ผมอายุ เพิ่งจะ 25 กู้ซื้อบ้านของตัวเองหลังแรกในชีวิตเมื่อต้นปีด้วยราคา 2.06ล้าน ด้วยความที่เป็นหลังแรกก็ไม่ค่อยจะมีความรู้หรือประสบการณ์อะไรเลย ตอนแรกกะว่าจะซื้อ ท/ฮ แต่คิดไปคิดมาว่ากัดฟันหน่อยเลือกบ้านแฝดไปเลยดีกว่าเอาห้องหัวมุม(ซึ่งตัวบ้านมันก็ไม่ได้ติดกันติดกันแต่ครัวและก็โรงจอดรถ) คิดว่าอย่างน้อยๆ มันก็ไม่ได้ติดกัน อีกฝั่งก็ไม่ติดกับใคร คงไม่ได้ยินเสียงอะไรจากอีกบ้าน เพราะตอนผมซื้อแฝดคู่ผมยังไม่มีใครมาซื้อ ตอนนั้นผมมีความสุขมากกับบ้านหลังแรกในชีวิตผมถึงแม้จะเป็นบ้านแฝดก็ตาม อย่างน้อยๆมันก็ดีกว่าท/ฮคิดแบบนี้นะตอนนั้น หมดไปเยอะอยู่เหมือนกันกับการตกแต่งบ้าน ทั้งเหล็กดัด ผ้าม่าน(ที่แสนแพง) แอร์ โซฟา เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ แถมยังต่อเติมโรงจอดรถอีก หมดเป็น 3 แสนเห็นจะได้ จนเงินในบัญชีตอนนี้ไม่มีเหลือติดบัญชีไว้เลยไม่เหมือนก่อนซื้อบ้านเหลือติดบัญชี 4-5 แสน แถมยังมีเงินเข้าบัญชีทุกๆเดือนๆละ 4-5 หมื่น แต่แล้วด้วยสิ่งที่ผมคิดไว้ไม่เป็นดังฝัน บ้านแฝดกับได้ยินเสียงลากเก้าอี้ ได้ยินเสียงขึ้นบรรไดของบ้านแฝดข้างเรา ได้ยินเสียงรถวิ่งผ่าน(ห้องหัวมุม)ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาโดยที่ผมไม่ได้ทันนึกตั้งแต่แรก แถมตกใจด้วยว่ามันได้ยินได้ไงวะ ทั้งที่ห้องก็ไม่ได้ติดกัน แต่ผมลืมนึกไปว่าโครงสร้างมันติดกันเพราะความที่ไม่รู้แท้ๆ แถมข้างบ้านแฝดผมเวลาจะต่อเติมอะไรก็ไม่เคยเก็บงานให้ฝั่งบ้านผมเลยแม้แต่น้อย ซึ่งตรงนี้มันก็ทำให้ความรู้สึกผมเสียไปหมด แถมญาติก็เยอะเด็กวุ่นวายเสียงดังไปหมด เพราะบ้านแฝดข้างผมเป็นคนแถวหมู่บ้านนี้อยู่แล้ว พอมาซื้อปุ๊ปจึงไม่แปลกอะไรที่จะมาญาติมาหาอยู่ไม่ขาดสายเพราะเป็นคนแถวนี้ ผมลืมคิดไปด้วยว่า บ้านแฝดโครงสร้างมันติดกัน ถ้าผมต้องการที่จะต่อเติมหรือปรับปรุงอะไรในอานาคตก็คงลำบาก ผมเลยกะว่าจะขายทิ้งแล้วจะไปซื้อบ้านเดี่ยวแล้วเพราะตอนนั้นไม่ได้ซื้อบ้านเดี่ยวเพราะกลัวจะผ่อนไม่ไหว แต่ตอนนี้ไม่กลัวละจะทำให้เต็มที่ๆสุดเพื่อที่จะได้อยู่บ้านเดี่ยว
บ่นมานาน ขอถามความคิดเห็นหน่อยนะครับ
1บ้านแฝดราคา 2.06 ห้องมุม ตกแต่งไปเกือบ 3 แสน (แต่คงไม่ขายพร้อมเฟอร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้นะครับเพราะเวลาซื้อบ้านใหม่จะเอาไปด้วย) ตั้งราคาเท่าไรดี แต่หมู่บ้านก็ยังขายบ้านยังไม่หมดนะครับยังมีอีกแต่ราคาบ้านแฝดก็เริ่มต้นที่ 1.99 ล้าน (ศุภาลัยวงแหวนปิ่นเกล้าพระราม5) ขอให้มีเงินเหลือกับมาสัก 1 แสน นิดเพื่อไปดาวน์บ้านใหม่ก็พอแล้ว
