พอดีว่าตอนนี้ผมเขียนแบบก่อสร้างอพาร์ทเม้นท์ 8 ชั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วพร้อมทั้งมี boq ด้วย กำลังจะยื่นให้ผู้รับเหมาประมูล 3 เจ้า แต่มีข้อสงสัยคือว่า
1.ผมควรจะเอา boq ให้ผู้รับเหมาทั้ง 3 เจ้าโดยลบราคาออกแล้วให้ประมูล มาตรฐานเดียวกัน หรือ
2.ให้แต่ละเจ้า ทำ boq ออกมา แล้ว เอามาเปรียบเทียบกับ boq ของเราเองเพื่อคัดเลือก ดีครับ
เอาแบบแรกดีกว่า จะได้มั่นใจว่า ทุกรายได้โจทบ์เดียวกัน จริงๆแล้ว ราคาก็ไม่จำเป็นต้องลบหรือปิดก็ยังได้ ตราบใดที่เราทำให้เค้าเข้าใจว่า มีคู่แข่งอีก อย่างน้อย 2 ราย ร่วมเสนอราคาโปรเจคเดียวกันนี้อยู่ด้วย
ให้ blank form BOQ ไป
ให้ข้อกำหนดและรายการประกอบแบบไป
จะได้ base on มาตรฐานและวัสดุเดียวกัน
ครับ ขอบคุณครับ
โฟร์แมนผม บอก ควรจะให้แบบที่สอง จะได้เป็นการดูด้วยว่าผู้รับเหมาหมกเม็ดจุดไหนด้วยหรือป่าวเช่น เหล็กใช้12 เส้น ผรม อาจจะใส่แค่ 10 เส้น ทำให้ราคาถูกกว่า อะไรประมาณนี้ เพื่อนๆคิดว่าไงดีครับ
แบบที่สอง เค้าเขียนมา 12 เส้น แต่ใส่แค่ 10 เส้นตอนทำงานก็ได้อยู่ดีครับ อยู่ที่เจตนา ยังไงแบบก็ระบุมาชัดเจนอยู่แล้วว่ากี่เส้น ทำไม่ตรงตามแบบ รื้อทำใหม่ครับ จะมาบอกว่าอ่านแบบตกหล่นไปอ้างไม่ขึ้น
ให้แต่ละ ผรม.เสนอราคามาก่อน
แล้วคุณค่อยเอา"มาตรฐานเดียวกัน" มาใช้
เพราะ รับรองว่า ผรม 3 เจ้าที่บอกมา คงเอา มาตรฐานตัวเอง "มาก่อน"
โชคดี
เเนะนำเป็นเเบบเเรก ( เเบบที่ 1 )
ใครเเนะนำเเบบที่ 2 ผมบอกได้เลยว่าไม่ได้อยุ่ในวงการก่อสร้าง
เหตุผลง่ายๆ
1.คุณใช้ใบรายการ BOQ ของคุณเป็นมาตราฐาน ทำให้คุณสามารถเปรียบเทียบราคาที่เสนอเเต่ละเจ้า ได้อย่างชัดเจนในทุกหมวด รู้ว่าเจ้าไหนราคาสูงกว่าที่ตรงไหน บางเจ้าสุงกว่าที่ค่าเเรง,บางเจ้าสูงกว่าที่ราคาวัสดุเล็กน้อย ขืนคุณบ้าจี้ไปเลือกเเบบที่ 2 ให้เเต่ละเจ้าทำใบ BOQ มากันเอง เเค่รายการวัสดุก้ไม่เหมือนกัน วางลำดับที่ไม่เหมือนกัน กว่าคุณจะสรุปฯได้รับประกันครับว่า………เซโรงัง ครับ
ส่วนใบรายการ BOQ เเนะนำให้คุณลบราคาออก ? เเละ ในไฟล์ Excel ใบราคารายการ BOQ เเนะนำให้ทำการลบไปด้วยครับ
2. ตอนประชุม ผู้รับเหมาทั้ง 3 เจ้าคุณให้เเบบเเปลน เเละ ใบราคา BOQ เเละทำการประชุมตอบปัญหาต่างๆที่บริษัทก่อสร้างสงสัย เเละ ให้เวลาคิดงานถอดเเบบ เสนอราคาภายใน 30-40 วัน โดยให้มีการสอบถามเป็นคำถาม-ถามตอบปัญหาในเเบบที่เสนอ ทุกๆสัปดาห์เช่นทุกวันศุกร์ เเละคุณจะตอบคำถามส่งกลับมาในเย็นวันจันทร์
