คอนโดนี้ยังสร้างไม่เสร็จคะ ดิฉันซื้อสิทธิ์ต่อจากคนที่เขาจองเอาไว้ เขาจองไว้เมื่อปีที่แล้วถึงตอนนี้ก็ 1 ปีพอดี ดิฉันติดต่อที่จะซื้อขายห้องนี้กับเซลของคอนโด เซลบอกว่าห้องนี้เป็นห้อง resale เจ้าของเขาฝากขายไว้กับเธอ เธอจึงเป็นคนดำเนินการแทนทั้งหมด ดิฉันวางมัดจำไปแล้ว 50,000.- เพราะยอมรับได้ที่เซลบอกว่าเจ้าของห้องเอากำไร 150,000.- ราคาห้องจึงเป็น 5.4 ล้าน ดิฉันก็เข้าใจ เขาลงทุนไป 1 ปีเขาเอากำไร 150,000.- เป็นราคาที่ดิฉันยอมรับได้ และห้องนี้ก็เป็นห้องมุมดีวิวดี หมดไปตั้งแต่ 2 ชม.แรกในการเปิดรับจอง เซลยังบอกอีกว่าเจ้าของห้องเป็นสถาปนิกของโครงการเพราะฉะนั้นเขาจึงได้สิทธิ์เลือกห้องก่อนใครๆ และถ้าดิฉันซื้อห้องของโครงการตอนนี้ก็จะแพงกว่าห้องนี้แถมมุมก็ไม่ดีเท่า
พอไกล้วันนัดโอน เซลได้อีเมลหนังสือสัญญามาให้ดิฉันอ่านก่อน พร้อมทั้งบอกว่าในหนังสือสัญญานั้นดิฉันจะได้เห็นราคาที่แท้จริงของห้อง ซึ่งคุณไม่ต้องตกใจไปเพราะสถาปนิกคนนี้เขาได้ส่วนลดพิเศษกว่าใครๆเนื่องจากเป็นสถาปนิกประจำโครงการ
แต่ดิฉันตกใจคะ และรู้สึกว่าโดนหลอกอย่างแรง ราคาห้องของเขานั้นมัน ห้าล้านหนึ่งหมื่น แต่เขาขายดิฉันห้าล้านสี่แสน เขาได้กำไรเกือบสี่แสนในเวลาแค่หนึ่งปี ดิฉันไม่อยากซื้อคะ ถ้าเซลบอกราคาจริงๆเสียตั้งแต่แรก ดิฉันก็จะได้ต่อรองราคาให้มากว่านี้ หรือไม่ก็ไม่ซื้อ เพราะยอมรับไม่ได้ที่มาเอากำไรกันมากมายขนาดนี้
วันนี้ตอนเย็นดิฉันจะเข้าไปคุยกับเซล ประเด็นก็คือดิฉันรู้สึกถูกหลอก ถ้าตกลงราคาใหม่กันไม่ได้ ดิฉันก็ขอเงินมัดจำคืน ทำธุระกิจไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน ดิฉันยอมรับไม่ได้ ขอเงินมัดจำคืน ไม่ทราบว่าเพื่อนๆคิดว่าอย่างไร ดิฉันจะได้เงินมัดจำคืนไหม หรือว่าควรทำอย่างไร ตอนนี้สมองๆตื้อคิดอะไรไม่ออกเลย
By: Love Series
Since: 14 มิ.ย. 55 09:46:38
ผมว่าเซลกินเอง เจ้าของห้องไม่รู้เรื่องด้วยหรอก เจ้าจองเก่าอาจอาจแค่ 5.2 ล้านก็ได้
By: เบค่อนไข่ดาว
Since: 14 มิ.ย. 55 10:34:07
