ผมและภรรยาข้าราชการบำนาญ ต่างจังหวัด อายุ เกือย 70 ปี ภรรยา อายุ 62 ปี รายได้ ผมบำนาญไม่ถึง สองหมื่น ภรรยาบำนาญ 20,000 ลูกทำงานบริษัทใน กทม.เช่าหอพักมาหลายปีแล้ว รายได้ รวม ot ประมาณ 20,000 สงสารลูกอยากหาบ้านให้ลูกสักหลังเพื่อความสุขและความอบอุ่นมั่นคงของลูก
ไปพบบ้านเก่าอายุบ้านเกือย 20 ปี แล้ว เนื้อที่ประมาณ 40 ตารางวา บ้่านแฝด 2 ชั้น 3 นอน 2 น้ำ มีบริเวณนิดหน่อย เจ้าของจะขาย 3,000,000 net
ถ้าจะซื้อผมคิดว่ามีเงืนสักประมาณ 1,500.000 นอกนั้นจะผ่อนธนาคาร
ตามข้อมูลที่เล่ามานี้ครอบครัวผมจะสามารถซื้อบ้านหลังนี้ได้หรือไม่ และธนาคารจะจัดเครดิตขนาดนี้ได้ไหม
อนึ่ง ถ้าลูกสาว + แม่ ไม่พอผมจะให้พี่ชายของเขาคือลูกชายผมอีกคน รายได้ต่ำกว่า 20,000 มาสมทบกู้ัร่วมอีกคนพอไหวไหม ยอดจัด 1,500,000 นี้จะผ่อน
เดิอนละเท่าไหร่
ขอท่านผู้รู้กรุณาช่วยตอบด้วย จักขอบคุณยิ่งครับ
By: กำนันพล
Since: 11 มิ.ย. 55 14:26:59
บ้านแพงมาก ทำเลคงอยู่ในเมือง
พ่อแม่คงกู้ลำบากเพราะอายุมากแล้ว
คงจะต้องให้ลูกๆ กู้ร่วมครับ
By: falsi
Since: 11 มิ.ย. 55 14:58:51
เรื่องกู้ไม่รู้เหมือนกัน
แต่จะเข้ามาทักว่า บางทีลูกเค้าอาจจะไม่อยากทำงานในเมืองตลอดไปก้อได้นะ
แบบว่าผมก้อทำงานในเมืองเหมือนกัน
แต่ความฝันคือ เมื่อเก็บเงินได้พอสมควรแล้ว อยากย้ายไปทำงานต่างจังหวัด
ปลูกบ้านบนที่ดินกว้างๆ ทำงานเงินเดือนน้อยกว่าปัจจุบันซักครึ่งนึงก้อไม่เป็นไร
By: nat1234
Since: 11 มิ.ย. 55 15:35:46
เพื่อนคุณแม่เรา มีลูก 2 คนอยู่กรุงเทพ ก็รู้สึกคล้ายๆกับคุณ จขกท อ่ะค่ะ
เพื่อนคุณแม่เราเขาเลยไปดาวน์คอนโดให้ลูก 2 ห้อง ห้องละคน โดยให้แต่ละคนผ่อนกันเอง
เราว่าอย่างงี้ก็ดี ลูกๆจะได้มีความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่อะไรก็ให้พ่อแม่หาให้หมด อีกอย่างถ้าเป็นลูกสาวอยู่คนเดียว เราว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้ามันปลอดภัยกว่า แถมอีกหน่อยเกิดเขามีแฟนแต่งงานไป ก็ให้เขาและแฟนไปหาบ้านกันเองให้ถูกใจทั้งคู่ดีกว่าค่ะ
By: ohhioh
Since: 11 มิ.ย. 55 15:39:07
เห็นด้วย คห 3 อายุมากแล้วทั้งคู่ เก็บเงินไว้ดูแลสุขภาพดีกว่า ลูกก็โตทำงานแล้ว อยู่หอพักคุ้มกว่า เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องไปทำงานที่ไหนอีก นอกจากทำงานราชการในกระทรวง หรือรัฐวิสาหกิจ บ้านที่จะขายแพงเกินไป ซื้อมาต้องซ่อมอีกหลายสตางค์ ขอแนะนำถ้าอยากได้จริงๆ
ซื้อคอนโด ขนาดสองห้อง พ่อ แม่ จ่ายดาวน์ นอกนั้นลูกผ่อนกันเอง อย่าเป็นหนี้มาก ถ้าทำงานเอกชนยิ่งไม่มีความแน่นอน
พ่อ แม่ ก็แก่แล้ว ปล่อยให้ลูกรับผิดชอบตัวเองจะดีกว่า ลูกๆฉันก็ซื้อบ้านเอง ช่วยแค่ดาวน์ แล้วผ่อนต่อไป ถ้าเป็นลูกสาว รอให้เขามีแฟนแล้วช่วยกันหาช่วยกันซื้อจะดีกว่า
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 11 มิ.ย. 55 16:06:02
ขออนุญาตให้คำแนะนำคุณลุงนะคะ ถ้าลูกๆ เพิ่งทำงาน ต้องระวังเรื่องเค้าจะรับภาระไม่ไหวด้วยค่ะ ถ้ากู้ 1.5 ล้าน น่าจะผ่อนเดือนละประมาณ 1 หมื่น กลัวว่าเค้าจะไม่ไหวแล้วปล่อยหลุดไป เสียเงินดาวน์ฟรีน่ะค่ะ ลองเลือกทาวเฮ้าท์ล้านกว่าๆ คุณลุงดาวน์ให้ซัก 1 ล้าน (อีก 5 แสนสำรองเก็บไว้) แล้วให้เด็กๆ ผ่อนส่วนที่เหลือ น่าจะพอๆ กับค่าเช่าหอนะคะ เดี๋ยวอนาคตงานการเค้าลงตัว มีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ค่อยขายบ้านเล็กไปซื้อบ้านใหญ่ก็ได้ค่ะ
By: pyramidas
Since: 11 มิ.ย. 55 16:18:31
ถ้าเขาเช่าหอพักอยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นหาคอนโดสักห้องที่ราคาไม่แพงมาก
เจียดเงินเก็บมาดาวน์ให้เขาก็พอ ที่เหลือให้เขาผ่อนเองวงเงินสักล้าน
ฐานเงินเดือนน่าจะกู้ผ่านโดยไม่ต้องกู้ร่วม ไม่ต้องพาพี่เขามาวุ่นวายด้วย
คงสามารถหาซื้อห้องราคาล้านเศษที่กำลังใกล้เสร็จได้ไม่ยาก
ซื้อบ้านเก่ายังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลซ่อมบำรุงอีกพอควรนะ
ไหนจะต้องซื้อข้าวของเข้าไปใช้อีก
คอนโดเดียวนี้ตกแต่งพร้อมอยู่แทบจะหิ้วกระเป๋าไปอย่างเดียว
เงินล้านนึงผ่อนต่อเดือนประมาณ 6500-7000 เขาน่าจะผ่อนไว้นะ
เงินเก็บยังอยู่ล้านกว่า
เปลี่ยนค่าเช่ามาเป็นค่าผ่อนธนาคาร
ถ้าอาชีพการงานก้าวหน้าพอจะซื้อบ้านใหม่
จะขยับขยายขายทิ้งหรือปล่อยเช่าในอนาคตก็ยังได้
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 16:28:15
เห็นด้วยกับทุกความเห็นข้างบนค่ะคุณลุง และซาบซึ้งใจในความรักที่ไม่มีขอบเขตของพ่อกับแม่มากนัก
แต่ว่าเงินทองของหายาก ความไม่แน่นอนเกิดได้ตลอดเวลา คุณลุงลองทบทวนดูใหม่ดีไหมคะ
เช่าเค้า เวลาจะไปก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แต่ถ้าซื้อแล้วเกิดปัญหา มันสะบัดไม่หลุดง่ายๆน่ะสิคะ
By: sasinee
Since: 11 มิ.ย. 55 17:23:24
ขอบอกความในใจต่อไปว่า———————————
ทาง ตจว.นั้นพอผมและภรรยาเสียชีวิตลง จะได้เงินฌาปนกิจกับเงินอื่น ๆ อีกประมาณคนละประมาณไม่น้อยห้าแสน ลูกคงค่อยเอามาโปะ ในชั้นนี้ขอแค่ให้ได้เครดิตธนาคารไปก่อน เงินที่ผ่อนก็คือเงินของพ่อกับแม่เสียส่วนใหญ่ กะว่าระยะแรก ๆ น่าจะผ่อนได้เดือนละ 12,000 บาท แม้เอาชื่อลูกอีกคนเข้ามากู้ร่วมก็ตาม ก็คือเงินของพ่อแม่นั้นเอง และอีกอย่างลูกแย้ม ๆ ออกมาว่าในกาลข้างหน้าที่ไม่น่าจะนาน อาจมีคนมาช่วยผ่อนด้วย …. ฮิฮื
ลูกไปดูบ้านมาแล้ว บอกชอบมาก เขาบอกว่าถึงกันฝันไปแล้วว่าจะนอนห้องไหน ….
หรือว่าอย่าเลย มันเกินเื้อื้อม ถอยไปหาคอนโดดีกว่า ………………หรือค่อยให้ลูก
จัดหาเองตอนไม่มีพ่อแม่แล้ว
ลุงกำนันพลครับ
By: กำนันพล
Since: 11 มิ.ย. 55 17:56:24
แปลกดี แม่ผม ญาติๆฝั่งผม คนรู้จัก หลายคนเลยนะครับ เกิดจะมาซื้อบ้านเอาช่วงอายุนี้ทุกคนเลย มันเหมือนปรากฏการณ์อะไรสักอย่าง อย่างของแม่ผมคอนโดมีชื่อกลางเมือง ไอ้เซลล์ก็มาหว่านล้อม คอนโดราคาเกือบเจ็ดล้าน เอาเงินจองไปแล้วหลายหมื่น ผลสุดท้ายเขาก็เสียเงินไปฟรีๆ แค่ไอ้ความรู้สึกว่าจะให้ลูกให้หลานนี่แหละครับ ผมว่าผู้ใหญ่นี่คงต้องพักได้แล้วหละครับ ถ้าไม่มีสินอยู่เดิม วัยขนาดนี้ไม่ต้องไปดิ้นรนหาแล้วครับ มีลูกมีหลานน่าจะเลยวัยกลางคนแล้วน่าจะหากันเองได้อยู่แล้ว ผมเองอายุยี่สิบกว่าก็ซื้อบ้านกันกับเมียสองคนแล้วครับ ทีนี้ถ้าเป็นวัยที่ว่าน่าจะต้องการเงินก้อนกันมากกว่า พวกการศึกษาลูก เผื่อลูกๆเขาไปเมืองนอกเมืองนากันด้วยครับ ไอ้บ้านมีอยู่แล้วก็อยู่ไปก่อน ไอ้มาซื้อตอนนี้มันคงไม่มีไฟไปทำอะไรให้มันเจริญงอกงามแล้วมังครับ อ่านแล้วผู้ใหญ่น่ารักจัง แต่ผมว่าธนาคารเขาจะให้สินเชื่อใหม จริงๆเงินสดล้านห้าทาวน์เฮ้าส์แถวรามอินทราสักเกือบสามสิบตารางวาก็ซื้อได้แล้วนะครับ
By: ลองดู
Since: 11 มิ.ย. 55 19:51:39
ซื้อบ้านอย่าใจร้อน ค่อยๆดู ยิ่งบ้านเก่ายิ่งต้องดูนานๆ
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 20:38:39
ขอตอบเนื่องจาก case คล้ายของหนูเลยค่ะ (พ่อแม่เป็นข้าราชการ อยากกู้ซื้อบ้านให้ลูก)
คือในตอนแรกหนูตั้งใจซื้อทาวเฮ้าส์ขนาดพอตัวเองคนเดียวผ่อนไหว หาอยู่หลายปีไม่ได้ ไม่โดนซักที เพราะที่เราผ่อนไหวก็อยู่ไกล ไอ้ที่เราพอใจก็แพง หาอยู่ 3 ปี ตระเวนไปทุกที่ทุกแหล่ง ทั้งบ้านมือ 1 2 3
จากปีแรกที่อยากได้ทาวเหา พอปีที่ 3 เริ่มคิดการไกล อีกอย่างคนที่บ้าน (พ่อ, แม่, น้อง) เค้าชินกับการอยู่ที่กว้่างๆ เหมือนบ้านต่างจังหวัด พอมาเห็นทาวเฮ้าส์ในเมืองหลังเล็กๆ แล้วเหมือนเสียตังค์เยอะแต่ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มาอ่ะค่ะ
จนสุดท้ายพ่อบอกว่าให้หาบ้านเดี่ยวซัก 3 ล้านต้นๆ ให้หนูกู้ให้เต็มแม็ก ที่เหลือพ่อออกให้เอง (แต่ตังค์แม่)
ตอนนั้นหนูก็ต้องประมาณตัวเองอ่ะค่ะ ดูหน้าที่การงานเราแล้วคงไปทำงานที่บ้านเกิดไม่ได้ คงไม่พอกิน แหล่งงานเงินเราอยู่กรุงเทพ และหนูคงมิได้สร้างครอบครัวในระยะนี้ อีกอย่างก็ดูสภาพน้องๆ สภาพการใช้ชีวิตของเขาแล้ว คงไม่มีใครกลับบ้านเกิดแน่ ก็ให้มันมาอยู่กับเรานี่แหละ ถือว่าสร้างหนี้ก้อนใหญ่เพื่อครอบครัวละกัน
จากนั้นหนูก็เดินไปธนาคาร เอาสลิปเงินเดือนไปให้พนักงานประเมินเบื้องต้นเลยค่ะว่าจะกู้ได้เท่าไหร่ ปรากฏว่าได้เต็มแม๊ก 2.5 ล้าน แต่ก็ดูแล้วถ้าเอามาเต็มวงเงินนั้น หนูผ่อนรายเดือนไม่ไหวแน่ๆ เลยตัดสินใจว่าจะกู้แค่ 2 ล้าน (เพราะฉะนั้น ต้องจิ๊กตังค์พ่อประมาณ 1-1.5 ล้าน เพื่อให้ได้บ้านตามงบประมาณ 3.5 ล้าน
จากนั้นก็เริ่มหาบ้านตามงบค่ะ ไม่ไกลเมืองมาก เดินทางสะดวก หนูผ่อนไหว ไม่ตึงเกินไป พ่อแม่ไม่ต้องกู้หนี้ตอนแก่
คุณลุงน่าจะให้ลูกลองยื่นประเมินก่อนนะคะว่า เค้ากู้ได้ประมาณเท่าไหร่ค่ะ จากนั้นก็มาดูเงินเก็บของคุณลุงที่สามารถ support ลูกได้ (อย่าลืมค่าโอนบ้าน ค่าเครื่องใช้ในบ้านอีกซัก 150,000 บาท) แล้วค่อยให้ลูกไปหาบ้านตามงบประมาณที่มีดีกว่านะคะ
แต่ถ้าบ้านหลังนั้นอยู่ย่านกลางเมือง อายุ 20 ปีสภาพยังดี 40 ตรว. ก็ราคาสมเหตุผลนะคะ
By: Epoxy
Since: 11 มิ.ย. 55 20:58:29
กลับมาอีกรอบ กำนันพลค่ะ อย่าว่าหนูเลยน่ะค่ะ อาจจะพูดตรงไปหน่อย
เห็นข้อความจาก คคห 8 แล้วแบบว่า …. บอกตรงๆว่า ถ้ากำนันเกิดจู่ๆตายไปมันก็ไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่ถ้าเกิดป่วยๆ หรือายุยืน ลูกๆลำบากน่ะค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่าเงินที่กำนันมีอยู่ควรเก็บไว้ดูแลตัวเองไม่ให้เดือนร้อนลูกดีกว่า
ทำไมถึงบอกแบบนี้ เพราะ ที่บ้านเราต้องดูแล คุณยาย ดูแลคนสูงอายุมันหนักน่ะค่ะ ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลที่หลักหมื่น ถึงบอกว่าเป็นราชการ แต่มันก็เบิกได้ไม่เท่าไร อีกอย่างเราก็ทนไม่ค่อยได้ที่จะให้ยายอยู่โรงพยาบาลรัฐ แล้วพอแก่ๆไปเราก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวก็ไม่ได้ ต้องจ้างคนดูแล เสียเดือนละเกือบหมื่น ไหนจะต้องให้เงินค่าขนมท่านอีก ขนาดไม่ป่วยอะไร ค่าใช้จ่ายในการดูแลท่าน เดือนละ 2 หมื่นแล้ว แล้วถ้าป่วยประกอบด้วยไม่อยากจะคิดว่าจะอีกเท่าไร แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาผ่อนบ้าน
