วันนี้ (จันทร์ที่ 15 พ.ย. 53) เป็นวันที่ผมได้รับประสบการณ์ใหม่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินครับ
สองอาทิตย์ก่อน ผมนำเช็คจำนวน 50000 บาท (เช็คจ่ายคืนประกันชีวิตของคุณพ่อ) ไปฝากเข้าบัญชีของคุณพ่อมีเงิน 1000 บาทในบัญชีนั้น (เพื่อเตรียมจะชำระเบี๊ยประกันชีวิตที่ใกล้ครบกำหนด) เจ้าหน้าที่รับฝากก็ทำตามขั้นตอนของเขาและยื่นสมุดบัญชีกลับมาให้ผม และบอกว่าประมาณ 3 วันก็ถอนได้คะ
สองอาทิตย์ผ่านมา ก็คือวันนี้ ผมเอาสมุดบัญชีไปปรับยอดก็พบว่าเงินเข้าบัญชีเรียบร้อย อีก 6 วัน (21 พ.ย. 53) จะครบกำหนดชำระเบี้ยประกันชีวิตของคุณพ่อ (ทำไว้ปีละ 100000 บาท) ผมก็หาเงินสดของผมเองรวบรวมไว้แล้ว 50000 บาท ชวนคุณพ่อไปถอนเงินที่ฝากเช็คไว้
เมื่อไปถึงธนาคาร ผมก็ยื่น 5 หมื่นของผมไปให้พร้อมใบถอนอีก 5 หมื่น และแจ้งว่าส่งประกันชีวิตตามเอกสารนี้ครับ
เจ้าหน้าที่ก็บอกรอสักครู่ ……….
สักพักก็หันมา "บอกพี่ไปนั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเรียก"
เจ้าหน้าที่ก็ลุกหายเข้าไปด้านหลัง แล้วก็มีคนที่ท่าทางจะตำแหน่งใหญ่กว่าเดินตามมา คุยกันหน้าเคาเตอร์ แล้วหายกลับเข้าไป รวมๆแล้วสัก 10 นาที เดินกลับมาเรียกผม
"พี่คะ บัญชีของคุณพ่อถูกอายัดไว้คะ ถอนไม่ได้ ศาลสั่งอายัด เรื่องคดี"
เรื่องของเรื่องก็คือคุณพ่อผมเคยไปช่วยเป็นนายประกันให้ญาติแล้วมีปัญหา
ถูกศาลท่านสั่งปรับนายประกัน 1 แสนบาท และได้รับหนังสือแจ้งว่าอายัดบ้านไว้ คุณพ่อก็ทำเรื่องขอผ่อนชำระ ศาลท่านก็เมตตาให้ผ่อนงวดละ 5000 บาท ผ่อนส่งมา 15 งวดแล้ว บ้านถูกอายัดอายัดตั้งแต่ มิ.ย. 52
ผมกับพ่อก็งงครับ ที่เรางงกันก็คือเราได้รับหนังสือจากศาลสั่งอายัดบ้าน (ประเมินราคาเฉพาะที่ดินไม่รวมบ้านไว้ 1,500,000 บาท) แต่ไม่เคยได้รับแจ้งเรื่องอายัดบัญชีธนาคารเลย
เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปศาล ไปขอหนังสือถอนอายัดบัญชีนี้มา ถึงจะถอนได้
ก็เลยไปศาลที่ตัวอำเภอ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอกว่าถอนไม่ได้ ต้องส่งให้หมดก่อน บัญชีนี้ถูกอายัดอยู่ไม่รู้เหรอ (ก็ไม่รู้จริงๆครับ เพราะคำสั่งศาลแจ้งมาแค่ว่าอายัดบ้าน)
ผมก็ทำใจดีๆไว้ว่าบ้านเราประเมิน ล้านห้า เงินที่ศาลท่านปรับก็ 1 แสน ส่งมาก็ตั้ง 75,000 แล้ว จะขอถอนอายัดเฉพาะบัญชีได้ไหม ท่านเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันคำเดิมว่าถอนอายัดไม่ได้ ต้องส่งให้หมดก่อน
เหลืออีก 5 วันที่ผมต้องหาเงินสด 50000 มา เพื่อจะส่งประกันให้ได้ ตอนนี้เริ่มหันไปมองรถยนต์แล้ว เห็นโฆษณาเรื่องเงินด่วน ถ้าเห็นโฆษณาเกี่ยวกับจำนำทะเบียนแล้วมีเรื่องจริงประมาณนี้ ก็ผมเองละครับ 🙂
พิมพ์มาตั้งนาน เพราะที่ผมสงสัยมากๆก็คือ ทำไมเจ้าหน้าที่ธนาคารไม่บอกผม ตอนเอาเช็คไปฝาก เขาไม่รู้สถานะบัญชีเหรอว่าถูกอายัดถ้าเขาบอกว่า "บัญชีถูกอายัดนะคะ ฝากได้แต่ถอนออกไม่ได้คะ" ผมก็คงไม่เอาเช็คใบนั้นฝากเข้าไปหรอกครับ
ไม่โทษใครหรอกครับ เพราะมันก็เป็นไปได้ว่าธนาคารเขาไม่รู้ คิดว่าศาลให้ฝากได้แต่ศาลท่านห้ามถอน
ผมไม่ขอลงชื่อธนาคารก็แล้วกัน แต่อยากเล่าเป็นประสบการณ์ไว้ เผื่อใครมีกรณีคล้ายๆผมจะได้ระวังตัวไว้ก่อน
ถ้าโพสผิดห้องก็ขออภัยด้วยครับ ผมเข้าห้องนี้ประจำครับ
อ่านต่อที่ คห. 30
^
จนท. ธนาคาร อาจจะยังไม่รู้ก็ได้ ณ.ขณะนั้น….
