ซึ่งก็หมายความว่า ถ้ารักจะอยู่กรุงเทพ(จริงๆ ไม่ได้รัก ไม่อยู่จะหางานที่ไหนทำ)
ก็ต้องจำใจเช่าห้องต่อไปเรื่อยๆ หากมีภาระต้องดูแลแม่
ก็คงหาบ้านที่มีห้องนอนเป็นสัดเป็นส่วนไม่ได้
จบ ปอตรี สมัครงานที่ไหนๆ เขาก็อยากจ้างไม่เกินสองหมื่น
แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อบ้านนะครับ
ลูกเมียไม่ต้องพูดถึง อยู่กันไปวันๆอย่างงี้แหละ ปลอดภัยแล้ว
หรือว่าใครมีวิธีดีๆช่วยบอกผมหน่อยสิครับ
คำค้นหา:
- เงินเดือน 12000 ซื้อบ้านได้ไหม
- เงินเดือน 9000 ซื้อบ้านได้ไหม
- เงินเดือน 2 หมื่น ซื้อบ้าน
ใจเย็น ๆ นะครับ
ผมเข้าใจเลยล่ะ เมื่อสักเดือนที่แล้ว
ผมก็บ่นอย่างนี้แหละ แต่อยากให้จขกท.
อดทนอีกนิด ลองหาข้อมูลดี ๆ ก่อนนะครับ
บ้านเดี่ยว ทาวโฮม ราคาที่เหมาะกับเราก็ยังมีนะ
รายได้เท่าไหร่ ? อายุเท่าไหร่ครับ? ทำงานเกี่ยวกับอะไร?
พี่ ๆ ห้องนี้ยินดีให้กำลังใจ และช่วยแชร์ประสบการณ์
มีข้อแนะนำดี ๆ เยอะเลยครับ เราก็หัวอกเดียวกัน ใครบ้าง
ไม่อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง มาให้กำลังใจนะครับ
ขยัน ประหยัด และอดออม ครับ
ตอนผมเรียนจบใหม่ๆ เงินเดือน 3,150 บาท เช่าห้องแบ่งเช่าถูกๆ เดือนละ 300 (สมัยนั้นอพาร์ทเม้นดีๆ ห้องพัดลมเดือนละ 900)
ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่กินอาหารแพงๆ (สมัยนั้นข้าวแกงจานละ 10 บาท) รับงานพิเศษเพิ่ม
ทำให้มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 1000 กว่าบาท และมากขึ้นเรื่อยๆ ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นทุกปี
7 ปี ผ่านไป ทำให้ผมมีเงินเก็บสามารถดาวน์ทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆ ได้
ตั้งเป้าก่อน แล้วทำให้ได้
"อยู่กันไปวันๆอย่างงี้แหละ ปลอดภัยแล้ว" แค่คิดก็ผิดแล้วครับ ^-^
ผมเคยเป็นคนกรุงเทพฯนะ แต่ตอนนี้มาทำงานอยู่ต่างจังหวัดหลายปีแล้ว ในจังหวัดที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว ค่าครองชีพก็ถูกลง ที่ดินก็ถูกตาม หาช่างชาวบ้านค่าแรงก็ไม่แพง เพียงแต่ต้องทนกับความไม่เจริญในบางเรื่อง คุณภาพชีวิตก็ไม่ได้สูงนัก ไม่ได้มีพร้อมไปทุกเรื่องเหมือนเมืองสวรรค์อย่างกรุงเทพฯ เรียนให้ทราบไว้เป็นทางเลือกนะครับ
หมายเหตุ:แปลกใจตรงประโยค"ไม่อยู่จะหางานที่ไหนทำ" สงสัยจังว่าทำงานเกี่ยวกับอะไร
ชอบการตอบกระทู้แบบความเห็นที่๑ จังครับ
จบปริญาตรีไม่ใช่ว่าคุณหมดภาระทางความรู้นะครับ แนะนำว่าต้องฝึกฝนตัวเองให้เก่งอยู่เสมอ ไม่ว่า ความสามารถทาง ภาษา เรียนเพิ่มเติมทางด้านคอมพิวเตอร์ ฯลฯ โลกข้างนอกยังมีคนเก่งกว่าคุณอีกเยอะ มันแข่งขันกันตลอด ลำพังคุณจะเอาเงินเดือน สามหมื่นสี่หมื่น มันต้องใช้ความสามารถสะสมกันมา คิดเอาแล้วกันเงินเดือนแสนนึงหรือหนื่งล้าน เขาต้องใช้ความาพยายามขนาดไหน ความเป็นส่วนตัวก็หายไป เอาหละเข้าเรื่องดีกว่า