แม่เราตอนนี้ยังทำงานอยู่ แต่อีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณ ท่านมีเงินเก็บพอควร แต่เรากับน้องเปิดบัญชีรวม เอาเงินไปฝากกันทุกเดือน บอกกันว่าเก็บไว้ยามแม่เจ็บป่วย เพราะรู้กันว่าถ้าเกิดป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลที่หมดกันเป็นแสน
ขอสรุปเลยละกันว่า ถ้ารักลูกไม่อยากให้ลูกลำบาก ก็เก็บเงินไว้ และรักษาร่างกายให้แข็งแรงเถอะค่ะ ลูกก็โตๆแล้วหัดให้หากินหาใช้เอง เขาจะได้ภูมิใจในตัวเองด้วย
By: ohhioh
Since: 12 มิ.ย. 55 08:16:25
ด้วยความเคารพอายุเจ็ดสิบ ลูกๆถ้าไม่ครึ่งร้อย ก็ไกล้ๆแล้วมังครับ ไม่ต้องไปขวนขวายหาซื้ออะไรให้มันแล้ว อยากนึกภาพตอนลูกอายุครึ่งร้อยนี่ มาบอกพ่อแม่่ว่าฝันจะนอนห้องไหนกันแล้วคงน่ารักดีครับ อันนี้ผมก็อายุมากแล้วครับ ตอนแม่ผมเขามีไอเดียจะไปกู้หนี้ยืมสินซื้อบ้านแจกนี่ตอนนั้น ไม่ใช่ดีใจนะครับ ผมอายใจครับ ผมว่าคุณพี่ซื้อที่ดินแถวบ้านนอกทิ้งไว้ดีกว่า เอาให้แปลงละครบลูกแต่ละคนเลยครับ ตายไปเมื่อไหร่ลูกเขาก็ตัดสินใจเอาเองว่าจะทำกันอย่างไร
By: ลองดู
Since: 12 มิ.ย. 55 08:36:25
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ
ลูกสาวอายุ 28 เขาเพิ่งเกิดตอนลุงอายุ 40 ครับ ถ้าเขามาเดินกับลุง
ใคร ๆ ก็คิดว่าลุงคือปู่ แน่ ๆ
มี comment จากท่านใดอีกไหม ขออีกหน่อย แล้วจะได้สรุปและตอบขอบคุณต่อไปครับ
By: กำนันพล
Since: 12 มิ.ย. 55 11:21:30
คุณกำนันพลคะ คุณกับฉันวัยใกล้เคียงกัน บั้นปลายชีวิตก็อยากทำอะไรให้ลูกได้สุขสบาย เป็นเรื่องปกติธรรมดาของความเป็นพ่อ แม่ เพราะตัวเองจะไปนรก สวรรค์ เมื่อไรไม่รู้ อะไรที่ทำให้ลูกได้มีความสุขและมีความพร้อมได้ ก็อยากจะทำค่ะ แต่ ตั้งสติสักนิดและพิจารณาดูว่า
คุณ และ ภรรยา ป่วยไข้ขึ้นมา มีสวัสดิการอะไรรองรับหรือไม่ และได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม หรือต้องไปรักษา รพ รัฐบาลเท่านั้น เผื่อเป็นกรณีฉุกเฉิน หรือต้องรักษาในระยะยาว เพราะมันไม่ตายสักทีนะซี ลูกสองคนมีกำลังเงินดูแลพ่อแม่ได้ไหมในอนาคต
วุฒิภาวะของลูกพร้อมจะรับผิดชอบหนี้สินได้ระยาว หลายสิบปีได้ไหม ไม่ใช่แค่เพียงอยากได้ เมื่อมีบ้านก้ต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา อีกหลายๆเรื่องต้องใช้เงินทั้งนั้น เงินไม่พอเดือดร้อนถึงพ่อแมอีก
การงานที่ทำแน่นอนหรือเปล่า มีการขึ้นเงินเดือนแบบถาวรไหม ถ้าไม่ใช่อย่าเสี่ยงค่ะ งานเอกชนเงินเดือนมากๆ เขาก็อยากดีดออก หาคนจ้างใหม่อยู่แล้ว งานเดิมแต่จ้างถูกลง นอกจากเป็นตำแหน่งวิชาชีพที่เขาหายากๆ
เห็นด้วยกับความเห็นหลายๆความเห็น ซื้อคอนโดสักห้อง ผ่อนเดือนละหมื่นนิดๆ ต่อไปไม่อยู่ยังให้เช่าได้ คนทำงานไม่มีเวลาดูแลบ้านเป็นหลังหรอกค่ะ เสี่ยงขโมย ชุมยังกะยุงเจองานหนัก รถติด กว่าจะถึงบ้าน ก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว
ในอนาคต กรุงเทพไม่น่าอยู่แล้ว อีก ห้า หก ปี น้ำจะท่วมมากขึ้นๆ นำเงินที่จะลงทุนในกรุงเทพ ปรับปรุงบ้านต่างจังหวัด ให้น่าอยู่ดีกว่า อากาศดีด้วย วันหยุดก็กลับไปพักผ่อน
ถ้าลูกสาวมีแฟนแล้ว และมีแผนจะแต่งงาน ให้เขาลงทุนกันเองค่ะ ผู้ชายต้องแสวงหาด้วย ไม่ใช่เป็นปลิงหาที่อยู่สำเร็จรูป จะสบายมากไป
คุณพ่อ คุณแม่ เหนื่อยมาทั้งชีวิต เรามันไม้ใกล้ฝั่งกันแล้ว ต้องฝึกลูกให้โต ช่วยเหลือตัวเอง จะช่วยลูกก็พอเหมาะควร ลูกๆ ไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่เหมือนบางครอบครัวก็บุญมากแล้วค่ะ
ดิฉันไม่ได้แนะนำให้ใจดำกับลูกนะคะ รักลูกต้องให้เขารู้จักต่อสู้ใช้ชีวิตให้เป็น เพราะเราไม่ได้อยู่ดูแลเขาตลอดไปหรอกค่ะ ลูกดิฉันออกเรือนไปให้มีบ้านของตัวเองแยกออกไปทุกคน เพียงช่วยเริ่มต้นให้นิดหน่อยตามกำลัง นอกนั้นก็ไปว่ากันเองค่ะ
สรุปนะลุงนะ เก็บเงินไว้เถอะ ตามหลายความเห็น ลุงกะป้า ทุ่มให้ลูกหมด เกิดป่วยมาราธอนขึ้นมา ลูกคงไม่ทุ่มเทให้เราสุดชีวิตเหมือนเราทำให้เขาหรอกค่ะ เพราะเขาก็ต้องมีครอบครัว ดิฉันหมดกะแม่เพราะล้างไตมาสิบกว่าปี เข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หมดเงินเป็นหลายล้าน พอท่านเสีย แทบจะไม่เหลืออะไรเลย ถ้าลูกๆไม่มีเงินสำรอง แต่คุณยังมีเงิน ก็ยังอุ่นใจค่ะ
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 12 มิ.ย. 55 15:00:56
เงิน 1.5 ล้านของคุณลุง ที่จะดาวน์ให้ลูกสาวแล้ว ยังมีเงินอีกก้อนไหมคะ
ถ้าเป็นก้อนเดียวที่มีอยากแนะนำให้คุณลุงให้เงินก้อนนี้กับลูกสาวไปดาวน์แล้ว
ไม่ต้องช่วยผ่อนรายเดือนอีก เงินบำนาญแต่ละเดือนเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉินดีกว่าค่ะ
ถึงคุณลุง+คุณป้าเป็นข้าราชการบำนาญ แต่เวลาเจ็บป่วยจริงไม่รู้จะใช้สิทธิ์ได้แค่ไหน
ยาบางอย่างก็เบิกไม่ได้ คุณลุงอาจคิดว่าเวลาป่วยจะรักษาเท่าสิทธิ์ตัวเองก็พอ
แต่..ไม่ได้แช่งนะคะ ถ้าคุณป้าเป็นคนป่วย คุณลุงจะทนเห็นคุณป้าเจ็บได้ไหม
จากประสบการณ์ตรงตอนแม่หนูป่วย พ่อหนูสู้เต็มที่จ่ายค่ารักษาไปล้านกว่า
ถ้าแม่ยังไหวพ่อก็ยังจะยื้อต่อ
กรณีลูกสาวคุณลุงที่แย้มว่าอนาคตจะมีคนมากู้ร่วม น่าจะให้เขาปรึกษากันเองว่า
ทางบ้านจะช่วย 1.5 ล้าน จะเลือกบ้านในราคาเท่าไรที่เขาผ่อนไว้ ถ้าผ่อนบ้านหลังที่มองไม่ไหว
ก็ต้องหาหลังอื่นค่ะ และควรให้เขากู้ร่วมกันเอง ดีกว่าให้กู้ร่วมกับพี่ชายค่ะ
ถึงพี่ชายไม่ได้ร่วมส่งเงิน แต่ถ้ามีปัญหาน้องสาวส่งไม่ได้ บ้านก็จะเป็นปัญหาครอบครัวและเป็นภาระให้พี่ชายอีก
By: asujug
Since: 12 มิ.ย. 55 15:02:20
บ้านแพงมาก ทำเลคงอยู่ในเมือง
พ่อแม่คงกู้ลำบากเพราะอายุมากแล้ว
คงจะต้องให้ลูกๆ กู้ร่วมครับ
By: falsi
Since: 11 มิ.ย. 55 14:58:51
เรื่องกู้ไม่รู้เหมือนกัน
แต่จะเข้ามาทักว่า บางทีลูกเค้าอาจจะไม่อยากทำงานในเมืองตลอดไปก้อได้นะ
แบบว่าผมก้อทำงานในเมืองเหมือนกัน
แต่ความฝันคือ เมื่อเก็บเงินได้พอสมควรแล้ว อยากย้ายไปทำงานต่างจังหวัด
ปลูกบ้านบนที่ดินกว้างๆ ทำงานเงินเดือนน้อยกว่าปัจจุบันซักครึ่งนึงก้อไม่เป็นไร
By: nat1234
Since: 11 มิ.ย. 55 15:35:46
เพื่อนคุณแม่เรา มีลูก 2 คนอยู่กรุงเทพ ก็รู้สึกคล้ายๆกับคุณ จขกท อ่ะค่ะ
เพื่อนคุณแม่เราเขาเลยไปดาวน์คอนโดให้ลูก 2 ห้อง ห้องละคน โดยให้แต่ละคนผ่อนกันเอง
เราว่าอย่างงี้ก็ดี ลูกๆจะได้มีความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่อะไรก็ให้พ่อแม่หาให้หมด อีกอย่างถ้าเป็นลูกสาวอยู่คนเดียว เราว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้ามันปลอดภัยกว่า แถมอีกหน่อยเกิดเขามีแฟนแต่งงานไป ก็ให้เขาและแฟนไปหาบ้านกันเองให้ถูกใจทั้งคู่ดีกว่าค่ะ
By: ohhioh
Since: 11 มิ.ย. 55 15:39:07
เห็นด้วย คห 3 อายุมากแล้วทั้งคู่ เก็บเงินไว้ดูแลสุขภาพดีกว่า ลูกก็โตทำงานแล้ว อยู่หอพักคุ้มกว่า เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องไปทำงานที่ไหนอีก นอกจากทำงานราชการในกระทรวง หรือรัฐวิสาหกิจ บ้านที่จะขายแพงเกินไป ซื้อมาต้องซ่อมอีกหลายสตางค์ ขอแนะนำถ้าอยากได้จริงๆ
ซื้อคอนโด ขนาดสองห้อง พ่อ แม่ จ่ายดาวน์ นอกนั้นลูกผ่อนกันเอง อย่าเป็นหนี้มาก ถ้าทำงานเอกชนยิ่งไม่มีความแน่นอน
พ่อ แม่ ก็แก่แล้ว ปล่อยให้ลูกรับผิดชอบตัวเองจะดีกว่า ลูกๆฉันก็ซื้อบ้านเอง ช่วยแค่ดาวน์ แล้วผ่อนต่อไป ถ้าเป็นลูกสาว รอให้เขามีแฟนแล้วช่วยกันหาช่วยกันซื้อจะดีกว่า
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 11 มิ.ย. 55 16:06:02
ขออนุญาตให้คำแนะนำคุณลุงนะคะ ถ้าลูกๆ เพิ่งทำงาน ต้องระวังเรื่องเค้าจะรับภาระไม่ไหวด้วยค่ะ ถ้ากู้ 1.5 ล้าน น่าจะผ่อนเดือนละประมาณ 1 หมื่น กลัวว่าเค้าจะไม่ไหวแล้วปล่อยหลุดไป เสียเงินดาวน์ฟรีน่ะค่ะ ลองเลือกทาวเฮ้าท์ล้านกว่าๆ คุณลุงดาวน์ให้ซัก 1 ล้าน (อีก 5 แสนสำรองเก็บไว้) แล้วให้เด็กๆ ผ่อนส่วนที่เหลือ น่าจะพอๆ กับค่าเช่าหอนะคะ เดี๋ยวอนาคตงานการเค้าลงตัว มีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ค่อยขายบ้านเล็กไปซื้อบ้านใหญ่ก็ได้ค่ะ
By: pyramidas
Since: 11 มิ.ย. 55 16:18:31
ถ้าเขาเช่าหอพักอยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นหาคอนโดสักห้องที่ราคาไม่แพงมาก
เจียดเงินเก็บมาดาวน์ให้เขาก็พอ ที่เหลือให้เขาผ่อนเองวงเงินสักล้าน
ฐานเงินเดือนน่าจะกู้ผ่านโดยไม่ต้องกู้ร่วม ไม่ต้องพาพี่เขามาวุ่นวายด้วย
คงสามารถหาซื้อห้องราคาล้านเศษที่กำลังใกล้เสร็จได้ไม่ยาก
ซื้อบ้านเก่ายังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลซ่อมบำรุงอีกพอควรนะ
ไหนจะต้องซื้อข้าวของเข้าไปใช้อีก
คอนโดเดียวนี้ตกแต่งพร้อมอยู่แทบจะหิ้วกระเป๋าไปอย่างเดียว
เงินล้านนึงผ่อนต่อเดือนประมาณ 6500-7000 เขาน่าจะผ่อนไว้นะ
เงินเก็บยังอยู่ล้านกว่า
เปลี่ยนค่าเช่ามาเป็นค่าผ่อนธนาคาร
ถ้าอาชีพการงานก้าวหน้าพอจะซื้อบ้านใหม่
จะขยับขยายขายทิ้งหรือปล่อยเช่าในอนาคตก็ยังได้
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 16:28:15
เห็นด้วยกับทุกความเห็นข้างบนค่ะคุณลุง และซาบซึ้งใจในความรักที่ไม่มีขอบเขตของพ่อกับแม่มากนัก
แต่ว่าเงินทองของหายาก ความไม่แน่นอนเกิดได้ตลอดเวลา คุณลุงลองทบทวนดูใหม่ดีไหมคะ
เช่าเค้า เวลาจะไปก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แต่ถ้าซื้อแล้วเกิดปัญหา มันสะบัดไม่หลุดง่ายๆน่ะสิคะ
By: sasinee
Since: 11 มิ.ย. 55 17:23:24
ขอบอกความในใจต่อไปว่า———————————
ทาง ตจว.นั้นพอผมและภรรยาเสียชีวิตลง จะได้เงินฌาปนกิจกับเงินอื่น ๆ อีกประมาณคนละประมาณไม่น้อยห้าแสน ลูกคงค่อยเอามาโปะ ในชั้นนี้ขอแค่ให้ได้เครดิตธนาคารไปก่อน เงินที่ผ่อนก็คือเงินของพ่อกับแม่เสียส่วนใหญ่ กะว่าระยะแรก ๆ น่าจะผ่อนได้เดือนละ 12,000 บาท แม้เอาชื่อลูกอีกคนเข้ามากู้ร่วมก็ตาม ก็คือเงินของพ่อแม่นั้นเอง และอีกอย่างลูกแย้ม ๆ ออกมาว่าในกาลข้างหน้าที่ไม่น่าจะนาน อาจมีคนมาช่วยผ่อนด้วย …. ฮิฮื
ลูกไปดูบ้านมาแล้ว บอกชอบมาก เขาบอกว่าถึงกันฝันไปแล้วว่าจะนอนห้องไหน ….
