ที่บ้านเอาแบตเก่ามาชาร์จไฟด้วยการใช้แผงโซล่า 140 วัตต์ วันที่แดดดี ๆ เนี่ย น้ำกลั่นในแบตจะปุด ๆ ๆ เป็นฟองใหญ่ ๆ จับดูที่ตัวแบตก็ไม่ร้อน (เปิดฝาจุกนะ) ใครพอมีความรู้มั่งว่ามันจะเดือดไปถึงไหน แล้วเป็นอันตรายอะไรหรือเปล่า
By: natlapoon
Since: 20 มิ.ย. 55 15:14:22
เวลาชาร์จไฟมันจะมีก๊าซออกมาครับก็คือไอ้ที่มันเป็นฟองนะครับ
By: sitteto
Since: 20 มิ.ย. 55 15:44:56
เป็นฟองก๊าซครับ
แสดงว่าชาร์ตใกล้จะเต็ม หรือ เต็มแล้ว มันจะเป็นฟองไปอย่างนั้น จนกว่า
1. แบทน้ำแห้ง
2. เลิกชาร์ทไฟ
ส่วนอันตรายไม๊ ก๊าซไม่มีอันตรายต่อระบบหายใจ แต่ติดไฟได้ครับ ควรวางแบทไว้ที่โปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ก็ปลอดภัย
เวลามีฟองก๊าซ น้ำกรดในแบทอาจกระเด็นออกมาด้วย ก็ระวังกระเด็นไปโดนอะไรให้เสียหายครับ
By: dk96
Since: 20 มิ.ย. 55 15:53:17
ก๊าซ ซัลเฟอรไดร์ออกไซด์เนี้ยนะไม่อันตรายต่อระบบหายใจ เพราะน้ำกรดที่มันเดือดจากกรดซันฟูลิกค์ หรือ กรดกำมะถัน ลองพิจราณาดูตามความเป็นจริง พื้นปูนยังกัดเป็นรูได้ปอดจะไม่เป็นไร
By: จอน (chulanop_m)
Since: 20 มิ.ย. 55 16:03:35
#3
แก๊สที่ปุ๊ดๆ ออกมามันไม่ได้เดือดครับ มันเป็นแึค่ก๊าซไฮโดรเจน แยกตัวจากน้ำกรดครับ
ไม่ควรจะให้มัน overcharge บ่อยๆ แบตจะเสียได้ง่ายๆครับ
By: ข้าวหลามอร่อย
Since: 20 มิ.ย. 55 16:09:44
ผมของคัดลอกบทความบางส่วนที่ผมเคยเขียนไว้อีกเวปหนึ่ง เกี่ยวกับ แบตเตอร์รี่รถยนต์ มาลงให้อ่านนะครับ
ดังนั้น แบตฯที่มีอายุ 1 ปีไปแล้ว โอกาสที่จะเสื่อมถอยก็มีมาก ยิ่งการดูแลรักษาไม่ดีพอ เช่น ปล่อยให้ น้ำกลั่นลดลงต่ำกว่าขีดล่างสุด จนแผ่นธาตุถูกอากาศ หรือ ใช้ไดชาร์จที่เสื่อมสภาพ บ่อยๆ ทำให้ประจุไฟเข้าแบตฯไม่เต็มซักครั้ง เป็นต้น โอกาสเช่นนี้ ยิ่งเป็นการฆ่าอายุแบตฯให้ลดลงเรื่อยๆครับ
วิธีการตรวจสอบว่า แบตเตอร์รี่ เสื่อมหรือไม่ ให้ทำดังนี้ครับ
– ให้ยกแบตฯออกจากรถ แล้วเปิดฝาที่เติมน้ำกลั่นทุกช่องไว้ – เติมน้ำกลั่นให้ถึงขีดระดับ Max
– ชาร์จไฟเข้าแบตฯ ให้ต่ำกว่า 25 % ของขนาดประจุไฟของแบตฯ นานจนกระทั่งเข็มเกจ์ตู้ชาร์จลดต่ำลงเหลือประมาณ 10 %ของระดับเข็มเกจ์ที่ชี้ขึ้นตองชาร์จใหม่ๆ
