เนื่องจากกฏใหม่ในการประมูล อ่านแล้วรู้สึกสับสนเรื่องราคาเริ่มประมูลเนื่องจากมีการประเมินจากหลายแหล่ง เช่น
จะทำการขายโดย ปลอดการจำนอง
ราคาประเมินของสำนักประเมินราคาทรัพย์ กรมธนารักษ์จำนวน……………บาท
ราคาประเมินของผู้เชี่ยวชาญการประเมินราคาจำนวน……………บาท
ราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดี จำนวน……………บาท
ราคาที่กำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์ จำนวน……………บาท
ราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลางจำนวน……………บาท
ราคาที่จำนำ จดทะเบียนจำนอง หรือจดทะเบียนสิทธิหรือนิติกรรมครั้งสุดท้าย จำนวน……………บาท
ราคาหรือมูลค่าที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเป็นสถาบันการเงินแจ้งต่อธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือหน่วยงานราชการอื่นของปีที่จะขายทอดตลาดหรือของปีที่แจ้งครั้งสุดท้ายจำนวน……………บาท
วันที่ประกาศขึ้นเว็บ 25-07-2555
หากมีการประเมินไว้ทุกราคา แล้วผมจะยึดถึอราคาไหนเป็นราคาเริ่มต้นครับ
ขอบคุณครับ
By: 3ป1น
Since: 6 ส.ค. 55 18:25:54
ลำดับที่ 1 ใช้ "ราคาที่กำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์" หากไม่มีให้ใช้
ลำดับที่ 2 ใช้ "ราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลาง" หากไม่มีให้ใช้
ลำดับที่ 3 "ราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดี"
By: หิ่งห้อยอัมพวา
Since: 6 ส.ค. 55 20:29:24
ขอบคุณท่าน "หิ่งห้อยอัมพวา" ครับ
แล้วราคาของโจทก์และจำเลยไม่ต้องใช้อ้างอิงหรือเป็นราคาเริ่มต้นหรือครับ
By: 3ป1น
Since: 6 ส.ค. 55 21:01:16
กรมบังคับคดี เปลี่ยนหลักเกณฑ์ และวิธีการประมูล โดยลดครั้งละ 10 % กรณี ไม่มีผู้เข้าร่วมประมูล โดยต่ำสุดเริ่ม 70 % ของราคาตาม คห 1 จากเดิม 50 % ซึ่งทำให้ทรัพย์ ขายได้น้อยลง 90 % จากที่เคยขายได้ ตามหลักเกณฑ์ และ วิธีการเดิม จาก เริ่ม 50 % ในครั้ง ที่ 2 และ 80 % ครั้งแรก เพื่อให้จำเลย ขายได้จำนวนเงินมากขึ้น
"ประชานิยม"เขย่ากระบวนการยุติธรรม กรมบังคับคดีสั่งระงับการขายทอดตลาดทรัพย์ทั่วประเทศตั้งแต่ 12 ก.ค.เพราะมึนหนักหลังกฎกระทรวงฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ เผยนโยบายเอาใจลูกหนี้กำหนดราคาขายสูงสุดจากดัชนีอ้างอิง 7 ตัว ให้อำนาจเจ้าพนักงานถอนทรัพย์การขายหากได้ราคาต่ำไม่พอชำระหนี้ แถมยืดเวลาชำระเงินถึง 6 เดือน ระบุกระทบแผนแก้หนี้ คดีค้างสะสม เอ็นพีแอลบานแน่
+คำสั่งทิ้งทวน
แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ตามที่กระทรวงยุติธรรม โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการ ได้ลงนามเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขายทอดตลาดพ.ศ.2554 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมาและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2554 นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของกรมบังคับคดีและสถาบันการเงินเจ้าหนี้ รวมทั้งผู้ที่สนใจจะเข้าประมูลทรัพย์ทั่วประเทศ อีกทั้งยังอาจส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ในระบบกลับเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้เนื่องจากกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลให้ราคาขายทอดตลาดทรัพย์สูงเกินจากราคาตลาด เพราะกฎกระทรวงใหม่กำหนดให้ใช้ราคาสูงที่สุดจากดัชนีอ้างอิงประมาณ 6-7ตัว ขณะเดียวกันกรมบังคับคดีซึ่งดูแลรับผิดชอบการขายทอดตลาดต้องส่งหมายให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกคนทุกรายก่อนวันขายทอดตลาด จากเดิมที่ส่งถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์ ขณะเดียวกันก็ให้อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีถอนทรัพย์ออกจากการขายทอดตลาดเพื่อทำการขายใหม่ หากไม่มีลูกหนี้ตามคำพิพากษาเข้าร่วมซื้อหนี้ด้วยหรือมีผู้เสนอราคาเพียงรายเดียว รวมทั้งกรณีที่ราคาประมูลต่ำกว่ามูลหนี้ด้วย ดังนั้นกรมบังคับคดีจึงต้องปรับปรุงรูปแบบของการขายทอดตลาดใหม่ให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงที่ออกมา
+เจ้าหนี้-บังคับคดีมึน!
