เคยคิดว่าถ้าจะกลับไปอยู่บ้านนอกที่เมืองไทยคนเดียวอย่างสงบจะอยู่ได้ไหม เพราะเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปมากมายจากที่เราได้เติบโตขึ้นมาในสมัยเด็ก
มาแชร์กันค่ะว่าอยากจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างไร ดูแลตัวเองยังไงบ้าง
อยากรู้แนวคิดของคนอื่นค่ะ
ออกตัวก่อนเลยว่ากระทู้นี้คงเหมาะกับคุณๆที่ 30-40 up แต่ต่ำกว่านั้นก็ตอบได้นะคะ
รูปข้างล่างนี้ ถ่ายตอนเช้ามากยังขะมุกขะหมัวอยู่ ตรงด้านบนที่เห็นเป็นทุ่งนาข้าวสีทองนั้น เป็นที่ดินมรดกผืนเล็กของแม่ที่ตกทอดมาตั้งแต่แม่ของแม่ของแม่อีกที เนื่องจากเราเป็นลูกคนเล็กและดูแลแม่มาตลอดแกเลยยกที่ดินผืนนี้ให้ แต่เข้าไปอยู่ซะไกลลิบไม่มีถนนเข้าไปค่ะต้องเดินเท้าเท่านั้น เป็นที่ของแม่โดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับที่ดินที่พ่อกับแม่ซื้อไว้
ใกล้ๆกันและแบ่งให้พี่คนอื่นๆและที่ๆเราปลูกบ้าน
ที่ผืนเล็กนี่แค่เกือบสองไร่เราคิดว่าจะเอาไว้ปลูกข้าว ไม่รู้ว่าจะได้กินพอตลอดทั้งปีรึเปล่าอยากปลูกข้าวเองค่ะ นอกนั้นคงเลี้ยงหมาแมวไปตามเรื่อง ท่องเที่ยวบ้างพอประมาณ แล้วคุณล่ะ
ปล. คิดจะซื้อประกันสุขภาพด้วยเผื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ใครมีดีๆแนะนำด้วยค่ะ
คำค้นหา:
- บ้านสวนพอเพียง pantip
ข้าวซื้อกินง่ายกว่า
ที่แค่นี้ลงทุนปลูกข้าว รายจ่ายสูงมาก
หาทางทำถนนเล็กๆเข้าที่
แนะนำทำตามโครงการพระราชดำริ เกษตรผสมผสาน,พอเพียง คือมีการขุดบ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ดไก่บนบ่อ เอาดินที่ขุดไปถมส่วนสร้างบ้านให้สูง ปลูกกล้วย มะละกอ ฯลฯ ต้นไม้หลายๆอย่างไว้
ภาพนั้นสวย น่าอยู่จัง เราก็เป็นลูกสาวคนเล็ก ต้องอยู่คนเดียวเหมือนกัน ตอนแรกคิดว่า หลังเกษียณจะไปอยู่บ้านพักคนชรา แต่คงหดหู่ ไม่มีอิสระ
และต่อมาอยากไปซื้อบ้านแถว ๆ สุพรรณบุรี ชอบบรรยากาศที่นั่น อยากเห็นต้นข้าวออกรวง ควายกับนกเอี้ยง แต่ไกลและไม่รู้จักใคร เลยตัดสินใจ ซื้อบ้านในกรุงเทพฯ ชาน ๆ เมือง และดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รวมทั้งผูกมิตร ผูกใจกับลูกหลานของเราไว้ อย่าลืมเลือกคบเพื่อนบ้านด้วยค่ะ
คิดเหมือนกันเลยครับ ผมซื้อที่ 3 ไร่กะว่าจะปลูกบ้าน และทำเกษตรพอเพียง ปลูกสิ่งที่กิน กินสิ่งที่ปลูกเพื่อสุขภาพ ช่วงนั้นเงินเป็นปัจจัยรอง สุขภาพเป็นสิงสำคัญ ปลูกข้าวจะได้ไร่ละ 600 กก (ค่าเฉลี่ยผลผลิตของประเทศ) สองไร่ 1,200 กก ถ้าแปรรูปเป็นข้าวได้เกือบตันเฉลี่ยวันละ 2 กก กว่าๆ เหลือกินครับ
อยู่กันสองคน ไม่มีลูก
เรื่องชีวิตหลังเกษียณ คิดไว้นานแล้วค่ะ
ว่าจะไปอยู่ต่างจังหวัด บ้านแม่ อยู่กับหลานๆ
ว่างก็ขับรถเที่ยวกันสองคน
จะปลูกผักกินเอง ข้าวคงซื้อกินเพราะทำนาไม่เป็น
ก็ทำประกันชีวิตแบบที่เป็นเงินออม
แบ่งรายได้ส่วนหนึ่งไว้กับหุ้นสหกรณ์ทุกเดือน
ฝากออมทรัพย์พอเพียงแบบที่หักจากเงินเดือนอีกส่วนหนึ่ง
แค่นี้ไม่รู้จะพอหรือเปล่า เพราะค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน
ที่วางแผนไว้ให้ตัวเอง (ตอนนี้อายุ47ปี) คือ
1.พยายามผ่อนบ้านให้หมดภายใน5ปี (12ล.)