หรือว่าอย่าเลย มันเกินเื้อื้อม ถอยไปหาคอนโดดีกว่า ………………หรือค่อยให้ลูก
จัดหาเองตอนไม่มีพ่อแม่แล้ว
ลุงกำนันพลครับ
By: กำนันพล
Since: 11 มิ.ย. 55 17:56:24
แปลกดี แม่ผม ญาติๆฝั่งผม คนรู้จัก หลายคนเลยนะครับ เกิดจะมาซื้อบ้านเอาช่วงอายุนี้ทุกคนเลย มันเหมือนปรากฏการณ์อะไรสักอย่าง อย่างของแม่ผมคอนโดมีชื่อกลางเมือง ไอ้เซลล์ก็มาหว่านล้อม คอนโดราคาเกือบเจ็ดล้าน เอาเงินจองไปแล้วหลายหมื่น ผลสุดท้ายเขาก็เสียเงินไปฟรีๆ แค่ไอ้ความรู้สึกว่าจะให้ลูกให้หลานนี่แหละครับ ผมว่าผู้ใหญ่นี่คงต้องพักได้แล้วหละครับ ถ้าไม่มีสินอยู่เดิม วัยขนาดนี้ไม่ต้องไปดิ้นรนหาแล้วครับ มีลูกมีหลานน่าจะเลยวัยกลางคนแล้วน่าจะหากันเองได้อยู่แล้ว ผมเองอายุยี่สิบกว่าก็ซื้อบ้านกันกับเมียสองคนแล้วครับ ทีนี้ถ้าเป็นวัยที่ว่าน่าจะต้องการเงินก้อนกันมากกว่า พวกการศึกษาลูก เผื่อลูกๆเขาไปเมืองนอกเมืองนากันด้วยครับ ไอ้บ้านมีอยู่แล้วก็อยู่ไปก่อน ไอ้มาซื้อตอนนี้มันคงไม่มีไฟไปทำอะไรให้มันเจริญงอกงามแล้วมังครับ อ่านแล้วผู้ใหญ่น่ารักจัง แต่ผมว่าธนาคารเขาจะให้สินเชื่อใหม จริงๆเงินสดล้านห้าทาวน์เฮ้าส์แถวรามอินทราสักเกือบสามสิบตารางวาก็ซื้อได้แล้วนะครับ
By: ลองดู
Since: 11 มิ.ย. 55 19:51:39
ซื้อบ้านอย่าใจร้อน ค่อยๆดู ยิ่งบ้านเก่ายิ่งต้องดูนานๆ
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 20:38:39
ขอตอบเนื่องจาก case คล้ายของหนูเลยค่ะ (พ่อแม่เป็นข้าราชการ อยากกู้ซื้อบ้านให้ลูก)
คือในตอนแรกหนูตั้งใจซื้อทาวเฮ้าส์ขนาดพอตัวเองคนเดียวผ่อนไหว หาอยู่หลายปีไม่ได้ ไม่โดนซักที เพราะที่เราผ่อนไหวก็อยู่ไกล ไอ้ที่เราพอใจก็แพง หาอยู่ 3 ปี ตระเวนไปทุกที่ทุกแหล่ง ทั้งบ้านมือ 1 2 3
จากปีแรกที่อยากได้ทาวเหา พอปีที่ 3 เริ่มคิดการไกล อีกอย่างคนที่บ้าน (พ่อ, แม่, น้อง) เค้าชินกับการอยู่ที่กว้่างๆ เหมือนบ้านต่างจังหวัด พอมาเห็นทาวเฮ้าส์ในเมืองหลังเล็กๆ แล้วเหมือนเสียตังค์เยอะแต่ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มาอ่ะค่ะ
จนสุดท้ายพ่อบอกว่าให้หาบ้านเดี่ยวซัก 3 ล้านต้นๆ ให้หนูกู้ให้เต็มแม็ก ที่เหลือพ่อออกให้เอง (แต่ตังค์แม่)
ตอนนั้นหนูก็ต้องประมาณตัวเองอ่ะค่ะ ดูหน้าที่การงานเราแล้วคงไปทำงานที่บ้านเกิดไม่ได้ คงไม่พอกิน แหล่งงานเงินเราอยู่กรุงเทพ และหนูคงมิได้สร้างครอบครัวในระยะนี้ อีกอย่างก็ดูสภาพน้องๆ สภาพการใช้ชีวิตของเขาแล้ว คงไม่มีใครกลับบ้านเกิดแน่ ก็ให้มันมาอยู่กับเรานี่แหละ ถือว่าสร้างหนี้ก้อนใหญ่เพื่อครอบครัวละกัน
จากนั้นหนูก็เดินไปธนาคาร เอาสลิปเงินเดือนไปให้พนักงานประเมินเบื้องต้นเลยค่ะว่าจะกู้ได้เท่าไหร่ ปรากฏว่าได้เต็มแม๊ก 2.5 ล้าน แต่ก็ดูแล้วถ้าเอามาเต็มวงเงินนั้น หนูผ่อนรายเดือนไม่ไหวแน่ๆ เลยตัดสินใจว่าจะกู้แค่ 2 ล้าน (เพราะฉะนั้น ต้องจิ๊กตังค์พ่อประมาณ 1-1.5 ล้าน เพื่อให้ได้บ้านตามงบประมาณ 3.5 ล้าน
จากนั้นก็เริ่มหาบ้านตามงบค่ะ ไม่ไกลเมืองมาก เดินทางสะดวก หนูผ่อนไหว ไม่ตึงเกินไป พ่อแม่ไม่ต้องกู้หนี้ตอนแก่
คุณลุงน่าจะให้ลูกลองยื่นประเมินก่อนนะคะว่า เค้ากู้ได้ประมาณเท่าไหร่ค่ะ จากนั้นก็มาดูเงินเก็บของคุณลุงที่สามารถ support ลูกได้ (อย่าลืมค่าโอนบ้าน ค่าเครื่องใช้ในบ้านอีกซัก 150,000 บาท) แล้วค่อยให้ลูกไปหาบ้านตามงบประมาณที่มีดีกว่านะคะ
แต่ถ้าบ้านหลังนั้นอยู่ย่านกลางเมือง อายุ 20 ปีสภาพยังดี 40 ตรว. ก็ราคาสมเหตุผลนะคะ
By: Epoxy
Since: 11 มิ.ย. 55 20:58:29
กลับมาอีกรอบ กำนันพลค่ะ อย่าว่าหนูเลยน่ะค่ะ อาจจะพูดตรงไปหน่อย
เห็นข้อความจาก คคห 8 แล้วแบบว่า …. บอกตรงๆว่า ถ้ากำนันเกิดจู่ๆตายไปมันก็ไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่ถ้าเกิดป่วยๆ หรือายุยืน ลูกๆลำบากน่ะค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่าเงินที่กำนันมีอยู่ควรเก็บไว้ดูแลตัวเองไม่ให้เดือนร้อนลูกดีกว่า
ทำไมถึงบอกแบบนี้ เพราะ ที่บ้านเราต้องดูแล คุณยาย ดูแลคนสูงอายุมันหนักน่ะค่ะ ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลที่หลักหมื่น ถึงบอกว่าเป็นราชการ แต่มันก็เบิกได้ไม่เท่าไร อีกอย่างเราก็ทนไม่ค่อยได้ที่จะให้ยายอยู่โรงพยาบาลรัฐ แล้วพอแก่ๆไปเราก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวก็ไม่ได้ ต้องจ้างคนดูแล เสียเดือนละเกือบหมื่น ไหนจะต้องให้เงินค่าขนมท่านอีก ขนาดไม่ป่วยอะไร ค่าใช้จ่ายในการดูแลท่าน เดือนละ 2 หมื่นแล้ว แล้วถ้าป่วยประกอบด้วยไม่อยากจะคิดว่าจะอีกเท่าไร แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาผ่อนบ้าน
แม่เราตอนนี้ยังทำงานอยู่ แต่อีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณ ท่านมีเงินเก็บพอควร แต่เรากับน้องเปิดบัญชีรวม เอาเงินไปฝากกันทุกเดือน บอกกันว่าเก็บไว้ยามแม่เจ็บป่วย เพราะรู้กันว่าถ้าเกิดป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลที่หมดกันเป็นแสน
ขอสรุปเลยละกันว่า ถ้ารักลูกไม่อยากให้ลูกลำบาก ก็เก็บเงินไว้ และรักษาร่างกายให้แข็งแรงเถอะค่ะ ลูกก็โตๆแล้วหัดให้หากินหาใช้เอง เขาจะได้ภูมิใจในตัวเองด้วย
By: ohhioh
Since: 12 มิ.ย. 55 08:16:25
ด้วยความเคารพอายุเจ็ดสิบ ลูกๆถ้าไม่ครึ่งร้อย ก็ไกล้ๆแล้วมังครับ ไม่ต้องไปขวนขวายหาซื้ออะไรให้มันแล้ว อยากนึกภาพตอนลูกอายุครึ่งร้อยนี่ มาบอกพ่อแม่่ว่าฝันจะนอนห้องไหนกันแล้วคงน่ารักดีครับ อันนี้ผมก็อายุมากแล้วครับ ตอนแม่ผมเขามีไอเดียจะไปกู้หนี้ยืมสินซื้อบ้านแจกนี่ตอนนั้น ไม่ใช่ดีใจนะครับ ผมอายใจครับ ผมว่าคุณพี่ซื้อที่ดินแถวบ้านนอกทิ้งไว้ดีกว่า เอาให้แปลงละครบลูกแต่ละคนเลยครับ ตายไปเมื่อไหร่ลูกเขาก็ตัดสินใจเอาเองว่าจะทำกันอย่างไร
By: ลองดู
Since: 12 มิ.ย. 55 08:36:25
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ
ลูกสาวอายุ 28 เขาเพิ่งเกิดตอนลุงอายุ 40 ครับ ถ้าเขามาเดินกับลุง
ใคร ๆ ก็คิดว่าลุงคือปู่ แน่ ๆ
มี comment จากท่านใดอีกไหม ขออีกหน่อย แล้วจะได้สรุปและตอบขอบคุณต่อไปครับ
By: กำนันพล
Since: 12 มิ.ย. 55 11:21:30
คุณกำนันพลคะ คุณกับฉันวัยใกล้เคียงกัน บั้นปลายชีวิตก็อยากทำอะไรให้ลูกได้สุขสบาย เป็นเรื่องปกติธรรมดาของความเป็นพ่อ แม่ เพราะตัวเองจะไปนรก สวรรค์ เมื่อไรไม่รู้ อะไรที่ทำให้ลูกได้มีความสุขและมีความพร้อมได้ ก็อยากจะทำค่ะ แต่ ตั้งสติสักนิดและพิจารณาดูว่า
คุณ และ ภรรยา ป่วยไข้ขึ้นมา มีสวัสดิการอะไรรองรับหรือไม่ และได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม หรือต้องไปรักษา รพ รัฐบาลเท่านั้น เผื่อเป็นกรณีฉุกเฉิน หรือต้องรักษาในระยะยาว เพราะมันไม่ตายสักทีนะซี ลูกสองคนมีกำลังเงินดูแลพ่อแม่ได้ไหมในอนาคต
วุฒิภาวะของลูกพร้อมจะรับผิดชอบหนี้สินได้ระยาว หลายสิบปีได้ไหม ไม่ใช่แค่เพียงอยากได้ เมื่อมีบ้านก้ต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา อีกหลายๆเรื่องต้องใช้เงินทั้งนั้น เงินไม่พอเดือดร้อนถึงพ่อแมอีก
การงานที่ทำแน่นอนหรือเปล่า มีการขึ้นเงินเดือนแบบถาวรไหม ถ้าไม่ใช่อย่าเสี่ยงค่ะ งานเอกชนเงินเดือนมากๆ เขาก็อยากดีดออก หาคนจ้างใหม่อยู่แล้ว งานเดิมแต่จ้างถูกลง นอกจากเป็นตำแหน่งวิชาชีพที่เขาหายากๆ
เห็นด้วยกับความเห็นหลายๆความเห็น ซื้อคอนโดสักห้อง ผ่อนเดือนละหมื่นนิดๆ ต่อไปไม่อยู่ยังให้เช่าได้ คนทำงานไม่มีเวลาดูแลบ้านเป็นหลังหรอกค่ะ เสี่ยงขโมย ชุมยังกะยุงเจองานหนัก รถติด กว่าจะถึงบ้าน ก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว
ในอนาคต กรุงเทพไม่น่าอยู่แล้ว อีก ห้า หก ปี น้ำจะท่วมมากขึ้นๆ นำเงินที่จะลงทุนในกรุงเทพ ปรับปรุงบ้านต่างจังหวัด ให้น่าอยู่ดีกว่า อากาศดีด้วย วันหยุดก็กลับไปพักผ่อน
ถ้าลูกสาวมีแฟนแล้ว และมีแผนจะแต่งงาน ให้เขาลงทุนกันเองค่ะ ผู้ชายต้องแสวงหาด้วย ไม่ใช่เป็นปลิงหาที่อยู่สำเร็จรูป จะสบายมากไป
คุณพ่อ คุณแม่ เหนื่อยมาทั้งชีวิต เรามันไม้ใกล้ฝั่งกันแล้ว ต้องฝึกลูกให้โต ช่วยเหลือตัวเอง จะช่วยลูกก็พอเหมาะควร ลูกๆ ไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่เหมือนบางครอบครัวก็บุญมากแล้วค่ะ
ดิฉันไม่ได้แนะนำให้ใจดำกับลูกนะคะ รักลูกต้องให้เขารู้จักต่อสู้ใช้ชีวิตให้เป็น เพราะเราไม่ได้อยู่ดูแลเขาตลอดไปหรอกค่ะ ลูกดิฉันออกเรือนไปให้มีบ้านของตัวเองแยกออกไปทุกคน เพียงช่วยเริ่มต้นให้นิดหน่อยตามกำลัง นอกนั้นก็ไปว่ากันเองค่ะ
สรุปนะลุงนะ เก็บเงินไว้เถอะ ตามหลายความเห็น ลุงกะป้า ทุ่มให้ลูกหมด เกิดป่วยมาราธอนขึ้นมา ลูกคงไม่ทุ่มเทให้เราสุดชีวิตเหมือนเราทำให้เขาหรอกค่ะ เพราะเขาก็ต้องมีครอบครัว ดิฉันหมดกะแม่เพราะล้างไตมาสิบกว่าปี เข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หมดเงินเป็นหลายล้าน พอท่านเสีย แทบจะไม่เหลืออะไรเลย ถ้าลูกๆไม่มีเงินสำรอง แต่คุณยังมีเงิน ก็ยังอุ่นใจค่ะ
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 12 มิ.ย. 55 15:00:56
เงิน 1.5 ล้านของคุณลุง ที่จะดาวน์ให้ลูกสาวแล้ว ยังมีเงินอีกก้อนไหมคะ
ถ้าเป็นก้อนเดียวที่มีอยากแนะนำให้คุณลุงให้เงินก้อนนี้กับลูกสาวไปดาวน์แล้ว
ไม่ต้องช่วยผ่อนรายเดือนอีก เงินบำนาญแต่ละเดือนเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉินดีกว่าค่ะ
ถึงคุณลุง+คุณป้าเป็นข้าราชการบำนาญ แต่เวลาเจ็บป่วยจริงไม่รู้จะใช้สิทธิ์ได้แค่ไหน
ยาบางอย่างก็เบิกไม่ได้ คุณลุงอาจคิดว่าเวลาป่วยจะรักษาเท่าสิทธิ์ตัวเองก็พอ
แต่..ไม่ได้แช่งนะคะ ถ้าคุณป้าเป็นคนป่วย คุณลุงจะทนเห็นคุณป้าเจ็บได้ไหม
จากประสบการณ์ตรงตอนแม่หนูป่วย พ่อหนูสู้เต็มที่จ่ายค่ารักษาไปล้านกว่า
ถ้าแม่ยังไหวพ่อก็ยังจะยื้อต่อ
กรณีลูกสาวคุณลุงที่แย้มว่าอนาคตจะมีคนมากู้ร่วม น่าจะให้เขาปรึกษากันเองว่า
ทางบ้านจะช่วย 1.5 ล้าน จะเลือกบ้านในราคาเท่าไรที่เขาผ่อนไว้ ถ้าผ่อนบ้านหลังที่มองไม่ไหว
ก็ต้องหาหลังอื่นค่ะ และควรให้เขากู้ร่วมกันเอง ดีกว่าให้กู้ร่วมกับพี่ชายค่ะ
ถึงพี่ชายไม่ได้ร่วมส่งเงิน แต่ถ้ามีปัญหาน้องสาวส่งไม่ได้ บ้านก็จะเป็นปัญหาครอบครัวและเป็นภาระให้พี่ชายอีก
By: asujug
Since: 12 มิ.ย. 55 15:02:20
บ้านแพงมาก ทำเลคงอยู่ในเมือง
พ่อแม่คงกู้ลำบากเพราะอายุมากแล้ว
คงจะต้องให้ลูกๆ กู้ร่วมครับ
By: falsi
Since: 11 มิ.ย. 55 14:58:51
เรื่องกู้ไม่รู้เหมือนกัน
แต่จะเข้ามาทักว่า บางทีลูกเค้าอาจจะไม่อยากทำงานในเมืองตลอดไปก้อได้นะ
แบบว่าผมก้อทำงานในเมืองเหมือนกัน
แต่ความฝันคือ เมื่อเก็บเงินได้พอสมควรแล้ว อยากย้ายไปทำงานต่างจังหวัด
ปลูกบ้านบนที่ดินกว้างๆ ทำงานเงินเดือนน้อยกว่าปัจจุบันซักครึ่งนึงก้อไม่เป็นไร
By: nat1234
Since: 11 มิ.ย. 55 15:35:46
เพื่อนคุณแม่เรา มีลูก 2 คนอยู่กรุงเทพ ก็รู้สึกคล้ายๆกับคุณ จขกท อ่ะค่ะ
เพื่อนคุณแม่เราเขาเลยไปดาวน์คอนโดให้ลูก 2 ห้อง ห้องละคน โดยให้แต่ละคนผ่อนกันเอง
เราว่าอย่างงี้ก็ดี ลูกๆจะได้มีความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่อะไรก็ให้พ่อแม่หาให้หมด อีกอย่างถ้าเป็นลูกสาวอยู่คนเดียว เราว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้ามันปลอดภัยกว่า แถมอีกหน่อยเกิดเขามีแฟนแต่งงานไป ก็ให้เขาและแฟนไปหาบ้านกันเองให้ถูกใจทั้งคู่ดีกว่าค่ะ
By: ohhioh
Since: 11 มิ.ย. 55 15:39:07
เห็นด้วย คห 3 อายุมากแล้วทั้งคู่ เก็บเงินไว้ดูแลสุขภาพดีกว่า ลูกก็โตทำงานแล้ว อยู่หอพักคุ้มกว่า เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องไปทำงานที่ไหนอีก นอกจากทำงานราชการในกระทรวง หรือรัฐวิสาหกิจ บ้านที่จะขายแพงเกินไป ซื้อมาต้องซ่อมอีกหลายสตางค์ ขอแนะนำถ้าอยากได้จริงๆ
ซื้อคอนโด ขนาดสองห้อง พ่อ แม่ จ่ายดาวน์ นอกนั้นลูกผ่อนกันเอง อย่าเป็นหนี้มาก ถ้าทำงานเอกชนยิ่งไม่มีความแน่นอน
พ่อ แม่ ก็แก่แล้ว ปล่อยให้ลูกรับผิดชอบตัวเองจะดีกว่า ลูกๆฉันก็ซื้อบ้านเอง ช่วยแค่ดาวน์ แล้วผ่อนต่อไป ถ้าเป็นลูกสาว รอให้เขามีแฟนแล้วช่วยกันหาช่วยกันซื้อจะดีกว่า
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 11 มิ.ย. 55 16:06:02
ขออนุญาตให้คำแนะนำคุณลุงนะคะ ถ้าลูกๆ เพิ่งทำงาน ต้องระวังเรื่องเค้าจะรับภาระไม่ไหวด้วยค่ะ ถ้ากู้ 1.5 ล้าน น่าจะผ่อนเดือนละประมาณ 1 หมื่น กลัวว่าเค้าจะไม่ไหวแล้วปล่อยหลุดไป เสียเงินดาวน์ฟรีน่ะค่ะ ลองเลือกทาวเฮ้าท์ล้านกว่าๆ คุณลุงดาวน์ให้ซัก 1 ล้าน (อีก 5 แสนสำรองเก็บไว้) แล้วให้เด็กๆ ผ่อนส่วนที่เหลือ น่าจะพอๆ กับค่าเช่าหอนะคะ เดี๋ยวอนาคตงานการเค้าลงตัว มีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ค่อยขายบ้านเล็กไปซื้อบ้านใหญ่ก็ได้ค่ะ
By: pyramidas
Since: 11 มิ.ย. 55 16:18:31
ถ้าเขาเช่าหอพักอยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นหาคอนโดสักห้องที่ราคาไม่แพงมาก
เจียดเงินเก็บมาดาวน์ให้เขาก็พอ ที่เหลือให้เขาผ่อนเองวงเงินสักล้าน
ฐานเงินเดือนน่าจะกู้ผ่านโดยไม่ต้องกู้ร่วม ไม่ต้องพาพี่เขามาวุ่นวายด้วย
คงสามารถหาซื้อห้องราคาล้านเศษที่กำลังใกล้เสร็จได้ไม่ยาก
ซื้อบ้านเก่ายังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลซ่อมบำรุงอีกพอควรนะ
ไหนจะต้องซื้อข้าวของเข้าไปใช้อีก
คอนโดเดียวนี้ตกแต่งพร้อมอยู่แทบจะหิ้วกระเป๋าไปอย่างเดียว
เงินล้านนึงผ่อนต่อเดือนประมาณ 6500-7000 เขาน่าจะผ่อนไว้นะ
เงินเก็บยังอยู่ล้านกว่า
เปลี่ยนค่าเช่ามาเป็นค่าผ่อนธนาคาร
ถ้าอาชีพการงานก้าวหน้าพอจะซื้อบ้านใหม่
จะขยับขยายขายทิ้งหรือปล่อยเช่าในอนาคตก็ยังได้
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 16:28:15
เห็นด้วยกับทุกความเห็นข้างบนค่ะคุณลุง และซาบซึ้งใจในความรักที่ไม่มีขอบเขตของพ่อกับแม่มากนัก
แต่ว่าเงินทองของหายาก ความไม่แน่นอนเกิดได้ตลอดเวลา คุณลุงลองทบทวนดูใหม่ดีไหมคะ
เช่าเค้า เวลาจะไปก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แต่ถ้าซื้อแล้วเกิดปัญหา มันสะบัดไม่หลุดง่ายๆน่ะสิคะ
By: sasinee
Since: 11 มิ.ย. 55 17:23:24
ขอบอกความในใจต่อไปว่า———————————
ทาง ตจว.นั้นพอผมและภรรยาเสียชีวิตลง จะได้เงินฌาปนกิจกับเงินอื่น ๆ อีกประมาณคนละประมาณไม่น้อยห้าแสน ลูกคงค่อยเอามาโปะ ในชั้นนี้ขอแค่ให้ได้เครดิตธนาคารไปก่อน เงินที่ผ่อนก็คือเงินของพ่อกับแม่เสียส่วนใหญ่ กะว่าระยะแรก ๆ น่าจะผ่อนได้เดือนละ 12,000 บาท แม้เอาชื่อลูกอีกคนเข้ามากู้ร่วมก็ตาม ก็คือเงินของพ่อแม่นั้นเอง และอีกอย่างลูกแย้ม ๆ ออกมาว่าในกาลข้างหน้าที่ไม่น่าจะนาน อาจมีคนมาช่วยผ่อนด้วย …. ฮิฮื
ลูกไปดูบ้านมาแล้ว บอกชอบมาก เขาบอกว่าถึงกันฝันไปแล้วว่าจะนอนห้องไหน ….
