เคยรู้สึกผิดที่จะย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ไปอยู่บ้านใหม่ของเราเองไหมครับ

ผมกำลังจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่เดือนหน้า สาเหตุที่ต้องย้าย เพราะผทเพิ่งแต่งงาน และแพลนไว้ว่าจะมีลูก ถ้าผมและภรรยา อยู่ที่นี่ จะไม่เป็นส่วนตัวและค่อนข้าง อึดอัด
บ้านผมเป็นตึกแถวขายข้าวแกง มีพ่อแม่ น้องชาย พี่ชายและแฟนเขา สิ่งที่ไม่สะดวกคือเรื่องห้องน้ำ มีห้องอาบน้ำห้องเดียว ตอนเช้าแย่งกันสนุกเลย และแต่ละคนมีนิสัยไม่เป็นระเบียบ
มากๆ ตรงนี้ภรรยาผมรับไม่ได้ บ้านมันจะรกทั้งวัน กินกันไม่เคยเก็บ ชอบดอง แต่ผมสงสารพ่อ วันที่ผมบอกพ่อว่าผมซื้อบ้านใหม่แล้วนะ ดูเค้าเศร้าๆ แต่ไม่แดสงออกมาก แค่บอกให้ดุดีๆแล้วกัน
บ้านที่ผมจะย้ายไปไหนนีก้ออยู่ห่างจากที่บ้านประมาณ 15 กิโล จริงๆอยาได้ใกล้กว่านี้แต่งบประมาณไม่พอ ผมตั้งใจไว้ว่า วันธรรมดาผมตั้งใจว่าจะแวะเข้าไปเยี่ยมบ้านอย่างน่อย1วัน
และทุกวันเสาร์หรืออาทิตย์ จะไปช่วยขาขายของ และตั้งใจว่าอีก 3-4 ปี จะให้เขาเลิกขายของและไปอยู่กับผม

ผมรู้สึกผิดที่กำลังจะทิ้งที่บ้านไปหาความสบายส่วนตัว เพื่อนเคยเป็นแบบนี้ไหมครับ

By: จิ๋กโก๋รังสิต
Since: 9 ส.ค. 55 16:23:15

36 thoughts on “เคยรู้สึกผิดที่จะย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ไปอยู่บ้านใหม่ของเราเองไหมครับ

  1. admin Post author

    ไม่ผิดหรอกครับ มีทั้งพี่ชาย น้องชายยังอยู่ ก็ทำแบบนี้ครับ ตอนเย็นหาเวลามาทานข้าวที่บ้าน แล้วก็กลับบ้าน หมั่นมาเยี่ยมที่บ้านบ่อยๆ มีไรก็ช่วยเหลือที่บ้าน คนเรานะครับไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เดียวกัน แต่ก็มาเยี่ยมเยียนห่วงใยกันได้ ก็คุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจ บอกท่านว่าไม่อยากให้ที่บ้านอยู่กันอึดอัด ไปอยู่ใกล้ๆ เดินทางมาหามาทานข้าวได้บ่อยๆ เพราะยังไงตอนนอนก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว หรือบางวันรับท่านไปนั่งเล่นที่บ้านบ้างก็ได้

    By: peggo
    Since: 9 ส.ค. 55 16:42:18

  2. admin Post author

    ผมก็ย้ายออกมาเหมือนกันครับ ทิ้งให้พ่ออยู่กับน้องสาว แต่มันจำเป็นครับ ทั้งเรื่องของความสะดวกและแก้ปัญหาน้องสาวทะเลาะกับพี่สะไภ้ด้วย พออยู่ห่างกัน นานๆเจอกันทีก็ไม่มีปัญหาอะไรกัน ทักทายยิ้มแย้ม คุยกันดี

    By: JustDoIt
    Since: 9 ส.ค. 55 16:52:23

  3. admin Post author

    ขอตอบคำถามก่อนนะค่ะ (ในสถานการณ์ที่ต่างกับ จขกท.)เราไม่รู้สึกผิด เพราะเราออกจากบ้านต่างจังหวัด มาเรียน มาทำงานที่ กทม.เป็น 10 ปีแล้ว กลับบ้านทุกเดือน พ่อแม่ก็เข้าใจนะว่าเราต้องทำงาน ต้องซื้อบ้านอยู่ที่นี่

    กรณีของ จขกท.
    เราว่าไม่ผิดนะ ถ้าคุณแวะเวียนไปดูแลท่านสม่ำเสมอ

    ก็คงต้องมีเศร้ากันบ้างคนเคยอยู่ด้วยกันทุกวัน

    แต่คุณโชคดีกว่าเราคือ บ้านคุณกับบ้านพ่อแม่ ห่างกันแค่ 15 Km. เอง อิจฉาจัง

    เราห่าง 1000 กิโล เลยกลับไปหาบ่อยๆไม่ได้ค่ะ

    By: khowhom160
    Since: 9 ส.ค. 55 16:58:51

  4. admin Post author

    เหมือนเราเลย ต่างกันที่เราเป็นลูกคนเดียว แต่เรามีครอบครัวแล้ว มีลูกสองคน ก็เข้าใจสามีคะ บางทีเค้าอยู่กับพ่อแม่เรา บางทีเค้าทำอะไรไม่สะดวก จะนั่งจะนอน หรือจะทำอะไรก็เกรงใจคุณพ่อคุณแม่เราค่ะ เราเลยตัดสินใจซื้อบ้านเมื่อปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ย้ายไปอยู่เต็มตัวนะคะ ไปอยู่บ้านใหม่ แค่เสาร์-อาทิตย์ แต่วันธรรมดา ยังอยู่กับคุณพ่อคุณแม่อยู่ เพราะยังติดที่ลูกคนเล็กเรายังไม่เข้าโรงเรียนคะ