– หรือจะใช้ ไฮดรอมิเตอร์วัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกรอในแต่ละช่องก็ได้ครับ โดยเกจ์จะต้องลอยในน้ำกรดถึงระดับ สีเขียว หรือ ประมาณ 1.260 หรือสูงกว่า จึงจะแสดงว่า ประจุไฟเต็มแบตฯแล้ว
– หยุดชาร์จไฟ แล้วปิดฝาช่องเติมน้ำกลั่นของแบตฯทุกช่อง
– ทิ้งไว้ 2 – 3 วัน แล้วใช้ไฮดรอมิเตอร์วัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกรดในแบตฯทุกช่อง จะต้องได้ตัวเลขเท่าเดิม จึงจะแสดงว่า แบตฯลูกนั้น เก็บประจุไฟอยู่ครับ ถ้า ตัวเลขลดลง แสดงว่า แบตฯลูกนั้นเริ่มเสื่อมถอยแล้วครับ ประเด็นปัญหาของไดชาร์จเสื่อมถอย การใช้ไดชาร์จรถยนต์ไปได้ระยะหนึ่ง ทั้งจากความร้อนของเครื่องยนต์ และจาก ละอองน้ำที่กระเซ็นเข้าไปโดยไดชาร์จ ไดชาร์จก็อาจจะมีโอกาสเสื่อมได้ครับ (ไม่เสีย แต่เสื่อม โดยปล่อยกระแสไฟออกมาไม่ได้เต็มที่ควรเป็น) มีวิธีทดสอบแบบชาวบ้านง่ายๆ ดังนี้ครับ
– หาโวล์ทมิเตอร์ชนิดตัวเลขมาต่อเข้ากับระบบไฟหลัก 1 ตัว
– สตาร์ทรถยนต์ เดินเครื่องในรอบเดินเบา (ตอนเครื่องร้อนแล้วนะครับ) เครื่องเย็นอยู่ทดสอบไม่ได้ เพราะว่ารอบเดินเบาจะสูงกว่าปกติครับ) ให้ดูที่โวล์ทมิเตอร์ ว่าตัวเลขได้เท่าไหร่ (ต้องไม่ต่ำกว่า 12.5 โวล์ท ซึ่งจริงๆควรได้ถึง 13 โวล์ทเป็นอย่างต่ำด้วยซ้ำครับ)
– จากนั้น ให้เปิดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในรถทีละอย่างจนครบทุกอย่าง เช่น เปิดแอร์ เปิดวิทยุ เปิดไฟหน้า เปิดไฟสปอร์ตไลท์ เปิดที่ปัดน้ำฝน ไล่ฝ้า เป็นต้น เรียกว่า มีไฟฟ้าอะไร ก็เปิดให้หมด แล้่วสังเกตุตัวเลขที่โวล์ทมิเตอร์ จะค่อยๆลดลง แต่อย่างไรก็ตามจะต้องไม่ต่ำกว่า 11.5 โวล์ท ถ้าต่ำกว่านี้แสดงว่า ไดชาร์จเสื่อมถอยแล้ว ต้องซ่อม หรือเปลี่ยนครับ
– จากนั้นทดลองเร่งเครื่องยนต์ขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 2000 – 2500 รอบ ตัวเลขโวล์ทมิเตอร์จะต้องขึ้น อย่างน้อยที่สุดไม่ต่ำกว่า 12.5 – 12.8 โวล์ทครับ ถ้าต่ำกว่านี้ แสดงว่า ใช้ไม่ได้ครับ
การที่ไดชาร์จเสื่อมถอย อาจจะทำให้ แบตฯประจุไฟเข้าไม่พอ โดยเฉพาะ บางท่านใช้งานเฉพาะตอนกลางคืน นอกจากประจุไฟเข้าแบตฯไม่พอ ยังอาจจะ ดึงไฟแบตฯออกมาช่วยใช้งานด้วยซ้ำไปครับ จึงอาจจะทำให้ แบตฯเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น หรือว่า ไฟแบตฯอ่อนจนกระทั่ง สตาร์ทรถไม่ติดก็ได้ครับ
By: Moonlight Sonata