หรือว่าอย่าเลย มันเกินเื้อื้อม ถอยไปหาคอนโดดีกว่า ………………หรือค่อยให้ลูก
จัดหาเองตอนไม่มีพ่อแม่แล้ว
ลุงกำนันพลครับ
By: กำนันพล
Since: 11 มิ.ย. 55 17:56:24
แปลกดี แม่ผม ญาติๆฝั่งผม คนรู้จัก หลายคนเลยนะครับ เกิดจะมาซื้อบ้านเอาช่วงอายุนี้ทุกคนเลย มันเหมือนปรากฏการณ์อะไรสักอย่าง อย่างของแม่ผมคอนโดมีชื่อกลางเมือง ไอ้เซลล์ก็มาหว่านล้อม คอนโดราคาเกือบเจ็ดล้าน เอาเงินจองไปแล้วหลายหมื่น ผลสุดท้ายเขาก็เสียเงินไปฟรีๆ แค่ไอ้ความรู้สึกว่าจะให้ลูกให้หลานนี่แหละครับ ผมว่าผู้ใหญ่นี่คงต้องพักได้แล้วหละครับ ถ้าไม่มีสินอยู่เดิม วัยขนาดนี้ไม่ต้องไปดิ้นรนหาแล้วครับ มีลูกมีหลานน่าจะเลยวัยกลางคนแล้วน่าจะหากันเองได้อยู่แล้ว ผมเองอายุยี่สิบกว่าก็ซื้อบ้านกันกับเมียสองคนแล้วครับ ทีนี้ถ้าเป็นวัยที่ว่าน่าจะต้องการเงินก้อนกันมากกว่า พวกการศึกษาลูก เผื่อลูกๆเขาไปเมืองนอกเมืองนากันด้วยครับ ไอ้บ้านมีอยู่แล้วก็อยู่ไปก่อน ไอ้มาซื้อตอนนี้มันคงไม่มีไฟไปทำอะไรให้มันเจริญงอกงามแล้วมังครับ อ่านแล้วผู้ใหญ่น่ารักจัง แต่ผมว่าธนาคารเขาจะให้สินเชื่อใหม จริงๆเงินสดล้านห้าทาวน์เฮ้าส์แถวรามอินทราสักเกือบสามสิบตารางวาก็ซื้อได้แล้วนะครับ
By: ลองดู
Since: 11 มิ.ย. 55 19:51:39
ซื้อบ้านอย่าใจร้อน ค่อยๆดู ยิ่งบ้านเก่ายิ่งต้องดูนานๆ
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 20:38:39
ขอตอบเนื่องจาก case คล้ายของหนูเลยค่ะ (พ่อแม่เป็นข้าราชการ อยากกู้ซื้อบ้านให้ลูก)
คือในตอนแรกหนูตั้งใจซื้อทาวเฮ้าส์ขนาดพอตัวเองคนเดียวผ่อนไหว หาอยู่หลายปีไม่ได้ ไม่โดนซักที เพราะที่เราผ่อนไหวก็อยู่ไกล ไอ้ที่เราพอใจก็แพง หาอยู่ 3 ปี ตระเวนไปทุกที่ทุกแหล่ง ทั้งบ้านมือ 1 2 3
จากปีแรกที่อยากได้ทาวเหา พอปีที่ 3 เริ่มคิดการไกล อีกอย่างคนที่บ้าน (พ่อ, แม่, น้อง) เค้าชินกับการอยู่ที่กว้่างๆ เหมือนบ้านต่างจังหวัด พอมาเห็นทาวเฮ้าส์ในเมืองหลังเล็กๆ แล้วเหมือนเสียตังค์เยอะแต่ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มาอ่ะค่ะ
จนสุดท้ายพ่อบอกว่าให้หาบ้านเดี่ยวซัก 3 ล้านต้นๆ ให้หนูกู้ให้เต็มแม็ก ที่เหลือพ่อออกให้เอง (แต่ตังค์แม่)
ตอนนั้นหนูก็ต้องประมาณตัวเองอ่ะค่ะ ดูหน้าที่การงานเราแล้วคงไปทำงานที่บ้านเกิดไม่ได้ คงไม่พอกิน แหล่งงานเงินเราอยู่กรุงเทพ และหนูคงมิได้สร้างครอบครัวในระยะนี้ อีกอย่างก็ดูสภาพน้องๆ สภาพการใช้ชีวิตของเขาแล้ว คงไม่มีใครกลับบ้านเกิดแน่ ก็ให้มันมาอยู่กับเรานี่แหละ ถือว่าสร้างหนี้ก้อนใหญ่เพื่อครอบครัวละกัน
จากนั้นหนูก็เดินไปธนาคาร เอาสลิปเงินเดือนไปให้พนักงานประเมินเบื้องต้นเลยค่ะว่าจะกู้ได้เท่าไหร่ ปรากฏว่าได้เต็มแม๊ก 2.5 ล้าน แต่ก็ดูแล้วถ้าเอามาเต็มวงเงินนั้น หนูผ่อนรายเดือนไม่ไหวแน่ๆ เลยตัดสินใจว่าจะกู้แค่ 2 ล้าน (เพราะฉะนั้น ต้องจิ๊กตังค์พ่อประมาณ 1-1.5 ล้าน เพื่อให้ได้บ้านตามงบประมาณ 3.5 ล้าน
จากนั้นก็เริ่มหาบ้านตามงบค่ะ ไม่ไกลเมืองมาก เดินทางสะดวก หนูผ่อนไหว ไม่ตึงเกินไป พ่อแม่ไม่ต้องกู้หนี้ตอนแก่
คุณลุงน่าจะให้ลูกลองยื่นประเมินก่อนนะคะว่า เค้ากู้ได้ประมาณเท่าไหร่ค่ะ จากนั้นก็มาดูเงินเก็บของคุณลุงที่สามารถ support ลูกได้ (อย่าลืมค่าโอนบ้าน ค่าเครื่องใช้ในบ้านอีกซัก 150,000 บาท) แล้วค่อยให้ลูกไปหาบ้านตามงบประมาณที่มีดีกว่านะคะ
แต่ถ้าบ้านหลังนั้นอยู่ย่านกลางเมือง อายุ 20 ปีสภาพยังดี 40 ตรว. ก็ราคาสมเหตุผลนะคะ
By: Epoxy
Since: 11 มิ.ย. 55 20:58:29
กลับมาอีกรอบ กำนันพลค่ะ อย่าว่าหนูเลยน่ะค่ะ อาจจะพูดตรงไปหน่อย
เห็นข้อความจาก คคห 8 แล้วแบบว่า …. บอกตรงๆว่า ถ้ากำนันเกิดจู่ๆตายไปมันก็ไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่ถ้าเกิดป่วยๆ หรือายุยืน ลูกๆลำบากน่ะค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่าเงินที่กำนันมีอยู่ควรเก็บไว้ดูแลตัวเองไม่ให้เดือนร้อนลูกดีกว่า
ทำไมถึงบอกแบบนี้ เพราะ ที่บ้านเราต้องดูแล คุณยาย ดูแลคนสูงอายุมันหนักน่ะค่ะ ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลที่หลักหมื่น ถึงบอกว่าเป็นราชการ แต่มันก็เบิกได้ไม่เท่าไร อีกอย่างเราก็ทนไม่ค่อยได้ที่จะให้ยายอยู่โรงพยาบาลรัฐ แล้วพอแก่ๆไปเราก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวก็ไม่ได้ ต้องจ้างคนดูแล เสียเดือนละเกือบหมื่น ไหนจะต้องให้เงินค่าขนมท่านอีก ขนาดไม่ป่วยอะไร ค่าใช้จ่ายในการดูแลท่าน เดือนละ 2 หมื่นแล้ว แล้วถ้าป่วยประกอบด้วยไม่อยากจะคิดว่าจะอีกเท่าไร แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาผ่อนบ้าน
แม่เราตอนนี้ยังทำงานอยู่ แต่อีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณ ท่านมีเงินเก็บพอควร แต่เรากับน้องเปิดบัญชีรวม เอาเงินไปฝากกันทุกเดือน บอกกันว่าเก็บไว้ยามแม่เจ็บป่วย เพราะรู้กันว่าถ้าเกิดป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลที่หมดกันเป็นแสน
ขอสรุปเลยละกันว่า ถ้ารักลูกไม่อยากให้ลูกลำบาก ก็เก็บเงินไว้ และรักษาร่างกายให้แข็งแรงเถอะค่ะ ลูกก็โตๆแล้วหัดให้หากินหาใช้เอง เขาจะได้ภูมิใจในตัวเองด้วย
By: ohhioh
Since: 12 มิ.ย. 55 08:16:25
ด้วยความเคารพอายุเจ็ดสิบ ลูกๆถ้าไม่ครึ่งร้อย ก็ไกล้ๆแล้วมังครับ ไม่ต้องไปขวนขวายหาซื้ออะไรให้มันแล้ว อยากนึกภาพตอนลูกอายุครึ่งร้อยนี่ มาบอกพ่อแม่่ว่าฝันจะนอนห้องไหนกันแล้วคงน่ารักดีครับ อันนี้ผมก็อายุมากแล้วครับ ตอนแม่ผมเขามีไอเดียจะไปกู้หนี้ยืมสินซื้อบ้านแจกนี่ตอนนั้น ไม่ใช่ดีใจนะครับ ผมอายใจครับ ผมว่าคุณพี่ซื้อที่ดินแถวบ้านนอกทิ้งไว้ดีกว่า เอาให้แปลงละครบลูกแต่ละคนเลยครับ ตายไปเมื่อไหร่ลูกเขาก็ตัดสินใจเอาเองว่าจะทำกันอย่างไร
By: ลองดู
Since: 12 มิ.ย. 55 08:36:25
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ
ลูกสาวอายุ 28 เขาเพิ่งเกิดตอนลุงอายุ 40 ครับ ถ้าเขามาเดินกับลุง
ใคร ๆ ก็คิดว่าลุงคือปู่ แน่ ๆ
มี comment จากท่านใดอีกไหม ขออีกหน่อย แล้วจะได้สรุปและตอบขอบคุณต่อไปครับ
By: กำนันพล
Since: 12 มิ.ย. 55 11:21:30
คุณกำนันพลคะ คุณกับฉันวัยใกล้เคียงกัน บั้นปลายชีวิตก็อยากทำอะไรให้ลูกได้สุขสบาย เป็นเรื่องปกติธรรมดาของความเป็นพ่อ แม่ เพราะตัวเองจะไปนรก สวรรค์ เมื่อไรไม่รู้ อะไรที่ทำให้ลูกได้มีความสุขและมีความพร้อมได้ ก็อยากจะทำค่ะ แต่ ตั้งสติสักนิดและพิจารณาดูว่า
คุณ และ ภรรยา ป่วยไข้ขึ้นมา มีสวัสดิการอะไรรองรับหรือไม่ และได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม หรือต้องไปรักษา รพ รัฐบาลเท่านั้น เผื่อเป็นกรณีฉุกเฉิน หรือต้องรักษาในระยะยาว เพราะมันไม่ตายสักทีนะซี ลูกสองคนมีกำลังเงินดูแลพ่อแม่ได้ไหมในอนาคต
วุฒิภาวะของลูกพร้อมจะรับผิดชอบหนี้สินได้ระยาว หลายสิบปีได้ไหม ไม่ใช่แค่เพียงอยากได้ เมื่อมีบ้านก้ต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา อีกหลายๆเรื่องต้องใช้เงินทั้งนั้น เงินไม่พอเดือดร้อนถึงพ่อแมอีก
การงานที่ทำแน่นอนหรือเปล่า มีการขึ้นเงินเดือนแบบถาวรไหม ถ้าไม่ใช่อย่าเสี่ยงค่ะ งานเอกชนเงินเดือนมากๆ เขาก็อยากดีดออก หาคนจ้างใหม่อยู่แล้ว งานเดิมแต่จ้างถูกลง นอกจากเป็นตำแหน่งวิชาชีพที่เขาหายากๆ
เห็นด้วยกับความเห็นหลายๆความเห็น ซื้อคอนโดสักห้อง ผ่อนเดือนละหมื่นนิดๆ ต่อไปไม่อยู่ยังให้เช่าได้ คนทำงานไม่มีเวลาดูแลบ้านเป็นหลังหรอกค่ะ เสี่ยงขโมย ชุมยังกะยุงเจองานหนัก รถติด กว่าจะถึงบ้าน ก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว
ในอนาคต กรุงเทพไม่น่าอยู่แล้ว อีก ห้า หก ปี น้ำจะท่วมมากขึ้นๆ นำเงินที่จะลงทุนในกรุงเทพ ปรับปรุงบ้านต่างจังหวัด ให้น่าอยู่ดีกว่า อากาศดีด้วย วันหยุดก็กลับไปพักผ่อน
ถ้าลูกสาวมีแฟนแล้ว และมีแผนจะแต่งงาน ให้เขาลงทุนกันเองค่ะ ผู้ชายต้องแสวงหาด้วย ไม่ใช่เป็นปลิงหาที่อยู่สำเร็จรูป จะสบายมากไป
คุณพ่อ คุณแม่ เหนื่อยมาทั้งชีวิต เรามันไม้ใกล้ฝั่งกันแล้ว ต้องฝึกลูกให้โต ช่วยเหลือตัวเอง จะช่วยลูกก็พอเหมาะควร ลูกๆ ไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่เหมือนบางครอบครัวก็บุญมากแล้วค่ะ
ดิฉันไม่ได้แนะนำให้ใจดำกับลูกนะคะ รักลูกต้องให้เขารู้จักต่อสู้ใช้ชีวิตให้เป็น เพราะเราไม่ได้อยู่ดูแลเขาตลอดไปหรอกค่ะ ลูกดิฉันออกเรือนไปให้มีบ้านของตัวเองแยกออกไปทุกคน เพียงช่วยเริ่มต้นให้นิดหน่อยตามกำลัง นอกนั้นก็ไปว่ากันเองค่ะ
สรุปนะลุงนะ เก็บเงินไว้เถอะ ตามหลายความเห็น ลุงกะป้า ทุ่มให้ลูกหมด เกิดป่วยมาราธอนขึ้นมา ลูกคงไม่ทุ่มเทให้เราสุดชีวิตเหมือนเราทำให้เขาหรอกค่ะ เพราะเขาก็ต้องมีครอบครัว ดิฉันหมดกะแม่เพราะล้างไตมาสิบกว่าปี เข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หมดเงินเป็นหลายล้าน พอท่านเสีย แทบจะไม่เหลืออะไรเลย ถ้าลูกๆไม่มีเงินสำรอง แต่คุณยังมีเงิน ก็ยังอุ่นใจค่ะ
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 12 มิ.ย. 55 15:00:56
เงิน 1.5 ล้านของคุณลุง ที่จะดาวน์ให้ลูกสาวแล้ว ยังมีเงินอีกก้อนไหมคะ
ถ้าเป็นก้อนเดียวที่มีอยากแนะนำให้คุณลุงให้เงินก้อนนี้กับลูกสาวไปดาวน์แล้ว
ไม่ต้องช่วยผ่อนรายเดือนอีก เงินบำนาญแต่ละเดือนเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉินดีกว่าค่ะ
ถึงคุณลุง+คุณป้าเป็นข้าราชการบำนาญ แต่เวลาเจ็บป่วยจริงไม่รู้จะใช้สิทธิ์ได้แค่ไหน
ยาบางอย่างก็เบิกไม่ได้ คุณลุงอาจคิดว่าเวลาป่วยจะรักษาเท่าสิทธิ์ตัวเองก็พอ
แต่..ไม่ได้แช่งนะคะ ถ้าคุณป้าเป็นคนป่วย คุณลุงจะทนเห็นคุณป้าเจ็บได้ไหม
จากประสบการณ์ตรงตอนแม่หนูป่วย พ่อหนูสู้เต็มที่จ่ายค่ารักษาไปล้านกว่า
ถ้าแม่ยังไหวพ่อก็ยังจะยื้อต่อ
กรณีลูกสาวคุณลุงที่แย้มว่าอนาคตจะมีคนมากู้ร่วม น่าจะให้เขาปรึกษากันเองว่า