    แต่เวลาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ทีไร หอบลูกหอบสามีไปนอนบ้านใหม่ แล้วบางครั้งก็คิดถึงค่ะ ก็ดีหน่อยที่บ้านใหม่เราอยู่ไม่ไกลกันสักเท่าไร อยู่บริเวณ พื้นที่เขตเดียวกันค่ะ

    แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเรารู้สึกแย่ ที่แยกตัวออกไป เข้าใจความรุ้สึก จขกทค่ะ

    By: แม่ลูกตัวกลม
    Since: 9 ส.ค. 55 17:09:22

  5. admin Post author

    โอย โดนค่ะ
    บ้านแฟนเราก็ไม่อยากให้แยกไปอยู่ค่ะ
    ยังไม่รู้เลย จะหมู่หรือจ่า
    ทั้งๆที่แม่แฟนยังมีลูกสาวอยู่ด้วยตั้งสองคน
    ยังไม่รู้ว่าแฟนจะกล้าขัดใจแม่รึเปล่า
    แต่ถ้าอยู่รับรองมีปัญหาแน่ๆ

    By: ต้นหญ้าริมสนาม
    Since: 9 ส.ค. 55 17:27:57

  6. admin Post author

    ผมแก้ปัญหาด้วยการซื้อที่อีกแปลงตรงหน้าบ้านแม่แล้วปลูกอยู่เองต่างหากครับ ไม่ได้รวยนะครับพอดีแถวบ้านที่ไม่แพงและเขาจะขายพอดี

    By: omaizo
    Since: 9 ส.ค. 55 17:34:03

  7. admin Post author

    ผมก็ย้ายออกมาจากบ้านพ่อแม่เหมือนกันครับ ยังมีพี่ชายกับแฟนพี่ช่วยเหลือดูแลท่าน แต่ก็กลับไปหาทุกอาทิตย์อยู่เสมอ ย้ายออกมาได้ก็ปีกว่าแล้วเหมือนกัน บางครั้งก็ใจหายแว๊บๆ เวลาเห็นท่านในมุมออดๆ แอดๆ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปครับ

    By: Avantasia
    Since: 9 ส.ค. 55 17:35:20

  8. admin Post author

    อืมมมมม ถึงพ่อแม่จะเศร้าแค่เค้าต้องเข้าใจแน่ๆค่ะ หนูก็ยังไม่มีสามีไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เพราะออกมาเรียนมาทำงานเองได้หลายปีแล้ว แต่บ้านอยู่ห่างกันแค่ กรุงเทพ ปทุมเอง ใกล้ๆ

    จากที่เคยคุยกับพ่อ พ่อก็บอกนะคะว่า เรามีครอบครัวแล้วก็ต้องแยกไป มันเป็นครอบครัวของตัวเองน่ะค่ะ ใช่ว่าแยกไปแล้วจะหมดความเป็นครอบครัวของพ่อแม่เสียเมื่อไหร่ แต่แค่เราต้องไปตั้งรากฐานใหม่ให้กับตัวเอง

    อยากถามพี่เจ้าของกระทู้ว่า ตอนก่อนซื่อบ้านได้คุยกับพ่อมั้ยคะ คือถ้าไม่ได้บอกก่อนก็แอบเสียใจนะ แบบว่า หนีไปซื้อบ้านทำนองนี้ อย่างพี่สาวหนูเคยไปคุยกับคนนั้นคนนี้ว่าจะย้ายออกจากคอนโดที่อยู่ด้วยกัน โดยไม่บอกหนู พอหนูรู้นี่เสียใจมากค่ะ อุตสาห์พาน้องสาวมาอยู่ด้วยกันสามคนพี่น้อง แต่พี่ดันคิดจะไปอยู่ที่อื่น ไม่เคยบอกกันเลย ต้องให้รู้จากคนอื่น แต่สุดท้ายเค้าก็ยังไม่ไปนะคะ แต่ก็แอบเศร้าที่คนอยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งชีวิตกำลังแยกออกไป แต่ทุกคนก็มีชีวิตมีครอบครัวส่วนตัวค่ะ

    ห่างกันนิดเดียวเอง ก็กลับไปหาไปกินข้าว พาแฟนพี่ไปด้วยมันก็โอเคแล้วนะคะ ช่วงแรกๆที่หนูออกมาอยู่หอที่มหาลัยกลับบ้านทุกอาทิตย์เลย มีเวลานิดหน่อยก็กลับ บางทีก็กลับไปเชียร์บอลดูมวยกับพ่อไม่ไปเรียน พอทำงานก็ทำแบบนี้ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้กลับเลย กลับทีไรเงินหมดเยอะแยะไปหมด ฮ่าๆ แล้วมีโปรเจคที่เอาเงินพ่อมาลงทุน ไม่อยากให้พ่อเสียใจถ้าเราทำไม่สำเร็จเลยไม่อยากกลับบ้านพ่อก็เข้าใจ