2.แล้ววิธีขายจะขายยังไงหรอครับ เพราะบ้านติดแบงค์อยู่เพิ่งผ่อนไป ได้จะ 1 ปีแล้ว
3.แล้วผมจะกู้ผ่านอีกมั้ยเพราะตอนนี้มีเงินเดินบัญชีเดือนละ 2 แสน แต่ไม่มีเหลือติดบัญชีเลยช่วงมีบ้าน
4.แล้วค่าใช้จ่ายในการขายบ้านมือ 2 มีอะไรบ้างครับ
ขอบคุณมากครับๆ
คำค้นหา:
- ผ่อนบ้านกี่ปีถึงจะขายได้
เข้ามาให้กำลังใจครับ
ผมอยู่เลย ศุภลัย ไป 2 หมู่บ้าน
คิด+ คุณยังโชดีครับ อายุ 25 สามารถหาเงินได้ขนาดนี้
ของผมก็แฝดครับ ข้างบ้าน 2 ฝั่งพอรับได้ครับ มีแต่ฝั้งที่โครงสร้างไม่ติดกันเปิดโทรทัศน์เสียงดังบ้าง เพราะคิดว่าบ้านผมข้างล่างขึ้นนอนกันหมดแล้ว แต่เสียงมันดังจากชั้นล่างมาตรงชั้น 2 ฝั่งที่หน้าต่างชนกัน แต่คิดว่านิดหน่อย
ปัญหามันอยู่ตรงบ้านเดี่ยวฝั่งตรงข้าม 3 หลังครับ
หลัง 1 ลักษณะคล้ายกับเพื่อนบ้านคุณ เห่าดังทั้งตัวเจ้าของบ้าน ออกแนวโรคจิตต้องการการยอมรัล ขี้โม้ มีการเข้าออกตั้งแต่ 6.00 – 24.00 ซึ่งจะมาพร้อมเสียงมอเตอร์ไซค์และการแหกปากเจรจากัน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงด้วย
หลัง 2 เช่นกัน มีอาชีพค้าขาย แหกปากเสียงดังเป็นบางครั้ง
หลัง 3 ยังไม่ได้มาอยู่ Bulid In ทั้งหลัง ยกเครื่องเลื่อยมาตั้งหน้าบ้าน ผ่านไป 2 สัปดาห์แล้วยังไม่เสร็จ แรกๆทำงานจนถึง 3-4 ทุ่มไม่เว้นวันหยุด ต้องแจ้งโครงการขอให้หยุด 1 ทุ่ม ถึงจะเงียบไป ผุ็รับเหมาบอก เจ้าของบ้านอยากเข้าอยู่ไวๆ ยอมจ่าย OT เงยฝากผู้รับเหมาไปบอก คงอยู่อย่างมีความสุขหรอก ชาวบ้านแถวนั้นสาปแช่งกันทั้งวัน
ถ้าคุณเดินบัญชีมีรายได้แน่นอน เดือนละ ประมาณ 2 แสน
เครดิต พอซื้อบ้านหลังใหม่ได้ น่าจะได้ซัก 6 ล้านมั้งครับ
เพราะน้องที่ ออฟฟิส เงินเดือน 8 หมื่น แฟน อีก 4-5 หมื่น
ยังกู้ซื้อบ้าน ราคาราวๆ 7 ล้านกว่าๆ ผ่านนะ
ส่วนเรื่องขายบ้าน ถ้าอยากขายเร็ว ก็คงตั้งต่ำกว่าราคาทั่วไปไว้ก่อนครับ
ถ้าตกแต่งสวย ทำเลสวย ก็ตั้งราคาเพิ่มได้
ขายได้ไม่ได้บางทีอยู่ที่จังหวะ จริงๆครับ น้องบางคนตั้งไว้ตั้งปียังขายไม่ได้
ลดแล้วลดอีก บทจะขายก็ขายได้ง่ายๆให้กับคนแถวนั้น
ไม่ลองถามเพื่อนบ้านคุณละครับ ว่าเขาสนใจหรือเปล่า อาจจะอยากให้
ครอบครัวญาติๆมาอยู่กันใกล้ ก็จะดึงๆกันมาซื้อเอง
วิธีขาย ก็ประกาศขายฟรี ก็ได้ หรือจะใ้ช้นายหน้าก็ได้ แต่นายหน้าจะหักคุณ