2.ลูกจบ ม.ปลายพอดี ถ้าอยากไปเรียน ตปท.จะไปเป็นเพื่อนลูก
3.ถ้าอยู่ในประเทศ ก็จะไปเคลียร์งานช่วงเช้า บ่ายกลับมาพักผ่อนที่บ้าน
4.ทำงานอดิเรก เช่น ทำอาหารให้ลูก/สามี ดูแลพวกเขาให้ดีกว่าเดิม
ดูแลบ้านให้น่าอยู่ ทำขนมแจกเพื่อนบ้าน ปลูกต้นไม้
ปรับปรุงทางเดินในสวน เลี้ยงปลา ฯลฯ
5.มีที่อยู่2ไร่อยู่ลาดกระบัง
จะไปปลูกบ้านหลังเล็กๆ ทำเกษตรพอเพียง ตามที่คุณต้นโพธิ์บอก
แผนเยอะดีมั้ยตะ คิดไว้ก่อน ได้ไม่ได้อีกเรื่องนึง
ไม่มีลูกค่ะ แผนการในอนาึคตคิดแต่เรื่องเก็บเงินให้ได้เยอะๆ
หลังจากนั้นยังคิดไม่ออกว่าจะไปอยู่ตจว.ดีไหม
เพราะถ้าแก่แล้ว ญาติพี่น้องไปกันหมด ลูกหลานไม่มี
จะใช้ชีวิตกับเงินที่ตัวเองเก็บยังไงดี
กลัวไม่มีแรงไปถอนเงินมาใช้ …… กลุ้ม
ทำงาน + อยู่เวร จนถึง 45 (โดยไม่ละเว้นเรืื่องท่องเทียวและการหาความสุขใส่ตัวเอง) ผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโดให้หมด ซื้อบ้านต่างจังหวัด สะสมเงิน หาประกันชีวิต ประกันสุขภาพ
เลย 45 ทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน โดยไม่อยู่เวรเพิ่ม หาอะไรลงทุน
เลย 55 ทำงาน สัปดาห์ละ 3 วัน และคงทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะลุกไปทำงานไม่ไหว เวลาที่เหลือ จะพักผ่อนอยุ่บ้าน เที่ยวบ้าง อะไรบ้าง
คงทำงานไปเรื่อยๆ จะได้ไม่เบื่อ แต่อาจไม่สามารถทำงานทุกวันได้
เกษียณตั้งแต่อายุ 46 แล้วค่ะเพราะไม่มีลูก ไม่มีหนี้แล้ว และมีเงินเก็บพอสำหรับตัวเรา ปล่อยให้สามีทำงานเลี้ยงตัวเค้าเอง
ตอนนี้กำลังเรียนนิติศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์เทอมสุดท้ายแล้ว กะว่าพอจบสอบทนายได้จะไปอาสารับว่าความช่วยคน และจะศึกษาธรรมะไปเรื่อยๆ
พอหมดแรงจะขายบ้านไปเช่าเค้าอยู่ที่โน่นที่นี่บ้างจนกว่าจะเจอที่ชอบ(เล็กๆพอเพราะตอนนั้นไม่มีแรงแล้ว)ก็จะถือเป็นเรือนตาย เพื่อนๆบอกให้ไปหาบ้านคนชราแบบฝรั่งอยู่ค่ะ ถ้ามีก็จะลองดู
ยังไม่มีแผนเลยครับ TT
ตอนนี้อายุ 35 บ้านและรถ เร่งโปะ น่าจะหมดใน 4 ปี
หลังจากนั้น เอาเงินที่โปะบ้านกับรถ เปลี่ยนเป็นเงินเก็บแทน
มีเงินแล้วคิดจะทำอะไรมันก็ง่ายหน่อย
แผนระยะยาวไม่มีค่ะ มีแต่ความฝัน แต่จะทำให้ได้ตามฝันหรือเปล่า คงต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะ
แผนระยะสั้น ที่ทำตอนนี้
1. ต้องปลดหนี้บ้านให้ได้ภายใน 2 ปี
2. หา 4w ซัก 1 คัน
3. หลังจากนั้นท่องเที่ยวทั่วไทย ไปกันสองคน ไม่มีลูกค่ะ
4. หาแหล่งเงินออม ซื้อประกันที่มีเงินปันผล เอาไว้ใช้ตอนเกษียณ
5. งานบ้าน งานสวน ถ้าทำเองได้ ก็จะทำ ไม่จ้าง เพราะค่าจ้างแพงเหลือเกิน ค่อย ๆ ทำไป ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปด้วย
6. ทำงานไปเรื่อย ๆ ไม่รีบเกษียณ คิดว่าตอนนี้มีความสุขดี
7. หางานอดิเรกทำ หรือไม่ก็ลงทะเบียนเรียนหนังสือไปเรื่อย ๆ อยากเรียนอะไรก็ไปเรียน จะได้ไม่เหงา
8. ทำทุกวันให้มีความสุข
แผนระยะยาว ความฝันค่ะ
1. อยากกลับไปอยู่บ้านนอกค่ะ คุณพ่อทิ้งที่ดินไว้ให้ที่เชียงราย
2. อยากมีบ้านไม้สักหลัง หลังเล็ก ๆ มีระเบียงกว้าง ๆ โปร่ง ๆ โล่งสบาย
3. อยากทำเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเลี้ยงตัวเอง ถึงเวลานั้นคงอยู่กันสองคน
4. อยากดูแลคุณแม่ แต่คุณแม่ไม่ยอมมาอยู่ด้วย ท่านเป็นห่วงน้องชายมาก ก็เลยได้แต่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ
อ่านถึงสัจธรรมของชีวิตแล้วหดหู่ใจหาย วันเวลาบินเร็วจังเลย ทุกวันยังไม่เบื่อกับชีวิต เงินทองไม่ค่อยมี เพราะอยู่ในช่วงชีวิตหนี้ และเพิ่มหนี้สิน ซื้อที่ไว้บ้างนิดหน่อยอยากทำเกษตรพอเพียง จะกลับไปอยู่บนดอย ดินแดนที่อากาศดีทั้งปี และเป็นสถานที่ที่พ่อแม่ได้ฝังร่างไว้ที่นั่น อีกใจหนึ่งก็อยากไปอยู่เมืองนอกกับพี่กับน้อง เป็นคนเก็บเงินไม่เป็นไม่ค่อยมีแผนอะไรให้กับชีวิต ลูกชายสองคนยังเล็กอยู่ ตอนนี้สามสิบกว่าแล้ว ทำงานได้เงินก็ไม่น้อยแต่ส่วนมากซื้ออดีตไปส่วนหนึ่ง ชดเชยอดีตด้วย บางทีก็คิดว่าเราเกิดมาทำไม เกิดมา เดี๋ยวแก่ จะตายแล้ว ทิ้งลูก ทิ้งบ้าน ทิ้งทุกอย่างไว้เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง สรุปใช้ชีวิตให้สมควรกับมีโอกาสมาอยู่ในโลกนี้ตามสมควรละกัน เผื่อแผ่ แบ่งปัน ตามนั้นครับ