บ้านหนึ่งล้าน กู้ได้ไม่ยาก คนแถวบ้านผม ขับวิ่นมอเตอร์ไซพี่แก กู้ซื้อบ้านได้เฉยเลย แต่เป็นการกู้ร่วมกับ ภรรยา เขานะครับ ภรรยาทำงาน office ส่วนพี่ขับวินมอไซด์(งานอดิเรกขับวิน) ก็ทำ งาน office เหมือนกัน แต่เป็น masseger เงินเดือนร่วมกัน 2 คน สองหมื่นห้าพันบาท มีเงินเก็บนิดหน่อย
ขอเพียงมีเงินเข้าบัญชีทุกเดือน เข้าหลักเกณฑ์ของแบงค์ ไม่น่าจะยาก
ขอให้คุณโชคดีแล้วกันนะ
เงินเดือนหมื่นห้า มีค่ารถค่าเบี้ยเลี้ยง อีกประมาณเดือนละ ห้าพัน
ค่าใช้จ่ายไม่มีอะไรมาก
ค่าประกันสังคม 750
ค่าบ้าน 2500 รวม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ท ค่าเช่าบ้าน ค่าโทรศัพท์ หมดแล้ว
คือ แชร์กะพี่สาว แล้วก็แม่ ครับ
ที่เหลือก็คือ เงินที่เหลือใช้
ตอนนี้อายุ 27 ปี
อยากหาบ้านที่ มีสามห้องนอน แบบที่อาศัยอยู่ แม่ผมรายได้ 25000 ต่อเดือน
พี่สาว 12000 ต่อเดือน
ภาระหนี้สินไม่มีอะไรเลย
มีที่ดินที่นครนายกอยู่ 95 ตารางวา แต่ไม่รู้ว่าจะมีไปทำไม เพราะถ้าเจ้าของบ้านไม่ให้เช่า
ก็ไปอยู่ไม่ได้อยู่ดี งานการก็ทำที่กรุงเทพ
มีแผนว่าจะหาที่ที่กรุงเทพ แล้วขายที่ที่นครนายกไป
ที่เหลือก็ คือ กู้เงินมาสร้างบ้าน สามคนในบ้านรวมกันมีประมาณ 400000 บาท
อยากรู้ว่า ซื้อที่แล้วปลูกบ้านเอง กับ ซื้อโครงการอย่างไหนมันจะดีกว่ากัน
ผมเองกับบ้านที่สร้างด้วยไม้ฝาเฌอร่า ก็คิดว่าชอบนะ บ้านไม้คีเกล็ดสวยดี (ไม่รู้ว่าจะร้อนหรือเปล่า)
ตั้งเป้า แล้วพุ่งชน
ถ้าในกรุงเทพไม่ไหว
ลองแถบๆชานเมืองดูมั้ยค่ะ
นนทบุรี ปทุมธานี ราคาคงพอสู้ไหว
ยังไงก้ออย่าเพิ่งท้อนะค่ะ
สู้ สู้ค่ะ
^.^
คุณกระเทียม กับพี่สาว ถ้ากู้ร่วมกัน ได้บ้านทาวน์โฮม หลังละล้านกว่า ๆ ได้แล้วนะครับ
ไม่ไกลเกินฝันครับ ถ้าจะเอาบ้านตอนนี้ แต่ถ้าทนอีกสัก 4-5 ปี อาจจะได้บ้านเดี่ยว
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ราคาบ้านและที่ดิน มันเพิ่มขึ้นทุกปี ผมเองก็เพิ่งจะได้บ้าน
ทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ 165 ตรม. กว้างกว่าบ้านเดี่ยวบางโครงการอีกนะครับ
แต่อาจจะอยู่ชานเมืองหน่อย ไม่ไกลความเจริญมากนัก
หาดูดี ๆ ครับ แล้วจะเจอบ้านที่ถูกใจ และเหมาะสมกับความสามารถของเรา
เอาใจช่วยนะครับ กู้ร่วมกับพี่สาว 15000+12000 = 27000 ได้บ้านแล้วนะ
เอามาแบ่งปันครับ อันนี้ที่ผมไปจองมา
ของผม 2.1 ล้าน แต่ถ้ารายได้ไม่มาก 1.59 ล้านพื้นที่ 148 ตรม.