กี่ % ของราคาบ้านก็ว่ากันไป ปกติ อยู่ที่ 3-5 % นะครับ เมื่อคุณขายได้
ก็จะมีขั้นตอนของการชำระปิดบัญชีกับธนาคารก่อน
ส่วนต่างที่เหลือจะเป็นของคุณ ระวังการปิดบัญชีก่อนกำหนด
อาจมีการคิดดอกเบี้ยนะครับ ต้องอ่านสัญญากู้ดีๆ ครับ
ยอมรัล=ยอมรับ
แนะนำให้ลองอยู่ไปเรื่อยๆก่อน เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น พยายามไม่สนใจ ใช้เวลาตระเวนหาหมู่บ้านเก่าแล้วสังเกตุเพื่อนบ้านดีๆ อยู่เมืองไทยต้องทำใจครับ ตั้งแต่ตื่นมาในบ้าน ขับรถไปบนถนน มันมีคนแบบ … เยอะครับ จนบางครั้งเราคิดว่าวิธีคิดของเรามันผิดหรือเปล่า
ขาย1.9ล้านครับ
แต่ถ้าเป็นผมๆคิดว่า น่าจะอยู่ไปครับ หาวิธีทำห้องให้เก็บเสียง
ทำใจยอมรับวิถีชีวิตใหม่ๆในทางลบที่เราไม่เคยเเจอดูบ้าง
แล้วคิดว่าบ้านเดี่ยวที่เราคิดว่าดี จะดีจริงดังหวังหรือไม่
ดูจากเพื่อนบ้านคุณที่มีญาติเยอะ มีเด็กๆเยอะ ผมมองว่ายังไม่ใช่ปัญหาใหญ่ถึงขนาดต้องขายบ้านหนีเลยนะครับ ปัญหาเพื่อนบ้านจริงๆ หนักหนาสาหัสกว่านี้ มากนักครับ ทั้งเรื่องการจอดรถขวางประตู เพื่อนบ้านขี้นินทา เปิดเพลงเสียงดัง จัดปาร์ตี้ไว้เว้นวัน กินเหล้าโวยวาย เรื่องเพื่อนบ้านที่มีญาติเข้าออกเยอะ กลายเป็นเด็กๆไปเลย หากอนาคตคุณจะไปซื้อบ้านเดี่ยว ก็ไม่แน่ว่าจะเงียบสงบ ไร้เสียงรบกวน บางทีอาจจะเจอเพื่อนบ้านที่น่าปวดหัวมากกว่านี้ซะอีกครับ
ถ้าหากคุณชอบบ้านหลังนี้ ตกแต่งไปเยอะ และไม่อยากย้ายไปไหน ผมว่าลองปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมดีกว่าครับ หรือถ้าอยากอยู่อย่างสงบ ไม่วุ่นวายจริงๆ ก็ลองหาซื้อบ้านเดี่ยวดูครับ ลองดูเพื่อนบ้านรอบๆด้าน ดูหลายๆวัน ว่าเป็นยังไง คุณรับได้มั๊ย
แต่ปัญหามันก็จะกลับมาตรงที่ … ถ้าหากวันนึง เพื่อนบ้านดีๆ ที่บ้านติดกับคุณ เค้าเกิดขายบ้าน แล้วเพื่อนบ้านใหม่ที่มาซื้อเค้าญาติเยอะ มีเด็ก คุณไม่ต้องขายบ้านอีกระลอกหรอครับ
ค่อยๆคิด ตัดสินใจนะครับ
เข้ามาเพราะอยากทราบว่า ทำอะไรให้ได้เงินเดือนละ 2แสนครับ
ปล.ไม่ได้ช่วยอะไรจขกท.เล้ยย T_T
ปัญหาที่ จขกท ว่ามา บ้านเดี่ยว ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะครับ
บ้านแม่ยายผม ก็บ้านเดียว ข้างบ้านก็ประมาณ ข้างบ้าน จขกท
เด็กๆ และเสียงต่างๆ มันลอยมากับอากาศครับ
ขายก่อน 5 ปี เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 5 เปอร์เซนต์ แล้วว่าบ้านเดี่ยวมันจะไม่มีปัญหาหรือครับ?