    ตอนนี้พ่อกับแม่เริ่มพูดเรื่องซื้อบ้านคิดว่ายังไงก็ต้องซื้อให้พ่อแม่ภายในสองปีนี้ แต่ก็มาคิดนะคะว่า อนาคตแต่งงานจะทำยังไง แต่เป็นลูกสาวทำไงได้คะ ต้องแต่งเข้าบ้านเค้า แต่พ่อก็คุยไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ก็กลับมาหาเหมือที่ทำนี่แหละ เค้าชินมาตั้งแต่เข้ามหาลัยแล้ว พี่เจ้าของกระทู้ควรคุยกับพ่อแม่ให้ดีๆนะคะ พ่อแม่ต้องเศร้าแน่ๆ แต่พ่อแม่หนูเค้าเตรียมใจไว้นานแล้ว ขนาดช่วงที่ไม่กลับบ้านเค้าก็พูดน้อยใจเล่นๆว่า ไม่มีลูกมาหลายปีแล้ว

    แต่ก็แอบน้อยใจ จริงๆคนที่ไล่ให้หนูออกมาอยู่หอ ก็คือพ่อน่ะแหละ เพราะอยู่บ้านแล้วทะเลาะกับแม่ มันเสียสุขภาพจิต พ่อเลยให้ออกไปหาที่อยู่เอง เอิ๊กกกกก

    มาบ่นไรเนี่ย

    By: all abt
    Since: 9 ส.ค. 55 17:41:04

  9. admin Post author

    ถามว่าเคยรู้สึกมั๊ย ตอบเลยว่า มากครับ

    แต่ผมว่ามีทั้งข้อดี และ เสียครับ คุณ จขกท คงคิดดีแล้วแหล่ะครับถึงย้ายมาสร้างครอบครัวเอง

    ตัวผมเองพ่อแม่ อยู่ กทม ผมกับครอบครัว ย้ายมาทำงานต่างจังหวัด เวลาได้ยินแม่เล่าว่าวันนี้ไปกินข้าวกับพี่วันนั้นไปกินข้าวกับน้อง ไปเที่ยวนั่นนี่กับพี่น้อง ผมรู้สึกว่าผมแย่จังไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เลย (พี่ และ น้องก็ไม่ได้อยู่บ้านพ่อแม่ แต่ยังอยู่ในกทม)

    แต่พ่อกับแม่ก็ภูมิใจนะครับ ที่ผมออกมาสร้างครอบครัวของผมเอง แต่ไกลไปหน่อย ร่วม 300Km.

    แต่ผมแอบคิดเอาเองนะครับว่า ยิ่งเราอยู่ไกล พ่อแม่ – พ่อแม่ก็ยิ่งรัก ยิ่งห่วงเราครับ เพราะนานๆได้เจอกันที มัวแต่ดีใจคิดถึงกัน ยังไม่ทันจะมีเรื่องให้พ่อแม่ว่าได้ก็กลับซะแร๊ะ.. อันนี้ข้อดีครับ

    By: pomcondo
    Since: 9 ส.ค. 55 18:00:22

  10. admin Post author

    ผมก็เป็นแบบเจ้าของกระทู้ รู้สึกไม่ดีเหมือนกันครับเหมือนเป็นลูกอกตัญญู แต่จำใจต้องย้ายออกมามีครอบครัวของตัวเองครับ แต่ผมก็หมั่นเข้าไปเยี่ยมแกเสมอครับ

    By: Taponline
    Since: 9 ส.ค. 55 18:12:16

  11. admin Post author

    ของเราเหมือนใกล้ แต่ไปทีเหนื่อยมาก บ้านแม่อยู่ลาดพร้าว ที่เรียกว่าโชคชัย 4 บ้านเราอยู่พัฒนาการ
    นั่งรถเมล์ไปทีหมดไปครึ่งวัน คิดถึงหมาที่บ้านที่ตอนนี้แก่ จำเราไม่ได้ เหมือนจะงอนเราด้วยซ้ำ

    เพราะเราแต่งงานย้ายบ้านไป ไม่ค่อยได้กลับบ้าน  ปีนึงว่างกลับได้ 2-3 ครั้งเอง

    ไปที่บ้านก็รุ้สึกรก ไม่ได้ดังใจ อยากมีเวลาไปช่วยเก็บข้าวเก็บของ แต่ที่บ้านไม่มีห้องให้เรานอนแล้ว เพราะพี่ชายเอาไปเก็บสินค้าที่จะขาย ก็เลยไม่ได้กลับ

    กลับไปบ้านได้อยู่นั่งเล่น 2 ชม.ก็กลับเพราะแม่ไม่ได้อยู่บ้าน เพราะออกไปขายของ
    ตั้งใจจะกลับบ้านวันจันทร์นี้ เพราะสัญญากับแม่ว่าจะกลับวันแม่ (หยุดชดเชย)
    ถึงแม่จะไม่ได้ให้ความสำคัญ แต่เราก็อยากให้มันสำคัญพิเศษซะหน่อย  

    ใกล้หรือไกล ไม่สำคัญแต่อยู่ที่เราให้ความสำคัญกับคนที่เราอยู่ด้วย
    พี่สาวเราอยู่กับแม่ แต่ไม่รู้ว่าวัน ๆ ได้คุยกับแม่บ้างหรือเปล่า เพราะกลับบ้านดึกๆ ดื่น ๆ
    คุยกันก็ทะเลาะกัน ถ้าแบบนี้อยู่กันห่าง ๆ ดีกว่าจะได้รักกันมากขึ้น