Since: 20 มิ.ย. 55 16:12:06
นั่นนะสิ ก็ทราบมาเหมือนกันว่าการชาร์จเนี่ยจะทำให้ฟองปุด ๆ แต่ก็อยากจะรู้เพิ่มขึ้นไงว่าถ้าชาร์จต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่เอาพลังงานในแบตไปใช้เนี่ย (ปกติต่อไฟ 12 โวลท์ใช้) แล้วมันจะปุดๆๆๆไปถึงไหน หรือว่าจะฟ่อด ๆ ๆ ออกมาจากแบตเลย เพราะว่าไม่มีตัว charge controller (มันแพง)
By: natlapoon
Since: 20 มิ.ย. 55 16:28:30
ในเมื่อ ไม่ได้ใช้เครื่องชาร์จ ก็ต้องใช้วิธีกะประมาณเอาครับ
เวลาเราชาร์จแบตฯ ต้องเปิดฝาแบตฯทุกช่อง เพื่อให้มีการระบายอากาศครับ
ไอระเหย ออกมา เป็นไอระเหยของน้ำกรด ดังนั้นไม่ควรสูดดมนะครับ
การเดือดของน้ำกรดในแบตฯนั้น ไม่ได้บ่งถึงว่า ไฟในแบตฯเต็มแล้วครับ แต่บ่งถึงว่า มีการชาร์จแบตฯอยู่ครับ
เมื่อต้องใช้วิธีกะประมาณเอา (จริงๆแล้ว ใช้ไฮดรอมิเตอร์วัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกรด จะถูกต้องที่สุดครับ) ก็ต้องใช้วิธีเดา โดยการใช้มือจับที่ข้างแบตฯครับ ถ้ามันอุ่น (ประมาณ 40 องศาเซลเซียส) ก็น่าจะพอแล้วครับ หยุดชาร์จแล้วปิดฝา ทิ้งไว้ให้เย็นตัวลงนิดหน่อย ก็สามารถนำไปใช้งานได้แล้วครับ
ข้อควรระวัง ในการชาร์จแบตฯ คือ อย่าให้น้ำกรด ต่ำกว่าแผ่นธาตุครับ เพราะจะทำให้ แบตฯเสื่อมเสียง่ายครับ
ถ้านำแบตฯเก่ามาใช้งาน ครั้งแรก อาจจะต้องทำการ ปลุกแบตฯก่อนครับ โดยการ เปิดฝาทุกช่อง แล้ว คว่ำแบตฯ เทน้ำกรดออกให้หมด แล้วหงายแบตฯ นำน้ำร้อนกรอกเข้าไปในช่องแบตฯ ทุกช่อง เขย่าแล้วคว่ำแบตฯ แล้วทำใหม่ นำน้ำร้อนเติมเข้าไป แล้วคว่ำ ทำเช่นนี้ จนกว่า น้ำกรดที่จับแข็งตัวกับแผ่นธาตุข้างในจะออกหมดครับ
เมื่อคว่ำทิ้งไว้จนมั่นใจว่าแห้งดีแล้ว จากนั้นค่อยเติมน้ำกลั่นลงไปให้เต็มขีด Max ทุกช่อง แล้วนำไปชาร์จแบตฯครับ แล้วคุณก็จะได้ แบตฯที่มีประสิทธิภาพ ยกเว้นแต่ว่า แผ่นธาตุจะเสื่อมเสียไปก่อนแล้วครับ
By: Moonlight Sonata
Since: 20 มิ.ย. 55 16:48:29
คคห 7 ตรง " เมื่อคว่ำทิ้งไว้จนมั่นใจว่าแห้งดีแล้ว จากนั้นค่อยเติมน้ำกลั่นลงไปให้เต็มขีด Max ทุกช่อง "
ไม่ใช่เติมน้ำกรดที่ร้านแบตเตอรี่เหรอคะ
ขอบคุณทุกความเห็น
By: natlapoon
Since: 20 มิ.ย. 55 17:57:54
เติมน้ำกรดครับ ในกรณีที่เป็นแบตใหม่ๆ ในการใช้งานครั้งแรก และในกรณีเทน้ำกรดออกทิ้งจนหมด แล้วเติมใหม่
