– เรากำลังจะย้ายเข้าบ้านใหม่ในปลายปีนี้ ซึ่งระหว่างนี้ก็มีเฟอร์นิเจอร์ของแฟน กับของเราที่จะต้องขนเข้าไปอยู่ในที่เดียวกันครั้งแรก ( เรากับแฟนแยกกันอยู่มาตลอด ) เฟอร์นิเจอร์จต่างคนก็ต่างสไตล์ ซึ่งในส่วนของเราเป็นคนที่ชอบสีดำเอามาก ๆ เวลาเลือกซื้อแต่ละชิ้นจะเลือกสีก่อนเป็นอันดับแรก เช่น ตู้เย็น, เครื่องดูดฝุ่น, แม้แต่ชั้นวางหนังสือก็ต้องสั่งทำ เพราะมีขายตามร้านน้อย และไม่ถูกใจ
– ปัญหาใหญ่คือ แฟนเราไม่ชอบสีดำเอาซะเลย ตอนนี้เฟอร์นิเจอร์หลาย ๆ ชิ้นที่จะใช้ที่บ้านใหม่ แฟนก็จัดการซื้อเตรียมไว้หมดแล้ว ยกเว้นแต่ห้องครัว ซึ่งแฟนเรารีบดักคอเลยว่า ไม่เอาแกรนิตสีดำ หรือวัสดุอะไรก็ตามที่มันสีดำ ( ลืมบอกไปว่าเราทำงานอยู่ต่างประเทศ นาน ๆ จึงกลับมาซักครั้ง พอโทรศัพท์คุยกันที ก็มักจะมีหลุดปากบอกว่า ซื้อไอ้นู่น ไอ้นี่แล้วนะ )
– เราก็ไม่อยากจะขัดล่ะนะ แต่ความชอบส่วนตัวมันใช่จะละลายไปง่าย ๆ ก็เลยขอให้แฟนยกห้องให้ห้องนึง ( บ้าน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แต่อยู่กันแค่ 2 คน ) เพื่อที่เราจะได้นำสิ่งของประดามีเข้าไปไว้ในห้องนั้น พลางหยอกแกมหยิกเล็ก ๆ ว่า จะตั้งชื่อห้องว่า "ห้องสีดำ" ส่วนอื่นที่เหลือ
– เลยอยากแชร์ประสบการณ์กับทุก ๆ ท่านว่า ที่อยู่ของท่าน ณ ปัจจุบันนี้ ส่วนมากแล้ว ใครเป็นคนจัดแต่ง หรือว่าต้องไปเลือกซื้อด้วยกันเสมอ
– กระทู้นี้ไม่ซีเรียสนะ เอาเป็นว่าพวกเรามาร่วมแสดงความเห็นกันสนุก ๆ ขอขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้า ณ ที่นี้
แต่งเองนี่แหละค่ะ ชอบแบบไหนแต่งแบบนั้น
แต่ระวังเรื่องเฟอร์สีดำน่ะค่ะ…บางครั้งมันก็ดูสวย..บางครั้งมันก็ดูน่ากลัวไป
สลับๆๆกันบ้างก็อน่าจะดี….