คห.7 โทษทีครับ เงิน2แสนนั้นเงินหมุนเวียนในบัญชีครับ กำไรจริงๆก็คง5-7 หมื่นบาท
ค่าธรรมเนียม ถ้าของธนาคารก็ 5% สำหรับการปิดจำนองก่อน 5 ปี
ส่วนบ้านที่ยังไม่ถึง 1 ปี (มีชื่อในทะเบียนบ้าน) ก็ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอีก 5%
นอกนั้นก็ค่าโอนประมาณ 1% (อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ)
ไม่ในใขจจว่ากู้แบงค์ไหน
แบงค์ใหญ่ ถ้าปิดบัญชีก่อน 3 ปี เสียค่าปรับ 3% ของวงเงิน บ้านคุณสองล้าน ก็เสียหกหมื่น
เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 5% ก็ราวๆแสนนึง
เข้าใจว่าคุณซื้อเมื่อปีที่ได้ ได้มาตรการลดหย่อนภาษีมาช่วยค่าโอน 3% แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าขายก่อน 3 ปี ก็ต้องคืนส่วนต่าง
คิดว่าอย่างน้อยคุณต้องบวกราคาขายไป 2 แสน ค่อยคุ้มค่าธรรมเนี่ยม
ผมว่าจริงๆนะ คุณอยู่ไปอีก 2 ปี ครบ 3 ปีค่อยขายดีกว่า
ถึงตอนนั้น คุณน่าจะบวก 10% ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นบ้านหลังมุมด้วย
2.2 – 2.3 ล้าน น่าจะขายได้
อีกอย่างครับ ปัญหาเพื่อนบ้านแค่เท่านั้น มันไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ
ฟังดูเพื่อนบ้านคุณก็โอเค แค่เค้ามีคนมาหาเรื่อยๆ ก็ธรรมชาติของคน
อย่างอยู่แบบไม่มีใครรบกวน มีทางเดียวคือปลูกบ้านกลางป่าครับ
เพราะบ้านเดี่ยว ยังไงก็ต้องมีเพื่อนบ้าน และมีคนมาหาเค้า
#7 อ๋อ เข้าใจล่ะครับ
จริงๆเรื่องเสียงดังรบกวน เสียงรถเสียงลากเก้าอี้ มันคงไม่ได้ดังตลอดเวลา ลองใช้วัสดุอื่นช่วยเสริมห้องให้เก็บเสียงซิค่ะ
แค่นี้ถึงกับจะย้ายหนีเลยเหรอ
ถ้าตัวบ้านมีปัญหาค่อยว่าไปอย่าง
เรื่องคนข้างบ้าน มีคนมาหาเยอะ ไม่น่าเป็นปัญหาอะไรนี่
เราก็อยู่บ้านเรา
ทำใจร่มๆดีกว่า
เราว่าทำห้องดูหนังติดโฮมเธียเตอร์ วันหยุดนั่งดู ดีวีดีบลูเรย์ในบ้าน เปิดแอร์ฉ่ำๆ น่าจะแฮปปี้กับบ้านได้นะคะ
บางอย่างก็ต้องทำใจแหล่ะ คิดในแง่บวกไว้ก่อน ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ให้พ้น 5 ปีก่อนค่อยขาย
เอาใจช่วยนะคะ