    By: แก๊งเหมียวอาละวาด
    Since: 9 ส.ค. 55 18:41:06

  12. admin Post author

    ขอตอบในฐานะที่เป็นแม่ สามีตายแล้ว ลูกมีแฟน เราบอกเขาไว้เลยว่าให้แยกไปอยู่เป็นส่วนตัวได้ ไปมาหาสู่เป็นครั้งคราว จะรักกันยืนยาวกว่ามาคลุกคลีกัน การเลือกแฟน ไม่ต้องเอาแม่เป็นตัวกำหนด ให้เลือกคนที่เขาอยู่กันได้แล้วมีความสุข  เพราะเราไม่ไช่จะอยู่กับเขาตลอดไป เราจึงรักผู้หญิงที่ลูกรักได้อย่างสบายใจ เราชอบที่จะพึงพาและอยู่กับตัวเองได้มากกว่าจะไปเกาะเกี่ยวกับคนอื่น ดูเพื่อนเราที่ไม่แต่งงานเขายังอยู่ได้ สไตล์เราไม่ชอบให้ลูกมาสปอยจนเสียคนเหมือนแม่กัปตันธีระ(เกลียดจัง แม่ที่เห็นแก่ตัว ทำลายความสุขลูก) หากจขกท.เป็นลูกเรา เราจะบอกเลยว่ามันเป็นธรรมชาติที่ลูกต้องมีชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องคิดมาก มีวิธีอื่นที่จะดูแลพ่อแม่ตั้งเยอะ ไม่จำเป็นต้องมาผูกติดกันเป็นพวง

    By: wellcare55 (wellcare55)
    Since: 9 ส.ค. 55 19:35:51

  13. admin Post author

    ท่านอื่นแย่งตอบหมดละ…. คิดเหมือนท่านอื่นครับ

    แต่ผมอยู่กับครอบครัวแฟนนะ พอดีเป็นลูกคนเดียวไม่มีคนดูแล ดีไปอย่างมีคนช่วยเลี้ยงลูก ไม่เหนื่อยเกินไป

    By: panda_ch
    Since: 9 ส.ค. 55 19:47:03

  14. admin Post author

    "ผมรู้สึกผิดที่กำลังจะทิ้งที่บ้านไปหาความสบายส่วนตัว"

    ยังไม่ได้ไปเลย รู้ได้ไงคะ ว่าจะสบาย? อาจไม่สบายอย่างที่คิดก็ได้ ประเด็นก็คือ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก

    By: ม่วยถ่าว
    Since: 9 ส.ค. 55 20:00:57

  15. admin Post author

    พ่อแม่ผมบอกมีครอบครัวก็ย้ายๆออกไปกันอย่ามาอยู่ด้วยกันเดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ
    สาเหตุเพราะเมื่อก่อนพ่อแม่ผมโดนว่าโดนด่า ของทุกอย่างเราซื้อทุกคนในบ้านใช้
    วันนึงน้องสะใภ้มาใช้แก๊สพอแม่ผมพูดนิดนึงอาม่าด่าและไล่ออกจากบ้าน น้องชายพ่อเอาปืนไล่ยิง
    แม่ผมมีพี่คนโตไม่มีเงินกินข้าวต้องไปขอโจ้กให้พี่คนโตกิน
    ทุกวันนี้ผมถึงรักครอบครัวผมมาก ไหว้พระขอพรก็ให้แต่ครอบครัว
    แต่ผมคิดไว้แล้วผมคงไม่แต่งงานมีลูกอยู่ดูแลพ่อแม่ดีกว่า แต่เกิดวันนึงรวยขึ้นมาอาจรับเด็กมาเลี้ยง^^
    ทุกวันนี้อาม่าผมดีกะแม่ผมละ เพราะแม่ผมเก่งทั้งงานนอกงานในแถมบอกช่วยดูแลลูกชายเค้าด้วยเค้าห่วง ฮ่าาา

    ผมว่าพ่อแม่จขกท.คงเข้าใจแหละคนเราต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง แถมอยู่กันเยอะก็ไม่พอใจกันง่ายปัญหาจะตามมานานๆไปจะใหญ่โตมองหน้ากันไม่ติดเลย

    By: แดนอาทิตย์อุทัย
    Since: 9 ส.ค. 55 20:31:52

  16. admin Post author

    รู้สึกผิดมาตลอด แต่ว่าข้อดีมันมีมากกว่าเยอะเลย สบายใจ สบายตา ความรู้สึกว่ามีที่มีทางมีบ้านเป็นของตัวเองจริงๆมันเยี่ยมมากๆ

    ยังไงที่บ้านพ่อกับแม่ก็ยังมีน้องชาย และครอบครัวพี่ชายอยู่ด้วย คุณไม่อยู่ พวกท่านก็ไม่เหงามากหรอกค่ะ

    คุณจะรู้สึกผิดมากกว่านี้ทำให้พ่อแม่คาดหวังว่าคุณจะไปเยี่ยมทุกอาทิตย์ แต่คุณทำไม่ได้ ซึ่งตรงนี้มีความเป็นไปได้เยอะมากเลยที่คุณจะไปเยี่ยมไม่ได้บ่อยเท่าที่คิดอะ

