เกริ่นนำนิดนึงนะคะ เราอาศัยอยู่กับย่า เนื่องจากพ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่เราเพิ่งเกิด พ่อเสียไปได้ 5 ปีแล้ว ย่าจึงเหลือลูกสาวอยู่แค่หนึ่งคน คืออา (อายุ 50,แยกกันอยู่กับสามีรับราชการเหมือนกัน แต่ยังไม่หย่า,มีลูกชายหนึ่งคน อายุ 15 ) ตัวอาก็ไม่ได้อยู่กับย่านะคะ แยกอยู่กันสองคนกับลูกชาย เช่าคอนโดอยู่
เข้าเรื่องค่ะ
เนื่องจากอาเช่าคอนโดอยู่ จึงอยากให้เราซื้อคอนโด เรียกว่าเซ้าซี้อยู่ทุกปี เราเองเงินเดือนแค่หมื่นสอง เหลือเก็บนิดหน่อย เงินในบัญชีมีประมาณแสนกว่าบาท เราก็ไม่ได้คิดจะซื้อเลย เพราะว่าเราต้องอยู่ดูแลย่า (ก็แม่ของเค้าน่ะแหละ) จึงไม่คิดจะหาภาระให้ตัวเอง และทุกวันนี้ก็สบายดี ไม่ได้คิดดิ้นรนอะไร แต่เค้าก็พยายามหาโครงการนู่น นี่ นั่นมาให้เราเลือกซื้อ (ยังกับว่ามันถูกๆ) พอถามว่าทำไมไม่ซื้อเอง เค้าก็ว่า ยังไม่ได้หย่า จะมีปัญหาเรื่องการทำนิติกรรม เผื่อวันนึงหย่ากัน
เลยมายุให้เราซื้อ เป็นชื่อเรา และเค้ากะลูกชาย จะเข้าไปอยู่ เราว่าทำไมมันต้องมาเป็นภาระเราล่ะ เราไม่ได้อยากซื้อนี่นา และที่สำคัญ เราก็ไม่ได้ไปอยู่ด้วย เพราะเค้าก็จะไม่คิดกลับมาอยู่กับย่าอยู่แล้ว ส่วนย่าเองก็รักลูกสาวคนเดียวของเค้า อยากให้เราซื้อซะอีก ตอนนี้เป็น 2:1
ขอโทษนะคะ ยาวไปนิด แต่กลุ้มใจมากๆ เถียงกันก็แล้ว พูดดีก็แล้ว เงียบไปพักนึง เดี๋ยวก็ตามเรื่องนี้อีก
มีทางไหนเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้มั่งมั้ยคะ
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ
นิ่งไว้ ไม่ต้องซื้อ
คุณซื้อภาระผูกพันก็ตกที่คุณ
แค่นี้ยังมีปัญหา อนาคตไม่ต้องพูดถึง มีเรื่องตามมาแน่
ใครอยากได้ให้เขาซื้อเอง ดีที่สุด
ด้วยเหตุผลอะไรที่อาคุณอยากให้คุณซื้อคะ ฟังๆ ดู เหมือนอาคุณอยากให้คุณซื้อให้เขาอยู่นะคะ เพื่อที่ว่าเขาจะประหยัดค่าเช่า แล้วภาระการผ่อนก็มาอยู่ที่คุณคนเดียว เป็นเรา เราไม่ซื้อ และทำหูทวนลมไปเรื่อยๆ เขาหาโครงการอะไรมาให้ ก็ตอบค่ะๆๆๆ แล้วจะศึกษาดู แล้วก็นิ่งหายไปเฉยๆ ถ้าเขาถาม ก็ตอบว่าไม่ชอบตึก ไม่ชอบทำเล อะไรก็ว่าไป ซักวันเขาคงเบื่อที่จะถามเอง นิ่งๆ ไว้ ไม่ต้องสนใจเขามาก
ก่อนหน้ามาตั้งกระทู้นี้ก็โทรมาเซ้าซี้อีกละ เราก็เลยบอก อืมๆ บ่ายนี้ไปซื้อ
พูดยังกะซื้อข้าวมันไก่ปากซอย