ทางบ้านจะช่วย 1.5 ล้าน จะเลือกบ้านในราคาเท่าไรที่เขาผ่อนไว้ ถ้าผ่อนบ้านหลังที่มองไม่ไหว
ก็ต้องหาหลังอื่นค่ะ และควรให้เขากู้ร่วมกันเอง ดีกว่าให้กู้ร่วมกับพี่ชายค่ะ
ถึงพี่ชายไม่ได้ร่วมส่งเงิน แต่ถ้ามีปัญหาน้องสาวส่งไม่ได้ บ้านก็จะเป็นปัญหาครอบครัวและเป็นภาระให้พี่ชายอีก
By: asujug
Since: 12 มิ.ย. 55 15:02:20
บ้านแพงมาก ทำเลคงอยู่ในเมือง
พ่อแม่คงกู้ลำบากเพราะอายุมากแล้ว
คงจะต้องให้ลูกๆ กู้ร่วมครับ
By: falsi
Since: 11 มิ.ย. 55 14:58:51
เรื่องกู้ไม่รู้เหมือนกัน
แต่จะเข้ามาทักว่า บางทีลูกเค้าอาจจะไม่อยากทำงานในเมืองตลอดไปก้อได้นะ
แบบว่าผมก้อทำงานในเมืองเหมือนกัน
แต่ความฝันคือ เมื่อเก็บเงินได้พอสมควรแล้ว อยากย้ายไปทำงานต่างจังหวัด
ปลูกบ้านบนที่ดินกว้างๆ ทำงานเงินเดือนน้อยกว่าปัจจุบันซักครึ่งนึงก้อไม่เป็นไร
By: nat1234
Since: 11 มิ.ย. 55 15:35:46
เพื่อนคุณแม่เรา มีลูก 2 คนอยู่กรุงเทพ ก็รู้สึกคล้ายๆกับคุณ จขกท อ่ะค่ะ
เพื่อนคุณแม่เราเขาเลยไปดาวน์คอนโดให้ลูก 2 ห้อง ห้องละคน โดยให้แต่ละคนผ่อนกันเอง
เราว่าอย่างงี้ก็ดี ลูกๆจะได้มีความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่อะไรก็ให้พ่อแม่หาให้หมด อีกอย่างถ้าเป็นลูกสาวอยู่คนเดียว เราว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้ามันปลอดภัยกว่า แถมอีกหน่อยเกิดเขามีแฟนแต่งงานไป ก็ให้เขาและแฟนไปหาบ้านกันเองให้ถูกใจทั้งคู่ดีกว่าค่ะ
By: ohhioh
Since: 11 มิ.ย. 55 15:39:07
เห็นด้วย คห 3 อายุมากแล้วทั้งคู่ เก็บเงินไว้ดูแลสุขภาพดีกว่า ลูกก็โตทำงานแล้ว อยู่หอพักคุ้มกว่า เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องไปทำงานที่ไหนอีก นอกจากทำงานราชการในกระทรวง หรือรัฐวิสาหกิจ บ้านที่จะขายแพงเกินไป ซื้อมาต้องซ่อมอีกหลายสตางค์ ขอแนะนำถ้าอยากได้จริงๆ
ซื้อคอนโด ขนาดสองห้อง พ่อ แม่ จ่ายดาวน์ นอกนั้นลูกผ่อนกันเอง อย่าเป็นหนี้มาก ถ้าทำงานเอกชนยิ่งไม่มีความแน่นอน
พ่อ แม่ ก็แก่แล้ว ปล่อยให้ลูกรับผิดชอบตัวเองจะดีกว่า ลูกๆฉันก็ซื้อบ้านเอง ช่วยแค่ดาวน์ แล้วผ่อนต่อไป ถ้าเป็นลูกสาว รอให้เขามีแฟนแล้วช่วยกันหาช่วยกันซื้อจะดีกว่า
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 11 มิ.ย. 55 16:06:02
ขออนุญาตให้คำแนะนำคุณลุงนะคะ ถ้าลูกๆ เพิ่งทำงาน ต้องระวังเรื่องเค้าจะรับภาระไม่ไหวด้วยค่ะ ถ้ากู้ 1.5 ล้าน น่าจะผ่อนเดือนละประมาณ 1 หมื่น กลัวว่าเค้าจะไม่ไหวแล้วปล่อยหลุดไป เสียเงินดาวน์ฟรีน่ะค่ะ ลองเลือกทาวเฮ้าท์ล้านกว่าๆ คุณลุงดาวน์ให้ซัก 1 ล้าน (อีก 5 แสนสำรองเก็บไว้) แล้วให้เด็กๆ ผ่อนส่วนที่เหลือ น่าจะพอๆ กับค่าเช่าหอนะคะ เดี๋ยวอนาคตงานการเค้าลงตัว มีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ค่อยขายบ้านเล็กไปซื้อบ้านใหญ่ก็ได้ค่ะ
By: pyramidas
Since: 11 มิ.ย. 55 16:18:31
ถ้าเขาเช่าหอพักอยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นหาคอนโดสักห้องที่ราคาไม่แพงมาก
เจียดเงินเก็บมาดาวน์ให้เขาก็พอ ที่เหลือให้เขาผ่อนเองวงเงินสักล้าน
ฐานเงินเดือนน่าจะกู้ผ่านโดยไม่ต้องกู้ร่วม ไม่ต้องพาพี่เขามาวุ่นวายด้วย
คงสามารถหาซื้อห้องราคาล้านเศษที่กำลังใกล้เสร็จได้ไม่ยาก
ซื้อบ้านเก่ายังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลซ่อมบำรุงอีกพอควรนะ
ไหนจะต้องซื้อข้าวของเข้าไปใช้อีก
คอนโดเดียวนี้ตกแต่งพร้อมอยู่แทบจะหิ้วกระเป๋าไปอย่างเดียว
เงินล้านนึงผ่อนต่อเดือนประมาณ 6500-7000 เขาน่าจะผ่อนไว้นะ
เงินเก็บยังอยู่ล้านกว่า
เปลี่ยนค่าเช่ามาเป็นค่าผ่อนธนาคาร
ถ้าอาชีพการงานก้าวหน้าพอจะซื้อบ้านใหม่
จะขยับขยายขายทิ้งหรือปล่อยเช่าในอนาคตก็ยังได้
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 16:28:15
เห็นด้วยกับทุกความเห็นข้างบนค่ะคุณลุง และซาบซึ้งใจในความรักที่ไม่มีขอบเขตของพ่อกับแม่มากนัก
แต่ว่าเงินทองของหายาก ความไม่แน่นอนเกิดได้ตลอดเวลา คุณลุงลองทบทวนดูใหม่ดีไหมคะ
เช่าเค้า เวลาจะไปก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แต่ถ้าซื้อแล้วเกิดปัญหา มันสะบัดไม่หลุดง่ายๆน่ะสิคะ
By: sasinee
Since: 11 มิ.ย. 55 17:23:24
ขอบอกความในใจต่อไปว่า———————————
ทาง ตจว.นั้นพอผมและภรรยาเสียชีวิตลง จะได้เงินฌาปนกิจกับเงินอื่น ๆ อีกประมาณคนละประมาณไม่น้อยห้าแสน ลูกคงค่อยเอามาโปะ ในชั้นนี้ขอแค่ให้ได้เครดิตธนาคารไปก่อน เงินที่ผ่อนก็คือเงินของพ่อกับแม่เสียส่วนใหญ่ กะว่าระยะแรก ๆ น่าจะผ่อนได้เดือนละ 12,000 บาท แม้เอาชื่อลูกอีกคนเข้ามากู้ร่วมก็ตาม ก็คือเงินของพ่อแม่นั้นเอง และอีกอย่างลูกแย้ม ๆ ออกมาว่าในกาลข้างหน้าที่ไม่น่าจะนาน อาจมีคนมาช่วยผ่อนด้วย …. ฮิฮื
ลูกไปดูบ้านมาแล้ว บอกชอบมาก เขาบอกว่าถึงกันฝันไปแล้วว่าจะนอนห้องไหน ….
หรือว่าอย่าเลย มันเกินเื้อื้อม ถอยไปหาคอนโดดีกว่า ………………หรือค่อยให้ลูก
จัดหาเองตอนไม่มีพ่อแม่แล้ว
ลุงกำนันพลครับ
By: กำนันพล
Since: 11 มิ.ย. 55 17:56:24
แปลกดี แม่ผม ญาติๆฝั่งผม คนรู้จัก หลายคนเลยนะครับ เกิดจะมาซื้อบ้านเอาช่วงอายุนี้ทุกคนเลย มันเหมือนปรากฏการณ์อะไรสักอย่าง อย่างของแม่ผมคอนโดมีชื่อกลางเมือง ไอ้เซลล์ก็มาหว่านล้อม คอนโดราคาเกือบเจ็ดล้าน เอาเงินจองไปแล้วหลายหมื่น ผลสุดท้ายเขาก็เสียเงินไปฟรีๆ แค่ไอ้ความรู้สึกว่าจะให้ลูกให้หลานนี่แหละครับ ผมว่าผู้ใหญ่นี่คงต้องพักได้แล้วหละครับ ถ้าไม่มีสินอยู่เดิม วัยขนาดนี้ไม่ต้องไปดิ้นรนหาแล้วครับ มีลูกมีหลานน่าจะเลยวัยกลางคนแล้วน่าจะหากันเองได้อยู่แล้ว ผมเองอายุยี่สิบกว่าก็ซื้อบ้านกันกับเมียสองคนแล้วครับ ทีนี้ถ้าเป็นวัยที่ว่าน่าจะต้องการเงินก้อนกันมากกว่า พวกการศึกษาลูก เผื่อลูกๆเขาไปเมืองนอกเมืองนากันด้วยครับ ไอ้บ้านมีอยู่แล้วก็อยู่ไปก่อน ไอ้มาซื้อตอนนี้มันคงไม่มีไฟไปทำอะไรให้มันเจริญงอกงามแล้วมังครับ อ่านแล้วผู้ใหญ่น่ารักจัง แต่ผมว่าธนาคารเขาจะให้สินเชื่อใหม จริงๆเงินสดล้านห้าทาวน์เฮ้าส์แถวรามอินทราสักเกือบสามสิบตารางวาก็ซื้อได้แล้วนะครับ
By: ลองดู
Since: 11 มิ.ย. 55 19:51:39
ซื้อบ้านอย่าใจร้อน ค่อยๆดู ยิ่งบ้านเก่ายิ่งต้องดูนานๆ
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 20:38:39
ขอตอบเนื่องจาก case คล้ายของหนูเลยค่ะ (พ่อแม่เป็นข้าราชการ อยากกู้ซื้อบ้านให้ลูก)
คือในตอนแรกหนูตั้งใจซื้อทาวเฮ้าส์ขนาดพอตัวเองคนเดียวผ่อนไหว หาอยู่หลายปีไม่ได้ ไม่โดนซักที เพราะที่เราผ่อนไหวก็อยู่ไกล ไอ้ที่เราพอใจก็แพง หาอยู่ 3 ปี ตระเวนไปทุกที่ทุกแหล่ง ทั้งบ้านมือ 1 2 3
จากปีแรกที่อยากได้ทาวเหา พอปีที่ 3 เริ่มคิดการไกล อีกอย่างคนที่บ้าน (พ่อ, แม่, น้อง) เค้าชินกับการอยู่ที่กว้่างๆ เหมือนบ้านต่างจังหวัด พอมาเห็นทาวเฮ้าส์ในเมืองหลังเล็กๆ แล้วเหมือนเสียตังค์เยอะแต่ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มาอ่ะค่ะ
จนสุดท้ายพ่อบอกว่าให้หาบ้านเดี่ยวซัก 3 ล้านต้นๆ ให้หนูกู้ให้เต็มแม็ก ที่เหลือพ่อออกให้เอง (แต่ตังค์แม่)
ตอนนั้นหนูก็ต้องประมาณตัวเองอ่ะค่ะ ดูหน้าที่การงานเราแล้วคงไปทำงานที่บ้านเกิดไม่ได้ คงไม่พอกิน แหล่งงานเงินเราอยู่กรุงเทพ และหนูคงมิได้สร้างครอบครัวในระยะนี้ อีกอย่างก็ดูสภาพน้องๆ สภาพการใช้ชีวิตของเขาแล้ว คงไม่มีใครกลับบ้านเกิดแน่ ก็ให้มันมาอยู่กับเรานี่แหละ ถือว่าสร้างหนี้ก้อนใหญ่เพื่อครอบครัวละกัน
จากนั้นหนูก็เดินไปธนาคาร เอาสลิปเงินเดือนไปให้พนักงานประเมินเบื้องต้นเลยค่ะว่าจะกู้ได้เท่าไหร่ ปรากฏว่าได้เต็มแม๊ก 2.5 ล้าน แต่ก็ดูแล้วถ้าเอามาเต็มวงเงินนั้น หนูผ่อนรายเดือนไม่ไหวแน่ๆ เลยตัดสินใจว่าจะกู้แค่ 2 ล้าน (เพราะฉะนั้น ต้องจิ๊กตังค์พ่อประมาณ 1-1.5 ล้าน เพื่อให้ได้บ้านตามงบประมาณ 3.5 ล้าน
จากนั้นก็เริ่มหาบ้านตามงบค่ะ ไม่ไกลเมืองมาก เดินทางสะดวก หนูผ่อนไหว ไม่ตึงเกินไป พ่อแม่ไม่ต้องกู้หนี้ตอนแก่
คุณลุงน่าจะให้ลูกลองยื่นประเมินก่อนนะคะว่า เค้ากู้ได้ประมาณเท่าไหร่ค่ะ จากนั้นก็มาดูเงินเก็บของคุณลุงที่สามารถ support ลูกได้ (อย่าลืมค่าโอนบ้าน ค่าเครื่องใช้ในบ้านอีกซัก 150,000 บาท) แล้วค่อยให้ลูกไปหาบ้านตามงบประมาณที่มีดีกว่านะคะ
แต่ถ้าบ้านหลังนั้นอยู่ย่านกลางเมือง อายุ 20 ปีสภาพยังดี 40 ตรว. ก็ราคาสมเหตุผลนะคะ
By: Epoxy
Since: 11 มิ.ย. 55 20:58:29
กลับมาอีกรอบ กำนันพลค่ะ อย่าว่าหนูเลยน่ะค่ะ อาจจะพูดตรงไปหน่อย
เห็นข้อความจาก คคห 8 แล้วแบบว่า …. บอกตรงๆว่า ถ้ากำนันเกิดจู่ๆตายไปมันก็ไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่ถ้าเกิดป่วยๆ หรือายุยืน ลูกๆลำบากน่ะค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่าเงินที่กำนันมีอยู่ควรเก็บไว้ดูแลตัวเองไม่ให้เดือนร้อนลูกดีกว่า
ทำไมถึงบอกแบบนี้ เพราะ ที่บ้านเราต้องดูแล คุณยาย ดูแลคนสูงอายุมันหนักน่ะค่ะ ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลที่หลักหมื่น ถึงบอกว่าเป็นราชการ แต่มันก็เบิกได้ไม่เท่าไร อีกอย่างเราก็ทนไม่ค่อยได้ที่จะให้ยายอยู่โรงพยาบาลรัฐ แล้วพอแก่ๆไปเราก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวก็ไม่ได้ ต้องจ้างคนดูแล เสียเดือนละเกือบหมื่น ไหนจะต้องให้เงินค่าขนมท่านอีก ขนาดไม่ป่วยอะไร ค่าใช้จ่ายในการดูแลท่าน เดือนละ 2 หมื่นแล้ว แล้วถ้าป่วยประกอบด้วยไม่อยากจะคิดว่าจะอีกเท่าไร แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาผ่อนบ้าน
แม่เราตอนนี้ยังทำงานอยู่ แต่อีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณ ท่านมีเงินเก็บพอควร แต่เรากับน้องเปิดบัญชีรวม เอาเงินไปฝากกันทุกเดือน บอกกันว่าเก็บไว้ยามแม่เจ็บป่วย เพราะรู้กันว่าถ้าเกิดป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลที่หมดกันเป็นแสน