    สนับสนุนให้ย้ายออก ข้อดีมันเยอะกว่าจริงๆนะ

    By: กินเยอะจะปวดท้อง
    Since: 9 ส.ค. 55 20:32:25

  17. admin Post author

    แค่ 15 กิโลเองครับ ไม่ไกลเลย อย่าคิดมาก

    By: Posted via Android (El Fuego)
    Since: 9 ส.ค. 55 20:46:28

  18. admin Post author

    ตอนแยกออกมาแรกๆ ก็คิดถึงบ้านเก่าอ่ะค่ะ คิดถึงแม่ คิดถึงกับข้าวที่แม่ทำ  T_T
    แต่ว่าชีวิตคนเราต้องก้าวเดิน ตอนนี้ปรับตัวกับบ้านใหม่ได้แล้ว มีความสุขดีค่ะ กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างเดือนละครั้ง

    By: ไม้ไต่คู้
    Since: 9 ส.ค. 55 22:05:29

  19. admin Post author

    เป็นวิถีทางครับ

    ผู้หญิงอยู่รวมกัน ส่วนมากทะเลาะกันมากกว่ารักกันครับ

    พี่สาว น้องสาว พี่สะใภ้ แม่สามี

    ผมว่า คุณอยู่บ้านใหม่ก็ไปรับพ่อแม่มานอนบ้าง เป็นครั้งคราว แล้วก็แวะไปหาท่านบ่อยๆ

    By: ป้อม (Bgate)
    Since: 9 ส.ค. 55 22:24:59

  20. admin Post author

    ผู้หญิงอยู่รวมกัน ส่วนมากทะเลาะกันมากกว่ารักกันครับ
    ฮา ๆ อันนี้เห็นเยอะ… ถ้าครอบครัวไหน ลูกสะใภ้กับแม่สามี… อยู่แบบสงบสุข
    ถือว่าโชคดี..มาก
    ขนาดแม่กับลูกสาว ยังมีทะเลาะ
    มีลูกสะใภ้มาเพิ่ม… ปวดหัว
    แยกเพื่ออนาคต…

    By: javabean
    Since: 9 ส.ค. 55 23:04:41

  21. admin Post author

    เอาแบบหลานผมสิ เค้าซื้อบ้านแยกครอบครัวตัวเองออกมาเหมือนกัน แต่บ้านเค้าอยู่ห่างบ้านพ่อแม่ประมาณ 10 กิโลเมตร ทุกเย็นหลังกลับจากที่ทำงานก็แวะไปทานข้าวมือเย็น(ค่ำ)กับพ่อแม่เค้าทุกวัน (จันทร์-ศุกร์) ส่วนเสาร์หรืออาทิตย์(เค้าหยุดเสาร์เว้นเสาร์)ก็จะอยู่กับครอบครัวตนเอง หรือบางครั้งจะพาลูกสาวไปหาคุณปู่คุณย่า ทำอย่างนี้เป็นกิจวัตรประจำ  ส่วนเรื่องเงินเค้าก็ส่งให้พ่อแม่ใช้ทุกเดือน หลานชายผม 3 คน ส่งเงืนให้พ่อแม่ใช้ทุกคน ให้เงินพ่อแม่ไปท่องเที่ยวเมืองนอกอยู่บ่อยๆ ทั้งที่พื้นฐานนะไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย พี่สาวลำบากมามากมาย เค้าสอนลูกเค้าได้ดีมากๆ เป็นเด็กกตัญญูทุกคน เรียนเก่ง อดทน ช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจานสบายมาก  จบมาก็ได้ทำงานดีๆเงินเดือนก็เยอะกันทุกคน
      การที่คุณคิดอย่างนี้ถือว่ามีความกตัญญูดีอยู่แล้ว ก็หมั่นมาเยี่ยมมาหาบ่อยๆสิครับ บ้านก็ไม่ไกลมาก ทำให้เค้ารู้สึกอบอุ่นถึงคุณจะแยกออกไป ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เดี๋ยวนี้อยู่ไกลกันคนละประเทศยังติดต่อกันง่ายมากแบบเห็นหน้าเห็นตาสบายๆ แสดงความกตัญญูได้หลายวิธีครับ (บางคนแทบจะไม่เคยโทรศัพท์คุยกับพ่อแม่เลย ไม่เคยบอกความรู้สึกห่วงใยกับท่าน บางคนอายที่จะพูด บางคนมากล้าที่จะพูดตอนท่านจากไปแล้วไม่มีประโยชน์อะไรเลย)ไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ใกล้ชิดกันทุกวัน มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เยอะแยะว่าอยู่ในบ้านเดียวกัน แต่ไม่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่เลยสักนิด ตัวไกลใจใกล้ครับ ดีกว่าตัวใกล้ใจไกลเป็นพันไมล์ แสดงให้เห็นสิครับว่าถึงตัวอยู่ไกลออกไปหน่อย  แต่ก็ทำให้พ่อแม่รู้สีกได้ว่าความอบอุ่นที่เคยมีมันไม่ได้จากออกด้วย แต่มันรู้สึกแน่นแฟ้นมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ  เหมือนราวกับว่าเราไม่ได้จากไปไหนเลย อยู่ครงนี้ใกล้ๆที่นี่…..ที่ใจนี่เอง

    By: Lek_one (Lek_one)
    Since: 9 ส.ค. 55 23:23:00

  22. admin Post author

    เห็นหลายกระทู้ บอกว่าถูกต้อง เพราะคุณยังไม่แก่ ลูกยังไม่โต

    ถ้าเวลานั้นมาถึงจริง ๆ คุณจะรู้สึก แบบเดียวกับพ่อแม่ ที่รู้สึกในวันนี้
    ทำไม การอยู่กับพ่อแม่ มันแย่มาก ขนาดนั้นหรือ แล้วคุณโตมาในครอบครัว
    แบบนี้ได้อย่างไร??? ทำไม ก่อนแต่ง คุณไม่รู้สึกอึดอัด อยากอิสระเสรี ???

    เราเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ พี่ชายแยกบ้านไป ทั้ง ๆ เป็นลูกชายคนเดียว
    พ่อร้องไห้ แม่ก็ร้องไห้ เศร้ามาก และเป็นเหตุหนึี่งที่ทำให้แม่ เป็นคนขี้วิตก
    กังวล ซึมเศร้า มาตลอด ทั้ง ๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกัน ไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งนะ
    บ้านก็ไม่จน

    เพียงแค่ เมียของพี่ กับพี่ชาย อยากเป็นอิสระเท่านั้นเอง แล้วทำไม ไม่ขอเป็นอิสระ
    ตั้งแต่เด็ก ยังหางานทำงานไม่ได้นะ แปลกจริง ๆ

    By: 11
    Since: 9 ส.ค. 55 23:32:30

  23. admin Post author

    ที่บ้านพ่อกับแม่ บอกไว้เลย ถ้าจะแต่งงานมีครอบครัว ถือว่ามีความรับผิดชอบ

    กรุณาตั้งรกรากชีวิตใหม่ และน้องๆ ยังอาศัยอยุ่ได้

    ปล.พอดีบ้านหลังเล็ก เลยไม่สามารถให้อยุ่รวมกันได้

    แล้วแต่ครอบครัวจริงๆ

    แต่ตอนนี้ พ่อกับแม่กลับอยากไปอยุ่ ตจว ให้ลูกๆ อยุ่กันเองในกทม ขอให้กลับไปเยี่ยม แค่นั้น

    By: longtime
    Since: 9 ส.ค. 55 23:44:37

  24. admin Post author

    ปัญหานี้เหมือนกันเลย ยังคิดไม่ตก ของเราไม่ใช่แค่พ่อแม่ ยังญาติผู้ใหญ่อีกสองสามคน
    เคยคิดว่า หรือจะซื้อทาวเฮ้าสน์เล็กๆ ซักสองห้องในหมู่บ้านเดียวกันให้เขาย้ายมาอยู่ใกล้ๆ เรา ดี แต่ก็ติดเรื่องทุนทรัพย์
    แถมบ้านแฟนเราไกลจากที่เดิมมาก บอกให้แฟนมาซื้อใกล้ๆบ้านเรา ก็แพงเกิน เฮ้อ
    เข้ามาบ่น ไม่ไ่ด้ช่วยอะไรคุณ จขกท เลย 🙂

    By: หน้าตาเหรอหราเชียวนะเรา
    Since: 10 ส.ค. 55 01:28:53

  25. admin Post author

    ต่างกับบ้านเราเลยค่ะ บ้านเราใครแต่งงานต้องย้ายออก แม่บอกว่าความเคยชินของคนที่อยู่มาก่อนก็สำคัญ  ความเป็นส่วนตัวของคนแต่งงานแล้วก็สำคัญ

    ส่วนตัวเราก็อย่างคุณความเห้น2เลยค่ะ นานๆเจอกันทีหรือเจอกันแล้วแยกย้านกลับไปอยู่บ้านตัวเองดีกว่า

    By: แมวป่วนก๊วนซ่า
    Since: 10 ส.ค. 55 10:16:06

  26. admin Post author

    ก่อนจะตอบ .. ต้องบอกว่าแต่ละครอบครัวมีความคิด มีทัศนคติ มีการเลี้ยงดูมาที่แตกต่างกัน 
    ที่จะตอบต่อไปนี้ คือบ้านเรา ครอบครัวเราเท่านั้นนะคะ กับครอบครัวอื่นอาจจะไม่ใช่แบบนี้ หรือไม่ได้คิด ไม่ได้เป็นแบบนี้