อะไรที่คุณแฟนขอ..ก็หยวนๆๆเถอะค่ะ..^_^
มันก็เป็นปกติคะ ที่คนสองคนจะะมีความเห็น ความชอบไม่เหมือนกัน
เรากับแฟนเหมือนกัน ชอบคนละอย่างเหมือนกัน เช่น แฟนชอบเตียงไม้ เราชอบเตียงเหล็ก เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในบ้าน ไม่มีตัวไหนที่จะไม่เถียงกันก่อนได้มา แม้กระทั่งสีทาบ้าน ตู้จดหมาย 555 อ๋อ ต้นไม้ด้วยนะคะ
แต่ทางแก้ของเราคือ ยอมให้กันค่ะ เรายอมเค้า เค้ายอมเรา
แบบประมาณว่า เรายอมให้เอาเตียงไม้แบบที่เค้าชอบก็ได้ แต่ เค้าต้องยอมให้เราเอาโซฟาแบบที่เราชอบนะ ต้นไม้บังแดดหน้าบ้าน เค้าจะเอาต้นขนุนที่เค้าชอบก็ได้ แต่ ข้างบ้านเราจะปลูกกุหลาบ กับลีลาวดี นะ ประมาณนี้ค่ะ
เราบอกเค้าว่า ถ้าไม่ให้เอาของที่เราชอบเลยเข้าบ้าน เราไม่อยู่ด้วยค่ะ เพราะถ้าหากว่ามันเป็นบ้านของเรา(คนสองคน)นั่นหมายความว่า เราก็มีสิทธิที่จะมีของที่เราชอบอยู่ในบ้าน ถ้าเอาแต่ความคิดของเค้าเองเป้นใหญ่ อนาคตต่อๆไป เราคงอึดอัด ที่ต้องยอมให้เค้าทุกเรื่องค่ะ
แต่ดีอย่าง ที่เรากับแฟน ไม่ชอบอะไรที่เป็นสีแดงเหมือนกัน
ลองคุย ลองหาอะไรๆที่อยู่กลางๆ แบบที่คนสองคนต้องการดีมั้ยค่ะ มันน่าจะมีอะไรที่คนสองคนจะชอบเหมือนกัน
เหมือนเราเอง เตียงที่ได้มา ก็เป็นเตียงไม้ แต่มีเ้หล็กเป็นส่วนประกอบ เป็นความลงตัวพอดีเลยค่ะ
แบ่งๆ กันไปค่ะ จะให้คนสองคนชอบอะไรที่เหมือนๆ กันคงยาก
ขนาดครัวที่เพิ่งทำ กระเบื้องยังต้องแบ่งกันเลย
คุณแฟนรับผิดชอบพื้นไป เราขอผนัง
555 ออกมาถึงแม้ไ่ม่ถูกใจใคร แต่ถูกใจเราสองคนพอแล้ว
บ้านทุกๆหลังของเราพ่อจะเป็นคนออกแบบตกแต่งค่ะ รสนิยมนี่แบบว่าไม่ไหวอ่ะ เมียกับลูกๆรับไมค่อยได้ 5555 บ้านเราพ่อเป็นใหญ่ ส่วนใหญ่แกจะเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ค่อยไว้ใจลูกเมีย – -" แต่ยังโชคดีที่พ่อยอมตามใจเรากับแม่บ้าง พ่อเราก็ออกแบบบ้าน เลือกสี เลือกกระเบื้อง เลือกว่าห้องไหนต้องอยู่ตรงไหน แม่เราก็หนักไปทางของใช้ในบ้านในครัวตามประสาแม่บ้านอ่ะเนอะ
ส่วนเราทำเหมือนคุณเลยค่ะ เราขอห้องที่เหลืออยู่ในบ้านมาทำเป็นห้องหนังสือแบบที่เราอยากได้ พ่อเราก็ยอม กำลังตกแต่งอยู่ค่ะ ^_^
คนโสดค่ะ ซื้อเอง แต่งเอง ไม่มีใครขัดสไตล์ 🙂
ทำถูกแล้วครับที่ขอพื้นที่ส่วนตัวไว้ ถ้าจะให้ทำใจยอมรับทุกอย่างไม่นานคงมีปัญหา
เข้าใจว่าทั้งสองท่านเป็นคนรุ่นใหม่มีความคิดมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองต้องการ
เมื่อมาใช้ชีวิตร่วมกันจะต้องรู้จักแบ่งปันกันไม่ใช่คนใดคนหนึ่งรวบอำนาจการตัดสินใจไว้