ก็เหมาะนะครับ ไม่แคบจนเกินไป ถ้าสนใจ ลองหาข้อมูลได้นะครับ
หรือจะสอบถามผมก็ได้ ผมเพิ่งไปจองและทำสัญญามา
http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R9864031/R9864031.html
ออ…ขอบคุณครับ
ขยันประหยัด หมั่นเพียร ท่องไว้
อย่าท้อนะค่ะ อายุยังน้อยค่อยๆดูค่อยๆหา
วันหนึงเมื่อคุณพร้อมจะมีสัญญาณบอกคุณเองว่าถึงเวลาแล้ว
ขอนะค่ะ อย่าเรื่องอายุ มากดดันชีวิตตัวเอง เพราะพี่เคยเป็น
มันเหมือนว่าเราอยู่ในห้องมืดๆ ที่มองไม่เห็นอะไรเลย แล้วเราก็เดินเตะโน้น เตะนี้ทำให้เราเจ็บตัว แต่ถ้าเราให้เวลาตัวเองได้ปรับสายตาในที่มืด
อีกสักหน่อยเราจะเริ่มมองเห็นทางออกค่ะ
อย่าท้อนะเอาใจช่วยค่ะ
มีพี่น้องหรือเปล่าคะ ช่วย ๆ กันผ่อนเดี๋ยวก็ได้ค่ะ
เราผ่อนบ้านครั้งแรกตอนอายุ 23 ปี เงินเดือน 9,500 บาท
สลับกันผ่อนดาวน์กับพี่สาวเดือนละ 9,000 บาท
ข้าวกลางวันก็เอาไปกินจากบ้านค่ะ ประหยัดทุกอย่าง
เพราะตั้งใจว่าอายุ 25 ปี ต้องมีบ้านให้แม่ให้ได้
ตั้งใจและมุ่งมั่นนะคะ ทำได้ค่ะ
อดทน ขยัน ประหยัด ครับ
มันเป็นความจริงที่โหดร้าย สำหรับ ไพร่ อย่างพวกเรา ครับ
ทำงาน กันทั้งชีวิต หาได้ แค่บ้านกับรถครับ ไม่ต้องพูดถึงเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ครับ
เมื่อก่อน พ่อ ปู่ เรา มีลูกมีเมีย(ไม่ต้องทำงาน) แถมมีหลายคนซะด้วย ยังหาเงินหาบ้านให้ ลูกเมีย อยู่ได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ การเมือง และ แนวนโยบาย บริหารประเทศ หลาย 10 ปี ที่ผ่านมาครับ ประชาชนต้องสนใจการเมืองมากกว่านี้
ผมอายุ 31 (เริ่มทำงานอายุ 21)
ผมทำงานมา 10 ปีพึ่งจะมีบ้านหลังเล็กๆ ที่ ตจว ได้ ผมจบวิดวะ ป.ตรี มหาลัย เกษตร(บ้านก็เป็นหนี้เขา) รถมือ2 toyota 1 คัน (ทำงานรัฐวิสาหกิจ)start 9000 บาท
ที่ผมทำได้ขนาดนี้ เพราะ ผมทั้งประหยัด และ อดทน เพื่อนๆ ผมหลายคนไม่นับไปแต่งงาน ผัวมีเงิน เมียมีเงิน หรือบ้านมีเงินอยู่ก่อนแล้ว
ก็ยังมีได้แค่รถ หรือ บ้านอย่างเดียว หรือ ช มีบ้าน ญ มีรถ แล้วมาชอบกันแต่งงานกัน
และอีกหลายคนที่ไม่ได้วางแผนอะไร เที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ ยังมีหนี้หัวโตเลยครับ
ที่เจ้าของกระทู้พูดมาผมเข้าใจดีเลย ชีวิต ไพร่ กินเงินเดือนนี่มันโหดร้ายนักครับ
นี่ขนาดพวกเรามีต้นทุนมาจบ ป.ตรี มา ผมโครตสงสัย พวกรากหญ้า สาวโรงงาน หรือ กรรมกร เลยว่า ชีวิตพวกเขาจะมีชีวิตกันอย่างไร อนาคตของเขาคืออะไร
แนะนำวิธีหาบ้านให้ครับคือ
1. บ้านประมูลมือ2 ครับ จาก กรมบังคับคดี