ขอสรุปเลยละกันว่า ถ้ารักลูกไม่อยากให้ลูกลำบาก ก็เก็บเงินไว้ และรักษาร่างกายให้แข็งแรงเถอะค่ะ ลูกก็โตๆแล้วหัดให้หากินหาใช้เอง เขาจะได้ภูมิใจในตัวเองด้วย
By: ohhioh
Since: 12 มิ.ย. 55 08:16:25
ด้วยความเคารพอายุเจ็ดสิบ ลูกๆถ้าไม่ครึ่งร้อย ก็ไกล้ๆแล้วมังครับ ไม่ต้องไปขวนขวายหาซื้ออะไรให้มันแล้ว อยากนึกภาพตอนลูกอายุครึ่งร้อยนี่ มาบอกพ่อแม่่ว่าฝันจะนอนห้องไหนกันแล้วคงน่ารักดีครับ อันนี้ผมก็อายุมากแล้วครับ ตอนแม่ผมเขามีไอเดียจะไปกู้หนี้ยืมสินซื้อบ้านแจกนี่ตอนนั้น ไม่ใช่ดีใจนะครับ ผมอายใจครับ ผมว่าคุณพี่ซื้อที่ดินแถวบ้านนอกทิ้งไว้ดีกว่า เอาให้แปลงละครบลูกแต่ละคนเลยครับ ตายไปเมื่อไหร่ลูกเขาก็ตัดสินใจเอาเองว่าจะทำกันอย่างไร
By: ลองดู
Since: 12 มิ.ย. 55 08:36:25
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ
ลูกสาวอายุ 28 เขาเพิ่งเกิดตอนลุงอายุ 40 ครับ ถ้าเขามาเดินกับลุง
ใคร ๆ ก็คิดว่าลุงคือปู่ แน่ ๆ
มี comment จากท่านใดอีกไหม ขออีกหน่อย แล้วจะได้สรุปและตอบขอบคุณต่อไปครับ
By: กำนันพล
Since: 12 มิ.ย. 55 11:21:30
คุณกำนันพลคะ คุณกับฉันวัยใกล้เคียงกัน บั้นปลายชีวิตก็อยากทำอะไรให้ลูกได้สุขสบาย เป็นเรื่องปกติธรรมดาของความเป็นพ่อ แม่ เพราะตัวเองจะไปนรก สวรรค์ เมื่อไรไม่รู้ อะไรที่ทำให้ลูกได้มีความสุขและมีความพร้อมได้ ก็อยากจะทำค่ะ แต่ ตั้งสติสักนิดและพิจารณาดูว่า
คุณ และ ภรรยา ป่วยไข้ขึ้นมา มีสวัสดิการอะไรรองรับหรือไม่ และได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม หรือต้องไปรักษา รพ รัฐบาลเท่านั้น เผื่อเป็นกรณีฉุกเฉิน หรือต้องรักษาในระยะยาว เพราะมันไม่ตายสักทีนะซี ลูกสองคนมีกำลังเงินดูแลพ่อแม่ได้ไหมในอนาคต
วุฒิภาวะของลูกพร้อมจะรับผิดชอบหนี้สินได้ระยาว หลายสิบปีได้ไหม ไม่ใช่แค่เพียงอยากได้ เมื่อมีบ้านก้ต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา อีกหลายๆเรื่องต้องใช้เงินทั้งนั้น เงินไม่พอเดือดร้อนถึงพ่อแมอีก
การงานที่ทำแน่นอนหรือเปล่า มีการขึ้นเงินเดือนแบบถาวรไหม ถ้าไม่ใช่อย่าเสี่ยงค่ะ งานเอกชนเงินเดือนมากๆ เขาก็อยากดีดออก หาคนจ้างใหม่อยู่แล้ว งานเดิมแต่จ้างถูกลง นอกจากเป็นตำแหน่งวิชาชีพที่เขาหายากๆ
เห็นด้วยกับความเห็นหลายๆความเห็น ซื้อคอนโดสักห้อง ผ่อนเดือนละหมื่นนิดๆ ต่อไปไม่อยู่ยังให้เช่าได้ คนทำงานไม่มีเวลาดูแลบ้านเป็นหลังหรอกค่ะ เสี่ยงขโมย ชุมยังกะยุงเจองานหนัก รถติด กว่าจะถึงบ้าน ก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว
ในอนาคต กรุงเทพไม่น่าอยู่แล้ว อีก ห้า หก ปี น้ำจะท่วมมากขึ้นๆ นำเงินที่จะลงทุนในกรุงเทพ ปรับปรุงบ้านต่างจังหวัด ให้น่าอยู่ดีกว่า อากาศดีด้วย วันหยุดก็กลับไปพักผ่อน
ถ้าลูกสาวมีแฟนแล้ว และมีแผนจะแต่งงาน ให้เขาลงทุนกันเองค่ะ ผู้ชายต้องแสวงหาด้วย ไม่ใช่เป็นปลิงหาที่อยู่สำเร็จรูป จะสบายมากไป
คุณพ่อ คุณแม่ เหนื่อยมาทั้งชีวิต เรามันไม้ใกล้ฝั่งกันแล้ว ต้องฝึกลูกให้โต ช่วยเหลือตัวเอง จะช่วยลูกก็พอเหมาะควร ลูกๆ ไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่เหมือนบางครอบครัวก็บุญมากแล้วค่ะ
ดิฉันไม่ได้แนะนำให้ใจดำกับลูกนะคะ รักลูกต้องให้เขารู้จักต่อสู้ใช้ชีวิตให้เป็น เพราะเราไม่ได้อยู่ดูแลเขาตลอดไปหรอกค่ะ ลูกดิฉันออกเรือนไปให้มีบ้านของตัวเองแยกออกไปทุกคน เพียงช่วยเริ่มต้นให้นิดหน่อยตามกำลัง นอกนั้นก็ไปว่ากันเองค่ะ
สรุปนะลุงนะ เก็บเงินไว้เถอะ ตามหลายความเห็น ลุงกะป้า ทุ่มให้ลูกหมด เกิดป่วยมาราธอนขึ้นมา ลูกคงไม่ทุ่มเทให้เราสุดชีวิตเหมือนเราทำให้เขาหรอกค่ะ เพราะเขาก็ต้องมีครอบครัว ดิฉันหมดกะแม่เพราะล้างไตมาสิบกว่าปี เข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หมดเงินเป็นหลายล้าน พอท่านเสีย แทบจะไม่เหลืออะไรเลย ถ้าลูกๆไม่มีเงินสำรอง แต่คุณยังมีเงิน ก็ยังอุ่นใจค่ะ
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 12 มิ.ย. 55 15:00:56
เงิน 1.5 ล้านของคุณลุง ที่จะดาวน์ให้ลูกสาวแล้ว ยังมีเงินอีกก้อนไหมคะ
ถ้าเป็นก้อนเดียวที่มีอยากแนะนำให้คุณลุงให้เงินก้อนนี้กับลูกสาวไปดาวน์แล้ว
ไม่ต้องช่วยผ่อนรายเดือนอีก เงินบำนาญแต่ละเดือนเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉินดีกว่าค่ะ
ถึงคุณลุง+คุณป้าเป็นข้าราชการบำนาญ แต่เวลาเจ็บป่วยจริงไม่รู้จะใช้สิทธิ์ได้แค่ไหน
ยาบางอย่างก็เบิกไม่ได้ คุณลุงอาจคิดว่าเวลาป่วยจะรักษาเท่าสิทธิ์ตัวเองก็พอ
แต่..ไม่ได้แช่งนะคะ ถ้าคุณป้าเป็นคนป่วย คุณลุงจะทนเห็นคุณป้าเจ็บได้ไหม
จากประสบการณ์ตรงตอนแม่หนูป่วย พ่อหนูสู้เต็มที่จ่ายค่ารักษาไปล้านกว่า
ถ้าแม่ยังไหวพ่อก็ยังจะยื้อต่อ
กรณีลูกสาวคุณลุงที่แย้มว่าอนาคตจะมีคนมากู้ร่วม น่าจะให้เขาปรึกษากันเองว่า
ทางบ้านจะช่วย 1.5 ล้าน จะเลือกบ้านในราคาเท่าไรที่เขาผ่อนไว้ ถ้าผ่อนบ้านหลังที่มองไม่ไหว
ก็ต้องหาหลังอื่นค่ะ และควรให้เขากู้ร่วมกันเอง ดีกว่าให้กู้ร่วมกับพี่ชายค่ะ
ถึงพี่ชายไม่ได้ร่วมส่งเงิน แต่ถ้ามีปัญหาน้องสาวส่งไม่ได้ บ้านก็จะเป็นปัญหาครอบครัวและเป็นภาระให้พี่ชายอีก
By: asujug
Since: 12 มิ.ย. 55 15:02:20
บ้านแพงมาก ทำเลคงอยู่ในเมือง
พ่อแม่คงกู้ลำบากเพราะอายุมากแล้ว
คงจะต้องให้ลูกๆ กู้ร่วมครับ
By: falsi
Since: 11 มิ.ย. 55 14:58:51
เรื่องกู้ไม่รู้เหมือนกัน
แต่จะเข้ามาทักว่า บางทีลูกเค้าอาจจะไม่อยากทำงานในเมืองตลอดไปก้อได้นะ
แบบว่าผมก้อทำงานในเมืองเหมือนกัน
แต่ความฝันคือ เมื่อเก็บเงินได้พอสมควรแล้ว อยากย้ายไปทำงานต่างจังหวัด
ปลูกบ้านบนที่ดินกว้างๆ ทำงานเงินเดือนน้อยกว่าปัจจุบันซักครึ่งนึงก้อไม่เป็นไร
By: nat1234
Since: 11 มิ.ย. 55 15:35:46
เพื่อนคุณแม่เรา มีลูก 2 คนอยู่กรุงเทพ ก็รู้สึกคล้ายๆกับคุณ จขกท อ่ะค่ะ
เพื่อนคุณแม่เราเขาเลยไปดาวน์คอนโดให้ลูก 2 ห้อง ห้องละคน โดยให้แต่ละคนผ่อนกันเอง
เราว่าอย่างงี้ก็ดี ลูกๆจะได้มีความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่อะไรก็ให้พ่อแม่หาให้หมด อีกอย่างถ้าเป็นลูกสาวอยู่คนเดียว เราว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้ามันปลอดภัยกว่า แถมอีกหน่อยเกิดเขามีแฟนแต่งงานไป ก็ให้เขาและแฟนไปหาบ้านกันเองให้ถูกใจทั้งคู่ดีกว่าค่ะ
By: ohhioh
Since: 11 มิ.ย. 55 15:39:07
เห็นด้วย คห 3 อายุมากแล้วทั้งคู่ เก็บเงินไว้ดูแลสุขภาพดีกว่า ลูกก็โตทำงานแล้ว อยู่หอพักคุ้มกว่า เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องไปทำงานที่ไหนอีก นอกจากทำงานราชการในกระทรวง หรือรัฐวิสาหกิจ บ้านที่จะขายแพงเกินไป ซื้อมาต้องซ่อมอีกหลายสตางค์ ขอแนะนำถ้าอยากได้จริงๆ
ซื้อคอนโด ขนาดสองห้อง พ่อ แม่ จ่ายดาวน์ นอกนั้นลูกผ่อนกันเอง อย่าเป็นหนี้มาก ถ้าทำงานเอกชนยิ่งไม่มีความแน่นอน
พ่อ แม่ ก็แก่แล้ว ปล่อยให้ลูกรับผิดชอบตัวเองจะดีกว่า ลูกๆฉันก็ซื้อบ้านเอง ช่วยแค่ดาวน์ แล้วผ่อนต่อไป ถ้าเป็นลูกสาว รอให้เขามีแฟนแล้วช่วยกันหาช่วยกันซื้อจะดีกว่า
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 11 มิ.ย. 55 16:06:02
ขออนุญาตให้คำแนะนำคุณลุงนะคะ ถ้าลูกๆ เพิ่งทำงาน ต้องระวังเรื่องเค้าจะรับภาระไม่ไหวด้วยค่ะ ถ้ากู้ 1.5 ล้าน น่าจะผ่อนเดือนละประมาณ 1 หมื่น กลัวว่าเค้าจะไม่ไหวแล้วปล่อยหลุดไป เสียเงินดาวน์ฟรีน่ะค่ะ ลองเลือกทาวเฮ้าท์ล้านกว่าๆ คุณลุงดาวน์ให้ซัก 1 ล้าน (อีก 5 แสนสำรองเก็บไว้) แล้วให้เด็กๆ ผ่อนส่วนที่เหลือ น่าจะพอๆ กับค่าเช่าหอนะคะ เดี๋ยวอนาคตงานการเค้าลงตัว มีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ค่อยขายบ้านเล็กไปซื้อบ้านใหญ่ก็ได้ค่ะ
By: pyramidas
Since: 11 มิ.ย. 55 16:18:31
ถ้าเขาเช่าหอพักอยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นหาคอนโดสักห้องที่ราคาไม่แพงมาก
เจียดเงินเก็บมาดาวน์ให้เขาก็พอ ที่เหลือให้เขาผ่อนเองวงเงินสักล้าน
ฐานเงินเดือนน่าจะกู้ผ่านโดยไม่ต้องกู้ร่วม ไม่ต้องพาพี่เขามาวุ่นวายด้วย
คงสามารถหาซื้อห้องราคาล้านเศษที่กำลังใกล้เสร็จได้ไม่ยาก
ซื้อบ้านเก่ายังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลซ่อมบำรุงอีกพอควรนะ
ไหนจะต้องซื้อข้าวของเข้าไปใช้อีก
คอนโดเดียวนี้ตกแต่งพร้อมอยู่แทบจะหิ้วกระเป๋าไปอย่างเดียว
เงินล้านนึงผ่อนต่อเดือนประมาณ 6500-7000 เขาน่าจะผ่อนไว้นะ
เงินเก็บยังอยู่ล้านกว่า
เปลี่ยนค่าเช่ามาเป็นค่าผ่อนธนาคาร
ถ้าอาชีพการงานก้าวหน้าพอจะซื้อบ้านใหม่
จะขยับขยายขายทิ้งหรือปล่อยเช่าในอนาคตก็ยังได้
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 16:28:15
เห็นด้วยกับทุกความเห็นข้างบนค่ะคุณลุง และซาบซึ้งใจในความรักที่ไม่มีขอบเขตของพ่อกับแม่มากนัก
แต่ว่าเงินทองของหายาก ความไม่แน่นอนเกิดได้ตลอดเวลา คุณลุงลองทบทวนดูใหม่ดีไหมคะ
เช่าเค้า เวลาจะไปก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แต่ถ้าซื้อแล้วเกิดปัญหา มันสะบัดไม่หลุดง่ายๆน่ะสิคะ
By: sasinee
Since: 11 มิ.ย. 55 17:23:24
ขอบอกความในใจต่อไปว่า———————————
ทาง ตจว.นั้นพอผมและภรรยาเสียชีวิตลง จะได้เงินฌาปนกิจกับเงินอื่น ๆ อีกประมาณคนละประมาณไม่น้อยห้าแสน ลูกคงค่อยเอามาโปะ ในชั้นนี้ขอแค่ให้ได้เครดิตธนาคารไปก่อน เงินที่ผ่อนก็คือเงินของพ่อกับแม่เสียส่วนใหญ่ กะว่าระยะแรก ๆ น่าจะผ่อนได้เดือนละ 12,000 บาท แม้เอาชื่อลูกอีกคนเข้ามากู้ร่วมก็ตาม ก็คือเงินของพ่อแม่นั้นเอง และอีกอย่างลูกแย้ม ๆ ออกมาว่าในกาลข้างหน้าที่ไม่น่าจะนาน อาจมีคนมาช่วยผ่อนด้วย …. ฮิฮื
ลูกไปดูบ้านมาแล้ว บอกชอบมาก เขาบอกว่าถึงกันฝันไปแล้วว่าจะนอนห้องไหน ….
