งั้นเราว่าจะไม่สนใจแล้วว่าอบหรือไม่อบ แต่จะขอดูงานตย. เปรียบเทียบกับราคาว่าพอใจรึยัง ไอ้ร้านแพงสุดตัดออกไปได้เลย ราคากับชิ้นงานไม่บาลานซ์กันอย่างแรง

ของผมชุบแบบไฟฟ้า เลยมีแบบลายทองแดง

ถ้าจะใช้เหล็กดัดให้ใช้กับร้านใหญ่ๆ เขาจะมีตัวอย่างสีแต่ละแบบ ให้ดู

ถ้าสีอบร้านจะไม่ค่อยแก้งานนะครับ เพราะเขาบอกว่า เวลาอบมักจะส่งไปโรงอบสี ที่อื่นที่ไม่อยู่ที่ร้าน และการอบจะทำเป็นล๊อตๆ ที่เดียวเสร็จ เลยแก้งานลำบากนิดนึง

สีอบ (ทาแล้วเข้าอบ หรือ แบบ คห.3)
สีพ่น (ใช้พ่นๆเอาเฉยๆ)
สีทา (ใช้แปรงชุบสีแล้วทามือ)
สีระเบิด

อยากได้ความรู้จากท่านผู้รู้จริงๆว่า ทั้งหมดนี้มันต่างกันอย่างไร แล้ว
ราคาถูกแพงต่างกันยังไงครับ ไว้เป็นแนวทางในการเลือกใช้ครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม

สีอบ ถ้าผมจะใช้คำนี้ ผมจะหมายถึง สี่ระบบ Powder coating วิธีการคือ ใช้เนื้อสีเป็นผง พ่นเป็นฝุ่นไปจับกับชิ้นงานที่เตรียมผิวไว้แล้ว ด้วยระบบการล้างทำความสะอาด ล้างไขมันที่มีขั้นตอนถึงสี่-ห้าสถานี และปล่อยประจุไฟฟ้ามาเพื่อให้ตัวสีเข้าไปจับกับชิ้นงานได้ทุกซอกมุมจากอำนาจไฟฟ้าสถิตย์ เสร็จแล้วจึงนำไปเข้าห้องอบร้อน สีฝุ่งนั้นจะละลายเคลือบผิวชิ้นงานอย่างสมบูรณื ป้องกันสนิมได้ดียิ่ง และยังได้เนื้อสีที่ตึงเรียบเนียนสวยงาม ระบบนี้เค้าลงทุนกันเป็นล้านๆบาท

แต่ถ้าการพ่นสี industrial lacquer ด้วยกาพ่น (หรือระบบเบสสีอื่นๆก็ตาม) แล้วเอาเข้าห้องอบ เพื่อให้เนื้อสี cure อยู่ตัว  แค่นี้ไม่น่าใช้คำว่าสีอบเลย ลูกค้าจะเข้าใจผิดได้ แล้วถ้าจงใจใช้เพื่อให้ตีความผิด ผมถือว่าแย่มากๆ
ซึ่งจริงๆระบบสีแต่ละแบบมันก็มีวิธีการ ข้อดีเสีย ความเหมาะสม ราคา ต่างกัน ไม่ใช่อันไหนจะดีกว่าอันไหน 100% แต่ว่าการเอาความนิยมกว้างๆในระบบนึงแล้วเอาชื่อมาเรียกตีขลุมอีกระบบนึงเพื่อผลทางการตลาด การอัพราคานี่ผมว่า ไม่ควรไปอุดหนุนเป็นอย่างยิ่ง

แต่ก็นั่นแหละเวลาพ่นเวลาอบ แทบจะมองหม่เห็นว่ามันพลาดตรงใหน อบเสร็จก็เอามาใช้เลย..ไม่มีการแก้งาน

ข้อดีของสีแปรงคือมองด้วยตาแล้วแก้ได้ทันที

ส่วนเม็ดนั่นผมว่าอยู่ที่งานเก็บรายละเอียดก่อนจะเข้าพ่นสีนะ น่าจะเป็นเม้ดเหล็ก ขี้เหล็ก

เหล็กดัดผมอบไฟฟ้านะ สีสวยดีเหมือนกัน พื้นดำๆ แล้วมีลายทองแดงติดด้วย