2. หาเงินให้เยอะกว่านี้ก่อน(แต่จากที่ผมอยู่ ตจว มาผมบอกเลยว่า เงินเดือนโตไม่ทัน ราคาบ้านครับ)บ้านเพื่อน ผมเหมือนกันเด๊ะ 5ปีก่อน ซื้อ 7แสน7 อีกคนซื้อเมื่อ 1 ปีก่อน 1ล้าน4หมื่น หมู่บ้านเดียวกัน ทำเล พอกัน
3. รอประเทศชาติวิบัติ แ้ล้วไล่ ซื้อเหมือนปี 40 (อย่าถือเงินบาทให้ถือทองก่อนเกิดวิกิด)
มาให้กำลังใจครับ
เงินเดือนเท่าไหร่ไม่สำคัญครับ สำคัญที่เหลือเดือนละเท่าไหร่ต่างหากคับ
อยากให้คิดตรงนี้เพิ่มอีกนิดครับ อย่าตามสื่อฯ
ความรู้ และเงินเดือนคุณถือว่าไม่เลวเลย … แถมมีครอบครัวที่ยังสามารถเกื้อกูลกันได้
ลองคิดวิธีจัดสรรเงินให้เหมาะสม วางเป้าหมาย แล้วก็แผนดำเนินการ อนาคตก็ไม่ใช่ฝันนะ
อดทน และทนอดดูบ้าง ถ้าฝันไว้ ก็ลุยไปคว้าเลยครับ ^^
ปล. อย่าลืมค้นหาข้อมูลให้เยอะ ๆ นะครับ ที่นี่มีข้อมูลให้สูบเพียบ!!
เงินเดือนเยอะกว่าผมอีก ผมยังไม่ท้อเลยครับ
ผมเงินเดือนหมื่นหน่อยๆ พึ่งจะโอนบ้านได้สองสามอาทิตย์ครับ
กู้คนเดียวล้านนิดๆ แต่ผมทำงานกับบริษัทที่เค้าดิวกับธอส.ครับ
หาทรัพย์สิน มือสองก็ได้นะคะ เริ่มมีหลังเล็กๆก่อน อย่างธนาคารออมสิน ก็มีให้เลือกเยอะแยะเลยค่ะ หลายราคา ผ่อนสบายๆ
อยากแนะนำให้หารายได้เสริม เช่นขายของวันเสาร์-อาทิตย์ สอนพิเศษ ทำงานช่วงค่ำ (เสริฟ ขับแท็กซี่ แคชเชียร์ ฯลฯ)
เพราะธนาคารเขาจะดูรายได้อื่นๆ ประกอบการพิจารณาด้วย เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ต่อไปต้องได้ดังใจฝันแน่นอน
ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสใจเย็นๆก่อนครับ แต่คุณต้องเตรียมพร้อมเสมอเมื่อโอกาสมาถึงครับ
แต่อย่ามุ่งผลประโยชน์ตัวเองเพียงอย่างเดียวครับ ไม่งั้นจะกินไม่ได้นานครับ
เราว่าน่าจะไหวน่ะคะ่เราก็เคยผ่านประสบการณ์นั้นมาก่อน ยังไงมาลองคุยกันมั้ยค่ะ เผื่อว่าจะช่วยอะไรกันได้
มีคนมากมายที่ไม่สามารถซื้อบ้านแพงๆ ได้ คิดจะซื้อบ้านแพง ก็ต้องหาทางเพิ่มรายได้ เช่นทำงานสองที่ หรือเรียนเพิ่ม เอาสาขายากๆ สิครับ ถ้าเรียนง่ายๆ คนจบมาตรึมเลย เงินเดือนก็พออยู่ได้เท่านั้น เรียกว่า หางานทำได้ก็ดีแล้ว
คนจบปริญญาโท เดี๋ยวนี้เยอะแยะ ปริญญาตรีไม่ต้องพูดถึง แต่เรียนจบบางสาขา เป็นลูกจ้างที่มีเงินเดือนแพงนะครับ ดูอย่างหมอเป็นต้น จบเฉพาะทางมา เห็น รพ. เอกชนรับ ให้เดือนละสองแสนอย่างต่ำ จบนิติฯ สอบผู้พิพากษา อัยการ ได้ ก็เริ่มต้นราวสามหมื่นห้าแล้ว ทำไปนานๆ ก็ราวสองแสน
เงินเดือนน้อย ก็ควรทำกิจการของตัวเอง ไม่ควรคิดเป็นลูกจ้าง มีคนตั้งเยอะที่ผมรู้จัก หากิจการทำเอง ขยันอดออม ก็มีฐานะดี เช่นขายเกาเหลาเลือดหมู รับถ่ายเอกสาร ฯลฯ เขาจบปริญญาตรี แต่ไม่คิดเป็นลูกจ้างใคร
หาเงินมาได้ ก็ต้องเก็บด้วย เงินเดือนหมื่นกว่า แต่ใช้ครึ่งเดียว อีกหน่อยก็ซื้อบ้านได้