ใครอยากจะเอาภาระมาผูกคอตัวเอง เค้าว่าเค้าจะเอาค่าเช่ามาผ่อนเอง แต่ชื่อเราเป็นผู้ซื้อ แล้วถ้าวันนึงเค้าเลิกผ่อน เราคงติดแบล็กลิสต์มั้ยคะ หรือผ่อนไปสิบห้าปี (เค้าผ่อนกันกี่ปีคะ) เค้าไม่อยากอยู่แล้ว เราจะเอาห้องเก่าๆไปทำอะไร ในเมื่อเราไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการลงทุครั้งนี้เลย
กลุ้มใจจัง
อย่าใจอ่อนเด็ดขาด
แววเป็นหนี้ติดแบล็กลิสน่ะมีแน่ ๆ
อีกอย่างเงินเดือนคุณกระจ้อยร่อย หากบวก ลบ คูณ หาร ค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ
แล้ว อาจจะกู้ไม่ผ่านก็ได้
สู้คุณเก็บเงินเย็นของคุณไว้เรื่อย ๆ หาช่องทางลงทุนอย่างอื่น
ดีกว่าเอาเงินไปจมนะ
ต้องใจแข็งเข้าไว้ครับเพราะชื่อคุณก็เป็นภาระของคุณไม่สำคัญว่าใครจ่าย ใครผ่อนทั้งสิ้น หรือไม่ก็ซื้อไว้แล้วทำเป็นสัญญาเช่าว่าไปเลยกี่ปี
แต่อันที่จริงเรื่องพวกนี้ sensitive มากครับผมว่าคงไม่จบง่ายๆถ้าคุณไม่ยื่นคำขาดไปเลย
ย่ารักลูกแบบนี้ เราว่าวันนึงที่ย่าคุณไม่อยู่บ้านต้องตกเป็นของอาคุณแน่ๆ(ขอโทษที่พูดไม่ดีนะคะ)
เราว่าทางรอดก็คืออย่าบ้าจี้ซื้อตามที่อาคุณบอกก็แล้วกัน หรือถ้าซื้อคุณก็ต้องเข้าไปอยู่เอง
อย่าใช้คำว่าไล่เลยนะคะขอใช้คำว่าเชิญก็แล้วกัน อยากบอกคนที่เราจะอัญเชิญออกจากบ้านเราได้ยากที่สุดก็คือญาติเราเองเนี่ยแหละค่ะ
บอกว่าอยากซื้อ ก็ซื้อเลย
พอดีคุณไม่อยากได้ ก็ไม่ซื้อ
ไม่ต้องกลุ้มใจไป^^ คอนโดเนี่ยซื้อยากเหมือนกันนะคะ ถ้าราคาล้านขึ้นยังไงคุณก็กู้ไม่ผ่านอยู่แล้ว ชิวไปจ้า ไปกับเค้าเลยค่ะ คุยกับทางโครงการเลย แห้วกลับมาเค้าจะได้หยุดค่ะ
ตามความคิดเห็นด้านบนเลยครับ เงินเดือนหมื่นสอง กู้ผ่านยากครับ นอกจากคอนโดมือสอง เอางี้ไหมครับ คุณมีบัตรเครดิตไหม ถ้ามี ไปเอาเงินสดออกมาให้เต็มวงเงินเลย เวลากู้เค้าจะตรวจสอบอยู่แล้ว คุณมีหนี้บัตรอยู่ ยังไงก็ไม่ผ่านครับ เป็นอีกวิธีทีเนียนๆครับ แล้วบอกกับญาติไปด้วยว่า ค่าใช้ต่างๆให้ญาติออกนะ คุณไม่ออก
ไปเลยครับไปที่มันแพงๆอะครับ จะได้กู้ไม่ผ่าน เขาจะได้ไม่ตื้ออีก
ทางออกมีเยอะแยะ ทำโยเยกับแบงก์เวลาขอกู้ ให้เอกสารไม่ครบไป เค้าก็ไม่ให้กู้แล้ว
บอกไปสิคะ ถ้าจะให้ซื้อ อาก็ช่วยดาวน์สิ
อย่าไปบอกล่ะว่า มีเงินเก็บ ไม่งั้นอาก็จะมองว่า อะไร มีเงินแล้วไม่ช่วยกัน
แต่สบายใจได้ รายได้ของคุณ หักค่าใช้จ่ายแล้ว
ไม่น่าจะกู้ผ่านค่ะ
รักษาเนื้อ รักษาตัวเองดีๆ ตัวเรา ดูแลตัวเองดีีที่สุดค่ะ
วันไหนที่คุณเกิดอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง จะได้ง่ายๆ ไม่มีภาระคอนโดนี่ถ่วงคอไว้
นักวางแผนเพียบเลยอะ….