แนะนำเรื่องประกันให้ก็แล้วกันค่ะ
คนอื่นๆแนะนำเรื่องการออมกันแล้ว
หากเป็นประกันสุขภาพจะคุ้มครองได้ถึงอายุ70ปีค่ะ
โดยเริ่มต้นที่ทำอายุต้องไม่เกิน55 และไม่มีปัญหาสุขภาพ
ที่เป็นโรคเรื้อรังมาก่อนค่ะถึงจะทำได้
เช่นพวกความดัน เบาหวาน หัวใจ ไต ประมาณนี้ค่ะ
สามารถทำประกันได้ทั้งกับบ.ประกันชีวิต
หรือบ.ประกันภัยค่ะ เบี้ยของบ.ประกันภัยจะแพงกว่าสักหน่อย
และมีเงื่อนไขเรื่องการจ่ายพอสมควร รายละเอียดเยอะ
ส่วนของบ.ประกันชีวิต ก็ต้องทำประกันชีวิตหลักก่อน
ถึงจะสามารถทำประกันสุขภาพพ่วงเข้าไปได้ค่ะ
เงื่อนไขความคุ้มครองจะคล้ายๆกัน
เช่นคุ้มครองเจ็บป่วยปกติหลัง30วัน
โรคบางชนิดคุ้มครองหลัง6เดือนไปแล้วเป็นต้น
มีรายละเีอียดเยอะ สอบถามหลังไมค์ก็ได้ค่ะ
กิเลสผมหายไปเยอะมาก ตระหนักว่าไม่มีอะไรที่แน่นอน แล้วไม่รู้จะหมดลมเมื่อไร (ใครรู้บอกด้วย)
ไม่มองไกล แค่มีข้าวกิน บ้านไม่รั่ว น้ำไม่ท่วม ไม่มีหนี้สินก็หรูแล้ว
— อ้าวใกล้ถึงวัยหยุดงานประจำแล้วเหรอนี่ อีกไม่กี่ปีก็คงออกไปนั่งเล่นดูคนอื่นเค้าทำงานแล้ว แผนชีวิต คงไม่มีอะไรมาก ไปอยู่บ้านนอกที่บ้านหลังน้อยๆ หลังนี้ ปลดภาระทั้งหลายแหล่ให้ลูกๆไป
— ทำประกันสุขภาพไว้ทั้งครอบครัว
— ทำไร่ไถนาไปตามแต่กำลังจะอำนวย (คงให้คนอื่นทำขอข้าวเค้ากินมากกว่า)
— ปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินยามแก่เฒ่า
สำหรับเจ้าของกระทู้ พื้นที่สองไร่น้อยๆ ทำแบบเศรษฐกิจพอเพียง อยู่ได้แน่นอน อยู่ต่างจังหวัดอากาศดี รักษาสุขภาพ เอื้ออาทรต่อเพื่อนบ้านรับรองไม่ลำบากแน่
คห ที่ 2 เดี๋ยวนี้สุพรรณถือว่าไม่ไกลน่ะค่ะ เนื่องจากว่าเราทำงานที่จังหวัดนี้เหมือนกัน ตอนนี้ท่านพ่อเราอยู่ที่จังหวัดสุพรรณ แล้วที่สำคัญบ้านเราเป็นไร่ตัวอย่างอยู่ในโครงการ เกษตรผสมผสาน กะว่าถ้าเกษียณแล้วอาจจะมาปักหลักที่นี่แหละ
ถ้าอายุยืน จนถึงเกษียณ ก็คาดว่า ยังคงทำงานอยู่ค่ะ แต่คงเป็นงานที่เราชอบ อยากทำ ที่สำคัญ คือ เป็นประโยชน์กับคนอื่น
ก็คิดว่า ถ้าอายุยืน อยู่ถึงเกษียณ ก็คงจะ รับดูดวง หรืออาจจะช่วยคนอื่นด้านกฎหมาย อาจจะผ่านอินเทอร์เน็ต หรือทางไปรษณีย์ หรือตั้งโตีะ ตามสถานที่ต่างๆ เพราะเป็นคนที่อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ค่อยได้ค่ะ
หรือถ้าหากมีโอกาส ก็คงจะเข้าอบรม course ต่างๆ อาจจะเพื่อเพิ่มทางเลือกในการประกอบอาชีพ หรือเพิ่มความมีคุณค่า (value added) ในตัวเองค่ะ
เพราะเรื่องหนึ้สิน คาดว่าจะสามารถชำระได้หมดก่อนที่จะเกษียณอยู่แล้วค่ะ เลยไม่ค่อยเครียดนัก อีกอย่างคือ ทำประกันชีวิตไว้ครอบคลุมหนี้อยู่แล้วค่ะ คือถ้าเป็นอะไรไป ก็เคลียร์หนี้ได้หมด
ส่วนชีวิต ด้านการกินอยู่ ก็จะเน้น เกษตรสร้างสรรค์ คือ ทำเอง กินเอง ส่วนที่ทำไม่ได้ อย่างการปลูกข้าว ก็อาศัยการสนับสนุนชาวนา คือจะไปซื้อเองถึงที่ค่ะ (ที่ว่ามานี่ ปกติก็ทำอยู่แล้วค่ะ)
ส่วนเรื่องสุขภาพ ก็ทำประกันชีวิตระยะยาวไว้จนถึงอายุ 99 ปี ไว้แล้วค่ะ เพราะจะทำให้เบี้ยประกันไม่สูง เนื่องจากทำตอนอายุไม่มาก และไม่คิดจะอยู่ใช้เงินอยู่แล้ว ส่วนประกันสุขภาพ เป็นประกันเสริม ทำเมื่อไรก็ได้ ซึ่งก็ได้ทำไว้บ้างแล้ว
สุดท้าย ยังไงก็คงต้องเขียน "หนังสืองานศพ" ของตัวเองไว้ใช้ประกอบในพิธีพระราชทานเพลิงศพ (รับราชการอยู่ค่ะ) และก็จะบอกลูกหลานเอาไว้ ว่า ไม่รับ "พวงหรีด" ขอเป็น "พัดลม" แทน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั่้น ทุกวัน ก็จะอยู่อย่างไม่ประมาท อยู่อย่างมีความสุข อยู่อย่างความจำสั้น (แต่รักฉันยาว…555) อยากทำอะไรก็ทำค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
เราก็ทำประกันชีวิตค่ะ แต่ที่ทำเพราะไม่อยากให้ใครต้องลำบาก เดี๋ยวจะว่าทีหลังได้ว่าเดี้ยงไปแล้วยังทิ้งภาระไว้ให้อีก
ประกันสุขภาพ ไม่ได้ทำเพราะเจ้าตัวโตเคยพูดว่า "อย่างแม่เนี้ยะน่ะ จะเป็นอะไร ย๊ากส์ หนังเหนียว… ลูกหนอลูกอยากจะทุบให้ตาย
ส่วนงานไม่ต้องจัดเพราะทำเรื่องบริจาคอวัยวะไว้แย้ว….