ใจเย็น ๆ ครับ ให้กำลังใจ ให้แก้ไขเรื่องราว ผ่านไปได้…
หาเงิน 25,000 ไปปิดยอดที่ศาลสั่งให้ผ่อน แล้วค่อยถอน 50,000 ออกมา
ขอบคุณทุกความเห็นครับ ทีแรกก็คิดเหมือนคุณ โบโซ่จำแลง จะยอมเอาเงินที่มีไปปิดยอดที่ศษล เพื่อจะได้ถอนที่ฝากเช็คออกมาได้ แต่ทีนี้ เกิดไม่มั่นใจในความรวดเร็วของระบบราชการไทย ถ้าไม่ทันศุกร์นี้ ก็จะกลายเป็นว่าเงินหายไปอีก 2 หมื่น 5 แทน
ตอนนี้กำลังหาทางออกที่ดีและปลอดภัยที่สุดอยู่ครับ
อืมม
ขอบคุณมาก สำหรับกรณีศึกษา เรื่องนี้
โหวตให้แล้วค่ะ
สู้ๆ ยังไงก็ต้องมีทางออกที่ดีเสมอนะคะ
คุณกตัญญูต่อพ่อ ความดีของคุณจะทำให้คุณผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ด้วยดีค่ะ
มีเรื่องแบบนี้อยู่ ต้องระวังตัวเอง
ประกันส่งมานานหรือยังคะ ลองทำเรื่องผ่อนผันประกันก่อนก็ได้ เค้ามีวงเงินกู้อยู่ ถ้าไม่กู้ก็ติดต่อตัวแทนหรือ callcenter ทำเรื่องแบ่งจ่ายสองงวด เสียดอกเบี้ยนิดหน่อย คิดว่าน่าจะเสียดอกน้อยกว่าเอารถไปเข้าไฟแนนซ์แน่นอน ไม่ต้องเอารถเข้าไปเสี่ยงด้วย
ส่วนเรื่องบัญชีถูกอายัดนั้น ทำไมถึงฝากได้ก็ไม่รู้เนอะ ขนาดเราเคยไม่เดินบัญชีติดต่อกันแล้วเงินเหลือไม่ถึงสองพัน ธ.มีจดหมายแจ้งมาจะหักค่ารักษาบัญชี เลยจะเอาเงินไปเข้าเพิ่มให้เกินสองพัน เจ้าหน้าที่ยังไม่ให้ฝากเลย ต้องแจ้งเปิดบัญชีไปที่สาขาต้นทางก่อนถึงจะฝากเพิ่มได้
^
^
แบบนั้น ก็น่าจะเป็นทางออกที่น่าสนใจ
บอกเขาว่า ขอทำ policy loan จำนวนก็เอาเท่าที่ขาด
หากเคลียร์ทางศาลจบก็ได้เงินคืน แล้วค่อยเอาไปจ่าย
ดอกเบี้ยเล็กน้อย ดีกว่ามานั่งเครียดหาเงินครับ
ประกันชีวิต(บางบริษัท)จ่ายช้าได้ 30 วันค่ะ โดยไม่ขาดผลการเอาประกัน เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันบ.ประกันก็จะจ่ายเงินเอาประกันตามวงเงิน แต่หักลบเบี้ยประกันที่ค้างชำระค่ะ
ลองติดต่อตัวแทนประกันดูนะคะ ยังไงเค้าง้อลูกค้าอยู่แล้วเนอะ
**ของเราครบปีก็ไปเอาเงินปันผลมาใช้ก่อน แล้วอีก 30 วันค่อยไปจ่ายเบี้ยค่ะ
เลทได้ 30 วันครับ ไม่ทราบว่าคุรพ่อคุรได้ทำประกันแบบไหนไว้ครับ
ปรกติครับ…………………เป็นหนี้ก็ต้องใช้ ( จะเป็นหนี้ค้ำประกันหรืออะไร )
ศาลท่าน คงอายัดบัญชีไว้แล้ว พอเอาเงินไปเข้า ก็เรียบร้อย ธนาคารก็ทำตามหน้าที่
คราวหลังก่อนฝากเงินกับธนาคาร ถามตัวเองก่อนนะครับ ว่าติดหนี้ที่ต้องบังคับคดีอยู่หรือป่าว………………….จะได้ไม่มีปัญญา
เจ้าหน้าที่ธนาคารบางทีก็ไว้ใจไม่ได้หรอก น้าเราเคยเงินหายแบบไม่รู้เรื่อง ถึงขนาดเดินไปธนาคารเขาบอกว่าไม่มีคนชื่อนี้ ไม่มีบัญชีนี้…สืบไปสืบมา..เจ้าหน้าที่ธนาคารเปิดบัญชีให้ลูกค้าคนใหม่แล้วลงเลขที่บัญชียังไงไม่รู้ เป็นเลขที่บัญชีน้าเรา สรุป บัญชีน้าเราก็กลายเป็นของคนอื่น ฮ่าๆ
เรื่องนี้ก็โอเค เคลียร์กันได้ ดีที่น้าเราใจเย็น ไม่เอาเรื่อง เหอๆ
ทุกธนาคาร…
ไม่บอกครับ
ถอนอายัดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากไปชำระเงินครบตามคำพิพากษาแล้ว (หากยึดทรัพย์สินไว้ แต่ยังขายทอดตลาดไมได้ ก็ยังถือว่าไม่ได้รับเงิน เงินตามคำพิพากษาจะรวมถึงหนี้และดอกเบี้ย ค่าทนายความ ค่าธรมเนียมต่างๆ ที่ศาลสั่งให้จำเลยชำระด้วย) จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการถอนการยึด ซึ่งโจทท์มักจะโบ้ยมาให้จำเลยรับผิดชอบ (ปกติเป็นหน้าที่โจทก์) สุดท้ายเจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องทำบัญชีและแถลงศาล
..อีกนานพอสมควรครับ
หากเจรจากับเจ้าหนี้ดู และให้เจ้าหนี้ขอถอนการอายัด อาจง่ายกว่า
พนักงงานธนาคาร 10 คน ก็ 10 แบบครับ
เอาแน่เอานอนไม่ได้ จากประสบการณ์ตรง
เรื่องการอายัดบัญชี จะอายัดเฉพาะการถอนค่ะ ไม่อายัดการฝาก
– เจ้าหน้าที่ทำไมไม่แจ้งก่อนว่าบัญชีถูกอายัด
ตอบ – เจ้าหน้าที่ไม่ทราบหรอกค่ะ เนื่องจากการอายัดบัญชีอายัดได้หลายทาง ทั้งจากธนาคารเอง(กรณีค้ำประกัน) สรรพากร(กรณีติดหนี้สรรพากร) และจากศาล ซึ่งผู้มีอำนาจกระทำการในธนาคารจะเป็นคนทำการอายัด และในการทำรายการ หน้าจอก็จะไม่แสดงสถานะว่าบัญชีถูกอายัด
หากสงสัยเกี่ยวกับบัญชี ก็ลองถามเจ้าหน้าที่ดูก่อนทำรายการได้ค่ะ (ในกรณีที่คุณมีคดีอยู่) ส่วนมากเค้าก็จะสั่งอายัดทุกธนาคารที่มีบัญชีเลยค่ะ ธนาคารต้องทำตาม ไม่สามารถเพิกเฉยได้ค่ะ
(เราเป็นพนง.เก่า ลาออกมาได้ 1 ปีแล้วค่ะ)
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าค้ำประกัน จำไว้ ๆ ๆ เตือนลูกน้องประจำเลยค่ะ หนี้ไม่ใช่ของเราแท้ ๆ เงินก็ไม่ได้ใช้ แต่ต้องมาตามใช้หนี้ให้
อย่าเกรงใจที่จะปฏิเสธการช่วยค้ำประกัน
คำสั่งศาลไม่มีเป็นลายลักษ์อักษรมาหรอครับ ถ้ามีก็น่าจะเป็นตามคำสั่งศาลน๊ะครับทั้งเรื่องบ้านและบัญชี
ขอบคุณที่นำมาบอกต่อครับ
เพิ่งรู้เหมือนกันครับ ว่ามีกรณีเช่นนี้ด้วย
หนี้สินเป็นของส่วนส่วนบุคคล เราไม่ควรไปค้ำประกันใครเนอะ (แม้แต่ญาติพี่น้องก็เถอะ) ขอบคุณที่มากันนะครับ คิคิ
ขอบคุณ สำหรับข้อมูล ดีดี ครับผม
อ่านหัวกระทู้ นึกว่าธนาคารตุกติก ไม่ให้ถอนเงินอะไรซะอีก
ที่ไหนได้ไปค้ำประกันเค้าไว้นี่เอง – –
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ดี ครับ
ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เลย นับเป็นกรณีศึกษาสำหรับผมเลยครับ
จะขออนุญาตเก็บข้อมูลของคุณ เพื่อนำไปแนะนำให้กับเพื่อน ๆ นะครับ
โหวตให้ครับ…^^
ขอบคุณนะคะที่แชร์กัน
พนักงานธนาคารน่าจะแจ้งหน่อยนะคะว่า บัญชีนี้อายัดไว้ อืม…
ธนาคารก็ทำตามหน้าที่
แต่จำไว้เป็นบทเรียนละกันว่าอย่าไปเที่ยวค้ำประกันให้ใคร
เรื่อง แบบนี้เข้าใจยากจังเลย
ขอบคุณนะคะ ที่มาเตือน
ยังไง การค้ำประกัน นี่น่ากลัวจริงๆ แม่เรานี่โดนเยอะมากกกเลย เรื่องค้ำอะไรเนี่
ไม่มีใครผิด
แต่ สงสาร จขกท.