    เริ่มที่บ้านเราก่อน .. บ้านเราเป็นคนจีน อาม่าจีน 100% พ่อแม่ก็ไทยจีนละ พี่ชายเราแต่งก่อน .. ซึ่งก่อนแต่งก็ไม่ได้จะอยู่บ้านประจำอยู่แล้ว เพราะทำงานในเมือง ก็ซื้อคอนโดอยู่
    พี่ชายอีกคน พี่สาวอีกคน ก็อยู่คอนโดกันหมด แต่เสาร์อาทิตย์ พี่น้องจะกลับมาบ้านพ่อแม่ แล้วก็นอนค้างกัน มีความสุขดีค่ะ พ่อแม่เราก็แฮปปี้ ไม่ได้มีความรู้สึกที่จะต้องมารั้งลูกไว้ให้อยู่กับตัวตอนแก่
    พ่อเรา อาม่าเรา ผ่านช่วงที่ไม่สบาย มีต้องเข้ารพ. ผ่าตัดใหญ่เป็นว่าเล่น อาม่าเส้นเลือดในสมองตีบ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มีลูกหลานคอยดูแลตลอดไม่เคยขาด กำลังจะบอกว่าการรั้งลูกหลานไว้ให้อยู่กับบ้าน อยู่กับตัวเพื่อจะได้อยู่ดูแล ไม่ได้แปลว่าลูกหลานที่ออกมาอยู่เองข้างนอกจะไม่กลับไปดูแลค่ะ ของอย่างนี้มันอยู่ที่คน อยู่ที่ความคิด และการกระทำของลูกหลานเองทั้งนั้น
    การกลับไปบ้านทุกอาทิตย์ ก็ไม่ได้มีพ่อแม่มานั่งโทรตามว่าจะมาบ้านมั้ยลูก มีแต่ลูกๆกลับมาบ้านพ่อแม่เอง โดยไม่ได้มีใครร้องขอ หากใครไม่ว่าง พ่อแม่เราก็จะบอกว่า ไม่เป็นไรลูก ไม่ว่างไม่ต้องมาหรอก จัดการธุระให้เรียบร้อยไปดีกว่า
    บ้านเราเป็นแบบนี้ จนเราแต่งงานออกมาอยู่บ้านสามี (ที่มีพ่อแม่สามีอยู่ด้วย) พ่อแม่เราไม่เคยโทรตาม หรืออะไร บ้านเราเลี้ยงลูกแบบอิสระ ไว้ใจ และเชื่อใจ และรู้ว่าลูกตัวเองเป็นคนอย่างไร 
    และเราก็รู้สึกว่าการที่พ่อแม่ไม่โทรตาม ไม่ได้แปลว่าเค้าไม่รัก ไม่ห่วง เพียงแต่เค้าเชื่อว่าเราดูแลตัวเองได้ดีมากพอแล้ว แต่ถึงเวลาถ้าเราต้องการคำแนะนำ เราจะปรึกษาเค้าเอง 🙂

    อย่างที่รู้ๆกัน แม่สามี กับลูกสะไภ้ .. เราไม่ได้เจอปัญหานี้นักหนามากนัก ถ้าเทียบกับคนอื่นๆที่เห็นมาเล่าๆให้ฟังกันตามห้องชานเรือน แต่สุดท้ายเราก็คุยกับสามี ขอแยกออกมาอยู่เองเป็นส่วนตัว
    คำว่า \”ขอแยกออกอยู่เป็นส่วนตัว\” ไม่ได้แปลว่า \”จะอกตัญญู\” นะคะ ขอให้เข้าใจใหม่อีกครั้ง เราแยกออกมาอยู่ เพื่อที่เราจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ต้องบอกว่าการแต่งงานแล้วเข้าไปอยู่บ้านสามี หรือในทางกลับกันผู้ชายต้องเข้าไปอยู่บ้านผู้หญิง มันไม่โลกสวยขนาดนั้นค่ะ 🙂
    เราย้ายออกมาได้ 1 เดือนแล้ว ตอนซื้อบ้านเราเจอกันครึ่งทางกับสามี คือเราต้องการซื้อบ้านแยกออกมาอยู่กัน 2 คน แต่สามีสามารถเลือกบ้านที่อยู่ใกล้บ้านเดิมเค้าได้เท่าที่เค้าต้องการ (แต่เรื่อง Spec บ้านเราขอพิจารณาด้วย) 
    และเราไม่ได้เรียกร้อง หรือมีความต้องการที่จะต้องไปหาซื้อบ้านที่อยู่ใกล้บ้านพ่อแม่เรา เพราะมันไม่จำเป็น เราสามารถขับรถไปหาเค้าได้ทันทีที่เค้าเรียกใช้ หรือถ้าจะไปหาเราก็ขับรถไปหาได้สบายๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร 30 กิโล บนถนนวงแหวน ชิวๆ 45 นาทีก็ถึง