จริงๆ ถ้า จขกท.อยากได้จริงๆ ก็ซื้อไปเถอะค่ะ เพราะเท่าที่บอกบอก จขกท.บอกชอบห้องนี้มากและรับได้กับราคา 5 .4 ล้านก่อนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเขาจะได้กำไรเท่าไหร่ก็เป็นเรื่องของเขาไปแล้วกัน เพราะ จขกท.บอกว่าถ้าซื้อห้องอื่นจากโครงการตอนนี้ก็จะได้ห้องที่มุมไม่ดีพอเหมือนห้องนี้แถมราคาอาจจะแพงกว่าอีก และคิดว่าถ้าห้องนี้เจ้าของไม่ได้เป็นสถาปนิกโครงการแล้วได้ส่วนลดพิเศษเยอะๆ แต่เป็นคนนอกธรรมดา ก็คงต้องขายให้ จขกท. ในราคานี้หรือแพงกว่าอยู่ดีนะคะ หรือลองหาเบอร์ เจ้าของห้องโดยตรงขอต่อรองราคาดูนิดหน่อย แล้วดูว่าตัวเองรับได้ไหมค่ะ
By: แลไกลไกล
Since: 14 มิ.ย. 55 10:36:49
ในกรณีนี้ต้องมาดูว่าคุณชอบห้องนี้แค่ไหน ครับ
ราคาคิดว่าไม่ต้องสนใจเพราะคุณบอกว่า ห้องของโครงการตอนนี้ก็จะแพงกว่าห้องนี้
แถมมุมก็ไม่ดีเท่า
ลองคุยต่อรองลงนิดนึงครับ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ซีเรียสเพราะคุณทำใจรับกับราคาแรกไว้แล้ว
เรื่องยังงี้อยู่ที่มูลค่าของครับ เอาก้อนหิน มาขายราคาเป็นล้านก็ได้ถ้าคนยอมรับ ครับ
By: man191
Since: 14 มิ.ย. 55 10:40:00
ถามใจตัวเองว่าจะซื้อเพราะอะไร และจะไม่ซื้อเพราะอะไร
เมื่อได้คำตอบแล้วก็จะตัดสินใจได้เอง
แต่จะบอกให้ว่า เวลาเราซื้ออะไร เราซื้อเพราะเราพอใจในสิ่งนั้น พอใจกับราคาที่เราซื้อ
ถ้าราคาตลาดเป็นเช่นนั้น เราคงไม่ซื้อถ้าสิ่งนั้นไม่ดีไม่ถูกใจ และเราคิดว่า
เราสามารถหาซื้อสิ่งเดียวกันนั้นได้ในราคาถูกกว่าจากที่อื่น
ถ้าเราไม่ซื้อเพียงเพราะเราเห็นว่าคนขายได้กำไรมาก โดยไม่ได้พิจารณาว่าคนขาย
เขากำไรมากเพราะขายสูงกว่าราคาตลาดไปมาก หรือเป็นเพราะเขามีต้นทุนที่ถูก
ผมว่าจขกท.กำลังหลงประเด็นแล้ว
คนที่หาซื้อบ้านคอนโด มักจะมีความคิดแบบนี้ เวลาติดต่อผู้ขาย มักจะไปละลาบละล้วง
ถามผู้ขายว่าเขามีต้นทุนเท่าไร เขากำไรเท่าไร แล้วเอามาใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อ
ผมถามจริงๆ เถอะครับ เรากำลังพยายามไปกำหนดราคาที่เขาจะขายเสียเองหรืออย่างไร
ครับ ????
ในฐานะที่ผมเป็นทั้งคนซื้อและคนขาย ถ้าคนขายขายแพงมากจนผมคิดว่าผมหาสิ่งอื่น
ทดแทนได้ในราคาที่ถูกกว่า ผมก็ไม่ซื้อ และคนขายก็คงขายไม่ได้จนในที่สุดถ้าอยาก
ขาย เขาต้องลดราคาลงมาตามกลไกการตลาด
ถ้าเราพยายามไปเอาเรื่องกำไรของคนขายมาคำนึง อีกหน่อยไม่ว่าเราไปซื้อของที่ไหน
เราจะถามคนขายทุกครั้งหรือครับว่าเขาได้กำไรเท่าไร ??