น่าจะตาม ความเห็นที่ 18 น่าจะต้องมีคำสั่งศาลหรือเอกสารอะไรที่ระบุอายัดอะไรบ้าง ถ้าไม่อายัดบัญชีก็น่าจะถอนได้
รีบโทรคุยกับเจ้าหน้าที่บริษัทประกันเลยครับ
ผ่อนผันให้คุณชำระล่าช้าได้แน่นอน
มาอัพเดทข้อมูลครับผม
วันนี้ (อังคารที่ 16 พ.ย. 53) เรา(ผมกับคุณพ่อ) ขับรถไปสำนักงานบังคับคดีในตัวจังหวัดระยะทางไปกลับ 200 กว่ากม. เพื่อไปทำเรื่องขอถอนอายัดบัญชีธนาคาร
*** เพิ่มเติมนะครับ เผื่อใครอ่านแล้ว งง คุณพ่อผมได้รับหนังสือแจ้งอายัดเฉพาะที่ดินไม่รวมตัวบ้านจาก"สำนักงานบังคับคดีจังหวัด" ราคาประเมิน 1 ล้านห้าเท่านั้น ไม่เคยได้รับหนังสือแจ้งว่ามีการอายัดบัญชีธนาคารนะครับ ยอดค่าปรับคือ 1 แสนบาท ส่งมาแล้ว 7 หมื่นห้า อีกแค่ 2 หมื่นห้าก็จบ****
เมื่อไปถึงสำนักงานบังคับคดี เจ้าหน้าที่ให้เขียนคำร้องขอตรวจสำนวน รอสัก 10 นาที ก็เรียกไปบอกว่าให้ไปพบเจ้าหน้าที่อีกคน เรา(ผมกับพ่อ) ก็ถือสำนวนเดินไปที่ชั้นสองตามที่ จนท. คนที่ 1 บอก ไปพบ จนท.คนที่สองเขาก็เปิดอ่านๆๆๆๆ แล้วก็พูดว่า งง ไม่เห็นมีแจ้งว่าอายัดบัญชีตรงไหนเลย มีแต่อายัดที่ดิน เขาก็แนะนำว่าให้ไปพบคนที่ 3 อยู่ที่ชั้น 1
เราก็ถือสำนวนเดินกลับลงมาพบคนที่ 3 คนที่ 3 เปิดอ่านๆๆๆๆๆ แล้วก็บอกว่า เรื่องที่คุณถูกอายัดบัญชีธนาคารนี้ เรา(สำนักงานบังคับคดี)ไม่เกี่ยว สำนักงานบังคับคดีไม่ได้สั่งอายัด ศาลเป็นคนสั่ง จนท.3 ก็ช่วยตรวจดูให้พบว่าเป็นศาลที่อำเภอที่ผมอยู่นั่นแหละอายัด บอกว่าให้ผมเดินทางกลับบ้านไปหาศาลจังหวัดที่อำเภอของผม ที่เราไปหาเมื่อวาน แล้วประชาสัมพันธ์บอกว่าถอนอายัดให้ไม่ได้
แต่ จนท. 3 ก็แนะนำเพิ่มเติมให้กระจ่างว่า ให้คุณพ่อเขียนคำร้องขอความเมตตาถึงศาลโดยตรง เพราะเราเดือดร้อน เรื่องการผ่อนชำระเราก็ทำตามกำหนด ขั้นตอนไม่มีบิดพริ้ว เมื่อวานคนที่บอกว่าถอนอายัดไม่ได้คือจนท.ประชาสัมพันธ์ เขาไม่มีอำนาจจะถอนอายัดใคร ใครสั่งอายัด ต้องคนนั้นสั่งถอนครับ คนสั่งคือศาล ไม่ใช่จนท. ประชาสัมพันธ์ครับ จนท.3ยังบอกอีกว่า ธนาคารก็แปลกบัญชีถูกอายัดต้องไม่มีการเคลื่อนไหว ห้ามฝากห้ามถอน แต่ทำไมให้ผมฝากได้
ก็เลยเสียเวลาไป 1 วัน พรุ่งนี้ (17 พ.ย.) จะเดินทางไปศาลแต่เช้าเลย ลองเขียนคำร้องขอความเมตตาจากท่าน ค่าปรับเราก็ส่งมาจะครบแล้ว ที่ดินที่ท่านอายัดไว้ก็ตั้ง ล้านห้า ไม่รวมตัวบ้านแล้ว ค่าปรับคงเหลือก็อีกแค่ สองหมื่นห้า ท่านจะเมตตาถอนอายัดให้ได้ไหม
สรุปนะครับ
เราไม่รู้ว่าบัญชีถูกอายัด เพราะศาลสั่งไปที่ธนาคารแต่ไม่แจ้งเรา เราก็เลยฝากเช็คไว้ จนท.ธนาคารก็รับฝาก แต่ไม่ให้เราถอน
อ่านต่อที่ คห. 38
ไม่ทราบว่าธนาคารอะไรเหรอครับ แต่ก็น่าจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน ลองหลังไมค์ไปหาพี่จุกดูครับ pjuk
ผมว่า ศาลท่านน่าจะเมตตานะครับ
เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดเราทั้งสิ้น
ทั้งเรื่องการเป็นนายประกัน เราก็ไม่ได้เป็นคนหนี แต่ผู้ต้องหาหนี ทำให้เราต้องมารับผิดชอบ
แล้วก็เรื่องการถูกอายัดบัญชี ไม่มีหมายใดๆมาบอกเลย แล้วตอนนี้เราเดือดร้อน
ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เงินตรงนั้นด้วย
ตลอดเวลาในการผ่อนประกัน ก็ชำระหนี้ตรงตลอด
ประกอบกับ สินทรัพย์ซึ่งนั่นก็คือบ้าน มันมีมูลค่าเกินมูลหนี้ปัจจุบันหลายเท่า
ผมว่าถ้าคุณเขียนทุกอย่างที่ว่ามานี่ ศาลท่านไม่ให้ก็โหดร้ายเกินไปแล้วครับ
อ่านหลาย ๆ ความเห็นแล้ว สรุปว่าพนักงานธนาคารไม่ทราบสถานะบัญชีตอนฝากครับ
ถ้างั้นเอางี้ สำหรับผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะโดนอายัดพึงกระทำ… ก่อนที่จะเอาเงินไปฝากเข้าบัญชี ก็ต้องถอนเสียก่อน เช่นกรณีเจ้าของกระทู้ อาจถอนออกมาก่อน 500 บาท เพื่อเช็คสถานะบัญชีว่าไม่ได้ถูกอายัด จากนั้นค่อยทำการฝากเงินเข้าไป…
อย่างนี้เราควรจะต้องหาหนังฝรั่ง
เรื่อง " รวยซะให้เข็ด "
แฉทุกอย่างเกี่ยวกับการเงิน…
เป็นกำลังใจมห้นะคะ สู้ๆค่ะ
ท้อได้แต่อย่าถอยเนอะ
ไม่เข้าใจตรงที่ว่า
ทำไมจะอายัดบัญชี แล้วไม่มีหนังสือแจ้ง
ที่อยากจะถามก็คือ ถ้าเกิดเรากลายเป็นผู้เสียหาย จากการอายัด เรา้จะไปฟ้องร้อง เอากับใคร?