เงินเดือนสองสามแสน ใช้เดือนละสามสี่แสน ยังไงก็จน
" หาเงินมาได้ ก็ต้องเก็บด้วย เงินเดือนหมื่นกว่า แต่ใช้ครึ่งเดียว อีกหน่อยก็ซื้อบ้านได้
เงินเดือนสองสามแสน ใช้เดือนละสามสี่แสน ยังไงก็จน "
“อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า มาถนอม
สูงสุดมือมักตรอม อกไข้
เด็ดแต่ดอกพะยอม ยามยาก ชมนา
สูงก็สอยด้วยไม้ อาจเอื้อมเอาถึง”
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณนะ(คห.17) "มันเป็นความจริงที่โหดร้าย สำหรับ ไพร่ อย่างพวกเรา ครับ
ทำงาน กันทั้งชีวิต หาได้ แค่บ้านกับรถครับ ไม่ต้องพูดถึงเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ครับ
เมื่อก่อน พ่อ ปู่ เรา มีลูกมีเมีย(ไม่ต้องทำงาน) แถมมีหลายคนซะด้วย ยังหาเงินหาบ้านให้ ลูกเมีย อยู่ได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ การเมือง และ แนวนโยบาย บริหารประเทศ หลาย 10 ปี ที่ผ่านมาครับ ประชาชนต้องสนใจการเมืองมากกว่านี้" เราต้องเอาใจใส่บ้านเมืองให้มากกว่านี้ อย่าปล่อยให้พวกนักการเมืองโกงกิน ขณะนี้ข่าวคอรับชั้นเยอะมาก พวกเราไม่ออกมาโวยวายกัน เรื่องมันชักเงียบไปแล้ว อย่าไปหวังว่านักการเมืองบ้านเรา จะหน้าบางเหมือนเกาหลี หรือเหมือนญี่ปุ่น เราไพร่ ๆ ทั้งหลายก็ยากจนอย่างนี้ เจ้าของ คห. หลาย ๆ คนกล้าหาญมาก เงินเดือนขนาดนั้น กล้าผ่อนบ้าน ฉันเคยกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์มา หลักแสนกว่าเท่านั้น พอคิดถึงดอกเบี้ยขึ้นมา เสียดายเงินมาก ดีที่พ่อแม่ทิ้งบ้านไว้ให้ พี่ ๆ ก็ดีแสนดี ไม่มีใครมาขอแบ่ง ยกให้หมด แต่ก็อยากสร้างอีกหลัง จะได้อยู่ไกลถนนหน่อย พอคิดว่าต้องกู้ธนาคาร ก็เสียดายดอกเบี้ยน่ะค่ะ
ชีวิตเรา เราลิขิตเอง นะคับ
messenger บริษัทผมเงินเดือน 7000 ลูกสองคน เมียเป็นพยาบาล ช่วยกันหาเงิน ยังซื้อทาวเฮ้าส์ ผ่อนได้เลยคับ
ตอนเย็นเค้าก็ไปวิ่งวินเพื่อหารายได้เสริม เสาร์ อาทิตย์ ไปตกปลา มากินแถมยังแบ่งคนอื่นอีก
ผมทำงานเงินเดือนแรกเข้า 5,300 ช่างเทคนิกเล็กๆ เช้าเมาเย็นเมา
กินข้าวจานละ20บาท ทำ 3-4ปี ก็ซื้อบ้านหลังแรก
630,000 ผ่อน 6,700 / เดือน เงินต้น 200
ตอนเงินเดือน 9,xxx หาคนมากู้ร่วมเพียบ ดอก >10% (40วา )
แถวชานเมือง มีรถเมล์เข้ากรุงเทพได้ ค่ารถ 3บาท
ผ่อนสิบปีหมด
ซื้อหลังที่สอง ที่ต่างจังหวัด 600,000 ผ่อน 4,500 / เดือน
ดอก >5% (100วา ) ผ่อนหมดแล้ว
ซื้อหลังที่สาม ที่ต่างจังหวัด 3,000,000 ผ่อน 20,000 / เดือน
ดอก >5% (100วา ) ผ่อนจะหมดแล้ว
บ้านว่างก็ให้เขาเช่า
ลืมบอกที่เล่าทั้งหมดจากการทำงานล้วนๆ ไม่มีมรดก