แต่ถ้าใช้ไป แล้ว น้ำกรดในช่องแห้งลง ให้เติมแต่น้ำกลั่นครับ
สำหรับก๊าซที่ปุดๆ ออกมา เป็นก๊าซไฮโดรเจน ติดไฟได้ ในกรณีที่ปิดฝาช่องเติมน้ำกลั่นไว้ รูระบายอาจจะตีบ ตัน
มีก๊าซสะสมไว้มากหน่อย ถ้ามีประกายไฟ อาจจะเกิดการระเบิดได้ ครับ
By: ขอนเก่า
Since: 20 มิ.ย. 55 21:34:20
ขอบคุณ คุณ ขอนเก่า ที่ช่วยตอบครับ
ผมว่าจะเตือนเรื่อง อันตรายจากก๊าซ ก็ลืมไป คิดอยู่นั่นแหละว่าลืมพิมพ์อะไรไป
อย่างนี้แหละครับ เขาถึงเรียกว่า แก่แล้วแก่เลย
By: Moonlight Sonata
Since: 20 มิ.ย. 55 22:53:59
อย่าว่าอย่างนั้นซิครับ "แก่แล้ว แก่เลย"
น่าจะใช้ว่า "แก่ มากด้วยประสบการณ์" ดีกว่า
เคยสอนเด็กๆ ว่า ไม่ควรจะลืมอะไร ที่ต้องลืม และจำเป็นต้องลืมคือ
"ลืมตา และลืมความทุกข์ ความเศร้าที่ผ่านมา"
ไม่อย่างนั้น เราก็มองอะไรไม่เห็น เพราะไม่ได้ลืมตา
ถ้าไม่ลืมความทุกข์ ความเศร้า เราก็จะจมในทะเลของความทุกข์ ความเศร้า ไม่ได้โผล่พ้น ความทุกข์ ความเศร้านั่นแหละครับ
เล่าเรื่อง แบตฯ ระเบิดหน่อยครับ
เคยแก้มอเตอร์ไซค์ ตอนถอดปลายท่อเก็บเสียงออก ติดเครื่องลอง เครื่องมันเร่งเพราะคันเร่งค้าง มัวตามหาสาเหตุอยู่ เครื่องที่เร่ง ไฟชาร์ตคงมาก จนมีก๊าซไฮโดรเจนออกที่สายยางลงมาที่ปลายท่อไอเสีย
อยู่ๆ มีเสียงระเบิดตูม แบตเตอรี่กระจาย เปลือกแบต และน้ำกรด เต็มพื้น โชคดีที่ไม่เข้าหน้า เขาตา แต่โชคร้าย ต้องซื้อแบตใหม่
รถมอเตอร์ไซค์ รุ่นเก่าๆ สมัยก่อนที่ถอดท่อไอเสียเป็นสองท่อน จึงต้องระวังครับ
By: ขอนเก่า
Since: 21 มิ.ย. 55 04:01:48
ขอเพิ่มเติม เนื้อหาของการเตรียมพร้อมด้านความปลอดภัยในการชาร์จแบตฯ นิดนึงครับ
ขณะที่ชาร์จแบตฯ เราต้องคลายเกลียวเปิดฝาทุกช่องเซลล์ เพื่อให้ ก๊าซ ออกมาง่าย
แต่ก๊าซพวกนั้น ติดไฟง่ายครับ
ดังนั้น อย่าให้มี ประกายไฟ หรือสูบบุหรี่อยู่บริเวณใกล้แบตฯที่กำลังชาร์จครับ
ขอเพิ่มเติมเสริมความรู้นิดนึงครับ
แบตเตอร์รี่ คือ อุปกรณ์ที่ทำให้ เปลี่ยนพลังงานเคมีเป็นพลังงานไฟฟ้า และเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานเคมี
โดยด้านที่เป็นขั้ว + เชื่อมแผ่นธาตุที่เป็นตะกั่วอ๊อกไซด์
ขั้ว – เป็นตะกั่วบริสุทธิ์
ช่องว่างระหว่างแผ่นธาตุ จะเป็น กรดกำมะถัน
นั่นแสดงว่ามีพลังไฟฟ้าเต็มครับ