อืม กระทู้นี้ เป็นกรณีศึกษาดีครับ
โหวตครับ และกำลังใจให้จขกท.ด้วย
อัพเดทข้อมูลล่าสุดครับ
"วันเสียเงินสองหมื่นเจ็ด เพื่อถอนเงินห้าหมื่นถ้วน"
วันนี้ (17 พ.ย. 2553) ผมตัดสินใจทีจะลองทำเรื่องขอความเมตตาจากศาล ขอให้ท่านถอนอายัดบัญชีธนาคาร ตามที่ จนท.3 จากสำนักงานบังคับคดีแนะนำเมื่อวาน แต่เกิดเอะใจว่า ถ้าไปติดต่อศาล จะต้องอ้างอิงหมายเลขคำสั่งอายัดที่ธนาคารจดมาให้แน่ๆ และจนท.ศาลก็ต้องค้นหากันอีก เลยเกิดไอเดียว่าไปธนาคารก่อนดีกว่า ไปขอถ่ายสำเนาคำสั่งศาลที่สั่งอายัดบัญชีธนาคาร แล้วค่อยไปยื่นเรื่องที่ศาลที่อำเภอ
เมื่อไปถึงธนาคาร คุณพ่อก็ขึ้นไปพบ ผจก. แจ้งว่าต้องการขอถ่ายสำเนาคำสั่งศาลที่แจ้งมาบอกให้ธนาคารอายัดบัญชีนี้ เรื่องโกลาหลก็เกิดขึ้น จนท.ธนาคารระดมกำลังค้นหาเอกสารใบนี้กัน โยนกันไปมา สุดท้าย "ไม่มีใครหาเจอ !!!" มีแต่สถานะบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ว่าศาลอายัดตามคำสั่งศาลเลขที่ XXXXXXX แต่ไม่มีใครหาเอกสารใบนี้เจอ
เมื่อพบว่าทั้งธนาคารไม่มีใครหาคำสั่งจากศาลใบนี้เจอ คุณพ่อผมก็เกิดท้อ หมดกำลังใจแล้ว ตัดสินใจบอกผมว่า ไปศาลแขวงที่จังหวัดเลย เอา 2 หมื่น 5 พันบาทไปจ่ายค่าปรับให้หมด แล้วทำเรื่องขอถอนอายัดที่ดิน(ล้านห้า)และบัญชี(5หมื่น) จะได้มาถอนเงิน 5 หมื่นบาทได้ ที่ขาดหายไปเดี๋ยวค่อยหาเติมเข้าไป (ผมเพิ่งไปซื้อที่เดือนที่แล้ว 3 แสน 3 หมื่นบาทเงินขาดมือไปหมดเลย ทุกอย่างมันผิดแผนที่ผมวางเอาไว้ไปหมดเลย ทั้งๆที่เตรียมทั้งเงินสด5หมื่นบาทและเช็ค5หมื่นบาทไว้ครบค่าประกันแล้วด้วย)
ผมก็ขับรถพาคุณพ่อไปศาลแขวงในตัวจังหวัดระยะทาง 100 กว่า กม. ไปถึงบ่ายโมง แจ้งจนท.ศาลว่าจะขอจ่ายค่าปรับนายประกันให้หมด จะสามารถถอนอายัดได้เลยหรือไม่ จนท.บอกว่าทำได้ แต่นี่มันบ่ายแล้ว ให้ผมไปติดต่อสำนักงานบังคับคดีไว้ก่อนเลย ว่าจะถอนอายัด รอแค่คำสั่งจากศาลอยู่ คุณพ่อก็ไปจ่าย 2 หมื่น 5 พันบาทเรียบร้อย
ผมให้คุณพ่อ(อายุ68)รอที่ศาลแขวง ส่วนตัวผมเดินทางมาสำนักงานบังคับคดี เมื่อยื่นเรื่องกับคนรับเรื่องซึ่งก็คือ จนท.1 คนเมื่อวาน สักพักเขาแจ้งให้ไปพบกับ จนท.อีกคนชั้นสอง ผมขอเรียก จนท.4 จนท.4 นั่งติดกับจนท.2 คนเมื่อวานเลย ผมก็เล่าที่มาที่ไป บอกความเดือดร้อนเรื่องบัญชีถูกอายัด บอกว่าตอนนี้จ่ายค่าปรับหมดแล้ว รอคำสั่งจากศาลซึ่งจะได้บ่ายนี้ คุณจนท.4 บริการดีมากๆๆบอกว่า เงินมันต้องถอนได้ซิ เพราะการอายัดบัญชีธนาคารก็ทำได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นจะฝากจะถอนได้หมด พี่เขาเปิดแฟ้มอ่านๆๆๆ พลิกไป พลิกมา ผมก็เจอแจ๊คพ๊อต
ต้นฉบับของคำสั่งอายัดบัญชีธนาคารศาลซ่อนตัวอยู่ในแฟ้มนี้ แฟ้มที่ จนท.2 และ 3 บอกว่าไม่มีเรื่องอายัดบัญชี มีแต่อายัดที่ดินบอกให้ผมกลับไปติดต่อศาลที่อำเภอ (หรือว่าเป็นคนละแฟ้มผมก็ไม่รู้ เมื่อวานไม่มีใครเห็น วันนี้พี่เขาเปิดเจอ)
คำสั่งศาลลงวันที่ 26 มิ.ย. 2552 ให้อายัดเงินเป็นเวลา 1 เดือน
1 เดือน 1 เดือน 1 เดือน 1 เดือน 1 เดือน 1 เดือน 1 เดือน 1 เดือน 1 เดือน 1 เดือน !!!!!!!