อ่านแล้วน่าจะได้ไอเดียวเยอะนะค่ะ งั้นไปขอออกความเห็นดีก่า
วางแผนดึงเรื่องไปเรื่อยๆ ตามคห.บนๆ
คือ ยื้อติดโน่นติดนี่
– ยื้อต่อ
ถึงเวลาต้องไปดู ติโน่นตินี่
– ยื้อต่อหลายๆที่
ถึงเวลาต้องจอง แกล้งลืมเอกสาร
– ยื้อไว้ ปล่อยเวลาให้ผ่านไป
ยื่นเอกสารใหม่ ทำให้เครดิตเสีย
สุดท้าย โกนหัวบวชชี บอกดื่มด่ำในรสพระธรรมไปเลย
เลี่ยงไว้เป็นดีครับ เก็บเงินเก็บทองไว้ยามจำเป็นดีกว่า
ซื้อแล้วไม่ได้อยู่ ซื้อไปเพื่ออะไร
ถ้าเป็นเราพูดคำเดียว ไม่มีเงิน
มีหลายคนครับ ที่ต้องเอาภาระมมาแบกใส่บ่าตัวเอง.. เพียงเพราะเหตุผลของคนอื่น…
ผมก็เคยมีลูกน้องคนหนึ่ง ที่อยู่ๆเขาก็ออกทาวณ์เฮาร์ และหมดเงินไปกับมันเกือบหมดเงินเดือน และตัวเองก็ไม่ค่อยได้อยู่ เพราะอยู่ต่างจังหวัด นานๆถึงจะไปเช็ดถูซักที… ผมก็ถามเขาว่าแล้วคุณจะมาลำบากลำบนส่งทุกเดือนจนไม่ค่อยจะมีเงิน เพราะอะไร เขาบอกว่า ญาติๆเขารู้ว่าเขามีเงินเก็บ เดี่ยวก็จะมายืมบ่อยๆ และเขาก็เป็นคนขี้เกรงใจก็ต้องให้ยืม ก็เลยหาภาระด้วยวิธีนี้… เศร้าดีไหม๊ละครับ….
ลองเข้าไปคุบพวกเซลก็อยากขายค่ะ จะให้จองเลยอะไรเลย ทางที่ดีอย่าไปยอมใจอ่อน ภาระจะตกอยู่ที่เรา เซ้าซี้มากๆ ก็เหวี่ยงไปเลย ใครอยากได้ซื้อเอง เราไม่อยากซื้อ ถ้าไม่ซื้อแล้วจะอยุ่ด้วยกันไม่ได้เดี๋ยวจะออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว สบายใจ สบายหูดี ขอโทษนะค่ะ ที่แรงไปหน่อย แต่ถ้าเป็นเรา เราก็จะทำแบบนี้ เงินก็เงินเรา เราทำงานเหนื่อยหามา เรามีสิทธ์ที่จะใช้เงินเรา
ตอบเขาไปเลยว่ายังไม่อยากซื้อ ไม่อยากเป็นหนี้ 10 กว่าปี อย่าบอกเขาว่าเดี๋ยวจะซื้อ เดี๋ยวจะไปดูโครงการ บ่ายเบี่ยงไม่ตรงจุดเขาก็จะมาตื้อมาถามบ่อยๆไม่จบสิ้น
เห็นด้วยว่าอย่าไปบ้าจี้ตามเด็ดขาด เค้าอยากได้ ก็ให้เค้าซื้อเองครับ
สงบสยบเคลื่อนไหว
นิ่งไว้อย่างเดียวครับ
#14 ถูกใจให้กิ๊ฟ
(สุดท้าย โกนหัวบวชชี บอกดื่มด่ำในรสพระธรรมไปเลย)
ขอยืนยันอย่าซื้อค่ะ เราก็อยู่ในเคสเดียวกันนี้แต่ตอนนั้นคิดน้อยไปหน่อย
ตอนนี้ต้องมานั่งปวดหัวกับการที่คนอยู่ไม่ช่วยจ่ายเลยตั้งแต่โอน ทำให้เป็นภาระหนักของเราอย่างมาก.. ยังกลุ้มใจอยู่เลยว่าอยากจะขายเพราะผ่อนไม่ไหว
บอกเลยว่าเงินเดือนไม่พอซื้อ แล้วก็ไม่ต้องบอกเงินเดือนกับใครด้วย เป็นไปได้บอกไปเลย ว่าเงินเดือน เก้าพัน จบข่าว
ซื้อแต่ไม่ได้อยู่ ????