ตอนนี้อายุ 28
แต่คิดไว้นานแล้วเหมือนกันครับ เพราะองค์การสมัยนี้ถ้าไม่ใช่หน่วยงานราชการ ก็มักจะไม่มีบำนาญแล้ว บำเหน็จก็ไม่มี จะมีก็แต่เงินตัวเอง(กองทุนและอื่นๆ)+เงิน
จากองค์การอีกนิดหน่อย
เลยต้องคิดวางแผนไว้แต่เนิ่นๆ เพราะได้รับประสบการณ์จากคุณพ่อที่เกษียณอายุมาแล้ว ไม่มีบำนาญ ได้เงินก้อนมา 7 ล้านบาท แต่หักลบกับหนี้บัตรเครดิตและสิน
เชื่ออีกประมาณเกือบ 2 ล้านบาท
และเนื่องจากคุณพ่อกลัวความเสี่ยงแทบจะทุกรูปแบบจึงไม่สามารถนำเงินไปลงทุนอะไรได้เลย(พูดยังไงก็ไม่ฟัง) ทำได้แค่ฝากเงินแบบประจำ กินดอกเบี้ยอย่างเดียว
อุตส่าห์เหลือเงิน 5 ล้าน แต่ต้องเอาไปกองในธนาคารอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพื่อนำเงินดอกเบี้ยมาใช้เลี้ยงชีพ
ผมเลยเริ่มวางแผนตั้งแต่ปี 51 เนื่องจากหน่วยงานที่ผมทำอยู่ก็ไม่มีบำนาญและบำเหน็จเหมือนกัน
1.เริ่มเก็บเงินเท่าที่รายได้ปัจจุบันทำได้อย่างเต็มที่ที่สุด กรณีของผมคือ ฝากเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพอัตราสูงสุดเดือนละ 9% (หน่วยงานให้อีก 9 รวมเป็น 18%)
บวกกับรายได้ต่อเืดือนอีกนิดหน่อยที่เหลือจากการจ่ายหนี้สินที่กู้ธนาคารมา
2.เริ่มล้างหนี้ ตอนนี้เหลือแค่หนี้ของธนาคารออมสิน สินเชื่อตามข้อตกลงอีก 14 ปี – -" (แต่ก็พอไหวน่ะ เดี๋ยวเอาโบนัสโปะๆเอา+เงินขายทองบางส่วน)
3.วางแผนลงทุนความเสี่ยงต่ำจนถึงปานกลาง กรณีของผมคือ ผมไม่สะดวกเล่นพวกกองทุนอื่นๆ LTF หรือหุ้น เพราะขี้เกียจตามข่าวสาร
อย่างแรกก็เลยไปสนใจฝากประจำ 24 เดือนแทน(ดอกเบี้ยเท่ากันทุกธนาคารไม่เสียภาษี มีได้แค่คนละ 1 บัญชีรวมทุกธนาคาร ฝากสูงสุดไม่เกินบัญชีละ 25,000
บาทต่อเดือน)
ประกันชีวิตก็มีอยู่บ้างจากสมัยที่ถูกหลอกให้ไปเป็นตัวแทนขายประกัน แต่ไม่ได้สนใจมากมาย เพราะ IR ไม่คุ้มกับค่าเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันนี้เลย
ส่วนประกันสุขภาพก็ไม่ได้ทำไว้เพราะที่ทำงานเบิกได้ 100% รพ.รัฐอยู่แล้ว
ต่อมาก็ไปลงทุนในทองคำแท่ง เพราะยังไม่สะดวกหางานเสริมหรือออกจากงานประจำ ไม่คิดเข้ายุ่งเกี่ยวกับพวกขายประกัน ขายตรง ลูกโซ่ MLM ทั้งหลาย Jump
Magazine หรือก็คือทุกอย่างที่มันต้องหาคนมาต่ออ่ะ เพราะเคยทำมาตั้งแต่ปี 40 แล้วเลิกทำปี 51 ทำมาเกิน 10 บริษัท ตั้งใจทุ่มเทเสียเงินทองมากมายแต่สิ่งที่
ได้มามันไม่คุ้มเลย เสียเพื่อนอีก คือเราคงไม่มีดวงด้านนี้เลยไม่สนใจแล้ว อัตราส่วนคนไทยที่ทำแล้วสำเร็จ ร่ำรวยจริง ยังมีไม่ถึง 0.000001% เลย (ต่อ 60 ล้านคน)
ปัจจุบันไม่ได้ทำพวกนี้เลย 100% แต่ผมก็ยังรับปรึกษาปัญหา รับวิเคราะห์แผน ฯลฯ เกี่ยวกับธุรกิจพวกนี้อยู่ เนื่องจากทีมเก่าๆของผมบางคนยังติดธุรกิจแนวนี้อยู่ก็
มีส่งลูกทีมมาปรึกษาเรื่อยๆ บริษัทไหนใช้ได้ก็แนะนำตามความเป็นจริงไป แต่จะคอยเตือนเสมอว่า ถ้าคิดว่าไม่รุ่งแล้วอย่าไปเสี่ยงจะพาชีวิตวอดเปล่าๆ
ตอนนี้เลยไปเล่นทองแทน เนื่องจากได้ความรู้วิถีชาวบ้านมาจากป้าคนนึงที่เป็นคนเมืองเลย เมื่อปี 50 ซึ่งรวยมากๆ โดยผมไปรู้จักโดยบังเอิญ(บังเอิญจริงๆ) เลยขอ
ข้อมูลป้าซักหน่อย
เมื่อก่อนป้าเคยอาศัยวัด อาศัยคนอื่นเค้าอยู่ แต่ความที่ชอบสีสันสวยงามของทอง ได้เงินมาก็ซื้อทองมาสะสม ตั้งแต่บาทละ 400 และสะสมโดยบังเอิญที่สะสมได้มากขึ้นก็เข้าสู่วิถีการเล่นทองมาจนทุกวันนี้
ซึ่งป้ามีวิธีคิดง่ายๆว่า ถ้าทองมันขึ้น คำนวณแล้วคุ้มพอก็ขาย ทองมันลงก็ซื้อ อย่าโลภเกิน คิดง่ายๆแค่นี้ ก็รวยได้
เคยถามป้าว่า เคยคิดเล่นพวกหุ้นทอง หรืออื่นๆเกี่ยวกับทองบ้างไหม เพราะเห็นชอบทอง??