แปลเป็นภาษาคนว่าหลังจาก 27 ก.ค. 2552 ไปแล้ว บัญชีนี้สถานะกลับสู่ปกติ
ผมบอกพี่เขาว่าถ่ายใบนี้ให้หน่อยครับพี่ ผมจะเอาไปให้ธนาคารดู จะลองดูซิว่าจะให้ถอนไหม (ตอนนี้เงินส่งประกันหายไปแล้ว 2 หมื่น 5 เป็นค่าปรับงวดสุดท้าย) พี่เขาก็จะการถ่ายให้ และหวังดี ประทับตราตำแหน่งเซ็นต์รับรองให้อีกด้วย กลัวธนาคารไม่เชื่อ
บ่ายสามผมไปรับคุณพ่อพร้อมคำสั่งถอนการอายัดทั้งหมดมา ส่งให้พี่ จนท. 4 สรุปมีค่าธรรมเนียมการถอนอายัดอีก 2000 กว่าบาท
รอสักพักผมกับพ่อก็ได้คำสั่งสองใบ ใบที่ 1 ถอนการอายัดที่ดิน ใบที่ 2 ถอนการอายัดบัญชีธนาคาร
ถึงตอนนี้เราหมดเงินไปอีก 2 หมื่น 7 พันบาทเพื่อจะได้สำเนาคำสั่งอายัดบัญชีที่บอกธนาคารว่าอายัดแค่ 1 เดือน กับ คำสั่งถอนอายัดอีก 2 ใบ
อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆพอจะนึกออกไหมเอ่ย ว่าใครผิด
ผมก็ไม่รู้จะโทษใคร จนท.ธนาคารรับคำสั่งศาลให้อายัด 1 เดือน เขาก็กดเปลี่ยนสถานะบัญชีเป็นอายัด (ตอนนั้นใครกดก็ไม่รู้ น่าจะเป็น ผจก.สาขานะ) เขาตั้งสถานะอายัดมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนเลย ทั้งที่ศาลสั่งว่าอายัด 1 เดือน ผ่านมาปีกว่าๆแล้ว ผมไปฝากเขาก็ไม่ว่าอะไร พอผมไปถอนเขาบอกบัญชีถูกอายัด พอถามหาคำสั่ง ก็ไม่มีใครหาเจอ…… เฮ้อ
พรุ่งนี้ผมกับพ่อจะไปธนาคารแต่เช้า บอกจนท.ว่าผมไปจ่ายเงินมา 2 หมื่น 7 พันบาทเพื่อที่จะมาถอนเงิน 5 หมื่นบาทหรืออาจจะปิดบัญชีไปเลยก็ได้ โดยผมจะยื่นแค่สำเนาคำสั่งอายัดที่พวกเขาทำหาย ถ้ายังอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ผมก็จะยื่นอีกใบคือคำสั่งถอนอายัดไปให้เขาดู และจะย้ำว่าสองใบนี้ทำผมหมดเงินค่าส่งประกันชีวิตไป 2 หมื่น 7 พันบาทเพราะพวกคุณหามันไม่เจอ
เป็นโชคดีของพวกเขา(จนท.ธนาคาร)แล้วละ ที่ผมและคุณพ่อไม่คิดจะเอาเรื่องอะไรกับพวกเขา ถ้าจะร้องเรียนสำนักงานใหญ่ไปก็คงจะได้เรื่องแน่ๆ ต้องมีคนเดือดร้อนเพราะงานนี้เยอะเลยละ
ยืนยันเราไม่ทำ ขอให้ถอน 5 หมื่นบาทนั่นออกมา ผมจะหาอีก 2 หมื่น 7 พันบาทมาใส่เอง (ตอนที่พิมพ์นี่ ผมหันไปมองที่คอของภรรยา พร้อมตั้งสมมุติฐานว่าสร้อยทอง 2 บาทที่เธอใส่อยู่ประจำ น่าจะพอทำอะไรได้บ้างละ)
ฝากเป็นอุทาหรณ์ไว้นะครับ ถ้าใครถอนเงินไม่ได้ แล้วธนาคารบอกถูกอายัด ขอดูคำสั่งศาลให้ได้นะครับ อ่านดูให้ดีว่าอายัดถาวรหรือ 1 เดือน จะได้ไม่ต้องเสียเงินและเวลาไปกับกระดาษที่พวกเขาทำหายแบบผม
อ่านต่อกระทู้ 47 ครับผม
ดีใจด้วยครับที่หาทางออกได้…
เสร็จเรื่องแล้วก็ปิดบัญชีเสียเลย ธนาคารอื่นมีเยอะแยะครับ…
เรื่องการอ้างคำสั่ง มั่วๆ
เกิดขึ้นกับใคร คงขำไม่ออกเลยละครับ
ผู้จัดการคงไม่โทษตัวเองหรอกครับ
เขาก็คงโทษที่ระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคาร
ว่าทำไมหน้าจอสั่งอายัดบัญชี ไม่ทำช่องให้กรอกระยะเวลาด้วยล่ะ
สั่งอายัดได้ แต่กำหนดเวลาอายัดไม่ได้
จะถอนอายัด ต้องรอให้คนมากดถอนอายัด
เพราะระบบไม่ได้เขียนให้ถอดอายัด โดยอัตโนมัติตามกำหนดเวลา
พอเป็นแบบนี้ ถ้าคนที่กดอายัดลืม เอกสารหาย
ก็ไม่มีใครไปกดสั่ง
ยิ่งถ้าเจ้าของบัญชี ไม่ได้รับคำสั่งศาล ก็จะเป็นแบบ จขกท นี่แหละ
โปรแกรมของแต่ละธนาคารไม่เหมือนกัน
ธนาคารอื่นอาจจะมีระบบที่ดีกว่าธนาคารนี้ก็ได้
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ค่ะ
น่าเอากระทู้นี้ไปไว้ห้องสินธรด้วยนะคะ
ห้องนั้น ผู้รู้ตรึมค่ะ แถมมีเจ้าหน้าที่ธนาคารบางธนาคารมาช่วยตอบปัญหาด้วยค่ะ
คุณ จขกท เป็นคนจิตใจดีมาก ใจเย็นมาก
หากเป็นเราคงจะเกิดวาทะกันไปแล้วน่ะ
เพราะความไม่รอบครอบของคนไม่กี่คน ทำให้เราเสียทั้งเวลาและเงิน
น่าเห็นใจมากๆ ขับรถตั้งหลายร้อยกิโล
ขอยกย่อง จขกท ที่ไม่คิดติดใจเอาเรื่องกับการบริการที่ไม่น่าประทับใจจากธนาคารแห่งนี้เลย
ขอบคุณความรู้ ที่คุณ จขกท.มาเผื่อแผ่ครับ
ธนาคารอะไรใบ้หน่อยสิครับ
จะได้เก็บไว้พิจารณา (ใบ้เป็นสีก็ได้ครับ)
เฮงซวย…จริงๆ เล้ยยยยยย
จขกท. ใจเย็นมากจริงๆ ค่ะ หลังจากนี้ ขอให้เรื่องต่างๆ ผ่านพ้นไปด้วยดีนะคะ
ข้อมูลส่งท้าย ปิดคดี "มีเงินให้ไปฝากธนาคาร มีทองให้ไปฝากโรงจำนำ"
18 พ.ย. 53 คุณพ่อขี่จักยานมาหาแต่เช้า พร้อมสร้อยทองในมือ 3 บาท ผมถามว่าเอามาจากไหน คำตอบที่ได้รับคือ สร้อยของแม่ให้ผมเอาไปจำนำ มาแก้ปัญหานี้
อึ้ง …..