ลองปรับๆดูนะครับ ผมว่า อยู่ไปอีกสัก 3-4 ปี แล้วค่อยปรับเปลี่ยน หรือย้าย หรือขาย จะดีกว่าไหม เพราะไม่งั้นจะโดนค่าปิดบัญชีก่อนครบกำหนด กับแบงค์นะครับ
แถวหมู่บ้านที่ผมเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่มีบ้านแฝดขายด้วยเหมือนกัน แต่ผมตัดสินใจเลือกบ้านเดี่ยวตั้งแต่แรก เพราะตั้งใจจะซื้อให้ดีกว่าเดิมที่เคยอยู่หลังจากเรียนจบเก็บเงินมาได้นะครับ
ปัญหาบ้านเดี่ยวก็มีนะครับ เช่น การปลูกต้นไม้ของข้างบ้าน ไม้ใหญ่ ใบร่วง การมีปาร์ตี้ กินเหล้ากัน ของเพื่อนบ้านที่ติดกัน แต่ผมว่า มันคงไม่ได้เกิดกับทุกบ้าน โชคดีที่ระแวกซอยบ้านผม ดีทุกหลังเลย เลยไม่ต้องวิตกเท่าไร
แต่ถ้าคิดดูแล้ว เหมือนกันคุณ Rewritable ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่าทำใจเย็น อยู่บ้านเรา เราคิดถึงแต่บ้านเรา ให้เป็นสุข สุขในบ้าน ถ้าใจเป็นสุขแล้ว อะไรๆก็เป็นสุขหมดนะครับ คิดบวกเข้าไว้ บ้านเราซื้อเอง แต่งเองกับมือ สวยเองสมกับใจเราที่อยากให้สวยแล้ว แล้วเราจะขายทำไมละครับ
และเรื่องที่ว่า มีคนเข้าออกบ่อย เพราะคุณอยู่หัวมุม อันนั้นเป็นเรื่องสุดวิสัยครับ ตอนผมซื้อบ้าน แปลงหัวมุมแพงสุดด้วย เพราะติดถนนหลัก แต่ผมไม่เลือกเพราะเรื่องนี้แหละ ใครจะเข้าใครจะออกต้องผ่านบ้านเรา แต่มันก็มีข้อดีคือ เข้าออกง่ายสำหรับเรา และมีด้านเดียวที่ติดกับเพื่อนบ้าน
ส่วนวิ่งบันได เขาไม่ได้วิ่งประจำครับ เสียงคงมีแค่บางครั้ง ขนาดบ้านผม มีบางวัน เพื่อนบ้านเล่นเปิดคาราโอเกะกัน ยังร้องดังมาได้ยินถึงบ้านผมเลย แต่ก็ไม่ใช่ทุกวัน เพราะฉะนั้น ใจเย็นๆครับ
สำหรับราคาที่จะขาย ผมว่า ถ้าขายไปจริงๆ ก็ขายไปที่ 2.2 เลยครับ บ้านหัวมุม ถ้าขายไม่ได้ ก็อยู่เถอะครับ
โชคดีครับ
ผมขอบคุณทุกความคิดเห็นมากนะครับ ที่ทำให้ผมคิดได้ว่าผมเคยมีความสุขกับบ้านหลังนี้มากเพียงใด ผมจะไม่ขายแล้วครับ จะอยู่กับมันไปตลอด ไว้ผ่อนหมดแล้วค่อยไปหาซื้ออีกหลังก็ได้ เพราะถ้าผมขายตอนนี้ขาดทุนมากมายโดนค่านู้นค่านี้ไปก็ น่วมแล้วครับ ผมเพิ่งซื้อบ้านตอนต้นปี ตอนนี้ราคาขายในหมู่บ้านที่ผมซื้อขยับปรับราคาขึ้นไปจากเดิมอีก แสนกว่าแล้วครับ
ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับบ้านของตัวเองให้มากๆเช่นกันนะครับ
