เพิ่งไปโอนบ้านมาวันนี้ค่ะ ไปโอนกะน้องสองคน เสร็จจากกรมที่ดินประมาณ 4
โมง กว่า ได้กุญแจบ้านมาก็เลยแวะไปดูบ้านกะน้อง
แล้วก็โทรเรียกช่างเหล็กดัดร้านแถวนั้นให้มาวัดประตูหน้าต่างด้วยเลย
ขณะที่ดูนั่นดูนี่อยู่หน้าบ้าน (ทาวน์เฮ้าส์) เราเห็นเจ้าของบ้านข้างๆ
อุ้มลูกออกมาหน้าบ้าน เราเลยกะเข้าไปผูกมิตร
เพราะเห็นเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เราทักเค้าก่อนว่า พี่อยู่บ้านนี้เหรอคะ
แต่ปฏิกิริยาที่ได้กลับมาเป็นสายตาที่มองอย่างไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
ตาขวาง.. หวาดระแวงเหมือนเราจะไปทำความเดือดร้อนให้
แล้วเจ๊เค้าก็ยอมเปิดปากคุยกับเราด้วยการถามว่า บ้านเราอยู่กันกี่คน
พอเราเล่าใหเฟังว่ามีใครบ้าง สีหน้าเธอก็ยังไม่เปลี่ยน คิ้วนี่ขมวดซะ
แล้วเธอก็บอกว่า บ้านโครงการนี้น่ะ เสียงมันก้อง
บ้านถัดจากเธอไปสองหลังดูทีวีข้างล่าง ได้ยินไปถึงชั้นสามบ้านเธอ
ก็เลยต้องขอความร่วมมือว่า หลังจากสองทุ่มไปแล้วอย่าดูทีวี!!!!
แล้วเธอก็พูดอะไรประมาณว่า พื้นเนี่ย บ้านนึงเดินก้ได้ยิน
รู้หมดว่าอยู่ชั้นไหนชั้นไหน กดชักโครกยังได้ยิน
แล้วเธอก้ถามเราว่าเจ้าของบ้านเก่าเราไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ
ฟังแล้วรู้เลยว่ามีปัญหากัน เราก็นึกในใจว่า พลาดแล้วตู
ตอนมาดูบ้านไม่ได้สำรวจลักษณะนิสัยใจคอเพื่อนบ้านซะก่อน
พอดีเรามีสายโทรศัพท์เข้ามา เลยชิ่งเดินมารับโทรศัพท์
ปล่อยน้องสาวเรายืนคุยกับคุณเพื่อนบ้านนางนั้น
สักพักเราก็ตะโกนมาเรียกน้องให้เดินมาเข้าบ้าน
เพราะชีเล่นเล็คเชอร์น้องเราไม่ยอมเลิก
หลังจากนั้น พ่อเราก็ตามมาเจอกันที่บ้าน แล้วช่างที่นัดไว้ก็มา
ใช้เวลาวัดถึงประมาณ 6 โมง กว่าๆ พอลงมาจากไปวัดข้างบน
ลงมาก็เจอคุณเพื่อนบ้านนางนี้อยู่หน้าบ้านเรา เราเห็นแล้วก็ขี้เกียจไปยุ่งด้วย
เพราะดูแล้วว่าคุณเธอไม่น่าจะปกติ แต่พ่อเรายังไม่รู้อะไร เลยเดินไปคุยด้วย
คุณเธอก็ใส่มาเลยว่า เนี่ย เดินกันเสียงดัง (อันนี้เรามีหลานวัยแสบไปด้วย มันก็เดินดังจริงๆ น่ะแหละ ยอมรับเลย แต่เราก็พยายามดุอยู่) ชีบอกแนวสั่งว่า ให้เราไปหาแผ่นโฟมมารองพื้น เพราะบ้านชีก็มีเด็กวัยใกล้กะหลานเรา ชีบอกว่าบ้านชีทำไว้เรียบร้อย (เดี๋ยวจะขอเข้าไปดู) แล้วชียังบอกว่าเราเปิดปิดประตูเสียงดัง ชีนั่งกินข้าวอยู่สะดุ้งตกใจ
ยอมรับว่าหนักใจมากเลย เรากลับมาบ้านปัจจุบัน เลยคุยกับพ่อกับน้อง ว่าเราจะยังไงกันดี ก็สรุปกันว่า เราก็อยู่ของเราไป ไม่ไประรานก้าวก่ายใคร นี่เรายังคิดหาวิธีเอาแผ่นยางมาปูขั้นบันได เพื่อลดเสียงเดินจากนังหลานตัวแสบ และก็คุยกับพ่อว่า จักรเย็บผ้าก็คงค้องหาอะไรมาปูรองพื้นลดเสียงเช่นกัน และก็ต้องอย่าวางจักรติดกำแพง
แต่อะไรที่มันมากเกินไปอย่าง ห้ามดูทีวีหลังสองทุ่ม มันก็คงเป้นไปไม่ได้ ถ้าเรื่องนี้จะมีปัญหา ก็คงต้องว่ากันไปตามสถานการณ์ แต่เราสงสัยว่าบ้านทาวน์เฮ้าส์ราคาเกือบสี่ล้านเนี่ย มันเก็บเสียงอะไรไม่ได้เลยหรือ
เห้อ.. ได้แต่สวดมนต์ไหว้พระ ขออย่าให้เราเจออะไรแย่ไปกว่านี้เลย เราพยายามไม่มองเค้าในแง่ร้าย แต่ยังไงก็รู้สึกว่าลักษณะนี้ไม่น่าจะปกติแล้วล่ะ เพราะเราก็อยู่บ้านทาวน์เฮ้าส์มาก่อน ไม่เคยเจอใครสุดโต่งขนาดนี้ มีอย่างที่ไหน เพิ่งเคยเห็นหน้าค่าตากัน ยังไม่รู้เหนือรู้ใต้ ก็มามีท่าทีขนาดนี้ใส่กันแล้ว ต่อให้เค้าทะเลาะมีปัญหากับเจ้าของเก่าขนาดไหนก็น่าจะต้องมีสงวนท่าทีกิริยากันบ้าง แต่พูดไปก็จะกลายเป็นว่าเราไม่ดีเอง ทำเสียงดังทำไมล่ะ
เง้อ.. ยังไม่ย้ายเข้าอยู่เลย หนักในเรื่องเพื่อนบ้านซะแล้ว.. พยายามมองในแง่ดีว่่าบ้านเค้ามีรถสองคันก็จอดเรียบร้อยในบ้านทั้งสองคัน คงไม่มีปัญหาโดนระรานเรื่องที่จอดรถแน่ๆ เพราะบ้านเราหลังริม มีเพื่อนบ้านติดกันฝั่งเดียว