ผมบอกพ่อว่า พ่อไม่ต้องไปธนาคารนะ เช้านี้ผมไปเอง จะไปถาม ผจก. สาขาเลย จะไปเล่าถึงความลำบากในการตามหาเอกสารที่พวกเขาทำหาย ถามว่าธนาคารจะยอมให้ถอนเงินไหม
ผมให้พ่อเซ็นต์แค่ใบถอน แต่ไม่มอบฉันทะ คือผมเป็นลูกไปถอนแทนพ่อ ไม่มอบฉันทะด้วย ตัวพ่อก็ไม่ไป จะให้ผมถอนไหม (จริงๆ คุณพ่อไม่ไปก็จำได้อยู่แล้ว ไปตั้ง หลายรอบ)
ผมแวะไปโรงจำนำก่อน จำนำไว้เต็มที่เลย ได้มา 4 หมื่น 2 พันบาท เพื่อเอามาใส่ๆให้ครบในส่วนที่หายไปต่างๆ ไม่ว่าจะค่าน้ำมันรถไปกลับตัวจังหวัด 2 รอบ ค่าปรับ ค่าถอนอายัด ต่างๆๆ หายไปเยอะละครับ
ผนนับเงินไว้ 5 หมื่น แยกไว้ให้ธนาคาร อีกส่วน เหลือไปคืนคุณพ่อ
ผมตรงเข้าไปธนาคารในช่วงเช้า เพิ่งเปิดทำการ ตรงไปถามเด็กฝึกงานที่จุดเขียนใบฝากถอน ว่า "ผู้จัดการอยู่ไหม" น้องเขาตอบว่าไม่อยู่ ผมเลยไปนั่งรอสักพัก คิดว่าเอาไงดี คงไม่เจอ ผจก.แน่ๆ เลยตัดสินใจว่าส่งที่เคาเตอร์นี่แหละ ลุกไปกดบัตรคิว กดปุ๊บเรียกปั๊บ เพราะมันเช้ามากๆ
ไปที่เคาเตอร์บอก ผมมาถอนเงินที่ทางแบงค์บอกว่าถูกศาลสั่งอายัด
พนักงานทำหน้างงๆ ตอบมาว่า " ถอนไม่ได้หรอกพี่ "
ผมบอกว่า "ผมมาหลายครั้งแล้ว พวกคุณทำคำสั่งอายัดหาย จำได้ไหม"
เขาทำหน้างงๆ เพราะผมเจอ จนท. คนอื่น ไม่ใช่พวกแรก
ผมยื่นคำสั่งอายัดไป พร้อมใบเสร็จ 2 หมื่น 7 พันบาท บอกไปว่า "ผมจ่ายไป 2 หมื่น 7 พันบาท เพื่อไปตามหาเอกสารที่คุณทำหายมาให้แล้ว " (ผมไม่เอาคำสั่งถอนอายัดบัญชีธนาคารให้ดูครับ อยากรู้ว่าแค่ใบนี้มันจะถอนเงินได้ไหม)
ทั้งๆที่ยังไม่ได้อ่าน เขาตอบกลับมาทันทีว่า "ไม่ได้หรอกพี่ "
ผมก็ย้อนกลับไป "คุณอ่านให้หมด อ่านๆ อ่านให้มันมันครบ"
เขาก็อ่านๆๆ แล้วก็ยืนยันว่า "ถอนเงินไม่ได้หรอกคะ"
ผมเอานี้ชี้ไปตรงบรรทัดที่ว่า สั่งอายัดเป็นเวลา 1 เดือน แล้วถามว่า "เห็นไหมศาลให้อายัด 1 เดือน แปลว่าหลังจากนั้นจะทำอะไรก็ได้"
เขาก็ยังยืนยันคำเดิมว่า "ถอนไม่ได้คะ ถอนไม่ได้"
ผมก็นึกยิ้มในใจว่า เอ่อ ให้ไมันได้อย่างนี้ซิ แล้วบอกไปคำเดียวว่า "ขอพบผู้จัดการ"
เขาก็เดินนำผมไปรอที่ห้องผู้จัดการ ไม่ถึง 1 นาที ผจก. สาขาก็โผล่เข้ามา ท่าน ผจก. อายุประมาณ 50 กว่า
ผมยกมือไหว้ (ไหว้ในความอาวุโส และมารยาทแบบที่คนไทยพึงกระทำ)
ผมก็เล่าๆๆๆ ทั้งหมดไป บอกว่าเสียเงินไป 2 หมื่น 7 เพื่อตามหากระดาษใบนี้ (คำสั่งศาลว่าอายัด 1 เดือน) ถามว่าท่านจะให้ถอนไหม ผจก. ก็รอบคอบ อ่านๆๆ แล้วก็ตอบกลับมาว่า
"ยอมรับว่าธนาคารผิด (นี่คือคำที่ผมต้องการฟัง) ถอนได้ ถอนได้ ไม่มีปัญหา"
ผจก.ก็เรียก จนท. คนเดิมมา ผมยื่นเงินไปอีก 5 หมื่นพร้อมใบส่งประกัน (เขาทำหน้างงๆ คงนึกว่า มันมาถอนหรือมมาฝากวะ) และบอกสรุปไปเลยว่าจะได้เลิกงงว่า "ถอน 5 หมื่น มารวมกับ 5 หมื่นของผมนี่ ส่งประกันชีวิตคุณพ่อผม"
ผมลองถามความเห็น ผจก. ว่าผมเสียเงินไป 2 หมื่น 7 พันบาทเพื่อตามหาสิ่งที่ท่านทำหายไปนี่ ผมเสียหายไหม ผจก.บอกว่า "ไม่เสีย ผมไม่มีอะไรเสียเลย เพราะยังไงผมก็ต้องจ่ายเขาจนครบอยู่แล้ว"
เพื่อนๆครับ เราจ่ายเงินเดือนละ 5000 มาแล้ว 15 เดือน และต้องจ่ายไปอีก 5 เดือน กับจ่ายเงิน 2 หมื่น 5 ตอนนี้เลย จ่ายหมดเลยนี่มันดีกว่าจริงๆเหรอครับ ไม่มีใครลดให้ด้วย (พวกเขาโชคดีจริงๆที่เจอลูกค้าอย่างผม)
เพื่อความสบายใจของ ผจก. ซึ่งคงจะกังวลเหมือนกันว่าให้ผมถอน จะมีอะไรผิดพลาดไหม ผมเลยควักใบถอนอายัดบัญชีออกมาให้ดู บอกเขาไปว่า "จริงๆ ผมมีใบนี้มาด้วย แต่อยากรู้ว่า ท่านจะให้ผมถอนไหม ถ้าท่านเห็นแค่คำสั่งอายัด 1 เดือน"
ผจก.เห็นใบถอนอายัดก็รู้สึกพอใจขึ้นอีก ขอผมเอาไปเก็บไว้ ผมบอกไม่ได้ๆๆ ผมจ่ายไปตั้ง 2 หมื่น 7 เพื่อจะเอาใบนี้มา ท่านอยากได้ให้เอาไปถ่ายเอกสาร
ผจก. ก็รีบกุลีกุจอเรียก จนท. มาเอาไปถ่ายเอกสารเก็บไว้
เรา (ผมและ ผจก.) ก็นั่งคุยกันต่อไปอีกหลายเรื่อง สอบถามเกี่ยมกับผม พอทราบว่าทำธุรกิจซอฟต์แวร์ก็รู้สึกสนใจ มันคงจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับ เขา ผมเล่าว่าผมขายทั่วโลกเลย ได้รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ 2 ครั้ง ไปแข่งต่างประเทศมา 2 รอบ ที่สำคัญที่สุดทั้งบริษัทก็มีผมคนเดียวนี่แหละ