บ้านเดี่ยว ก็มีปัญหา จ๊ะ ลองอ่านเรื่อง ของเราดู
อย่างบ้านเรา อยู่ตั้งแต่เด็ก หน้าบ้าน ตอนเย็นๆบ้านตรงข้ามจะออกมา
เห่า เสียงดัง กันทั้งบ้าน + จอดรถ เกะกะ ขวางทางเข้าออกเราประจำ
บางวันเราต้องอ้อมออกหลังซอย
พ่อ แม่ + เรา ต้องคอยบอก ว่าเลื่อนรถหน่อย
ตั้งแต่เราเด็ก จนตอนนี้ 31 ปี แล้ว ยังต้องบอก
แต่พ่อ แม่ เราเค้าเป็นประเภท ใจเย็น ยอมๆมันไป แต่บ้านเรานานๆ เพื่อนเรามาบ้าน จอด ข้างกำแพง ตัวเอง มันเอารถถอยเข้าไม่ได้ แม่มันออกตะคอก เรา ให้เลื่อนรถ ย้ำว่าตะคอกค่ะ
วันเกิดลูกมัน ก็อายุ 34-35 แล้ว
ชวนเพื่อนมา จอดรถขวางเต็มซอย 2 ฝั่ง รถวิ่งได้ทีละคน
ตั้งแต่ 9 โมง ยันบ่าย 3
วันนั้น เราจะออกไปข้างนอก เพื่อนมารับ เจ้าของวันเกิด มันยังเดินออกมา มองหน้าเรา เหมือนจะหาเรื่อง ……
หลังจากนั้น เราเลย ไม่คุยกับมันอีกเลย ทั้งบ้าน มันก็ยังจอดรถขวางเรา ให้เรา ออก ไม่ได้อีกนะ บางวันเราต้องอ้อมออกหลังซอย บางวันก็มาชักสีหน้าใส่เรา
จนตอนนี้ คิดไว้แล้วว่า เจออีกมี ด่า ..หัดตะคอกลูกตัวเองบ้างนะ
มาทำชักสีหน้า ใส่ กรุก็เหม็น ขี้หน้า มรึงเหมือนกันแหละ
อ้อแล้วแต่ก่อน นะ งานศพปู่มันแจ้นมาแจกซอง
งานแต่งลูกมันแจ้นมาแจกซอง บ้านเรา
แต่มันเคยมา:-)น้ำลาย นินทา พ่อเราด้วยนะ ดูถูก แบบว่า
บ้านเราไม่มีรถขับ มีรถอยู่คันเดียว แต่ก่อนมาโม้กะ แม่เราว่า ลูกจะพาไปเที่ยวHK ทั้งบ้าน
เหอๆ สุดท้ายก็ไม่ไป โม้ว่าลูกแต่งงาน จะซื้อ town home แถวๆนี้ ล้านกว่าๆ 1.3 สุดท้ายก็ซุกหัว แต่งงาน มีลูก อยู่บ้านพ่อ แม่มัน
หลังนี้ เหมือนเดิม
จนเราไปเที่ยวเมืองนอกมาหลาย ทีละ น้องเราผ่อนที่ดินอยู่
เตรียมซื้อบ้าน บ้านเรายังไม่อยากให้ใครรู้เลย
คือตอนนี้ 2-3ปีมาแล้ว คิดได้ว่า อี๋รังเกียจ บ้านนี้สุดๆ ๆๆ
อ้อ แล้วบ้านข้างๆ ด้านซ้าย รวยนะ แต่นิสัย ก็พอทน ไม่ได้ดีมาก
ลูกเพิ่งแต่งงาน เมียย้ายเข้ามาอยู่ แหกปาก เสียงดังมาก
แหกปากด่าลูก + เรียกคนใช้ ตอนเช้า นอนอยู่สะดุ้งตื่นอ่ะ คิดดู
นี่ทนมาได้ 2 ปี ชักทนไม่ไหวละ
แล้ว 2 บ้านนี้ เค้าก็คบกันอยู่ 2 บ้านนะ ซอยนี้ ไม่มีใครยุ่งด้วย 55