ส่วนตัวเราซื้อบ้านก็ไม่ได้ปรึกษาลูกเพราะเขาอยู่ต่างประเทศ แบบที่เราเลือกไม่ทันสมัยในสายตาลูก
แต่เขาใช้สิทธิ์ขอแต่งห้องเอง ชุดบิ้ลท์อินเป็นสีโอ้คดำทั้งห้อง ผ้าไหมประดับเตียงก็ม่วงเข้มเกือบดำ
มีแชนเดอร์เลียเล็กๆที่เป็นคริสตัลสีออกดำ และที่เธอชอบมากมายก็คือโถส้วมสีดำที่คนขายยิ้มเลย
เขามาบอกภายหลังว่าไม่นึกว่าจะมีคนซื้อ กะว่าจะทำไว้จัดโชว์เท่านั้น
สรุปว่าเห็นด้วยครับที่มีพื้นที่ของตนเอง ทำเป็นห้องทำงานหรือห้องอ่านหนังสือฟังเพลงก็ได้
เผลอๆคุณแฟนจะมาขอใช้ห้องด้วยอีกนะครับ
ขออนุญาตเล่าเรื่องส่วนตัว ไว้เป็นอุทาหรณ์ ถ้าไม่ชอบใจใครก็ต้องขออภัย
ตอนผมซื้อบ้านที่จะเป็นเรือนหอ ผมคุยกับภรรยาไว้อย่างดีว่าเราจะตกแต่งแบบเรียบง่าย มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น มีเท่าที่จำเป็น อยากให้บ้านดูโล่งๆ
มีอยู่วันนึงภรรยาโทรมาว่าแม่เค้าจะไปซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านให้ … วินาทีนั้นหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะรู้ถึงรสนิยมที่ต่างกันมาก ระหว่างเราเองกับแม่ที่เป็นคนจีนสมัยเก่า …. มันไม่ใช่เรื่องผิดถูกที่เราจะสามารถห้ามได้ ตรงกันข้าม ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ยิ่งขัดใจยาก พูดไปก็จะถูกตำหนิได้ว่าเรื่องมาก และตอนนั้นอยู่ทำงานจะทัดทานอะไรก็ไม่ได้ สิ่งเดียวที่เราได้ตัดสินใจคือ ขอให้ร้านทำสีเฟอร์นิเจอร์ทุกตัวให้เป็นสีขาว
รุ่งขึ้นเฟอร์นิเจอร์มาส่ง เฟอร์นิเจอร์ไม้เต็มรถหกล้อ วางซ้อนกันสูงท่วมรถ ที่บรรทุกมาประกอบไปด้วย
1.โซฟา นั่งได้สี่คน
2.เก้าอี้โซฟา สี่ตัว
3.ตู้โชว์วาง TV
4.ตู้โชว์สมบัติ (ซึ่งไม่มี ตอนนี้เอาไว้เก็บหนังสือ)
5.โต๊ะกินข้าว
6.เก้าอี้ หกตัว
7.ชั้นวางของในครัว
8.ชั้นวางเครื่องดื่ม แบบรถเข็น
9.เตียง
10.ตู้เสื้อผ้า สองหลัง
11.ตู้เก็บของและวางทีวี สำหรับชั้นสอง
12.โต๊ะกลาง วางของที่โซฟา
13.โต๊ะวางของหัวเตียง สองตัว
เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวเป็นไม้จริง ซึ่งหนักมากถึงมากที่สุด แค่เก้าอี้โซฟาหนึ่งตัวต้องใช้คนยกสองคนเพราะไม้มันหนามาก ซึ่งตอนขนลงจากรถก็เป็นรอยถลอกปอกเปิกทุกตัว
ตอนยกตู้เสื้อผ้า ตู้ทีวีไปชั้นสองใช้คนงานก่อสร้างช่วยกันยกถึงห้าหกคน จึงยกขึ้นแบบทุกลึกทุเล พื้นบ้านเป็นรอยขูดขีด เพราะน้ำหนักที่มาก
จำได้ว่าวันนั้นเราสองคนรู้สึกดาว์นมากๆ ไม่อยากได้เลย แต่จะห้ามได้อย่างไร ของมันจะมา ….