เมื่อนำพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่ไปใช้งาน
พลังงานเคมี จะค่อยๆเปลี่ยนไปครับ สารเคมี จะค่อยๆเปลี่ยนจากกรดกำมะถันเป็นน้ำกลั่น
แผ่นธาตุทั้ง 2 ฝั่ง จะค่อยๆเปลี่ยนเป็น ตะกั่วซัลเฟต จนทำให้ไม่มีพลังงานไฟฟ้าครับ
เมื่อมีการชาร์จไฟเข้าแบตเตอร์รี่
แผ่นธาตุค่อยๆเปลี่ยนจาก ตะกั่วซัลเฟต กลับมาเป็น ตะกั่วอ๊อกไซด์ ด้านขั้ว +
และค่อยๆเป็นตะกั่วบริสุทธิ์ ด้านขั้ว –
สารเคมี (กรณียังพอจะมีไฟฟ้าเหลืออยู่บ้าง จะเป็นน้ำกรดเจือจาง) ก็จะค่อยๆเป็น กรดกำมะถัน ครับ
อุปกรณ์ ไฮดรอมิเตอร์ จึงมีไว้ วัดค่า ความถ่วงจำเพาะของสารเคมีนั้นครับ ซึ่งค่าความถ่วงจำเพาะของ กรดกำมะถัน หรือ กรดกำมะถันเจือจาง หรือ น้ำกลั่น จะมีค่าไม่เท่ากันครับ (ข้อมูลทางเบื้องลึกของค่าความถ่วงจำเพาะ ซึ่งสัมพันธ์กับอุณหภูมิในอากาศด้วย ขอไม่กล่าวถึงครับ กลัวว่า จะงงครับ)
ดังนั้น กรณีที่ผมกล่าวว่า ให้เติมน้ำกลั่น จนถึงระดับ Max นั้น แม้ผมหมายถึงตามนั้น แต่เนื่องเพราะว่า แบตฯเก่า ส่วนมาก จะไม่มีประจุไฟฟ้าเหลือ ซัลเฟต ในน้ำกรดกำมะถัน จะไปเกาะแผ่นธาตุ ทั้ง 2 ฝั่ง ถ้าเติมน้ำกลั่นลงไป แล้วประจุไฟฟ้าเข้าไป ซัลเฟตจากแผ่นธาตุ ก็จะออกมาผสมกับน้ำกลั่น กลายเป็นกรดกำมะถัน เช่นเดิมครับ ที่หัวกระทู้ คุณกล่าวถึงว่า ต้องการไปชาร์จกับ โซล่าเซลล์ ครับ แต่ผมลืมไปนิดว่า ถ้ามีการใช้น้ำร้อนจัด เข้าไปล้างทุกช่องในแผ่นธาตุ ซัลเฟตอาจจะถูกชะล้างออกเกือบหมด ถ้าเติมน้ำกลั่นเข้าไป อาจจะไม่เพียงพอต่อการแปลงแผ่นธาตุ ตะกั่วซัลเฟต ให้เป็น ตะกั่วบริสุทธิ์ และตะกั่วอ๊อกไซด์ และสารเคมีจะเป็น กรดกำมะถันเจือจาง ไม่เพียงพอต่อการเก็บปะจุไฟฟ้าครับ ดังนั้น น่าจะแก้ไขเป็น เติมน้ำกรดกำมะถันลงไป โดยจะให้ดี ควรตรวจวัดความถ่วงจำเพาะ หลังจากเริ่มใช้งานครับผม
By: Moonlight Sonata
Since: 21 มิ.ย. 55 10:01:48
ขอบคุณค่ะ ทุกความเห็น ทุกคำแนะนำ
แก่ไม่แก่ไม่ใช่สาระสำคัญ ถ้าเรายังทำประโยชน์ให้สังคมได้ ฝรั่งเค้าว่า old is gold นี่ถึงแก่เราก็เป็นอะไรที่มีค่านะ
By: natlapoon
Since: 21 มิ.ย. 55 10:13:49
ในการตรวจสภาพแบตเตอรี่นอกจากตรวจความถ่วงจำเพาะน้ำกรด/น้ำกลั่น ด้วย ไฮโดรมิเตอร์ แล้ว
ผมเห็นตามร้านชาร์ตแบตเตอร์รี่ มีเจ้าตัวนี้ วัดสภาพความจุของแบตเตอรี่ด้วย