ป้าตอบง่ายๆว่า ไม่เอาหรอก มันไม่ได้จับ ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ได้มาลอยๆ มันรู้สึกไม่อุ่นใจ แถมป้าแก่แล้ว ขี้เกียจตามข่าวสาร แค่ได้ยินทองขึ้นทองลงแค่นั้นก็พอ
แล้ว
เหตุที่ว่าวิถีชาวบ้านเพราะป้าบอกว่าก็เล่นแบบชาวบ้านๆอ่ะลูก ลงซื้อ ขึ้นขาย ไม่ต้องติดตามข่าวสารมากมาย ต่อให้ไม่ขายทันที ก็สะสมไว้ได้เพราะมันเป็นของที่มี
คุณค่าไม่มีทางเสื่อมค่าลงได้ มีแต่มีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ จะช้าจะเร็วเท่านั้นเอง นี่แหละที่มาของวิถีชาวบ้าน
ป้าสอนเทคนิคเล็๋กๆน้อยๆให้ว่า ถ้าตอนเล่นใหม่ๆ ถ้านับราคาทองตอนนี้ก็ง่ายๆเลย ทองขึ้นครบ 1,000 จากที่ซื้อมาก็ขาย เล่นทีละบาท สะสมครบ 5 บาทก็เอาไป
ซื้อเป็นแท่ง และเอากำไรบาทละพันพอแล้ว อย่าโลภ เพราะถ้าพลาดได้ถือยาวแน่ๆ และถ้าได้กำไรมาแล้วสามารถสะสมเป็นทุนต่อโดยไม่ใช้ได้ก็จะดีมาก จะได้เอา
ไปต่อยอดเรื่อยๆ ซึ่งป้าแกทำแบบนี้มาเรื่อยๆ ซึ่งตอนที่คุยนั้นถามว่าปัจจุบันป้าซื้อขายทองครั้งละเท่าไร ป้าบอกว่าตอนนี้ซื้อขายครั้งละ 3-5 กิโล (หนักประมาณ 300
บาท) คือทองขึ้นนิดนึงแล้วขายก็คุ้มแล้วง่ะ(อันนี้คิดในใจ)
ก็เลยได้โอกาสทำตามวิถีชาวบ้านมาได้เกือบๆ 3 ปี ก็กำไรดีและก็ง่ายๆเหมือนที่ป้าบอกจริงๆ ไม่ต้องวิ่งตามข่าวเศรษฐกิจการเมืองอะไรมากมาย
คอยระวังโจรปล้นก็พอแล้ว
4.กำลังวางแผนลงทุนความเสี่ยงสูง คือ เป็นเจ้าของกิจการอะไรซักอย่าง ตอนนี้ได้แค่วางโครงคร่าวไว้ แต่ยังไม่ได้คิดเป็นรูปเป็นร่างว่าจะทำอะไรดี แต่ปูทางไว้ว่าจะทำให้สามารถขยายสาขาหรือตั้งเฟรนชายได้
5.แผนรับมือเมื่อถึงวัยที่หมดไฟในการทำงาน ก็คิดไว้ว่าจะสะสมทุนทรัพย์ให้เยอะที่สุดเพื่ออัดฉีดลูกหลานให้เต็มที่เท่าที่ทำได้
ชีวิตบั้นปลายก็คงจะใช้เงินที่สะสมมาบางส่วนในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะถึงตอนนั้นอาจจะไม่มีแรงทำงานอะไรแล้วก็ได้ กิเลสความอยากต่างๆคงน้อยลงไป คงได้แต่อยู่บ้านไปวันๆอ่ะ
ตอนนี้ก็คิดไว้เท่านี้อ่ะครับ
ไม่อยากคิดมันเลย แต่ก็นะ ยังไง..ก็ต้องถึงอยู่ดี…
คิดไว้ว่า เมื่อเกษียณ ได้เงินก้อนมาจะไปหาบ้านต่างจังหวัดไม่ไกลจาก กทม มาก หลังเล็ก ๆ อยู่กันสองตายาย
ส่วนบ้านที่ กทม ก็ให้ลูก 2 คน อยู่กันไป จะตกลงยังไงก็ตามความสมัครใจ มั่นใจมากว่า สองคน รักใคร่กลมเกลียวห่วงใยกันดี (ดูจากพฤติกรรมปัจจุบัน)
แค่คิดไว้อะ….