จาก Minimalist ที่อยากได้ กลายเป็น Vintage …
เวลาผ่านไป วันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี
บางอย่างก็เปลี่ยน เหตุการณ์หลายอย่างในชีวิต ทำให้เรื่องการตกแต่งบ้านกลายเป็นเรื่องเล็ก ตอนนี้เรามองข้ามมันไป แล้วกลับรู้สึกว่า ณ ตอนนั้นเราไม่น่ารู้สึกอะไรมากมายขนาดนั้น กับเเค่เรื่องเฟอร์นิเจอร์ ยึดติดมากไปก็น่าเบื่อ
ปัจจุบันแม้ว่าจะลำบากหน่อย ในการขยับปรับตำแหน่งกับอีแค่เก้าอี้ดูทีวี เพราะมันหนักมาก แต่ ณ วันนี้มุมมองเราเปลี่ยนไป เราก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ ตรงกันข้ามมันกลับทำให้บ้านเราอบอุ่น …
อยากบอกใครสักคนที่กำลังผิดใจกับคนที่บ้านเรื่องเฟอร์นิเจอร์ เรื่องแนวการแต่งบ้านว่า อย่าไปยึดติดมากเลยครับ
จำได้ว่าเคยดูโฆษณาตัวนึง เนื้อเรื่องมีอยู่ว่ามีผู้ชายคนนึงที่บ้าสมบัติ บ้าเก็บของมาก ห้ามใครยุ่ง ห้ามลูกเมียแตะ ข้าวของก็รกเต็มบ้านแทบไม่มีที่ให้เดิน วันนึงภรรยาของผู้ชายคนนั้นก็พูดประมาณว่า "ของพวกนี้น่ะ พี่รักมัน … แล้วมันรักพี่มั๊ย "
เรื่องสไตล์กับเลือกของไม่ค่อยมีปัญหาแฮะ รสนิยมสอดคล้องกัน
แต่เวลาไล่บี้ช่างนี่จะมาคนละสไตล์ เวลาเราแรง เธอจะเย็น เวลาเธอมาแรง เราจะเฉยๆ
ยอมๆไปเถอะครับ ใครจะยอมก็เถอะ เดี๋ยวยาว
บางทีความชอบและรสนิยมก็เป็นความสุข อย่างนึงนะครับ ยิ่งโดยส่วนตัว
ผมเลือกซื้อของชิ้นที่ถูกใจก่อนครับ แม้ประโยชน์ใช้สอยจะไม่ถูกใจกว่าตัวอื่น แต่มีความสุขเวลาได้ใช้ครับ คงเพราะเรียนสายออกแบบมา
ผมเสนอเล่นๆนะครับ ถ้าความชอบไม่ลงตัว แต่ถ้าบ้านมีพื้นที่เหลือ ลองดูพวกบ้านสำเร็จรูปหลังเล็กๆครับ 3.00*5.00 ดาดฟ้าทำเป็นที่นั่ง ดินเนอร์ได้ด้วยครับ ราคาตกประมาณแสนปลายๆครับ ทำเป็นบ้านพักผ่อนส่วนตัว แต่งตามใจชอบ ใช้แสงช่วยให้บรรยากาศดูโรแมนติก แล้วชวนคุณแฟนมานั่งดินเนอร์ ดูหนังฟังเพลง
ไม่แน่อาจจะมีเคลิ้มๆบ้างนะครับ อิอิ(อาจจะถึงขั้นเปลี่ยนใจมาหลงรักสำดำบ้าง)
ไม่อยากจะบอก ว่าทุกอย่างเราทั้งหมด (ประมาณว่าใหญ่เฉพาะในบ้าน) แต่ไม่ใช่ว่าจะขัดใจทุกเรื่องน๊า มีข้อแม้ว่าถ้าถูกใจอะไร ก็ซื้อเอาเองไม่เกี่ยงอยู่แล้วเรื่องรสนิยม
ไม่อยากทะเลาะกัน ก็ยอมๆเธอไปละกัน
เราอยู่กับน้องสาวค่ะ เวลาจะซื้อของที ก็จะถามกันก่อน ยกเว้นเรื่องผ้าปูที่นอน ใครชอบแบบไหนก็ซื้อ ไม่จำเป็นต้องเข้ากัน ไม่ซีเรียสว่ามันต้องดูเหมือนว่าออกแบบมาให้เข้ากันเสมอ อะไรก็ได้ แล้วแต่ชอบ แม่เราชอบอะไรก็ซื้อมาใส่ห้องลูกเหมือนกันค่ะ ลูกก็ไม่ว่าอะไร แม่มักจะซื้อของสวย แม้ว่าจะไม่เข้ากะห้องบ้างก็ไม่ถือ เพราะว่ารักแม่มากกว่าอย่างอื่น รับได้หมดอะไรที่มาจากแม่อ่ะ