ผมไม่รู้จักชื่อ
แต่อุตส่าห์มีใช้กับเขาด้วย
ไม่ได้มีรูปตอนใช้วัด
ไว้ถ้ามีจังหวะ อาจจะถ่ายรูปเอาไว้ครับ
By: ขอนเก่า
Since: 21 มิ.ย. 55 11:17:23
เรียนคุณ ขอนเก่าครับ
เขาเรียกเครื่องมือนี้ว่า Battery Cell Tester ครับ
เอาไว้ตรวจสอบ ประสิทธิภาพของแบตเตอร์รี่ครับ ตรวจสอบว่า แต่ละช่องเซลล์ มีประสิทธิภาพอย่างไร ซึ่งตามหลักของประสิทธิภาพแล้ว จะต้อง เท่ากันหรือเกือบเท่ากันทุกช่องเซลล์ครับ ถ้ามีส่วนแตกต่าง แม้ช่องใดช่องหนึ่ง ก็ จบแห่ครับ
หรือ หลังจากชาร์จแล้ว ตรวจเช็คประสิทธิภาพแต่ละช่องเซลล์แล้ว ค่าไม่ขึ้นในช่อง ประสิทธิภาพดี ก็ต้องหาสาเหตุแล้วแก้ไขต่อไปครับ
By: Moonlight Sonata
Since: 21 มิ.ย. 55 11:34:59
น่าใช้นะนั่น มันวัดได้ถึง 100 แอมป์ไม๊หนอ
By: natlapoon
Since: 21 มิ.ย. 55 11:49:11
จำนวนแอมป์ นั้น เป็นค่าประจุไฟ ที่เก็บไว้ได้ในแบตเตอร์รี่ครับ ซึ่งแต่ละรุ่นของแบตเตอร์รี่ จะมีประสิทธิภาพเก็บประจุได้ไม่เท่ากันแล้วแต่ผู้ผลิต ทำปริมาณแผ่นธาตุ ออกมาในรุ่นนั้นๆครับ
เช่น แบตเตอร์รี่ รุ่น 100 แอมป์ ก็จะเก็บประจุได้ 100 แอมป์ หรือน้อยกว่านั้น โดยจะสามารถจ่ายไฟจำนวน 100 แอมป์หมดภายใน 1 ชั่วโมงหรือ น้อยกว่านั้นครับ ขึ้นอยู่กับ ประสิทธิภาพภายในว่าเสื่อมถอยไปแค่ไหนครับ ถ้าสมมุติคุณใช้ไฟฟ้าจำนวน 50 แอมป์ คุณก็จะใช้ไฟจนหมดหม้อแบตฯภายใน 2 ชั่วโมง เป็นต้นครับ
ส่วนแรงเคลื่อนไฟฟ้า จะแสดงค่าออกมาเป็น โวลท์ครับ ซึ่งแบตเตอร์รี่ส่วนใหญ่ ให้ค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้า 12 โวล์ทครับ
By: Moonlight Sonata
Since: 21 มิ.ย. 55 12:07:10
คือเคยวัดโวลท์ค่ะ เพราะมีมิเตอร์ตัวน้อย ๆ อยู่ มันก็ได้นะ 12 โวลท์น่ะ แต่อยากรู้ว่าแอมป์ของแบตเก่าเนี่ย มันจุได้ซักเท่าไหร่ จะเหลือถึงครึ่งหรือเปล่า ก็เลยนึกว่าใช้ battery tester วัดได้
By: natlapoon
Since: 21 มิ.ย. 55 14:51:31
ขอบคุณ คุณ MoonlightSonata ครับ
สำหรับเรื่องความรู้ ผมมีไว้ใช้บ้าง เป็นครั้งคราว สำหรับตรวจสภาพแบตเตอรรี่ เวลาสงสัยว่า มีไฟหรือไม่
ที่หน้าปัด มันจะมีสเกลบอก ขนาดแบตเอาไว้ ให้ทราบปริมาณไฟที่มีอยู่ตอนตรวจสอบ
ให้ทราบสภาพคร่าวๆ ครับ
ของจีน ราคาถูก ดูเหมือนจะ 600 บาทครับ
By: ขอนเก่า
Since: 21 มิ.ย. 55 20:12:05