เท่าที่เราลองหาข้อมูลดูก็พบว่าทั้งคู่เป็นโพลียูรีเทนเหมือนกัน
แต่เคมเกลซมีราคาแพงกว่า ลองถามคนขายดูก็บอกว่าเคมเกลซแข็งกว่า
อยากทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แล้วตัวไหนดีกว่ากันคะ
เราต้องการนำมาทาปาร์เ้ก้ไม้แดงให้เป็นลักษณะกึ่งเงากึ่งด้านน่ะค่ะ
ขอบคุณมากๆ นะคะ
คำค้นหา:
- เคมเกลซ
- เคมเกรด
- เคลมเกรซ
- เคมเกรซ ยูรีเทน
Beger Unithane B-52 ของเยอรมัน
Chemglaze ของ อเมริกา
^ ^
จากที่เคยสังเกตุ b52 มีแพร่หลายทั่วไปกว่า ถูกกว่า เคมเกลซ
พูดถึงหลังจากทาแล้วและการใช้งานดีกว่า
ความแข็งจะเท่าๆกันครับ แต่พอใช้ไปสักพัก 4-5ปี เคมเกลซจะสึกหรอหรือมีปัญหาน้อยกว่า เมื่อเจอน้ำ แดด บ่อยๆ ยิ่งความเงางามจะเห็นได้ชัดเจน
b52 คล้ายๆกับว่าเป็นตัวตั้งต้นการใช้โพลีฯ ครับ ได้ดีระดับหนึ่ง
หมายถึงถ้านึกอะไรไม่ออกก็ b52ไว้ก่อน ทำนองนั้น
ซึ่งต่างคนต่างก็มีหลายเกรด หลายราคาหลายคุณสมบัติ
อย่าง beger ก็มีb52เป็นตัวหลัก ตัวพรีเมี่ยมเอง ก็มีBeger Diamond
Chemglaze เองก็มีตัว 9934 เป็นตัวหลัก ส่วนรองลงไปจะมีให้เลือกตามลักษณะงานมากกว่าของbeger
แล้วถ้าสมมุติว่าถ้าเอาสองตัวนี้มาเทียบกัน Chemglaze จะเหนือกว่าตามที่บอกไว้ข้างต้นครับ
ควรนะครับ ควรเลือกชนิดให้เหมาะกับงานที่จะใช้ ดีกว่า
นอกจากสองยี่ห้อนี้แล้ว ยังมีที่น่าสนใจกว่าอีกยี่ห้อหนึ่งครับ คือRothenburg (โรเทนเบิร์ก) เป็นสูตรน้ำ เกรดพรีเมี่ยมเหมือนกัน ของเยอรมัน
เคลมเกลซแข็งมากค่ะ โดนอะไรไม่ค่อยจะเป็นรอย
ที่บ้านเราเลี้ยงน้องหมาและคุณเธอก็ชอบวิ่งขึ้น-ลงบันได
เลยต้องเลือกที่เค้าว่าแข็งไว้ก่อนค่ะ
เคมเกลซแข็งกว่าเพราะตั้งใจออกแบบส่วนผสมให้เป็นแบบนั้นครับ ดูเผินๆเหมือนดีกว่า ทนกว่า แต่ถ้ามีรอยขึ้นมาแล้ว เวลาซ่อม เหนื่อยกว่าเยอะ กระดาษทรายน้ำให้ช่างนั่งขัดกันบ่นอุบเลย ในขณะที่ เบเยอร์ ดูยืดหยุ่นกว่า เนื้อนิ่มกว่า แต่พอเป็นรอยกลับซ่อมแซมได้รวดเร็วกว่า
มีอีกยี่ห้อที่ใช้กันก็ ดีดี โพลีฯ อันนี้แห้งเร็วมาก เหมาะกับงานต้องรีบใช้งาน เคียวร์ในวันเดียวเอง
ส่วนโรเทนเบิร์ก ภายในยังไม่เคยใช้ แต่ภายนอกผสมน้ำแล้วทาลื่นดีเหมือนกัน