ตอนนี้เราแต่งห้องใหม่อยู่ด้วย นอนกับน้องสาวเช่นกัน ก็จะปรึกษากันมากขึ้น เวลาจะซื้ออะไร จะนึกมากขึ้นว่าอีกฝ่ายจะชอบไหม อย่างเราชอบผ้าม่านสีเขียวมินท์ แต่น้องเราบอกเลยว่าขอ เราก็ไม่เอา เพราะว่าเราต้อง
อยู่ร่วมกัน ควรจะหาอะไรที่ลงตัวด้วยกันทั้งคู่ค่ะ
เราเลือกเอง จัดเอง หามุมเอง … แต่สามีจ่ายตังค์เอง 🙂
แบ่งเนื้อที่กันไปเลยค่ะ ส่วนนี้ของฉันส่วนนี้ของเธอ พออยู่ไปสักพักไม่ชอบก็แก้ใหม่ได้ค่ะ แต่พอคิดถึงเงินที่ต้องจ่ายก็อาจจะพอทนได้ค่ะ
คิดเหมือนกันเลย เราก็อยากได้ห้องส่วนตัว เอาไว้แต่งห้องแบบที่ตัวเองชอบเหมือนกัน (ได้แต่คิด T_T)
ซื้อบ้านแฝด มีห้องนอนใหญ่ร่วมกัน นอนนั้นแยก น่าจะเวิร์คสุด
ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน
ห้องตัวเอง อยู่เอง จัดเอง แต่งเองค่ะ
ห้องรวม คุยกัน จัดด้วยกัน แต่งด้วยกัน สนุกดีค่ะ
ชอบสีดำมากเหมือนกัน และโชคดีที่เป็นโสด
เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในบ้าน เราเป็นคนเลือกเองค่ะ
ยกเว้นเฉพาะ ห้องคุณพ่อ คุณแม่
คิดจะอยู่ด้วยกัน ก็ต้อง ช่วยๆกันครับ ไม่มีคู่ไหน ที่ชอบเหมือนกัน 100 % หรอกครับ ต่างคนต่างความคิด ค่อยๆปรึกษากัน บางครั้ง ความต่างก็อาจจะออกมาดี ก็ได้
ของบ้านเราที่กำลังสร้างใหม่ สามีขอห้องเดียวที่เป็นห้องส่วนตัวคือห้อง home theater ในห้องจะแต่งอย่างไรแล้วแต่เมียแต่ขอ เลือกชุด home เอง นอกนั้นทั้งหลังเชิญเมียตามสบาย สามีไม่ไปดูบ้านด้วยบอกไปลุ้นวันย้ายวันเดียวเลย
คห.7
ตอนแรกว่าจะไม่อ่านแล้วเพราะยาว (ขอโทษที)
แต่พออ่านแล้ว ดีมากเลย ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง
ของเราก็รสนิยมไม่ตรงกันเลยค่ะ เราชอบไม้แบบทำสีโอ๊ค หรือไม่ก็ขาว แต่แฟนชอบไม้แบบไม่ทำสี เลยมีไม้ หลายสีอยู่ในบ้าน เค้าชอบแบบไหนเค้าก็เอาแบบนั้นมา เราชอบแบบนี้เราก็เอาแบบนี้เข้าไป ต้นไม้อีก เราจะปลูกนั่น แต่เค้าจะปลูกนี่เรื่องต้นไม้เราจะยอมๆเค้า เพราะ เราไม่ได้ลงมือปลูกเอง เค้าปลูกให้ แต่เราคิดไว้ในใจว่า เดี๋ยวซักพัก ค่อยๆทำ ค่อยๆเปลี่ยนก็ได้ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน ในบ้านด้วย ซื้อมาแล้ว ค่อยๆปรับตกแต่งไปเรื่อยๆ มันก็สนุกดีซะอีก ที่ได้คิดว่าทำงัยให้มันเข้ากันดี
ปล.เข้าใจ คห. 7 มากค่ะ
เลือกเอง แต่งเองทั้งหมดเลยยย
ที่บ้านไม่มีปัญหา แฟนให้เราตัดสินใจหมด แต่เรานี่ซิไม่แน่ใจตัวเองต้องให้เขาช่วยตัดสินใจทุกที อิ อิ
ของผมแล้วแต่ ผบ.ท่านจะสั่งครับ ดีกว่าทะเลาะกัน ผมอยู่ยังไงก็ได้ แต่ขอให้คนที่เรารักอยู่แล้วมีความสุขก็พอ ^_^