จะไปอยู่ต่างจังหวัด ปลูกผัก เลี้ยงปลา ทำสวน
พวกจอมวางแผนเนี่ย เดี๋ยวแต่งงาน มีลูก ก็คิดไม่ออกแล้ว เอิ๊กๆ
ถ้าไม่ไปอยู่กับพี่สาว(โสด)อีกสองคน ก็จะไปซื้อบ้าน ทำสวนใกล้ๆกับเพื่อนๆ จะได้ดูแลกันและกันค่ะ
ซื้อกองทุนที่ลงทุนในทองคำ RMF ทุกสัปดาห์ ได้ลดภาษีด้วย สัปดาห์ละน้อยเท่า ๆ กันทุกสัปดาห์
ซื้อกองทุนที่ลงทุนใน ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร
ซื้อ LTF ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ ได้ลดภาษีด้วย ทยอย ซื้อเรื่อย ๆ ทีละน้อยทุกเดือน
ซื้อกองทุนที่ลงทุนในน้ำมันเป็นช่วง ๆ
ไม่รู้ว่าอีก 30 ปีจะเป็นไงบ้าง จากนั้นค่อยว่ากัน
คนโสด คนไม่มีลูกก็มีหลายท่าน หลังเกษียนไม่คิดมานั่งพบปะเยี่ยมเยียน
นั่งพูดคุยกันในกลุ่มห้องชายคาบ้างเหรอครับ หลังเกษียนก็ไม่ต้องเร่งทำงานหาแต่เงินแล้ว (ถามเล่นนะครับว่ามีใครคิดแบบนี้บ้างไหม)
ขอบคุณทุกคนและสำหรับคำแนะนำค่ะ
ขอตอบแบบรวมๆนะคะ เรามีประกันชีวิตอยู่แล้วค่ะแต่สนใจประกันสุขภาพนั่นแหละ เพราะไม่อยากเป็นภาระให้ใครค่ะ ต้องขอบคุณ
คุณ littlelion13 ด้วยค่ะ และคุณแม่ถ้วยฟูฯเผื่อในอนาคตเราอาจได้ไปใช้บริการบ้าง
คุณ Am_hilo เรื่องทองเป็นความคิดที่ดีมากแต่เราห่วงเรื่องความปลอดภัยสิคะ
เห็นหลายๆคนบอกว่าบั้นปลายชีวิตอยากไปอยู่ตจว.ทำไร่ทำสวน เราก็เช่นกัน ถ้าสังขารยังอำนวย ที่บอกว่าอยากปลูกข้าวเองเพราะสงสารที่นาค่ะ (เว่อร์ไปมั้ย) เพราะการทำนาสมัยใหม่ที่ใช้แต่ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงอย่างกระหน่ำ ไม่มีการบันยะบันยังจนสารพิษปนเปื้อนเต็มแม่น้ำลำคลองและผืนดินด้านไปหมดแล้ว เราอยากทำแบบพอเพียงเอาไว้กินเอง ใส่ปุ๋ยคอกตามแบบการทำนาดั้งเดิมและเพราะแค่สองไร่ เราคงพอทำไหวคงใช้เครื่องทุ่นแรงบ้างหรือจ้างคนบ้างเท่าที่จำเป็น แถวบ้านเรามีชาวบ้านที่มีโรงสีเล็กเขาไว้สีข้าวกินเองเราคงไปจ้างให้เขาสีข้าวได้
ที่จริงแล้วที่ดินตรงนั้นมีคลองส่งน้ำเล็กๆผ่านไปถึง จะทำนาทำสวนก็ได้ตลอดทั้งปีเคยคิดว่าจะยกร่องทำสวนผลไม้เอาไว้กินเมื่อแก่ แต่คิดว่าคงไม่คุ้มเหนื่อย เพราะงานสวนค่อนข้างหนักกว่า ถ้าดูแลไม่ทั่วถึงก็จะรกรุงรัง เราคนเดียวคงทำไม่ไหวค่ะ
และตามที่คุณ boxbo ว่าไว้ ถ้าใครสนใจกลุ่มเกษียณห้องชายคาในอนาคต อิอิ เดี๋ยวเราเปิดบ้านไว้ให้พาครอบครัวพาเพื่อนมาเที่ยว มาชมทุ่ง แม่น้ำลำคลอง มาเลี้ยงนก เลี้ยงปลา ที่บ้านเราได้นะคะ
ไม่ต้องรอเกษียณก็ได้ ถ้าสนใจหลังไมค์มาค่ะ บ้านเราที่บ้านนอกตอนนี้ปิดไว้เฉยๆ อยู่ใกล้ๆกับทุ่งนาในรูปนั่นแหละค่ะแต่คนละฝั่งคลอง
อ้อ คุณคห.ที่2 ไว้ว่างๆมาเที่ยวบ้านเราสิคะ เสียดายที่ซื้อบ้านแล้วไม่งั้นจะชวนมาปลูกบ้านใกล้ๆกันเราจะได้มีเพื่อน
และคุณคห.ที่ 14 เราชอบใจบรรยากาศที่บ้านคุณมากเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งด้วยใจค่ะ รวมทั้งคนที่เราให้กิ๊ฟไม่ได้ด้วย
แผนระยะสั้นในตอนนี้คือ เร่งปั้มเงินเพื่อโปะบ้านให้หมดเร็วที่สุดก่อน หลังจากนั้นค่อยมาคุยกับแฟน
อีกทีว่าเรายังคงจะอยู่ที่บ้านหลังนี้หลังเดิม หรือว่าจะขายแล้วไปใช้ชีวิตสงบๆ ในต่างจังหวัดดี
คือบ้านหลังที่เพิ่งซื้อปัจจุบันนี้ก็ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่สงบดี และบ้านก็มีบริเวณเหลือพอที่เราจะได้ทำสวน
ดอกไม้ ปลูกผักสวนครัวไว้กินเองได้อยู่ ฉะนั้นก็อาจจะอยู่ที่นี่ไปจนวาระสุดท้ายเลยก็ได้ ถ้าอยู่ที่เดิม
