นมากกว่าลงครับ
3. เวลาคิดค่างวดเค้าจะใช้ดอกเบี้ยสุดท้ายมาคิดค่ะ เข้าไปในเว็บของธนาคารอ่ะคะ แล้วก็ใส่ยอดกู้ ระยะเวลา แล้วก็ดอกเบี้ยสุดท้าย กดคำนวณ จะได้ยอดที่ต้องชำระแต่ละเดือนค่ะ (ดอกเบี้ยสุดท้าย คือดอกเบี้ยที่หมดจากช่วงโปรแล้วจะใช้ดอกเบี้ยนี้จนจบสัญญานะคะ เช่น ปีที่ 3 ถึงจบสัญญา MLR-0.5 เราก็ไปดูว่า MLR ของธนาคารนั้นอยู่ที่เท่าไหร่ก็ลบออก 0.5 จะได้ดอกเบี้ยสุดท้ายคะ) (ที่ธนาคารกรุงไทยเค้าสอนคิดนะคะ)
4. ต้องดูความต้องการค่ะ ว่ามีแผนอย่างไร อย่างของเรา เรามีแผนจะเปลี่ยนแผนการกู้ (คือรีไฟแนนซ์ในธนาคารเดียวกัน ไม่เสียค่าธรรมเนียม) เราก็เลือกแบบที่ตัดต้นได้เยอะๆ เสียดอกเบี้ยน้อยๆ ในช่วง 3 ปีแรก แต่ถ้ามีแผนว่าจะผ่อนไปเรื่อยๆ จนจบสัญญาก็ให้ดูที่ดอกเบี้ยสุดท้ายน้อยๆ
5. การรีไฟแนนซ์ จะมีค่าธรรมเนียม ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในแต่ละโปรโมชั่นของการกู้ค่ะ แนะนำให้ถามที่ธนาคารเลยค่ะว่าถ้ารีจะมีค่าใช้จ่ายยังไงบ้าง เพราะบางโปรโมชั่นเค้าอาจเรียกเก็บดอกเบี้ยช่วง 0% ที่เราได้เพิ่ม+ค่าธรรมเนียมเป็น % เป็นค่าเสียโอกาสของธนาคารนะคะ (ธนาคารส่วนใหญ่จะสามารถรีไฟแนนซ์ได้ตอน 3 ปี นะคะ)
6. การจ่ายเงินเพิ่มมากกว่าค่างวดที่ธนาคารกำหนดให้จ่ายถือเป็นการโป๊ะค่ะ ให้ถามที่ธนาคารเลยว่าโปรโมชั่นที่ขอกู้สามารถเริ่มโป๊ะได้เมื่อไหร่ (ที่เราถามมาส่วนใหญ่จะโป๊ะได้เลยค่ะ แต่ห้ามรีไฟแนนซ์ก่อน 3 ปี) และการคิดเงินกู้บ้านจะเป็นแบบลดต้นลดดอกอยู่แล้ว คือ คุณจ่ายเข้าไปเท่าไหร่ก็จะถูกหักในส่วนของดอกเบี้ย ณ วันนั้น ออกไป เหลือเท่าไหร่ก็จะไปหักเงินต้น ถ้าคุณจ่ายมาก เงินต้นก็จะลดลงมาก ณ วันนั้น แล้วยอดคงเหลือของเงินต้นก็จะถูกนำไปคิดดอกเบี้ยของงวดถัดไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล.เท่าที่เรานั่งคำนวณดอกเบี้ยของการกู้ในระยะเวลา 3 ปีของแต่ละโปรโมชั่น (เราจะรีไฟแนนซ์ตอนครบ 3 ปี เลยเปรียบเทียบดูดอกเบี้ยแค่ 3 ปี)
ตอนนี้ของธนาคารออมสินแบบที่ 1 ถูกที่สุดค่ะ ยังไงก็ลองไปดูนะคะ