ตอนนี้ผมได้ตัดสินใจจะซื้อบ้านจัดสรรที่เชียงใหม่ครับ โดยเซลล์ได้บอกขั้นตอนมาดังนี้
1. จอง (จ่ายค่าจอง 20000 บาท)
2. ทำสัญญา (จ่ายค่าทำสัญญา 50000 บาท)
3. ผ่อนดาวน์ 12 งวด (งวดละ 52000 บาท)….ค่าใช่จ่ายข้อ 1+ 2+3 รวมเป็น 75xx00 บาทซึ่งคิดเป็น 25% ของราคาบ้าน และหลังจากผ่อนดาวน์บ้านครบ 6 เดือน ทางโครงการจึงจะเริ่มสร้างบ้านให้ครับ
4. เดือนที่ 8 หลังจากผ่อนดาวน์เรายื่นกู้กับธนาคาร
5. ครบเดือนที่ 12 บ้านสร้างเสร็จ โอนบ้านโดยนำเงินที่ได้จากธนาคารมาจ่ายค่าบ้าน 75% ที่เหลือ
ผมอยากสอบถามว่า
1. ขั้นตอนดังกล่าวปรกติหรือไม่…หมายถึงว่าเป็นขั้นตอนปรกติที่ใช้กันสำหรับการซื้อบ้านจัดสรรใช้ไหมครับ
2. สำหรับเวลาที่จะต้องยื่นกู้กับแบงค์ เราจะต้องเป็นฝ่ายพิจารณาเองใช้หรือไม่ เนื่องจากแบงค์ที่เราเข้าไปติดต่อบอกกับผมว่าผมจะต้องรับโอนบ้านภายใน 4 เดือนหลังจากที่ได้รับการอนุมัติ แต่สมมุติว่าถ้าโครงการสร้างบ้านไม่เสร็จผมควรจะทำยังไงครับ?
3. ผมจะต้องผ่อนดาวน์ถึง 25 % ซึ่งเป็นเงินที่จะต้องจ่ายไปก่อน ถ้าธนาคารไม่อนุมัติเงินกู้จะทำอย่างไรดีครับ?
4. เซลล์บอกว่าเราจะสามารถแก้ไขแบบบ้าน (จากแบบมาตรฐาน) รวมถึงการคำนวณค่าใช่จ่าย หลังจากที่จ่ายเงินค่าทำสัญญาแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ผมอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเมื่อจำเป็นต้องต่อรองค่าใช้จ่าย ผมควรป้องกันปัญหานี้อย่างไรดีครับ?
ขอบคุณมากครับ เกิดมาไม่เคยซื้อบ้านมาก่อนจริงๆครับ
By: Honda_kitt
Since: 27 ก.ค. 55 16:18:40
แม่นแล้วจ้า
กันเหนียวไว้หน่อยในสัญญา หรือใบจอง "กู้ไม่ผ่าน คืนเงินจอง ทำสัญญา ผ่อนดาว ทั้งหมด"
ยินดีกับบ้านใหม่ล่วงหน้าคับ
By: ล๊อกอินนี้สีเขียว
Since: 27 ก.ค. 55 16:48:23
1. เป็นขั้นตอนปกติครับ
2. โดยปรกติหลังจากมำสัญญาในข้อ 2 เราสามารถติดต่อแบงค์ได้พลางๆ นะครับ แต่ละฉบงค์มีเงื่อนไขแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นแบงค์หน้าใหม่ น่าจะมีความกระตือรือร้นในการแย่งลูกค้ากว่าแบงค์เก่าแก่ทั้งหลาย ลองติดต่อหลายๆแบงค์เพื่อได้พิจารณาแบงค์ที่คุณถูกใจที่สุด *เงื่อนไข 4 เดือนผมว่ายืดหยุ่นได้ระดับนึงนะครับ เนื่องจากก่อนแบงค์จะเสนอเรื่องไปยัง สนง.ใหญ่จะเก็บค่าประเมินเราก่อน แบงค์จะพยายามไม่แข็งกับเราจนเกินไป กลัวเราฟ้องเหมือนกัน
3. ถ้าคุณไม่มีประวัติติด blacklist มีภาระผ่อนชำระสูงอยู่แล้ว หรือ มีรายได้ไม่พอเทียบกับเงินผ่อน ผมว่าไม่น่าห่วงนะครับ ก่อนยื่นเรื่อง จนท. สินเชื่อจะช่วยแนะนำให้ก่อนแล้วถ้าวงเงินสินเชื่อที่ขอมากเกินไปเมื่อเทียบกับความสามารถในการผ่อนชำระ จนท. สินเชื่ออาจจะแนะนำให้ลดวงเงินเพื่อเพิ่มโอกาสอนุมัติ โดยคุณก็จะมีภาระต้องหาเงินสดมาชดเชียส่วนที่เหลือหรือหาเงินกู้รูปแบบอื่นมาชดเชย
4. สิ่งสำคัญที่สุดคือเนื้อหาที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขาย+โบรชัวร์ต่างๆ ถ้าสุดท้ายคุณเสียเปรียบคุณจะเรียกร้องหรือฟ้องร้องได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับสาระสำคัญพวกนี้ครับ ขอแนะนำให้มีความรอบคอบนะครับ เพราะเจ้าของโครงการมีทั้งคนที่จริงใจและคนเจ้าเล่ห์
ขอให้โชคดีนะครับ ^^
By: นายจืดสนิท
Since: 28 ก.ค. 55 12:39:50