หรือว่าอย่าเลย มันเกินเื้อื้อม ถอยไปหาคอนโดดีกว่า ………………หรือค่อยให้ลูก
จัดหาเองตอนไม่มีพ่อแม่แล้ว
ลุงกำนันพลครับ
By: กำนันพล
Since: 11 มิ.ย. 55 17:56:24
แปลกดี แม่ผม ญาติๆฝั่งผม คนรู้จัก หลายคนเลยนะครับ เกิดจะมาซื้อบ้านเอาช่วงอายุนี้ทุกคนเลย มันเหมือนปรากฏการณ์อะไรสักอย่าง อย่างของแม่ผมคอนโดมีชื่อกลางเมือง ไอ้เซลล์ก็มาหว่านล้อม คอนโดราคาเกือบเจ็ดล้าน เอาเงินจองไปแล้วหลายหมื่น ผลสุดท้ายเขาก็เสียเงินไปฟรีๆ แค่ไอ้ความรู้สึกว่าจะให้ลูกให้หลานนี่แหละครับ ผมว่าผู้ใหญ่นี่คงต้องพักได้แล้วหละครับ ถ้าไม่มีสินอยู่เดิม วัยขนาดนี้ไม่ต้องไปดิ้นรนหาแล้วครับ มีลูกมีหลานน่าจะเลยวัยกลางคนแล้วน่าจะหากันเองได้อยู่แล้ว ผมเองอายุยี่สิบกว่าก็ซื้อบ้านกันกับเมียสองคนแล้วครับ ทีนี้ถ้าเป็นวัยที่ว่าน่าจะต้องการเงินก้อนกันมากกว่า พวกการศึกษาลูก เผื่อลูกๆเขาไปเมืองนอกเมืองนากันด้วยครับ ไอ้บ้านมีอยู่แล้วก็อยู่ไปก่อน ไอ้มาซื้อตอนนี้มันคงไม่มีไฟไปทำอะไรให้มันเจริญงอกงามแล้วมังครับ อ่านแล้วผู้ใหญ่น่ารักจัง แต่ผมว่าธนาคารเขาจะให้สินเชื่อใหม จริงๆเงินสดล้านห้าทาวน์เฮ้าส์แถวรามอินทราสักเกือบสามสิบตารางวาก็ซื้อได้แล้วนะครับ
By: ลองดู
Since: 11 มิ.ย. 55 19:51:39
ซื้อบ้านอย่าใจร้อน ค่อยๆดู ยิ่งบ้านเก่ายิ่งต้องดูนานๆ
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 20:38:39
ขอตอบเนื่องจาก case คล้ายของหนูเลยค่ะ (พ่อแม่เป็นข้าราชการ อยากกู้ซื้อบ้านให้ลูก)
คือในตอนแรกหนูตั้งใจซื้อทาวเฮ้าส์ขนาดพอตัวเองคนเดียวผ่อนไหว หาอยู่หลายปีไม่ได้ ไม่โดนซักที เพราะที่เราผ่อนไหวก็อยู่ไกล ไอ้ที่เราพอใจก็แพง หาอยู่ 3 ปี ตระเวนไปทุกที่ทุกแหล่ง ทั้งบ้านมือ 1 2 3
จากปีแรกที่อยากได้ทาวเหา พอปีที่ 3 เริ่มคิดการไกล อีกอย่างคนที่บ้าน (พ่อ, แม่, น้อง) เค้าชินกับการอยู่ที่กว้่างๆ เหมือนบ้านต่างจังหวัด พอมาเห็นทาวเฮ้าส์ในเมืองหลังเล็กๆ แล้วเหมือนเสียตังค์เยอะแต่ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มาอ่ะค่ะ
จนสุดท้ายพ่อบอกว่าให้หาบ้านเดี่ยวซัก 3 ล้านต้นๆ ให้หนูกู้ให้เต็มแม็ก ที่เหลือพ่อออกให้เอง (แต่ตังค์แม่)
ตอนนั้นหนูก็ต้องประมาณตัวเองอ่ะค่ะ ดูหน้าที่การงานเราแล้วคงไปทำงานที่บ้านเกิดไม่ได้ คงไม่พอกิน แหล่งงานเงินเราอยู่กรุงเทพ และหนูคงมิได้สร้างครอบครัวในระยะนี้ อีกอย่างก็ดูสภาพน้องๆ สภาพการใช้ชีวิตของเขาแล้ว คงไม่มีใครกลับบ้านเกิดแน่ ก็ให้มันมาอยู่กับเรานี่แหละ ถือว่าสร้างหนี้ก้อนใหญ่เพื่อครอบครัวละกัน
จากนั้นหนูก็เดินไปธนาคาร เอาสลิปเงินเดือนไปให้พนักงานประเมินเบื้องต้นเลยค่ะว่าจะกู้ได้เท่าไหร่ ปรากฏว่าได้เต็มแม๊ก 2.5 ล้าน แต่ก็ดูแล้วถ้าเอามาเต็มวงเงินนั้น หนูผ่อนรายเดือนไม่ไหวแน่ๆ เลยตัดสินใจว่าจะกู้แค่ 2 ล้าน (เพราะฉะนั้น ต้องจิ๊กตังค์พ่อประมาณ 1-1.5 ล้าน เพื่อให้ได้บ้านตามงบประมาณ 3.5 ล้าน
จากนั้นก็เริ่มหาบ้านตามงบค่ะ ไม่ไกลเมืองมาก เดินทางสะดวก หนูผ่อนไหว ไม่ตึงเกินไป พ่อแม่ไม่ต้องกู้หนี้ตอนแก่
คุณลุงน่าจะให้ลูกลองยื่นประเมินก่อนนะคะว่า เค้ากู้ได้ประมาณเท่าไหร่ค่ะ จากนั้นก็มาดูเงินเก็บของคุณลุงที่สามารถ support ลูกได้ (อย่าลืมค่าโอนบ้าน ค่าเครื่องใช้ในบ้านอีกซัก 150,000 บาท) แล้วค่อยให้ลูกไปหาบ้านตามงบประมาณที่มีดีกว่านะคะ
แต่ถ้าบ้านหลังนั้นอยู่ย่านกลางเมือง อายุ 20 ปีสภาพยังดี 40 ตรว. ก็ราคาสมเหตุผลนะคะ
By: Epoxy
Since: 11 มิ.ย. 55 20:58:29
กลับมาอีกรอบ กำนันพลค่ะ อย่าว่าหนูเลยน่ะค่ะ อาจจะพูดตรงไปหน่อย
เห็นข้อความจาก คคห 8 แล้วแบบว่า …. บอกตรงๆว่า ถ้ากำนันเกิดจู่ๆตายไปมันก็ไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่ถ้าเกิดป่วยๆ หรือายุยืน ลูกๆลำบากน่ะค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่าเงินที่กำนันมีอยู่ควรเก็บไว้ดูแลตัวเองไม่ให้เดือนร้อนลูกดีกว่า
ทำไมถึงบอกแบบนี้ เพราะ ที่บ้านเราต้องดูแล คุณยาย ดูแลคนสูงอายุมันหนักน่ะค่ะ ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลที่หลักหมื่น ถึงบอกว่าเป็นราชการ แต่มันก็เบิกได้ไม่เท่าไร อีกอย่างเราก็ทนไม่ค่อยได้ที่จะให้ยายอยู่โรงพยาบาลรัฐ แล้วพอแก่ๆไปเราก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวก็ไม่ได้ ต้องจ้างคนดูแล เสียเดือนละเกือบหมื่น ไหนจะต้องให้เงินค่าขนมท่านอีก ขนาดไม่ป่วยอะไร ค่าใช้จ่ายในการดูแลท่าน เดือนละ 2 หมื่นแล้ว แล้วถ้าป่วยประกอบด้วยไม่อยากจะคิดว่าจะอีกเท่าไร แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาผ่อนบ้าน
แม่เราตอนนี้ยังทำงานอยู่ แต่อีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณ ท่านมีเงินเก็บพอควร แต่เรากับน้องเปิดบัญชีรวม เอาเงินไปฝากกันทุกเดือน บอกกันว่าเก็บไว้ยามแม่เจ็บป่วย เพราะรู้กันว่าถ้าเกิดป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลที่หมดกันเป็นแสน
ขอสรุปเลยละกันว่า ถ้ารักลูกไม่อยากให้ลูกลำบาก ก็เก็บเงินไว้ และรักษาร่างกายให้แข็งแรงเถอะค่ะ ลูกก็โตๆแล้วหัดให้หากินหาใช้เอง เขาจะได้ภูมิใจในตัวเองด้วย
By: ohhioh
Since: 12 มิ.ย. 55 08:16:25
ด้วยความเคารพอายุเจ็ดสิบ ลูกๆถ้าไม่ครึ่งร้อย ก็ไกล้ๆแล้วมังครับ ไม่ต้องไปขวนขวายหาซื้ออะไรให้มันแล้ว อยากนึกภาพตอนลูกอายุครึ่งร้อยนี่ มาบอกพ่อแม่่ว่าฝันจะนอนห้องไหนกันแล้วคงน่ารักดีครับ อันนี้ผมก็อายุมากแล้วครับ ตอนแม่ผมเขามีไอเดียจะไปกู้หนี้ยืมสินซื้อบ้านแจกนี่ตอนนั้น ไม่ใช่ดีใจนะครับ ผมอายใจครับ ผมว่าคุณพี่ซื้อที่ดินแถวบ้านนอกทิ้งไว้ดีกว่า เอาให้แปลงละครบลูกแต่ละคนเลยครับ ตายไปเมื่อไหร่ลูกเขาก็ตัดสินใจเอาเองว่าจะทำกันอย่างไร
By: ลองดู
Since: 12 มิ.ย. 55 08:36:25
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ
ลูกสาวอายุ 28 เขาเพิ่งเกิดตอนลุงอายุ 40 ครับ ถ้าเขามาเดินกับลุง
ใคร ๆ ก็คิดว่าลุงคือปู่ แน่ ๆ
มี comment จากท่านใดอีกไหม ขออีกหน่อย แล้วจะได้สรุปและตอบขอบคุณต่อไปครับ
By: กำนันพล
Since: 12 มิ.ย. 55 11:21:30
คุณกำนันพลคะ คุณกับฉันวัยใกล้เคียงกัน บั้นปลายชีวิตก็อยากทำอะไรให้ลูกได้สุขสบาย เป็นเรื่องปกติธรรมดาของความเป็นพ่อ แม่ เพราะตัวเองจะไปนรก สวรรค์ เมื่อไรไม่รู้ อะไรที่ทำให้ลูกได้มีความสุขและมีความพร้อมได้ ก็อยากจะทำค่ะ แต่ ตั้งสติสักนิดและพิจารณาดูว่า
คุณ และ ภรรยา ป่วยไข้ขึ้นมา มีสวัสดิการอะไรรองรับหรือไม่ และได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม หรือต้องไปรักษา รพ รัฐบาลเท่านั้น เผื่อเป็นกรณีฉุกเฉิน หรือต้องรักษาในระยะยาว เพราะมันไม่ตายสักทีนะซี ลูกสองคนมีกำลังเงินดูแลพ่อแม่ได้ไหมในอนาคต
วุฒิภาวะของลูกพร้อมจะรับผิดชอบหนี้สินได้ระยาว หลายสิบปีได้ไหม ไม่ใช่แค่เพียงอยากได้ เมื่อมีบ้านก้ต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา อีกหลายๆเรื่องต้องใช้เงินทั้งนั้น เงินไม่พอเดือดร้อนถึงพ่อแมอีก
การงานที่ทำแน่นอนหรือเปล่า มีการขึ้นเงินเดือนแบบถาวรไหม ถ้าไม่ใช่อย่าเสี่ยงค่ะ งานเอกชนเงินเดือนมากๆ เขาก็อยากดีดออก หาคนจ้างใหม่อยู่แล้ว งานเดิมแต่จ้างถูกลง นอกจากเป็นตำแหน่งวิชาชีพที่เขาหายากๆ
เห็นด้วยกับความเห็นหลายๆความเห็น ซื้อคอนโดสักห้อง ผ่อนเดือนละหมื่นนิดๆ ต่อไปไม่อยู่ยังให้เช่าได้ คนทำงานไม่มีเวลาดูแลบ้านเป็นหลังหรอกค่ะ เสี่ยงขโมย ชุมยังกะยุงเจองานหนัก รถติด กว่าจะถึงบ้าน ก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว
ในอนาคต กรุงเทพไม่น่าอยู่แล้ว อีก ห้า หก ปี น้ำจะท่วมมากขึ้นๆ นำเงินที่จะลงทุนในกรุงเทพ ปรับปรุงบ้านต่างจังหวัด ให้น่าอยู่ดีกว่า อากาศดีด้วย วันหยุดก็กลับไปพักผ่อน
ถ้าลูกสาวมีแฟนแล้ว และมีแผนจะแต่งงาน ให้เขาลงทุนกันเองค่ะ ผู้ชายต้องแสวงหาด้วย ไม่ใช่เป็นปลิงหาที่อยู่สำเร็จรูป จะสบายมากไป
คุณพ่อ คุณแม่ เหนื่อยมาทั้งชีวิต เรามันไม้ใกล้ฝั่งกันแล้ว ต้องฝึกลูกให้โต ช่วยเหลือตัวเอง จะช่วยลูกก็พอเหมาะควร ลูกๆ ไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่เหมือนบางครอบครัวก็บุญมากแล้วค่ะ
ดิฉันไม่ได้แนะนำให้ใจดำกับลูกนะคะ รักลูกต้องให้เขารู้จักต่อสู้ใช้ชีวิตให้เป็น เพราะเราไม่ได้อยู่ดูแลเขาตลอดไปหรอกค่ะ ลูกดิฉันออกเรือนไปให้มีบ้านของตัวเองแยกออกไปทุกคน เพียงช่วยเริ่มต้นให้นิดหน่อยตามกำลัง นอกนั้นก็ไปว่ากันเองค่ะ
สรุปนะลุงนะ เก็บเงินไว้เถอะ ตามหลายความเห็น ลุงกะป้า ทุ่มให้ลูกหมด เกิดป่วยมาราธอนขึ้นมา ลูกคงไม่ทุ่มเทให้เราสุดชีวิตเหมือนเราทำให้เขาหรอกค่ะ เพราะเขาก็ต้องมีครอบครัว ดิฉันหมดกะแม่เพราะล้างไตมาสิบกว่าปี เข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หมดเงินเป็นหลายล้าน พอท่านเสีย แทบจะไม่เหลืออะไรเลย ถ้าลูกๆไม่มีเงินสำรอง แต่คุณยังมีเงิน ก็ยังอุ่นใจค่ะ
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 12 มิ.ย. 55 15:00:56
เงิน 1.5 ล้านของคุณลุง ที่จะดาวน์ให้ลูกสาวแล้ว ยังมีเงินอีกก้อนไหมคะ
ถ้าเป็นก้อนเดียวที่มีอยากแนะนำให้คุณลุงให้เงินก้อนนี้กับลูกสาวไปดาวน์แล้ว
ไม่ต้องช่วยผ่อนรายเดือนอีก เงินบำนาญแต่ละเดือนเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉินดีกว่าค่ะ
ถึงคุณลุง+คุณป้าเป็นข้าราชการบำนาญ แต่เวลาเจ็บป่วยจริงไม่รู้จะใช้สิทธิ์ได้แค่ไหน
ยาบางอย่างก็เบิกไม่ได้ คุณลุงอาจคิดว่าเวลาป่วยจะรักษาเท่าสิทธิ์ตัวเองก็พอ
แต่..ไม่ได้แช่งนะคะ ถ้าคุณป้าเป็นคนป่วย คุณลุงจะทนเห็นคุณป้าเจ็บได้ไหม
จากประสบการณ์ตรงตอนแม่หนูป่วย พ่อหนูสู้เต็มที่จ่ายค่ารักษาไปล้านกว่า
ถ้าแม่ยังไหวพ่อก็ยังจะยื้อต่อ
กรณีลูกสาวคุณลุงที่แย้มว่าอนาคตจะมีคนมากู้ร่วม น่าจะให้เขาปรึกษากันเองว่า
ทางบ้านจะช่วย 1.5 ล้าน จะเลือกบ้านในราคาเท่าไรที่เขาผ่อนไว้ ถ้าผ่อนบ้านหลังที่มองไม่ไหว
ก็ต้องหาหลังอื่นค่ะ และควรให้เขากู้ร่วมกันเอง ดีกว่าให้กู้ร่วมกับพี่ชายค่ะ
ถึงพี่ชายไม่ได้ร่วมส่งเงิน แต่ถ้ามีปัญหาน้องสาวส่งไม่ได้ บ้านก็จะเป็นปัญหาครอบครัวและเป็นภาระให้พี่ชายอีก
By: asujug
Since: 12 มิ.ย. 55 15:02:20
บ้านแพงมาก ทำเลคงอยู่ในเมือง
พ่อแม่คงกู้ลำบากเพราะอายุมากแล้ว
คงจะต้องให้ลูกๆ กู้ร่วมครับ
By: falsi
Since: 11 มิ.ย. 55 14:58:51
เรื่องกู้ไม่รู้เหมือนกัน
แต่จะเข้ามาทักว่า บางทีลูกเค้าอาจจะไม่อยากทำงานในเมืองตลอดไปก้อได้นะ
แบบว่าผมก้อทำงานในเมืองเหมือนกัน
แต่ความฝันคือ เมื่อเก็บเงินได้พอสมควรแล้ว อยากย้ายไปทำงานต่างจังหวัด
ปลูกบ้านบนที่ดินกว้างๆ ทำงานเงินเดือนน้อยกว่าปัจจุบันซักครึ่งนึงก้อไม่เป็นไร
By: nat1234
Since: 11 มิ.ย. 55 15:35:46
เพื่อนคุณแม่เรา มีลูก 2 คนอยู่กรุงเทพ ก็รู้สึกคล้ายๆกับคุณ จขกท อ่ะค่ะ
เพื่อนคุณแม่เราเขาเลยไปดาวน์คอนโดให้ลูก 2 ห้อง ห้องละคน โดยให้แต่ละคนผ่อนกันเอง
เราว่าอย่างงี้ก็ดี ลูกๆจะได้มีความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่อะไรก็ให้พ่อแม่หาให้หมด อีกอย่างถ้าเป็นลูกสาวอยู่คนเดียว เราว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้ามันปลอดภัยกว่า แถมอีกหน่อยเกิดเขามีแฟนแต่งงานไป ก็ให้เขาและแฟนไปหาบ้านกันเองให้ถูกใจทั้งคู่ดีกว่าค่ะ
By: ohhioh
Since: 11 มิ.ย. 55 15:39:07
เห็นด้วย คห 3 อายุมากแล้วทั้งคู่ เก็บเงินไว้ดูแลสุขภาพดีกว่า ลูกก็โตทำงานแล้ว อยู่หอพักคุ้มกว่า เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องไปทำงานที่ไหนอีก นอกจากทำงานราชการในกระทรวง หรือรัฐวิสาหกิจ บ้านที่จะขายแพงเกินไป ซื้อมาต้องซ่อมอีกหลายสตางค์ ขอแนะนำถ้าอยากได้จริงๆ
ซื้อคอนโด ขนาดสองห้อง พ่อ แม่ จ่ายดาวน์ นอกนั้นลูกผ่อนกันเอง อย่าเป็นหนี้มาก ถ้าทำงานเอกชนยิ่งไม่มีความแน่นอน
พ่อ แม่ ก็แก่แล้ว ปล่อยให้ลูกรับผิดชอบตัวเองจะดีกว่า ลูกๆฉันก็ซื้อบ้านเอง ช่วยแค่ดาวน์ แล้วผ่อนต่อไป ถ้าเป็นลูกสาว รอให้เขามีแฟนแล้วช่วยกันหาช่วยกันซื้อจะดีกว่า
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 11 มิ.ย. 55 16:06:02
ขออนุญาตให้คำแนะนำคุณลุงนะคะ ถ้าลูกๆ เพิ่งทำงาน ต้องระวังเรื่องเค้าจะรับภาระไม่ไหวด้วยค่ะ ถ้ากู้ 1.5 ล้าน น่าจะผ่อนเดือนละประมาณ 1 หมื่น กลัวว่าเค้าจะไม่ไหวแล้วปล่อยหลุดไป เสียเงินดาวน์ฟรีน่ะค่ะ ลองเลือกทาวเฮ้าท์ล้านกว่าๆ คุณลุงดาวน์ให้ซัก 1 ล้าน (อีก 5 แสนสำรองเก็บไว้) แล้วให้เด็กๆ ผ่อนส่วนที่เหลือ น่าจะพอๆ กับค่าเช่าหอนะคะ เดี๋ยวอนาคตงานการเค้าลงตัว มีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ค่อยขายบ้านเล็กไปซื้อบ้านใหญ่ก็ได้ค่ะ
By: pyramidas
Since: 11 มิ.ย. 55 16:18:31
ถ้าเขาเช่าหอพักอยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นหาคอนโดสักห้องที่ราคาไม่แพงมาก
เจียดเงินเก็บมาดาวน์ให้เขาก็พอ ที่เหลือให้เขาผ่อนเองวงเงินสักล้าน
ฐานเงินเดือนน่าจะกู้ผ่านโดยไม่ต้องกู้ร่วม ไม่ต้องพาพี่เขามาวุ่นวายด้วย
คงสามารถหาซื้อห้องราคาล้านเศษที่กำลังใกล้เสร็จได้ไม่ยาก
ซื้อบ้านเก่ายังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลซ่อมบำรุงอีกพอควรนะ
ไหนจะต้องซื้อข้าวของเข้าไปใช้อีก
คอนโดเดียวนี้ตกแต่งพร้อมอยู่แทบจะหิ้วกระเป๋าไปอย่างเดียว
เงินล้านนึงผ่อนต่อเดือนประมาณ 6500-7000 เขาน่าจะผ่อนไว้นะ
เงินเก็บยังอยู่ล้านกว่า
เปลี่ยนค่าเช่ามาเป็นค่าผ่อนธนาคาร
ถ้าอาชีพการงานก้าวหน้าพอจะซื้อบ้านใหม่
จะขยับขยายขายทิ้งหรือปล่อยเช่าในอนาคตก็ยังได้
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 16:28:15
เห็นด้วยกับทุกความเห็นข้างบนค่ะคุณลุง และซาบซึ้งใจในความรักที่ไม่มีขอบเขตของพ่อกับแม่มากนัก
แต่ว่าเงินทองของหายาก ความไม่แน่นอนเกิดได้ตลอดเวลา คุณลุงลองทบทวนดูใหม่ดีไหมคะ
เช่าเค้า เวลาจะไปก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แต่ถ้าซื้อแล้วเกิดปัญหา มันสะบัดไม่หลุดง่ายๆน่ะสิคะ
By: sasinee
Since: 11 มิ.ย. 55 17:23:24
ขอบอกความในใจต่อไปว่า———————————
ทาง ตจว.นั้นพอผมและภรรยาเสียชีวิตลง จะได้เงินฌาปนกิจกับเงินอื่น ๆ อีกประมาณคนละประมาณไม่น้อยห้าแสน ลูกคงค่อยเอามาโปะ ในชั้นนี้ขอแค่ให้ได้เครดิตธนาคารไปก่อน เงินที่ผ่อนก็คือเงินของพ่อกับแม่เสียส่วนใหญ่ กะว่าระยะแรก ๆ น่าจะผ่อนได้เดือนละ 12,000 บาท แม้เอาชื่อลูกอีกคนเข้ามากู้ร่วมก็ตาม ก็คือเงินของพ่อแม่นั้นเอง และอีกอย่างลูกแย้ม ๆ ออกมาว่าในกาลข้างหน้าที่ไม่น่าจะนาน อาจมีคนมาช่วยผ่อนด้วย …. ฮิฮื
ลูกไปดูบ้านมาแล้ว บอกชอบมาก เขาบอกว่าถึงกันฝันไปแล้วว่าจะนอนห้องไหน ….