ผมจึงได้แนะนำคนซื้อบ้านอยู่ตลอดว่าให้ซื้อหรือไม่ซื้อด้วยเหตุด้วยผลที่ตรงประเด็น
ไม่งั้นจขกท.คงไม่ต่างจากคนอื่นที่ไม่ซื้อเพียงเพราะเซลไม่เอาใจหรือพนักงาน
บางคนพูดไม่เพราะ ไม่ใช่ไม่ซื้อเพราะโครงการไม่ถูกใจ ไม่ได้เรื่อง
By: Kingdom of Heaven
Since: 14 มิ.ย. 55 11:22:37
เฮ้อ!!! คิดไม่ตก คะ ระหว่างตัดใจกับทำใจ โครงการนี้อยู่ในทำเลที่ดิฉันสนใจมาก
ใช่คะดิฉันก็เอา 2 เรื่องมารวมกันเหมือนที่คุณ Kingdom of Heaven ว่า เพราะว่าเสียดายเงินคะ ถ้าบอกราคาจริงๆมาซะตั้งแต่ต้น เราเต็มใจจ่าย มันก็จะทำใจได้ง่ายกว่า
By: จุ๋ม (Love Series)
Since: 14 มิ.ย. 55 12:12:45
^
^
ถ้าเปลี่ยนเป็นผม ผมจะดูว่าห้องชุดนั้นดีเพอร์เฟ็คถูกใจผมหรือยัง ถ้าถูกใจแล้ว
ก็เท่ากับว่าเรามีเหตุผลที่จะซื้อไปแล้ว 80-90% ต่อจากนั้น ผมจะไปสำรวจตลาด
ดูว่าห้องแบบนี้ทำเลแบบนั้นเขาขายกันเท่าไร ราคาเทียบกับราคาตลาดแล้ว
สูงกว่ากันมากแค่ไหน เหมาะสมแค่ไหน ถ้าผมไม่ได้ห้องชุดห้องนี้ผมจะไปหาห้อง
ที่อื่นได้อีกไหมในราคาเท่ากัน บางทีราคาตลาดมันสูงจนเราคิดว่ามันแพง แต่ในเมื่อ
ตลาดเป็นผู้กำหนดราคา คนขายเพียงแค่อิงราคาตลาดโดยไม่ได้เป็นคนมั่วกำหนด
ราคาเองตามใจชอบ เป็นผมคงต้องยอมรับละครับ
อีกอย่างหนึ่ง ถ้าแน่ใจว่าคอนโดมีศักยภาพดีมีอนาคต มันจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแน่
เพราะราคาอสังหาฯ ที่ดีๆ พอเวลาผ่านไป ราคาจะมีแต่ขึ้น ขึ้น และขึ้น
อย่างแย่สุดคือราคาทรงตัว นอกจากนี้ หากเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัย มันก็ยิ่งเป็นการ
ลงทุนที่คุ้มยิ่งขึ้นไปอีก เพราะนอกจากเราได้ทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มอยู่ตลอด เรายัง
ได้ประโยชน์จากการอยู่อาศัย ประหยัดเงินค่าเช่าบ้านไปเดือนหนึ่งก็หลายตังแล้ว
จึงไม่ต้องคิดอะไรมากดีกว่า ให้คิดเสียว่าคนขายเขาได้โอกาสและจังหวะเวลา
ที่ดีกว่าเรา จึงได้ต้นทุนการขายในราคาที่ถูก เป็นโชคดีของเขาแค่นั้น แต่ใครจะ
ไปรู้ว่าหลังจากจขกท.ซื้อไปแล้ว ราคาอาจจะพุ่งพรวดๆ เวลาขายต่ออาจมีกำไร
ดีกว่าคนที่ขายเราเสียอีก คิดแบบนี้แล้วสบายใจดี
By: Kingdom of Heaven
Since: 14 มิ.ย. 55 12:24:38
เซลก็คือเซล คำพูด คำอ้าง จากเซล มักเชื่อถือไม่ได้เต็ม 100%
ประเด็นนี้ เราจะไม่ค่อยเชื่อที่เซลบอกราคาที่กล่าวอ้างตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
จึงไม่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ อันนี้ตามความเห็นส่วนตัว
แต่สำหรับ จขกท อาจซีเรียสมากกว่า เพราะไปเชื่อคำพูดของเซลเรื่อง
ราคาทุนเดิมจึงยอมรับ เลยเสมือนถูกหลอก ซึ่งถ้าให้น้ำหนักตรงนี้มาก
ก็อาจไม่ยอมรับและแย้งกลับได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อเอง ก็ควรลองแย้งเพื่อเจรจาต่อรอง
ไม่ว่าจะยกเลิกขอมัดจำคืนหรือต่อรองราคา
ถ้าเซลเองเป็นผู้รับส่วนต่างกำไรเนื้อๆ และอยากขาย ก็อาจลดราคาให้บ้าง
ถ้าเซลกินเปอร์เซ็นต์ การลดราคาก็คงขึ้นกับผู้ขายเป็นหลัก
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับ demand และ supply เป็นสำคัญด้วย
ไม่ว่าคำตอบจากเซลจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่จกขท.เป็นผู้ตัดสินใจ
By: tveeroj
Since: 14 มิ.ย. 55 14:01:15
ถ้าสถาปนิกเลือก เราให้เครดิตว่าห้องน่าอยู่ 90%
ส่วนราคา มากกว่า 150000 บาท เราว่าไม่แปลกค่ะ 3% จากการขายผ่านโครงการอีก ต้องมากกว่า 150000 เราต้องคิดด้วยค่ะ
เจ้าของห้องขายเท่าไรเขาก็บวกกลับ….