ถ้าคิดต่างไปอย่าเพิ่งว่ากันนะคะ เพราะตอนนี้อายุเยอะแล้วเพิ่งเข้าใจว่า
การลงทุนกับอสังริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่า คือถ้าซื้อแล้วเป็นชื่อคุณคนเดียว แล้วอาบอกว่าจะช่วยผ่อนหรือว่าเช่าอยู่ ยิ่งดีเลยค่ะ เท่ากับเราลงทุนซื้อห้องที่มีคนพร้อมจะเช่าเลยก็ว่าได้ แล้วถ้าผ่อนหมดห้องก็เป็นของคุณ
ผ่อนไม่ไหว บอกขาย เงินก็เป็นของคุณเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเก็บเงินเลยค่ะ หรือถ้ากลัวผ่อนไม่ไหวบอกเกริ่น ๆ กับย่าก็ได้ว่าถ้าผ่อนไม่ไหว ย่าช่วยหนูด้วยนะคะ ทำนองนี้ เงินเดินหมื่นสองก้ไม่มากไม่น้อย
พอผ่อนได้ อีกอย่างซื้อคอนโดเนี่ยยังไงก็ถือเป็นสินทรัพย์ที่มูลค่าเพิ่มเรื่อย ๆ
ขอบคุณทุกท่านนะคะ
เราก็คิดว่า คุณสมบัติของเราไม่น่าจะอนุมัติ แต่ก็กลัวว่าเซลล์จะหาทางได้ แล้วภาระจะผูกคอตัวเองไปหลายปี
ก็จะพยายามทำมึนๆไป แล้วจะลองโทรไปคุยเงื่อนไขพอเป็นข้อมูล ว่าคนจะซื้อได้ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ถ้ามั่นใจแล้วว่า ซื้อไม่ได้แน่ จะได้สบายใจขึ้นหน่อย
ชื่อเจ้าของบ้านที่อาศํยกับคุณย่าในปัจจุบันเป็นชื่อใครคะ ?