ก็คงจะใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่รักจริงๆ เช่น ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร งานฝีมือ วาดรูป เล่นเนต (อิอิ ขอสมัคร
เป็นสมาชิกห้องเกษียณไว้ก่อนเลย) อาจจะทำอาชีพเล็กๆ น้อยๆ อยู่นะ แต่เป็นอาชีพที่รักที่จะทำ
จริงๆ เช่น พวกงานฝีมือที่ห่างไปนานมากแล้วตั้งแต่โตขึ้นมานี่
หรือถ้าตกลงไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด ก็คงปลูกกระท่อมเล็กๆ คล้ายๆ คุณ Fly away home แหละค่ะ
คิดอยากจะทำไร่นาสวนผสมเหมือนกันนะคะ แต่คงทำเองหมดไม่ได้ค่ะ ไม่ได้โตมากับการทำไร่ทำนา
และอายุปูนนั้นจะเพิ่งมาเริ่มคงลำบากน่าดู
สุดท้ายคงต้องเริ่มมองหาประกันสุขภาพไว้แล้วล่ะ อีกหน่อยถ้าไม่ได้ทำงานบริษัทจะได้ไม่ลำบาก
คุณริมสวนกับเราถ้าจะชอบคล้ายๆกันชอบปลูกต้นไม้ ชอบวาดรูปเหมือนกันค่ะเคยฝึกวาดภาพสีน้ำมัน ไม่เก่งนะคะพอวาดได้และไม่เคยจับแปรงมานานแล้ว
แต่ถ้ามีเวลาตอนนั้นอาจจะกลับไปทบทวนใหม่ เพราะคงมีเวลาว่างเยอะแล้วหละ
— เข้ามาบอกว่า
— ใครต้องการไปปลดปล่อยสมองพักผ่อนหลังจากทำงานหนัก ยินดีต้อน
รับ สนใจหลังไมค์ได้ครับ (จะได้เพื่อนเยอะๆ)
— ใครต้องการไปพักบ้านหลังนี้ #14 ยินดีต้อนรับ ฟรีทุกประการ
สถานที่รถเข้าถึง น้ำไฟสะดวก อากาศดียิ่งใกล้ปลายปีอากาศเยี่ยม
ปัจจุบันลงไปพักเฉพาะเสาร์อาทิตย์ หรือไม่ก็เดือนหนึ่งครั้งหนึ่ง
คิดทำแค่พอมีพอกิน…. อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน
ซื้อสวนยางไว้ 10 ไร่ คุณพ่อแบ่งให้อีก 10 ไร่ คิดว่า
อนาคตมีแค่นี้ก็พอกินแล้ว แต่ปีนี้ภัยธรรมชาติเยะมาก
เริ่มไม่มั่นใจว่าที่ดินที่เรามีอยู่มันจะอยู่กับเราต่อไปไหม
ชีวิตวัยทำงานเวลาในแต่ละวันรู้สึกว่าน้อยในการแข่งกับการทำงาน แต่เวลาของคนวัยหลังเกษียนมีเวลามากในแต่ละวันไม่รู้จะทำอะไรกว่าจะมืดก็นาน แต่ถ้าทำอะไรในชีวิตประจำวันอย่างนั้นตลอดคงจเบื่อ นั่งเฝ้าแต่บ้านก็คงเบื่อ ถ้าได้ไปที่ต่างๆเปลี่ยนบรรยากาศในการพักผ่อน ท่องเที่ยวบ้างคงจะไม่เบื่อ
โชคดีเหมือนกันเนอะที่เป็นคนต่างจังหวัดอยู่แล้ว
เลิกทำงานแล้วจะกลับไปอยู่บ้านสวนตจว.ของเราตอนนี้ล่ะค่ะ ที่กว้างๆ เงียบๆ ป่านนั้นต้นไม้คงโตหมดแล้ว
ไปอยู่ดูแลพ่อแม่ นัดเพื่อนสนิทเดิมๆ ที่อยู่บ้านเดิมไปกินข้าวบ้าง นัดพี่ๆ น้องๆ มากิน มาเที่ยวกัน ไปเยี่ยมหลานๆ เป็นระยะ นอนเล่น อ่านหนังสือ เล่นเน็ต ทำสวนเล็กๆ น้อยๆ เป็นการออกกำลัง แล้วก็อาจจะทำงานในลักษณะพาร์ทไทม์ คืนประโยชน์ให้สังคมน่ะค่ะ
ไปเที่ยวตจว.หรือตปท. ในลักษณะ slow life เหมือนฝรั่งที่มาพักปาย เชียงคานเป็นเดือนๆ น่ะค่ะ เดินชมเมือง เที่ยวตลาด จิบกาแฟ อ่านหนังสือ อะไรแบบนี้น่ะค่ะ
ไปเดินเล่นในร้านหนังสือ ในห้าง ไปดูหนังเป็นบางเวลา หัดทำงานฝีมือ หัดทำกับข้าว ทำแปลงผักสวนครัว เลี้ยงหมาน้อยกะแมวน้อย ที่ตอนนี้อยากเลี้ยงชมัด แต่งานยุ่ง ไม่เป็นเวลาเอาซะเลย เอาเค้ามาอดตายแน่ๆ ถึงตอนนั้น จะเลี้ยง จะฟัด จะพาวิ่งให้หายอยากเลย
ส่วนเรื่องความมั่นคง งานเรามีบำนาญ มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลอยู่แล้ว แต่ก็จะลงทุนเพิ่มเติมก่อนเกษียณ เก็บค่าเช่าเพิ่มเติมสำหรับตอนแก่ด้วยค่ะ เพราะแค่เงินบำนาญ คิดว่าตึงมือไปหน่อย
เป็นผู้สูงอายุคุณภาพ สุขภาพดี อารมณ์ดี ไม่จู้จี้ ไม่เรื่องมาก มีความสุขกับตัวเองและเผื่อแผ่ความสุขให้คนรอบข้างได้ มีความมั่นคงทางการเงินพอที่จะไม่เป็นภาระใคร และดูแลคนที่เรารักได้ นี่ล่ะค่ะ จุดหมายหลังเกษียณ
