พอดีกำลังจะได้ Softloan แล้วเหลือขั้นตอนเซ็นสัญญาอย่างเดียว แต่อยากเอามาแชร์บอกกันไว้หน่อย ตามแบบแผนที่ผมคิดจะส่งเงินกู้ Softloan ที่ได้มา โดยคำนวณจากวงเงินกู้ 2 ล้าน ดอกเบี้ยอัตราคงที่ 3% 5 ปี แต่ทั้ง 2 วิธีนี้ คำนวณจากความสามารถในการผ่อนชำระแบบสูงสุดคือ 36,000 บาท ต่อเดือน และคำนวณจากดอกเบี้ยเงินฝาก 3.5% ต่อปี
การส่งค่างวดแบบที่ 1 (ซึ่งตอนแรกว่าจะทำแบบนี้แต่ตอนนี้ไม่คิดแล้ว)
– คือ ถ้าส่งจำนวนเท่ากันทุกเดือนคือ 35,935 บาท จะปลดหนี้ได้ภายในระยะเวลากู้พอดี เหลือเงินกู้คงค้างแค่ 98.26 บาทซึ่งไว้โป๊ะเอางวดสุดท้ายได้ โดยถ้าใช้วิธีนี้ 5 ปี ก็ไม่ต้องรีไฟแนนซ์ไปที่อื่น หมดหนี้หมดสินพอกันที
แต่
การส่งค่างวดแบบที่ 2 (กำลังว่าจะส่งแบบนี้)
– คือ ส่งเท่าที่เขากำหนดให้ส่ง โดยน่าจะกำหนดให้ส่งขั้นต่ำที่ 15,000 บาท ก็ส่งไปเรื่อยๆ เท่าๆกันทุกเดือน จนครบ 5 ปี จะทำให้เหลือเงินต้น 1.35 ล้านบาท แต่เงินส่วนที่เหลือของทุกๆงวด ที่ทำการผ่อนคือ 35,935-15,000 = 20,935 บาท ให้นำไปฝากธนาคารอย่างต่อเนื่องทุกๆเดือน แล้วฝากทิ้งไว้จนกระทั่งสิ้นสุด 60 เดือน (5 ปี) ก็จะมีเงินฝากทั้งสิ้น 1.256 ล้าน และดอกเบี้ย อีก 0.11 ล้าน รวมแล้วก็จะได้ประมาณ 1.368 ล้านบาท แล้วจึงนำเงินก้อนนี้ไป โป๊ะบ้านเมื่อครบกำหนดเวลา 5 ปีในงวดสุดท้าย จะเหลือผลกำไรจากการนำเงินไปฝาก 14,375 บาท
ข้อดีของวิธีที่ 2 คือ
1. ดอกเบี้ยที่มาจากเงินกู้บ้าน Softloan ในทุกงวด สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้นถ้าเหลือวงเงินกู้มากก็จะมีดอกเบี้ยมาก นำไปลดหย่อนภาษีได้
2. ถ้าดอกเบี้ยเงินฝาก มากกว่า 3.50% ต่อปี ก็จะยิ่งมีผลกำไรมากขึ้น แต่ถ้าดอกเบี้ยเงินฝาก น้อยกว่า 3.00 % ต่อปีวิธีนี้จะไม่ดี แต่โดยส่วนตัวคิดว่า อนาคตเศรษฐกิจไม่น่าถดถอยไปมากกว่านี้ และแบงค์ชาติน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.00 % อย่างต่ำสุดแล้ว
หรือ เอาเงินที่ได้ไปลงทุนในพวกตราสารหนี้ หรือ พันธบัตร ที่มีอายุใกล้ๆเคียงกับที่เราต้องการ
โดยส่วนตัวเห็นว่า วิธีนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ เลยนำมาแชร์ข้อมูลครับ
By: aromatichydrocarbon
Since: 11 ก.ย. 55 16:22:12