ถ้าเป็นชื่อคุณย่าก็ให้เตรียมเก็บเงินไว้นะคะแต่ละเดือนแบ่งเก็บให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังคุณย่าสิ้นบ้านหลังนี้ต้องตกเป็นของอาคุณแน่
จากนั้นคุณต้องเอาเงินเก็บไปดาวน์ทาวเฮ้าส์มือสองเล็ก ๆ สักหลังพอสำหรับอยู่คนเดียว แนะว่าอยู่ทาวเฮ้าส์ดีกว่าคอนโดค่ะ ปัญหาน้อยกว่าราคาถูกกว่า
ซื้อแล้วไม่ได้อยู่อาเค้าอยู่กับลูก อาเค้าเอาอะไรคิดฟ่ะเนี่ย
ห้ามเด็ดขาดนะครับไม่งั้นชีวิตคุณไม่มีความสุขแน่ๆกับการเป็นหนี้
วิธีทำไม่ให้แบ็งค์อนุมติ เมื่อเวลาไปถึงขั้นขอกู้
1. ไปทำวงเงินบัตรเงินสดไว้ สองสามใบ เค้าจะคิดว่าเป็น ภาระหนีของคุณ ทำให้ลดวงเงินที่จะอุนมัติให้
2. บอกว่า กำลังขอบัตรเครดิตไว้ 3 ใบ ไม่ต้องกลัว ถ้าเงินเดือนไม่พอจ่าย จะรูดเงินสดบัตรเครดิตมาจ่ายธนาคาร
3. ขอเอกสารอะไร ก็ให้ไม่ครบ ถ้าขอเพิ่ม ก็เอาของคนอื่นไปให้แทน แก้ตัวว่า ขอโทษ หยิบผิด
4. เอกสารอย่างพวก สำเนาบัญชีธนาคาร เอายางลงปากกาไปลบตัวเลขสุดท้ายยอดคงเหลือ ให้ดูไม่ออก เหมือนเราเจตนาจะทำให้ดูมีเงินคงเหลือมากๆ
5. เวลาให้สัมภาษณ์ แกล้งลองเกริ่นๆว่า เนี่ย ไปกู้นอกระบบไว้ต้องผ่อนเดือนละ 3,000 บาท ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ ไม่ต้องกลัวนะคะ ผ่อนอีกแค่ 3 ปีก็หมดแล้ว เจ้าหนี้นี้มันโหดถ้าโทรมาพี่ช่วยแก้ตัวแทนให้หนูด้วยนะคะ ยังไงก็ไม่โกงแบ็งค์แน่ๆหนูรับรอง ไม่ว่าจะต้องไปกู้หนี้ยิมสินที่ไหนมาก้ตาม
ปล. แต่ถ้าอยากจะกู้ผ่าน ห้ามใช้มุกพวกนี้เด็ดขาด
ไม่ต้องกังวล บอกไปก็ไปก็ได้ว่า พรีแอบพรูฟ แล้วไม่ผ่าน…
สรุปคือเงินเดือนน้อยเกิน และอายุงานไม่ถึง อะไรเทือกนี้
อย่าครับ ห่วงใส่คอแท้ๆ
ผมเจอกับตัว
อา เป็นเจ้าของกิจการ เช่าบ้านให้เมีย…อยู่
ใช้ชื่อเรา(ตอนนั้นควายเข้าสิง) แต่ตังเค้าทุกอย่าง
กู้มา 7 ปีแล้ว
1 ปีแล้วที่แกเสียไป เมีย…ก็ส่งต่อ
ตอนนี้ยังหาทางโอนเป็นชื่อ…อยู่ จะได้พ้นตัว
แต่เราจะทำอะไรไม่ได้เลย เพราะอาเคยจ่ายช้า ดอก 6.5 เป็น 13 แม่เจ้า
เราต้องไปประนอมหนี้
เวลาผ่านไป ผมผ่อน วีโก้ 5 ปี จบ บ้าน แปดแสน ยังเหลือ ตั้ง 6แสนกว่า
คิดก่อนทำนะครับ จะได้ไม่เป็นอย่างผม
หาทางโอนชื่ออยู่ครับ จะได้พ้นตัว
ถ้าไม่อยากได้ อย่าไปซื้อคะ เพราะเป็นหนี้สินระยะยาว เอาแบบที่เราพอใจดีกว่า ให้แบบสบายใจ
เราเมล์ไปหาเค้า เพราะถ้าพูด อาจจะมีอารมณ์แทรก แล้วเดี๋ยวจะเข้าใจกันผิดไปใหญ่ มีกันอยู่แค่นี้
เราพยายามอธิบายสิ่งที่เราคิด และสิ่งที่จะเกิดขึ้น บางทีเค้ามองในมุมของเค้าแง่เดียว แต่เราไม่เคยได้พูดเลยจริงจัง จนวันนี้ เรารู้สึกเป็นทุกข์มาก อย่างน้อย ถ้าเค้ายังยืนกรานที่จะทำให้หลานของเค้าเป็นทุกข์ เค้าก็ควรได้รับทราบในแง่มุมของเราบ้าง ที่เราไม่เคยพูดเลยมาสิบปีถ้วน