ผจก. พยายามจะถามว่ารายได้เป็นยังไง (คงเป็นคำถามของนักการเงินการธนาคารต้องใช้ประจำ) ผมก็ไม่ตอบ บอกแค่พออยู่ได้
จริงๆแล้วที่ผมไม่คิดจะโวยวายให้มันใหญ่โตเพราะ
1. ไม่อยากให้มีปัญหาตามมาภายหลังและสงสารคนที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะจุดนี้
2. ผมไม่ต้องการต่อว่าท่าน ผจก. มากมาย เพราะปัญหามันคือระบบ ใครกดอายัดก็ไม่รู้ คำสั่งก็ดันหายอีก จนท.ก็ให้ถอนไม่ได้ คอมพิวเตอร์มันล็อคบัญชีไว้ ไล่ไปไล่มาก็จะไปโทษซอฟต์แวร์อย่างที่บางคนว่าไว้อีก คนเขียนโปรแกรมไม่กำหนดระยะเวลาอายัดไว้ เราไม่ผิด
3. คุณพ่อบอกผมในตอนเช้า(ตอนที่เอาทองของแม่มาให้) ว่า ท่านผจก.เป็นคนดี นับถือกันอยู่
4. สำคัญที่สุดผจก.เป็นญาติของคุณครูที่สอนผมมาตั้งแต่อนุบาลจนจบประถม คุณครูที่ผมจำชื่อ นามสกุลได้เสมอมา (เพื่อนๆจะจดจำชื่อและนามสกุลคุณครูได้กี่คนในชีวิตนี้)
พอคุยเรื่องต่างๆเกี่ยวกับผมเสร็จ ผมก็ยกมือไหว้ลากลับ ผจก.ลุกตามมาส่ง พร้อมกับ จนท.อีกคน ผจก.ก็แซวเกี่ยวกับการแต่งกายของผม (ผมใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืด รองเท้าแตะ) ผจก.บอกว่า ว่านักธุรกิจทำไมแต่ตัวแบบนี้ (ชี้เสื้อ กางเกงผม)
ผมก็ย้อนกลับไป
"ผมมาแบบดิบๆ (ยากจน) เพื่อจะดูว่าพวกท่านตัดสินคนที่คอ (ผมเอามือชี้คอที่ไม่มีทองใส่) ตัดสินคนที่แขน (เอามือชี้ข้อมือที่ไม่มีสร้อยข้อมือทองคำหรือแม้แต่นาฬิกาสักเรือน ใส่) หรือตัดสินคนที่เสื้อผ้าหรือไม่ (ชี้เสื้อยืดกางเกงขาสั้น)"
ผจก. ก็หันกลับไปมองลูกน้อง แล้วก็ยิ้ม ทำหน้าแปลกๆ
ผมเดินกลับมาที่รถ พร้อมอารมณ์ปกติ สิ้นสุดซะที ใช้ชีวิตต่อไปเรา
*********************
สติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเราเข้าใจความจริงของชีวิตและโลก ก็จะรู้ว่าในโลกนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรเพี่ยงพอที่จะทำให้เราโกรธหรอกครับ
ปัญหามีไว้ป้องกัน ปัญหาไม่ได้มีไว้แก้ไข
อย่าชื่นชมคมที่ที่แก้ไขปัญหาได้เก่ง จงชื่นชมคนที่ใช้ชีวิตอยู่แบบไม่มีปัญหา เพราะเขาได้ป้องกันปัญหา (คือไม่ประมาท) ปัญหาจึงไม่เคยเกิดกับเขา
ถ้าปัญหาเกิดแล้วก็ป้องกันอย่าให้มันเกิดซ้ำ
ปีหน้าผมจะป้องกันปัญหานี้ไม่ให้เกิดอีก โดยเอาเช็คไปฝากธนาคารอื่นครับ 🙂
ขอขอบคุณทุกกำลังใจและความคิดเห็นครับ
อ่านต่อ คห.53
คุณเจ้าของกระทู้ใจเย็นมากๆเลยคะ
นับถือ เป็นเราคงปรี๊ดแตกไปนานแล้ว
ยินดีด้วยที่ทุกอย่างคลี่คลายไปได้ด้วยดีคะ
ไม่ทราบว่า จขกท.แจ้งธนาคารที่เกี่ยวข้องหรือยังคะ ธนาคารที่เกี่ยวข้องจะได้แก้ไขข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้กับลูกค้าท่านอื่นอีก…
ขอบคุณคะ
^_^
แล้วทุกอย่างก็ผ่านได้ด้วยดีนะคะ ดีใจด้วยคะ
จริงๆน่าจะเอาเรื่องนะคะ ทำผิด แม้จะผิดที่ใคร ระบบ คน รึอะไรก็ตามแต่ เมื่อในระบบมีข้อผิดพลาด แต่ก็ยังปล่อยๆไป
ในองค์การส่วนอื่นๆ อาจไม่รับรู้หรือไม่รู้เรื่องสักที ก็ผิดพลาดกันต่อไป
โดยที่ไม่ได้รับการแก้ไข
อย่างว่าแหละ คนไทยจิตใจดี เห็นแก่ญาติพี่น้อง พรรคพวก ข้าเก่า บลาๆ ปัญญาเล็กๆ ก็หมักหมมกันมานานจนทำอะไรไม่ได้สักที
ขอบคุณที่มาบอกเล่านะคะ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ
ผมแจ้งสำนักงานใหญ่ไปแล้วละครับ แต่ไม่บอกสาขา อยากให้ป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ให้เกิดกับคนอื่น คำตอบที่ได้รับคือ
*****************************
เรียนท่านลูกค้าธนาคาร XXXXXXXXXXXXXXX
ธนาคารขออภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการเข้าไปอ่านกระทู้ที่ท่านแจ้งมานั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานผู้ทำการรับคำสั่งศาลมาเพื่ออายัดบัญชี เมื่อครบกำหนดกลับไม่ดำเนินการปลดอายัดให้ลูกค้า ซึ่งทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหายจากการทำงานที่ผิดพลาดของพนักงาน งานรับเรื่องร้องเรียนลูกค้าขอความกรุณาท่านแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่าสาขาที่ท่านไปทำธุรกรรมนั้นคือสาขาอะไร เพื่อธนาคารจะได้แจ้งให้มีการตักเตือนให้พนักงานปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