ที่ทำงานปัจจุึบันก็ที่เดียวกับที่ได้เงินเดือน 5,300 นั่นแหละ
มีเงินก็รีบโปะไป ตอนนี้ว่าถ้ามีเงินจะซื้อที่เพื่มอีก
คห 31 สุดยอดเลย ครับ
แต่ ของท่านมันเหตุการณ์มากกว่า 20 ปีแล้ว มั้ง ประมาณผม 10 ขวบ ยุคนั้นยังไม่โหดร้ายเท่าตอนนี้(ตอนนั้น ทองยังบาทละ 4000 หรือ ต่ำกว่า)
พี่ลองคิดดู ตอนนี้ ป.ตรี จบมา start ก็ ประมาณ 15k บ้านทาว์เฮ้าเล็กๆ ชานๆเมือง(กทม)ก็ ประมาณ 2 ล้านแล้ว(อาจจะ 1.8-19 ล้าน) ส่ง 25 ปี กู้ซัก 1.6-1.7 ส่งเดือนละ หมื่นนิดๆ โดนหักภาษี ประกันสังคม สำรองเลี้ยงชีพ ค่าธรรมเนียมบ้าๆบอๆ เหลือ ใช้เดือนละ 3000 (หรือน้อยกว่า) ท่ามีค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินอีก มันจะติดลบทันที สรุป คือ เงินเดือน 15k ซื้อไม่ได้ แล้วส่วนใหญ่หมู่บ้านพวกนี้จะเดินทางลำบาก ต้องซื้อมอเตอร์ไซด์ หรือ รถยนต์อีก ถึงจะไปอยู่ได้ โครต Hard คอ เลยไหมชีวิต
คห 30
ที่ซื้อได้ไม่ใช่ massenger ครับ นั่นคือ พยาบาลเป็นคนซื้อครับ ถ้าพยาบาลเงินเดือนเท่า massenger ล่ะก็ หมดสิทธิครับ เพราะมีลูกด้วย ชีวิตใน กทม คิดมีบ้าน ต้อง 20k แล้วเก็บเงินดาว์น แต่ก็ บ้านก็แพงขึ้นอีกตามเวลาด้วย เหนื่อยจริงๆ คนคิดมีบ้าน
สังคมรอบตัวมันมีแรงจูงใจหลายอย่างให้เราใช้เงินออกไปง่ายๆ
รายได้ – รายจ่าย = เงินเหลือ(เก็บ)
หรือถ้าแบบทฤษฎีรุ่นใหม่..
รายได้ – เงินเก็บ = รายจ่าย
จะเห็นว่าเราสามารถเพิ่มเงินเก็บเราง่ายๆ ด้วยการควบคุมรายจ่าย
บางครั้งเราก็ต้องอดทนต่อสิ่งที่เราอยากได้บ้าง
ซึ่งผมพบว่าคนรุ่นใหม่มักมีความอดทนต่อสิ่งเร้าได้น้อยมาก
อยากได้อะไรถ้ามีช่องทางซื้อได้จะซื้อทันที
ถ้าซื้อไม่ได้ มักจะทุกข์ต่อความอยากนั้นมาก
เด็กจบใหม่จนอายุ30 เท่าที่เห็น เป็นช่วงเวลาที่เงินเดือนเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยเหลือเก็บหรอก
คนที่ได้เงินเดือนเยอะ ซื้อของแยอะกว่า เที่ยวแยอะกว่าแค่นั้น
รูปแบบของมนุษย์มันเป็นอย่างนี้
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ได้เงินเดือนเท่าไหร่
แต่มันอยู่ที่ความประหยัด รู้จักออม รู้จักใช้เงินของเรามากกว่า
ราคาบ้านมันเพิ่มสูงขึ้นแบบไร้เหตุผลค่ะ เป็นเรื่องของกลุ่มผลประโยชน์ล้วนๆ
แต่ถ้าจะตีโพยตีพาย มันก็คงทำได้แค่ก่นด่าระบบ และสิ้นหวัง ล้มเลิกความตั้งใจ แล้วก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านั้น !
หันมามองกลุ่มคนรายได้น้อย แต่มีบ้านได้ แล้วก็พยายามอย่างเค้า ดีกว่าไหมคะ ^__^
ใจเย็นค่ะ คนทำงานทั่วไปกว่าจะซื้อได้ก็ต้องทำงานเป็น 10 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ค่อนข้างคงที่ มีทุกอย่างพร้อมแล้ว