" ตอนนี้ทั้งเจ้าหนี้และกรมบังคับคดีต่างทำอะไรไม่ถูก ทางสมาคมธนาคารไทยก็ยังหาทางออกไม่ได้ จึงต้องให้ชะลอการประมูลขายทอดตลาดทรัพย์ทั่วประเทศ ทำให้แผนแก้หนี้ถูกแช่แข็งทั้งในส่วนของการขายออกและการเข้าซื้อ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3-4เดือนหรืออาจจะถึงครึ่งปี"แหล่งข่าวระบุ
ต่อประเด็นดังกล่าว "ฐานเศรษฐกิจ"ได้สอบถามนายสงคราม สกุลพราหมณ์ ที่ปรึกษาสมาคมธนาคารไทยซึ่งกล่าวยอมรับว่า คงยังไม่สามารถขายทอดตลาดทรัพย์ที่ค้างอยู่ในกรมบังคับคดีอีกหลายเดือนโดยคาดว่าคงล่วงเดือนตุลาคมไปแล้ว เพราะกฎกระทรวงที่ออกมาใหม่ปฏิบัติตามยาก ซึ่งการกำหนดให้ขายในราคาสูงที่สุดอย่างเดียวหากมีข้อโต้แย้งเรื่องราคาทั่วประเทศก็ต้องส่งเรื่องกลับมาให้ "คณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์"ซึ่งมีอยู่ชุดเดียวพิจารณา หรือประเด็นที่ให้ขยายระยะเวลาชำระเงินได้ถึง 2ครั้งๆละไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งเดิมให้ชำระภายใน 90 วันก็ถือว่านานแล้ว
"ในส่วนของสถาบันการเงินคงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องรอให้กรมบังคับคดีปฏิบัติตามกฎกระทรวงใหม่สักระยะหนึ่งก่อน จากนั้นจะเสนอปัญหาต่อกรมบังคับคดีเพื่อให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาทบทวนต่อไป"นายสงครามกล่าว
+หลักเกณฑ์กฎใหม่
สาระสำคัญของกฎกระทรวงฉบับใหม่ที่กำหนดหลักเกณฑ์การขายทอดตลาดนั้น ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการตามมาตรา 308 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยกรมบังคับคดีต้องปรับวิธีการเปิดประมูลขายทอดตลาดทรัพย์สินและใช้ราคาสูงสุดเป็นราคาขายทอดตลาดจากดัชนีราคา 7ตัว คือ 1.ราคาประเมินของสำนักประเมินราคาทรัพย์สิน กรมธนารักษ์ 2.ราคาประเมินของผู้เชี่ยวชาญการประเมินราคา 3.ราคาประเมินของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าของทรัพย์ ผู้รับจำนำ หรือผู้รับจำนอง 4.ราคาที่จดทะเบียนจำนำ จดทะเบียนจำนอง หรือจดทะเบียนสิทธิ หรือนิติกรรมครั้งสุดท้าย 5.ราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลาง 6.ราคาหรือมูลค่าที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเป็นสถาบันการเงินแจ้งต่อธนาคารแห่งประเทศไทยหรือหน่วยงานราชการอื่นของปีที่จะขายทอดตลาดหรือของปีที่แจ้งครั้งสุดท้าย 7.ราคาที่มีผู้คัดค้าน
ทั้งนี้ เกณฑ์ใหม่กำหนดให้อธิบดีกรมบังคับคดีกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี โดยผู้ประมูลซื้อทรัพย์จากกรมบังคับคดีหรือผู้เข้าเสนอราคาต้องวางหลักประกันก่อนเข้าเสนอราคา กรณีราคาเริ่มต้นไม่เกิน 20 ล้านบาทให้วางหลักประกัน 5% กรณีราคาเริ่มต้นเกิน 20 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 100 ล้านบาทต้องวางหลักประกัน 5%แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท กรณีราคาเริ่มต้นเกิน 100ล้านบาทขึ้นไปต้องวางหลักประกัน 5% แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท
+วางยาให้ใช้ย้อนหลัง