อืมมม์ ดูจะมีความสุขมากเลยล่ะ
เห็นด้วยว่า อีกหน่อยคงมีกลุ่มหลังเกษียณในห้องชายคาแน่ๆ จะสมัครเป็นสมาชิกด้วยนะคะ
หลายคน..ที่วางแผนไว้แล้ว..พอถึงเวลาเข้าจริงๆ
ก็ทำไม่ได้เหมือนอย่างที่คิดไว้เลยนะครับ…นี่คือสัจธรรม
ดังนั้น…หลายคนที่กล่าวมาแล้ว..สิ่งที่ผมเห็นด้วยก็คือ
1. พยายามเคลียร์เรื่องหนี้สินให้หมดก่อนเกษียณ
หรือไม่ก็อย่าสร้างหนี้สินเพิ่ม..หรือคิดลงทุนใดๆใกล้ก่อนเกษียณ
2. อย่าคิดว่าจะหารายได้หลังเกษียณด้วยการทำงาน
เพราะตอนนี้กับตอนนั้น…สมรรถนะต่างกันมาก
3. พยายามออกกำลังกายทุกๆวันเตรียมร่างกายเอาไว้ให้แข็งแรง
เตรียมรับโรคร้ายต่างๆที่จะตามมา..ยามที่ร่างกายเริ่มอ่อนแอ
4. เตรียมโรงพยาบาลเอาไว้..สำหรับการ เจ็บป่วยกระทันหัน
เช่นการเบิกจ่ายตรง..กรณีที่เป็นข้าราชการบำนาญ
5. อย่าหวังพึ่งพาใครยามหลังเกษียณ…ยึดอัตตาหิอัตโนนาโถ
ดีกว่า…5555..เช่น..ขับรถไปโรงพยาบาลเองได้มั้ย..เป็นต้น
6. ถ้าคิดว่าจะเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก….ก็ต้องไม่มีที่ห่วงอยู่ที่บ้าน
นก แมว หมา ปลา ไก่….สัตว์เลี้ยงแสนรัก..ต้นไม้..ฯลฯ
จะยกให้ใคร..หรือให้ใครเลี้ยง หมา ถ้ามันไม่ยอมกินอาหาร
จากคนอื่น…พอเจ้าของจากไป…หมาตายด้วย..55555
7. น่าจะมีอีกแยะ…เอาไว้คิดออกจะมาบอกก่อนตายครับ…ฮิฮิ
คุณโจฯพูดได้น่าคิดค่ะ ..
หลายๆคนก็คิดวางแผนกันไปรวมทั้งตัวเราด้วย แต่จะเป็นไปตามนั้นหรือไม่
ก็อีกเรื่องนึง เพราะอะไรๆก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อลองมาคิดดูรุ่นพ่อแม่เราแกก็ไม่ได้วางแผนอะไรนี่คะ แกก็อยู่ของแกมาได้แต่นั่นมันเมื่อก่อนที่ลูกๆจะคอยดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
บอกตามตรงว่าเวลาอ่านข่าวที่ลูกเอาพ่อแม่แก่ๆไปทิ้ง หรือคนชราอยู่ตามลำพังแล้วหดหู่ กลัวลำบากแบบนั้นค่ะ เลยต้องวางแผนกันหน่อย อีกอย่างเราไม่อยากรบกวนลูกหลานแค่มาเยี่ยมบ้างก็พอแล้ว ไม่อยากให้เป็นภาระเขามากไปกว่านี้
เห็นด้วยว่า พยายามอย่าเป็นหนี้ช่วงใกล้เกษียณ และควรดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ (อันนี้เราทำประจำนะ)
แต่ก็นั่นแหละอะไรๆก็ไม่แน่นอน ที่จริงเรามีตัวเลือกอยู่สองอย่างในเวลาที่แก่ (หงำเหงือก) ทำไรไม่ไหวคือ
1. หาบ้านคนชรา
2. จ้างคนมาดูแลให้ที่บ้าน
แหะๆ ออพชั่นที่หนึ่งนี้ลืมไปได้เลย หรือใครมีที่ดีๆก็แนะนำได้นะ
แต่ออพชั่นที่สองก็คงหายากเหมือนกัน
เรามีพี่สาวที่สนิทกันมากคนนึงคิดว่าถ้าแก่เฒ่าลงเราจะขอให้เขาย้ายมาอยู่ใกล้ๆกัน จะได้ช่วยกันดูแลยามเจ็บไข้ได้ป่วย
** ขออภัยที่พิมพ์ผิดเยอะมาก ต้องเข้ามาแก้บ่อยๆขนาดยังไม่หงำเหงือกยังขี้หลงขี้ลืม 🙂
เราขอเสนอให้ คห 33 เป็นคอนโดน่ะค่ะ ของสวางคนิวาศ จังหวัดสมุทรปราการ อยู่ในความอุปถัมภ์ของสภากาชาติไทย ที่อยู่อย่างหรู หากเจ็บไข้ได้ป่วยได้ต้องกังวลเนื่องจากในนั้นมีสถานพยาบาลของสภากาชาติไปไทยประจำอยู่มีทั้งหมอและพยาบาล รถรับ-ส่ง มีพร้อม กำลังคิดอยู่ว่าถ้าไม่มาอยู่ที่ ตจว. อาจจะไปอยู่ที่นี้แหละ
อยากมีที่ไว้สร้างบ้านแบบ จขก จัง ยังหาที่ไม่ได้เลย …..
ไว้อยู่หลังเกษียณ วางแผนไว้เหมือนกันครับ…….
ขอลบรูปออกนะคะ
…
……………..วิวหลังบ้านสวยมากครับ แบบในฝันเลยครับ……………..
…………….ผมหลังไมค์ไปแล้วครับรบกวนเวลาด้วยครับ………..
……………………………ขอบคุณมากครับ……………………………..
วิวสวยมากครับ