3. การจัดประมูลเเบบนี้ คุณควรที่จะเเยกการให้คะเเนนเป็น 2 ส่วน 1. คะเเนนเรื่องราคาที่เสนอ 2. คะเเนนเรื่องทางเทคนิค ( ฝีมือการก่อสร้าง,ความมั่นคงในเรื่องการเงิน,เครื่องมือ,เครื่องจักรที่มีใช้ในการทำงาน , ทำเองก่อสร้างเองไม่มีตัดงานเเบ่งกินเปอร์เซนต์กับ ซับฯอีกที) เพราะหากคุณดุที่ราคากันอย่างเดียว ผมมักพบว่ามักมีปัญหาไปไม่ค่อยรอดทั้ง 2 ฝ่าย
4. การประมูลควรที่จะเป็นการประมูลจริงๆ อย่าเป็นเเบบในใจเลือกผุ้รับเหมาไว้เเล้ว เเต่จัดประมูลเพื่อเอาราคาผู้รับเหมาเจ้าอื่นมาเปรียบเทียบใช้ในการต่อรองราคา พูดง่ายๆว่า หลอกมา เเละ ให้เป็นไม้ประดับ…….ถ้าเป็นเเบบนี้มันเป้นการทำบาปเเบบหนึ่งครับ
เมื่อทำการประมูลเสร็จ สรุปว่าจะเลือกเจ้าไหน ควรทำหนังสือเเจ้งผู้รับเหมาทุกๆเจ้าที่ร่วมประมูล เเละ เเจ้งราคาที่เสนอเเต่ละเจ้าให้ทราบทั่วกันไปครับ เช่นของผมเข้าเป็นที่ 2 จะได้รุ้ว่าเเพ้ตรงที่ส่วนราคาค่าเเรงก่อสร้าง ( เจ้าที่ชนะเเกเน้นใช้คนงานเขมร,พม่า ) บริษัทฯผมไม่มีนโยบายใช้เเรงงานต่างชาติ อย่างนี้เเพ้-ชนะ ไม่ว่ากัน หรือ เจ้าที่เข้าลำดับที่ 4 มีราคาที่เสนอเเพงกว่า 40% อย่างนี้ก้รุ้ว่าไม่เอางานนี้เสนอราคาเเบบบอกผ่าน
อีกอย่าง โฟร์เเมนที่เเนะนำคุณผมว่าคุณควรที่จะอยุ่ห่างๆ ในงานก่อสร้างระดับนี้ทางเจ้าของงานจะมีการจ้างวิศวกร หรือ คอลซัลท์ เป้นผุ้ควบคุมงานเเทนเจ้าของงาน ไอ้ประเภทเหล็กใช้12 เส้น ผรม อาจจะใส่แค่ 10 เส้น ทำให้ราคาถูกกว่า โอกาสเกิดขึ้นยากครับ
มาตรฐานตามการประมูลงานของหน่วยงานราชการ
ใช้แบบที่ 1 และไม่ต้องลบราคา
ให้หาวิธีป้องกันการฮั้วประูมูลไว้ด้วยครับ
และที่สำคัญผู้รับเหมาที่จะเสนอราคาต้องให้วางเงินค้ำประกันด้วย
ป้องกันการเสนอราคาแบบป่วนๆ
เห็นด้วยกับ #7 มากถึงมากที่สุด
การส่งข้อมูลให้ผรม.จะแนบ BOQ หรือไม่ ไม่เกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิง และไม่ได้เป็นการป้องกันผรมใช้เหล็กไม่ครบหรือ ใช้วัสดุไม่ตรงสเปค
ขอขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆเลยครับ
ผมจะนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