หรือว่าอย่าเลย มันเกินเื้อื้อม ถอยไปหาคอนโดดีกว่า ………………หรือค่อยให้ลูก
จัดหาเองตอนไม่มีพ่อแม่แล้ว
ลุงกำนันพลครับ
By: กำนันพล
Since: 11 มิ.ย. 55 17:56:24
แปลกดี แม่ผม ญาติๆฝั่งผม คนรู้จัก หลายคนเลยนะครับ เกิดจะมาซื้อบ้านเอาช่วงอายุนี้ทุกคนเลย มันเหมือนปรากฏการณ์อะไรสักอย่าง อย่างของแม่ผมคอนโดมีชื่อกลางเมือง ไอ้เซลล์ก็มาหว่านล้อม คอนโดราคาเกือบเจ็ดล้าน เอาเงินจองไปแล้วหลายหมื่น ผลสุดท้ายเขาก็เสียเงินไปฟรีๆ แค่ไอ้ความรู้สึกว่าจะให้ลูกให้หลานนี่แหละครับ ผมว่าผู้ใหญ่นี่คงต้องพักได้แล้วหละครับ ถ้าไม่มีสินอยู่เดิม วัยขนาดนี้ไม่ต้องไปดิ้นรนหาแล้วครับ มีลูกมีหลานน่าจะเลยวัยกลางคนแล้วน่าจะหากันเองได้อยู่แล้ว ผมเองอายุยี่สิบกว่าก็ซื้อบ้านกันกับเมียสองคนแล้วครับ ทีนี้ถ้าเป็นวัยที่ว่าน่าจะต้องการเงินก้อนกันมากกว่า พวกการศึกษาลูก เผื่อลูกๆเขาไปเมืองนอกเมืองนากันด้วยครับ ไอ้บ้านมีอยู่แล้วก็อยู่ไปก่อน ไอ้มาซื้อตอนนี้มันคงไม่มีไฟไปทำอะไรให้มันเจริญงอกงามแล้วมังครับ อ่านแล้วผู้ใหญ่น่ารักจัง แต่ผมว่าธนาคารเขาจะให้สินเชื่อใหม จริงๆเงินสดล้านห้าทาวน์เฮ้าส์แถวรามอินทราสักเกือบสามสิบตารางวาก็ซื้อได้แล้วนะครับ
By: ลองดู
Since: 11 มิ.ย. 55 19:51:39
ซื้อบ้านอย่าใจร้อน ค่อยๆดู ยิ่งบ้านเก่ายิ่งต้องดูนานๆ
By: umibozu
Since: 11 มิ.ย. 55 20:38:39
ขอตอบเนื่องจาก case คล้ายของหนูเลยค่ะ (พ่อแม่เป็นข้าราชการ อยากกู้ซื้อบ้านให้ลูก)
คือในตอนแรกหนูตั้งใจซื้อทาวเฮ้าส์ขนาดพอตัวเองคนเดียวผ่อนไหว หาอยู่หลายปีไม่ได้ ไม่โดนซักที เพราะที่เราผ่อนไหวก็อยู่ไกล ไอ้ที่เราพอใจก็แพง หาอยู่ 3 ปี ตระเวนไปทุกที่ทุกแหล่ง ทั้งบ้านมือ 1 2 3
จากปีแรกที่อยากได้ทาวเหา พอปีที่ 3 เริ่มคิดการไกล อีกอย่างคนที่บ้าน (พ่อ, แม่, น้อง) เค้าชินกับการอยู่ที่กว้่างๆ เหมือนบ้านต่างจังหวัด พอมาเห็นทาวเฮ้าส์ในเมืองหลังเล็กๆ แล้วเหมือนเสียตังค์เยอะแต่ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มาอ่ะค่ะ
จนสุดท้ายพ่อบอกว่าให้หาบ้านเดี่ยวซัก 3 ล้านต้นๆ ให้หนูกู้ให้เต็มแม็ก ที่เหลือพ่อออกให้เอง (แต่ตังค์แม่)
ตอนนั้นหนูก็ต้องประมาณตัวเองอ่ะค่ะ ดูหน้าที่การงานเราแล้วคงไปทำงานที่บ้านเกิดไม่ได้ คงไม่พอกิน แหล่งงานเงินเราอยู่กรุงเทพ และหนูคงมิได้สร้างครอบครัวในระยะนี้ อีกอย่างก็ดูสภาพน้องๆ สภาพการใช้ชีวิตของเขาแล้ว คงไม่มีใครกลับบ้านเกิดแน่ ก็ให้มันมาอยู่กับเรานี่แหละ ถือว่าสร้างหนี้ก้อนใหญ่เพื่อครอบครัวละกัน
จากนั้นหนูก็เดินไปธนาคาร เอาสลิปเงินเดือนไปให้พนักงานประเมินเบื้องต้นเลยค่ะว่าจะกู้ได้เท่าไหร่ ปรากฏว่าได้เต็มแม๊ก 2.5 ล้าน แต่ก็ดูแล้วถ้าเอามาเต็มวงเงินนั้น หนูผ่อนรายเดือนไม่ไหวแน่ๆ เลยตัดสินใจว่าจะกู้แค่ 2 ล้าน (เพราะฉะนั้น ต้องจิ๊กตังค์พ่อประมาณ 1-1.5 ล้าน เพื่อให้ได้บ้านตามงบประมาณ 3.5 ล้าน
จากนั้นก็เริ่มหาบ้านตามงบค่ะ ไม่ไกลเมืองมาก เดินทางสะดวก หนูผ่อนไหว ไม่ตึงเกินไป พ่อแม่ไม่ต้องกู้หนี้ตอนแก่
คุณลุงน่าจะให้ลูกลองยื่นประเมินก่อนนะคะว่า เค้ากู้ได้ประมาณเท่าไหร่ค่ะ จากนั้นก็มาดูเงินเก็บของคุณลุงที่สามารถ support ลูกได้ (อย่าลืมค่าโอนบ้าน ค่าเครื่องใช้ในบ้านอีกซัก 150,000 บาท) แล้วค่อยให้ลูกไปหาบ้านตามงบประมาณที่มีดีกว่านะคะ
แต่ถ้าบ้านหลังนั้นอยู่ย่านกลางเมือง อายุ 20 ปีสภาพยังดี 40 ตรว. ก็ราคาสมเหตุผลนะคะ
By: Epoxy
Since: 11 มิ.ย. 55 20:58:29
กลับมาอีกรอบ กำนันพลค่ะ อย่าว่าหนูเลยน่ะค่ะ อาจจะพูดตรงไปหน่อย
เห็นข้อความจาก คคห 8 แล้วแบบว่า …. บอกตรงๆว่า ถ้ากำนันเกิดจู่ๆตายไปมันก็ไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่ถ้าเกิดป่วยๆ หรือายุยืน ลูกๆลำบากน่ะค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่าเงินที่กำนันมีอยู่ควรเก็บไว้ดูแลตัวเองไม่ให้เดือนร้อนลูกดีกว่า
ทำไมถึงบอกแบบนี้ เพราะ ที่บ้านเราต้องดูแล คุณยาย ดูแลคนสูงอายุมันหนักน่ะค่ะ ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลที่หลักหมื่น ถึงบอกว่าเป็นราชการ แต่มันก็เบิกได้ไม่เท่าไร อีกอย่างเราก็ทนไม่ค่อยได้ที่จะให้ยายอยู่โรงพยาบาลรัฐ แล้วพอแก่ๆไปเราก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวก็ไม่ได้ ต้องจ้างคนดูแล เสียเดือนละเกือบหมื่น ไหนจะต้องให้เงินค่าขนมท่านอีก ขนาดไม่ป่วยอะไร ค่าใช้จ่ายในการดูแลท่าน เดือนละ 2 หมื่นแล้ว แล้วถ้าป่วยประกอบด้วยไม่อยากจะคิดว่าจะอีกเท่าไร แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาผ่อนบ้าน
แม่เราตอนนี้ยังทำงานอยู่ แต่อีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณ ท่านมีเงินเก็บพอควร แต่เรากับน้องเปิดบัญชีรวม เอาเงินไปฝากกันทุกเดือน บอกกันว่าเก็บไว้ยามแม่เจ็บป่วย เพราะรู้กันว่าถ้าเกิดป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลที่หมดกันเป็นแสน
ขอสรุปเลยละกันว่า ถ้ารักลูกไม่อยากให้ลูกลำบาก ก็เก็บเงินไว้ และรักษาร่างกายให้แข็งแรงเถอะค่ะ ลูกก็โตๆแล้วหัดให้หากินหาใช้เอง เขาจะได้ภูมิใจในตัวเองด้วย
By: ohhioh
Since: 12 มิ.ย. 55 08:16:25
ด้วยความเคารพอายุเจ็ดสิบ ลูกๆถ้าไม่ครึ่งร้อย ก็ไกล้ๆแล้วมังครับ ไม่ต้องไปขวนขวายหาซื้ออะไรให้มันแล้ว อยากนึกภาพตอนลูกอายุครึ่งร้อยนี่ มาบอกพ่อแม่่ว่าฝันจะนอนห้องไหนกันแล้วคงน่ารักดีครับ อันนี้ผมก็อายุมากแล้วครับ ตอนแม่ผมเขามีไอเดียจะไปกู้หนี้ยืมสินซื้อบ้านแจกนี่ตอนนั้น ไม่ใช่ดีใจนะครับ ผมอายใจครับ ผมว่าคุณพี่ซื้อที่ดินแถวบ้านนอกทิ้งไว้ดีกว่า เอาให้แปลงละครบลูกแต่ละคนเลยครับ ตายไปเมื่อไหร่ลูกเขาก็ตัดสินใจเอาเองว่าจะทำกันอย่างไร
By: ลองดู
Since: 12 มิ.ย. 55 08:36:25
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ
ลูกสาวอายุ 28 เขาเพิ่งเกิดตอนลุงอายุ 40 ครับ ถ้าเขามาเดินกับลุง
ใคร ๆ ก็คิดว่าลุงคือปู่ แน่ ๆ
มี comment จากท่านใดอีกไหม ขออีกหน่อย แล้วจะได้สรุปและตอบขอบคุณต่อไปครับ
By: กำนันพล
Since: 12 มิ.ย. 55 11:21:30
คุณกำนันพลคะ คุณกับฉันวัยใกล้เคียงกัน บั้นปลายชีวิตก็อยากทำอะไรให้ลูกได้สุขสบาย เป็นเรื่องปกติธรรมดาของความเป็นพ่อ แม่ เพราะตัวเองจะไปนรก สวรรค์ เมื่อไรไม่รู้ อะไรที่ทำให้ลูกได้มีความสุขและมีความพร้อมได้ ก็อยากจะทำค่ะ แต่ ตั้งสติสักนิดและพิจารณาดูว่า
คุณ และ ภรรยา ป่วยไข้ขึ้นมา มีสวัสดิการอะไรรองรับหรือไม่ และได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม หรือต้องไปรักษา รพ รัฐบาลเท่านั้น เผื่อเป็นกรณีฉุกเฉิน หรือต้องรักษาในระยะยาว เพราะมันไม่ตายสักทีนะซี ลูกสองคนมีกำลังเงินดูแลพ่อแม่ได้ไหมในอนาคต
วุฒิภาวะของลูกพร้อมจะรับผิดชอบหนี้สินได้ระยาว หลายสิบปีได้ไหม ไม่ใช่แค่เพียงอยากได้ เมื่อมีบ้านก้ต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา อีกหลายๆเรื่องต้องใช้เงินทั้งนั้น เงินไม่พอเดือดร้อนถึงพ่อแมอีก
การงานที่ทำแน่นอนหรือเปล่า มีการขึ้นเงินเดือนแบบถาวรไหม ถ้าไม่ใช่อย่าเสี่ยงค่ะ งานเอกชนเงินเดือนมากๆ เขาก็อยากดีดออก หาคนจ้างใหม่อยู่แล้ว งานเดิมแต่จ้างถูกลง นอกจากเป็นตำแหน่งวิชาชีพที่เขาหายากๆ
เห็นด้วยกับความเห็นหลายๆความเห็น ซื้อคอนโดสักห้อง ผ่อนเดือนละหมื่นนิดๆ ต่อไปไม่อยู่ยังให้เช่าได้ คนทำงานไม่มีเวลาดูแลบ้านเป็นหลังหรอกค่ะ เสี่ยงขโมย ชุมยังกะยุงเจองานหนัก รถติด กว่าจะถึงบ้าน ก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว
ในอนาคต กรุงเทพไม่น่าอยู่แล้ว อีก ห้า หก ปี น้ำจะท่วมมากขึ้นๆ นำเงินที่จะลงทุนในกรุงเทพ ปรับปรุงบ้านต่างจังหวัด ให้น่าอยู่ดีกว่า อากาศดีด้วย วันหยุดก็กลับไปพักผ่อน
ถ้าลูกสาวมีแฟนแล้ว และมีแผนจะแต่งงาน ให้เขาลงทุนกันเองค่ะ ผู้ชายต้องแสวงหาด้วย ไม่ใช่เป็นปลิงหาที่อยู่สำเร็จรูป จะสบายมากไป
คุณพ่อ คุณแม่ เหนื่อยมาทั้งชีวิต เรามันไม้ใกล้ฝั่งกันแล้ว ต้องฝึกลูกให้โต ช่วยเหลือตัวเอง จะช่วยลูกก็พอเหมาะควร ลูกๆ ไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่เหมือนบางครอบครัวก็บุญมากแล้วค่ะ
ดิฉันไม่ได้แนะนำให้ใจดำกับลูกนะคะ รักลูกต้องให้เขารู้จักต่อสู้ใช้ชีวิตให้เป็น เพราะเราไม่ได้อยู่ดูแลเขาตลอดไปหรอกค่ะ ลูกดิฉันออกเรือนไปให้มีบ้านของตัวเองแยกออกไปทุกคน เพียงช่วยเริ่มต้นให้นิดหน่อยตามกำลัง นอกนั้นก็ไปว่ากันเองค่ะ
สรุปนะลุงนะ เก็บเงินไว้เถอะ ตามหลายความเห็น ลุงกะป้า ทุ่มให้ลูกหมด เกิดป่วยมาราธอนขึ้นมา ลูกคงไม่ทุ่มเทให้เราสุดชีวิตเหมือนเราทำให้เขาหรอกค่ะ เพราะเขาก็ต้องมีครอบครัว ดิฉันหมดกะแม่เพราะล้างไตมาสิบกว่าปี เข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หมดเงินเป็นหลายล้าน พอท่านเสีย แทบจะไม่เหลืออะไรเลย ถ้าลูกๆไม่มีเงินสำรอง แต่คุณยังมีเงิน ก็ยังอุ่นใจค่ะ
By: พุดน้ำผึ้ง
Since: 12 มิ.ย. 55 15:00:56
เงิน 1.5 ล้านของคุณลุง ที่จะดาวน์ให้ลูกสาวแล้ว ยังมีเงินอีกก้อนไหมคะ
ถ้าเป็นก้อนเดียวที่มีอยากแนะนำให้คุณลุงให้เงินก้อนนี้กับลูกสาวไปดาวน์แล้ว
ไม่ต้องช่วยผ่อนรายเดือนอีก เงินบำนาญแต่ละเดือนเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉินดีกว่าค่ะ
ถึงคุณลุง+คุณป้าเป็นข้าราชการบำนาญ แต่เวลาเจ็บป่วยจริงไม่รู้จะใช้สิทธิ์ได้แค่ไหน
ยาบางอย่างก็เบิกไม่ได้ คุณลุงอาจคิดว่าเวลาป่วยจะรักษาเท่าสิทธิ์ตัวเองก็พอ
แต่..ไม่ได้แช่งนะคะ ถ้าคุณป้าเป็นคนป่วย คุณลุงจะทนเห็นคุณป้าเจ็บได้ไหม
จากประสบการณ์ตรงตอนแม่หนูป่วย พ่อหนูสู้เต็มที่จ่ายค่ารักษาไปล้านกว่า
ถ้าแม่ยังไหวพ่อก็ยังจะยื้อต่อ
กรณีลูกสาวคุณลุงที่แย้มว่าอนาคตจะมีคนมากู้ร่วม น่าจะให้เขาปรึกษากันเองว่า
ทางบ้านจะช่วย 1.5 ล้าน จะเลือกบ้านในราคาเท่าไรที่เขาผ่อนไว้ ถ้าผ่อนบ้านหลังที่มองไม่ไหว
ก็ต้องหาหลังอื่นค่ะ และควรให้เขากู้ร่วมกันเอง ดีกว่าให้กู้ร่วมกับพี่ชายค่ะ
ถึงพี่ชายไม่ได้ร่วมส่งเงิน แต่ถ้ามีปัญหาน้องสาวส่งไม่ได้ บ้านก็จะเป็นปัญหาครอบครัวและเป็นภาระให้พี่ชายอีก
By: asujug
Since: 12 มิ.ย. 55 15:02:20