ทั้งนี้ธนาคารขอขอบคุณในความอนุเคราะห์ข้อเสอนแนะของท่านมา ณ โอกาสนี้
ขอแสดงความนับถือ
—
ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนลูกค้า
********************************
ถ้าคุณพ่อไม่ขอไว้ ก็คงบอกสาขาไปแล้วละ อย่างว่า คนเห็นหน้ากันอยู่ ถ้าคุณพ่อไม่ขอก็คงแจ้งสาขาไปแน่ๆ
อ่านต่อ คห. 57 ครับ
… เข้ามาดู
สะใจมากครับ กับประโยคที่ว่า "ผมมาแบบดิบ ๆ"
ชื่นชมว่า จขกท. เข้มแข็งและมีสติดีครับ
นาน ๆ จะได้แจก 3 กิฟท์สักที หุหุหุ
ถ้าไม่ต้องการแจ้งสาขาให้สำนักงานใหญ่ทราบ
เพราะไม่อยากให้คนรู้จักที่ทำงานเดือดร้อน โดนว่ากล่าวตักเตือน
แต่น่าจะส่งlinkกระทู้นี้ไปให้เจ้าหน้าที่สาขาเจ้าปัญหาทราบ
โดยเฉพาะผู้จัดการสาขาได้รับรู้ เขาจะได้ปรับปรุงการทำงาน
เรื่องเพียงเล็กน้อยจากข้อผิดพลาดของแบงค์ ที่เขาเห็นว่าเล็กน้อย
แต่บางทีนำปัญหาใหญ่มาให้ลูกค้า มาให้ลูกด้าเสมอ
เพราะเป็นเรื่องเงินๆทองๆค่ะ ไม่เข้าใครออกใคร และมักมีกฏหมายกับ
ดอกเบี้ยมาให้ปวดใจเสมอ
ถึงเพื่อนๆในพันทิปที่เข้ามาอ่านและออกความเห็นในกระทู้นี้ทุกท่าน
ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากๆในความเห็นต่างๆที่ท่านมีเข้ามา สำหรับผมนั้นเจตนารมณ์ที่แท้จริงที่เข้ามาโพสนั้น ไม่ได้ต้องการให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตอะไรมากมาย เพียงแค่อยากจะถ่ายทอดประสบการณ์จากปัญหาที่ได้พบ ให้เพื่อนๆในพันทิปได้รับทราบไว้ เผื่อตัวท่านหรือคนในครอบครัว หรือคนที่รู้จักไปถอนเงินแล้วธนาคารแจ้งว่าถูกอายัด จะได้ทราบว่าควรจะขอดูคำสั่งศาลให้ได้ จนท.ไม่ให้ดูก็ขอพบ ผจก. ไปเลย
ผมต้องการแค่จะช่วยให้เพื่อนๆได้รู้วิธีแก้ปัญหานี้เพื่อเป็นวิทยาทานครับ
ผมอยู่ในท้องถิ่นที่เรียกว่าเทศบาล หลายๆคนก็เห็นๆหน้ากันอยู่ แบบว่าเห็นหน้ากันที่ไหนก็ยกมือไหว้กันตลอด คุณพ่อกับผจก.ก็ประมาณนั้นครับ
ถ้าผมบอกสาขาไปก็คงจะมีคนต้องลำบาก ถ้าธนาคารเข้าใจก็แค่ทำจดหมายเวียนไปถึง ผจก.ทุกสาขา แค่นี้ท่าน ผจก.ก็จะรู้ตัวแล้วละว่าเราช่วยท่านขนาดไหน เพราะผมให้อภัยท่านและลูกน้องของท่านที่ทำงานพลาด
ส่วนเรื่องเงิน 2 หมื่น 7 พันบาทที่ผมว่าไม่ควรเสียนั้น ผมไม่ควรเสียจริงๆครับ เป็นเพราะผมไม่ได้เล่าให้ละเอียดแต่ทีแรก เลยโดนหลายท่านสรุปไปว่ายังไงผมก็ต้องเสียเงินจุดนี้
จริงๆแล้วเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ เงินค่าปรับเดือนละ 5,000 บาทนั้น จำเลย(คนที่พ่อผมค้ำประกัน) เขาเป็นคนออกเงินส่วนนี้ครับ แปลง่ายๆก็คือเขาส่งเงินให้เดือนละ 5,000 บาทเพื่อมาจ่ายศาล เป็นการรับผิดชอบ เพราะเรานับถือกันอยู่ ไม่ได้ทอดทิ้งกัน แต่ช่วงหลังๆมานี่เขาประสบปัญหาด้านการเงิน เราก็ช่วยออกไปให้ก่อน 3 งวด (เขาค้างพวกเรา 15,000 บาท ในงวดที่ครบ 75,000 บาท) แล้วพอเรามีปัญหาก็โทรไปแจ้งเขา เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะมีให้ เราก็เห็นใจและต้องช่วยตัวเองกันไปก่อน โดยการออกเงินของเราเอง 27,000 บาท เพื่อให้จบเรื่อง
ทีนี้ก็แปลว่า คุณจำเลย เขาติดหนี้เรา 42,000 บาทแทน ผมถึงบอกว่าไม่ควรเสียเงินตรงนี้ไป เพราะเราไม่ได้จ่ายค่าปรับเอง
ผมมั่นใจว่าถ้าคนอื่นเจอเหตุการณ์แบบผม คงมีการโวยวายร้องเรียนกันใหญ่โตไปแล้วละครับ
ตอนนี้เรื่องมันจบ ก็คือจบไปแล้วละครับ ผมไม่มาเสียเวลารื้อฟื้นอะไรหรอก ผมได้ทำสิ่งดีๆหลายอย่างในเหตุการณ์นี้
1. ได้มาเล่าให้เพื่อนๆฟังเป็นวิทยาทาน (เอาไปเล่าต่ออีกก็จะช่วยคนอื่นได้)
2. ได้ทำการอภัยให้ ผจก. และลูกน้องที่ทำงานพลาด เป็นอภัยทาน
3. ได้ถอนอายัดที่ดินและบัญชีธนาคาร
4. ได้รู้ว่าการแต่งกายและเครื่องประดับเป็นสิ่งที่สำคัญ(สำหรับบางคน) 🙂
5. ได้เป็นเจ้าหนี้คุณจำเลย 42,000 บาท
6. ได้นำทองคำไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย โดยจ่ายค่าเก็บรักษาในอัตราที่เหมาาะสมที่กำหนดโดยรัฐบาล 🙂
7. ได้เข้าใจว่าระบบราชการ ยังต้องได้รับการปรับปรุงอีกพอสมควร
สำคัญที่สุด ถ้าผมเก็บเงียบไว้คงไม่เกิดประโยชน์ ผมจึงได้นำประสบการณ์ชีวิตครั้งนี้มาตั้งเป็นกระทู้ให้เพื่อนๆอ่านกันครับ
เห็นในสินธรตั้งนาน แต่ได้มาอ่านในห้องนี้แทน
จขกทสุดยอดมากครับ
(@_@0