เค้าขอให้เราซื้อให้ตั้งแต่เราเรียนจบปี 43 วันนี้ ปี 53 ยังไม่ละความพยายาม
ตอบ คุณ blacksatinrose >> บ้านที่อยู่ปัจจุบัน ชื่ออาค่ะ
—————–
ลองส่ง Pre Approve กับกสิกรแล้วค่ะ ไม่ผ่านจริงๆ ^_^
บัตรเครดิตไม่มีหนี้ค้างค่ะ มีค่าไฟกับค่าอินเตอร์เน็ต 2,500 ที่ตัดจ่ายผ่านบัตร ยังไม่ได้ไปจ่ายธนาคาร (ยังไม่ครบกำหนด)
——————–
ขอบคุณทุกท่านที่ให้แนวทางแก้ปัญหานะคะ ถ้าเค้าเมล์กลับมา จะมาอัพเดทค่ะ ว่าเค้าคิดยังไง
จะมีใครอยากรู้มั้ยเนี่ย -*-
เมื่อคุณโตขึ้นกว่านี้ จะรู้ว่าญาติที่คอยจะเบียดเบียนเรานั้น มีอยู่เสมอ อย่าหวั่นไหวกับคำขอร้อง ซึ่งต่อไปจะกลายเป็นคำบังคับ ลำเลิกบุญคุณ สารพัดจนถึงคำขู่ ตัดญาติขาดมิตรกัน
ญาติแบบนี้ นอกจากไม่ต้องไปสงสารแล้ว ยังควรอยู่ให้ห่าง
เห็นด้วยกับความเห็นต้นๆ ว่าตอนนี้เก็บเงิน เตรียมตัวให้ดีเถอะ คุณย่าคุณไปสวรรค์เมื่อไหร่ คุณได้ออกจากบ้านนี้แน่
อย่าซื้อเลย ใส่ชื่อลูกชายอาไปอีก ได้มาม่าแน่นอน อย่าไปกลัว เงินเรา
คิดถึงตัวเองให้มาก
มีเงินเก็บหรือเงินเดือนเท่าไหร่ไม่ต้องบอกให้อาทราบ
บอกปฎิเสธไปเลยว่าไม่มีปัญญาผ่อน อย่าให้ความหวัง
เรื่องจะได้จบ เก็บเงินให้ดีอนาคตคุณต้องซื้ออยู่เองแน่ๆ
อย่าซื้อเป็นอันขาด บอกไม่พร้อมรับรองไม่ได้เข้าอยู่แน่ เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด เป็นหนี้ระยะยาวแล้วถ้าในอนาคตเราอยากจะมีบ้านขึ้นมาจะไม่สามารถกู้ได้ คิดถึงตัวเองให้มากน่อย (เหลือเก็บเอาไปใช้ เหลือจ่ายเอาไปเก็บ เหลือกินเอาไปแจก)
เพิ่มเติมจากคุณหวาน เหลือเชื่อกู้แทนเขา
อาเมล์กลับมาแล้วนะคะ บอกว่าขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และเข้าใจเหตุผลแล้ว ประมาณนี้
โล่งอก ดีใจจัง ไม่อย่างงั้น ก็จะอยู่ด้วยความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ และแอบถามตัวเองเป็นครั้งคราว ว่านี่กุไม่รู้จักบุญคุญคนหรือเปล่า
ขอบคุณทุกท่านนะคะ ที่ให้คำแนะนำ รักพันทิพจังเลย
ทดแทนคุณแต่ต้องไม่ทำให้ตัวเองลำบากไปด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าเบียดเบียนตัวเอง
เห็นด้วยกับความเห็นหนึ่งข้างบนว่าคุณทำงานเก็บเงินไว้ดีกว่าค่ะ อีกหน่อยอาอาจจะกลับมาอยู่บ้านคุณย่าเมื่อสิ้นคุณย่าแล้ว คุณอาจจะไม่มีที่อยู่เอาได้ เก็บเงินไว้เงียบๆไม่ต้องบอกใครว่ามีเก็บแค่ไหน ถึงเวลาจำเป็นจะได้มีเงินไปดาวน์บ้านหรือซื้อบ้านเล็กๆเป็นของตัวเอง หากไม่สะดวกใจจะอยู่กับอาหรืออาไม่ให้อยู่ด้วย…