แหล่งข่าวจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐแห่งหนึ่งกล่าวถึงที่มาของกฎกระทรวงใหม่ว่า ในจุดที่สถาบันการเงินเสนอไปตอนที่กระทรวงยุติธรรมทำประชาพิจารณ์นั้นไม่ได้รับการแก้ไข แม้กระทั่งข้อเสนอจากสถาบันการเงิน "ขอใช้กฎกระทรวงใหม่กับคดีที่ฟ้องหลังวันที่ 12 ก.ค. 2554" ก็ถูกตัดทิ้ง แนวปฏิบัติตามกฎใหม่เป็นการปกป้องลูกหนี้อย่างชัดเจน ขนาดเกณฑ์ขายทอดตลาดปัจจุบันทำให้การขายยากอยู่แล้ว หากยึดตามกฎใหม่ยิ่งเป็นปัญหาภาพใหญ่ นอกจากหนี้เอ็นพีแอลไม่ลดกลับจะยิ่งเพิ่มคดีค้างแถมเปิดช่องให้ลูกหนี้ตั้งเงื่อนไขต่อรองเจ้าหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้ที่จงใจเบี้ยวไม่ยอมเจรจา เพราะทั้งราคา เงื่อนไขหากมีการโต้แย้งยังสามารถอุทธรณ์ราคาได้อีก
" แบงก์ทั้งระบบเหนื่อยแน่ ทุกแบงก์ต้องจัดการหาทางปรับแผนแก้หนี้ให้ลูกหนี้โอนทรัพย์ชำระหนี้แทนการฟ้องคดี หรือคดีเก่าที่ฟ้องคดีไปแล้วก็ต้องจัดทีมคุยกันใหม่ ส่วนจะขอให้ปรับเปลี่ยนเกณฑ์ก็ไม่แน่ใจ เพราะรัฐบาลส่วนใหญ่ชูนโยบายประชานิยมและช่วยลูกหนี้เต็มประตู"แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เงื่อนไขต่างๆตามกฎกระทรวงใหม่นั้น เป็นผลพวงจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเคยถูกฟ้องกรณีกรมบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ในราคาต่ำทำให้ขาดทุนลูกหนี้ไม่มีเงินเหลือชำระหนี้
ด้านนายสุเมธ มณีวัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.)กล่าวว่า เกณฑ์ใหม่ทำให้การเข้าซื้อทรัพย์ต้องใช้ทุนสูง ขณะเดียวกันทำให้คดีที่รอประมูลใช้เวลายาวขึ้นตอนนี้ให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาแนวปฏิบัติ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาบสก.เข้าประมูลซื้อทรัพย์ของสถาบันการเงินอื่นและมีทรัพย์ของบสก.ที่ยึดมาค้างอยู่รอการขายทอดตลาดทั้งที่ดิน บ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ ซึ่งเกณฑ์ใหม่ทำให้ขายทรัพย์ออกหรือซื้อทรัพย์แข่งก็ไม่ได้ทุกอย่างหยุดชะงักหมด
+ทรัพย์ยึด2แสนล้านปี54
จากฐานข้อมูล ในปี 2551 มีคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาด 38,000 คดี ราคาประเมิน 5.5 หมื่นล้านบาท ขายได้ 3.8 หมื่นล้านบาท ปี 2552 คดียึดทรัพย์ขายทอดตลาด 41,000 คดี ราคาประเมิน 6.2 หมื่นล้านบาท ขายได้ 3.7 หมื่นล้านบาท ปี 2553 มีคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาด 50,000 คดี ราคาประเมิน 7.8 หมื่นล้านบาท ขายได้ 4.2 หมื่นล้านบาท ในปี 2554 ณ วันที่ 31 พฤษภาคม มีคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาดคงค้าง 147,817 คดี ราคาประเมิน 245,452 ล้านบาท ขณะที่มีเอ็นพีแอลของสถาบันการเงินของรัฐค้างอยู่ที่กรมบังคับคดีกว่า 4 แสนล้านบาท และจากสถิติเดือนกรกฎาคม 2553 มีหมายบังคับคดีที่ยังไม่ตั้งเรื่องการบังคับคดีอีก 8.1 แสนเรื่อง รวมทุนทรัพย์ 1.06 ล้านล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,652 14-16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
By: C_WIN
Since: 7 ส.ค. 55 00:19:25
เอาจริงๆก็ไม่ได้ตามคห.1 หรอกค่ะ เราเพิ่งไปประมูลมาวันที่25/7 มีลำดับที่ 1
ใช้ "ราคาที่กำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์" สมมติราคาxxx,xxx บาท เรา
ก็เตรียม 5เปอร์เซนต์ไปวางหลักประกัน พอไปถึงราคาที่ใช้เริ่มประมูลกลับเป็น
x,xxx,xxx บาท มาจากไหนก้ไม่รู้ ทั้งที่ในรายละเอียดก็บอกราคาอ้างอิงเอาจาก"ราคาที่
กำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์’ มั่วมากๆเลยค่ะ โทรไปถามจนท.ก็ตอบ
อะไรไม่ได้
By: aya BGIRL
Since: 7 ส.ค. 55 21:35:05