แต่ท้ายที่สุด ถ้าอยากได้จริงๆ ราคาไม่น่าเป็นปัญหา….
เราเองก็เคยรู้สึกค่ะเวลาที่ซื้ออะไรมาแพงกว่าชาวบ้าน….(โง่จังงงงง)
แต่มานึกว่าหลายอย่างเปลี่ยนแปลงตลอดค่ะ ซื้อ zara เมื่อว่า เดือนหน้าก็ต้องทำใจ sale มาลดลง 30-50% ใส่ ไม่ใส่ ก็ไปบอกเขาขอเงินคืนไม่ได้
อย่างเดียวคือซื้อค่ะ สนใจแต่ราคาที่วันนั้นคุณตัดสินใจ เพราะเราตัดสินใจแล้ว…
เราซื้อคอนโดนะค่ะ เหลือ 2 ห้องสุดท้าย เราเลือกเป็นคนสุดท้ายของโครงการ 555
ทุกวันนี้เรายังไม่รู้เลยว่าวันนั้นตรูจะซื้อทำไม…ตอนนี้ก็บ้าบอ จะไปเอาที่อื่น ทำอย่างกับรวย….
สรุปเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ 555
By: L’hivre
Since: 14 มิ.ย. 55 16:26:28
กลัวโดนเซลหลอกด้วยคนค่ะ ลองขอตืดต่อกับคนจะขายโดยตรงได้ไหมคะ
แล้วค่อยจ่ายให้เซลล์เป็นค่านายหน้าแทน
หรือไม่ก็ลองศึกษาราคาของห้องชั้นบนหรือชั้นล่างในมุมเดียวกันดูได้ไหมคะ
ว่าเขาซื้อมาในราคาเท่าไหร่
เข้าใจเลยค่ะ เรื่องของความรู้สึกเนี่ย เคยซื้อกางเกง 299 ให้ไป 300 เค้าไม่ทอนหน้าตาเฉยเลยค่ะ
ถ้าเค้าติดป้ายขาย 300 ตั้งแต่แรกยังไงก็คงซื้อและคงไม่เสียความรู้สึกเท่ากับ ติดป้าย 299 แล้วไม่ทอน 1 บาทแน่ๆค่ะ
By: thaicoalkaew
Since: 14 มิ.ย. 55 17:28:18
ขอบคุณทุกๆความเห็นคะ
เมื่อวานไปคุยกับเซลมาแล้ว ทั้งเซลทั้งเจ้าของห้องยินดีคืนเงินมัดจำให้ แล้วก็ขอโทษที่ที่ไม่ได้อธิบายทุกอย่างให้เคลียร์ตั้งแต่แรก
กำไร 4แสนที่เจ้าของได้ เพราะเขาเป็นสถาปนิกโครงการ เพราะฉะนั้นเขาจะได้ส่วนลดประมาณ 2แสนกว่า นี่เป็นสิทธิพิเศษของผู้ที่ทำงานให้กับโครงการ ซึ่งเขาไม่สามารถยอมเสียสิทธิ์นี้โดยการลดราคาให้ดิฉันได้ ส่วนต่างอีกแสนกว่า นั่นคือกำไรที่นับจากราคาที่ลูกค้าธรรมดาจอง เขาถือว่าเอากำไรน้อยแล้ว ถึงดิฉันจะต่อราคาตั้งแต่ก่อนวางมัดจำ เขาก็ลดให้ไม่ได้
ส่วนเซลคนนั้นเธอก็ซื้อห้องในโครงการนี้ด้วย และเธอก็ได้ส่วนลดพิเศษเหมือนกับสถาปนิก รวมทั้งได้ค่าคอม เธอพูดอย่างไม่ปิดบัง
ตัวดิฉันเองชอบทำเล สุขุมวิทต้นๆ เท่าที่เปรียบเทียบคอนโดที่ดูๆมา ก็มีแต่คอนโดนี้แหละที่ถูกใจคุ้มค่ามากที่สุดในงบประมาณที่มี
สรุปแล้วก็ซื้อคะ ก็มึนๆตึ๊บๆบ้าง แต่คิดว่าคุ้มคะ
By: จุ๋ม (Love Series)
Since: 15 มิ.ย. 55 12:05:24