    ตอนนี้เราแยกออกมาอยู่กันเองได้ 1 เดือนแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราก็แวะไปบ้านแม่สามีอาทิตย์นึง 2-3 วัน ตอนเย็นบ้าง ตอนกลางวันเสาร์อาทิตย์บ้าง แล้วแต่ว่าจะไปวันไหน วันไหนเลิกงานไม่ดึก ก็แวะไปกินข้าวบ้าน 
    ที่ผ่านมา แม่สามีไม่สบาย เลิกงานเสร็จ ก็บึ่งรถไปรับไปรพ. เสร็จแล้วก็พาไปส่งบ้าน เรากับสามีถึงได้แวะหาอะไรกินก่อนเข้าบ้าน
    แม่สามีจากที่ตอนแรกเราสองคนกังวลว่าเค้าจะเสียใจที่เราย้ายออกมา หรือกังวลว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราค่อยๆพูด และบอกถึงวัตถุประสงค์ของเรา และความตั้งใจของเรา และการกระทำหลังจากย้ายออกมาแล้ว สุดท้ายแม่สามีไม่ว่า ไม่ดราม่าอะไรเลย คอยซื้อต้นไม้ กระถางนั่นนี่มาให้เราปลูกที่บ้าน จะมีบ้างนิดหน่อย ก็อารมณ์คนแก่บางทีก็งอแงนิดๆหน่อยๆเป็นปกติ 
    ที่เล่ามาเสียยืดยาว .. เพียงเพื่อจะบอกอีกมุมมองนึง ว่าทุกอย่างอยู่ที่เราทำตัวค่ะ ลูกหลานอยู่บ้านเดียวกันกับพ่อแม่ ไม่ดูแลพ่อแม่มีเยอะไปค่ะ 
    ดังนั้นจะอยู่บ้านเดียวกัน หรือแยกออกมาอยู่ ไม่สำคัญเท่าการกระทำของคุณค่ะ ตราบใดที่คุณคิดว่าคุณแยกออกมาอยู่เอง แล้วคุณยังดูแลพ่อแม่อย่างที่เคยทำอยู่ ก็อย่าได้คิดอะไรมากเลย 
    คนเป็นพ่อแม่ โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ยังไงก็ดีใจค่ะ ที่ลูกสาวได้มีบ้านแยกออกมาอยู่เอง ไม่ต้องอยู่ร่วมกับพ่อแม่สามี
    คนเป็นพ่อแม่ของฝ่ายชายจะคิดอีกแบบ .. คือกลัวลูกชายไปดูแลเมียเสียหมด จนลืมแม่ ดังนั้นสิ่งที่ลูกผู้ชายควรทำคือ ในเมื่อคุณเลือกที่จะออกไปอยู่เองแล้ว จงอย่าทำให้แม่คุณรู้สึกว่าคุณรักเมีย มากกว่าแม่ ขอให้คุณดูแลแม่คุณเหมือนเดิม เสาร์อาทิตย์ มารับไปกินอะไรด้วยกัน มารับไปซื้อต้นไม้ ไปทำอะไรก็ได้ ที่แม่คุณชอบ โดยที่เมียคุณก็ควรจะมาด้วย เพื่อแสดงความเป็นลูกสะไภ้ที่ดี ไม่ใช่มาถึงก็แย่งความรักจากพ่อแม่เค้าไปหมด
    ขอให้โชคดี .. จัดการปัญหาในใจให้ได้โดยไวนะคะ สู้ๆค่ะ 🙂     ปล. ลืมบอกไปว่าหลังจากย้ายออกมาอยู่เอง เรากับสามีรู้สึกดีขึ้นมาก มีพื้นที่ส่วนตัว โดยเฉพาะเรา และกับแม่สามี แกก็โอเค ดูอารมณ์ดีด้วยซ้ำไป บางทีคนเราเจอกันทุกวัน กับ 2-3 วันเจอกันที มันมีอารมณ์ของความโหยหานะคะ จากที่จ้องจะพูดเรื่องปวดหัวใส่กัน ก็กลายเป็นการถามสารทุกข์ สุขดิบกัน ทำอะไรกินกัน เป็นต้น    

    By: พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง
    Since: 10 ส.ค. 55 10:27:21

  27. admin Post author

    แล้วแต่จะคิดครับ..เป็นข้อจำกัดของที่อยู่เมื่ออยู่กันมากก็อึดอัดเรื่องจุกจิกก็ตามมาจำเป็นต้องขยายแยกออกไป แต่ไม่ใช้ไปเลยก็ต้องหมั่นกลับมาหาท่านบ้างครับ..ท่านเข้าใจแค่อดเป็นห่วงคุณไม่ได้กับหลานเท่านั้นเองครับ…อย่าคิดมากครับคุณเสียสละเพื่อส่วนรวม

    By: mr.digital
    Since: 10 ส.ค. 55 12:23:56

  28. admin Post author

    เป็นธรรมดาที่พ่อแม่ต้องรู้สึกเศร้าค่ะ ก็ลูกทั้งคนที่เคยเลี้ยงดูกันมาต้้งแต่อ้อนแต่ออก

    ในความคิดเห็นของเรา เราว่าคุณไม่ผิดหรอกค่ะ ทุกชีวิตย่อมต้องมีทางเดินเป็นของตัวเอง เพียงแต่ว่าคุณต้องอย่าทิ้งพ่อแม่คุณไว้ข้างหลัง คุณต้องดูแลเอาใจใส่ท่านไม่ใช่เหมือนเดิมนะคะ ต้องมากขึ้นกว่าเดิมค่ะเพราะเราไม่ได้อยู่กับเค้าเหมือนเมื่อก่อน  อีกอย่างถ้าคุณแต่งงานแล้วภรรยาคุณไม่แฮ๊ปปี้ที่จะเจอสภาพที่เป็นอยู่แบบนี้ มันจะทำให้ครอบครัวทั้งของคุณเองและทางบ้านพ่อแม่ไม่มีความสุขกันหมดเลย  ลองค่อย ๆ คิดดูนะคะ

    By: ยัยม้าลาย
    Since: 10 ส.ค. 55 14:10:25

  29. admin Post author

    ขอพื้นที่ในการระบายหน่อยนะคะ กรณีของเราก่อนแต่งมีคอนโดในเมืองืหลังแต่งต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านสามี
    1. แม่สามี
    2. อาม่า
    3. ครอบครัวน้องชายเค้า (อันนี้แม่เค้าขอร้องให้กลับมาอยู่บ้านเพราะว่าไปหุ้นกับเพื่อนทำโน่นทำนี้แล้วเป็นหนี้
    เดิมเค้าไปเช่าห้องอยู่กับครอบครัว แม่เค้ากลัวลูกลำบากต้องจ่ายค่าเช่าเลยชวนกลับมาอยู่ที่บ้าน)

    บ้านเป็นของแม่สุดท้ายแม่ทำเป็นขายบ้านให้ลูกเพื่อกู้ธนาคารเอาเงินไปโบะหนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบให้ลูกเพราะ
    ดอกเบี้ยมันสูงมาก แล้วให้เค้าผ่อนธนาคารไป

    สามีเราเป็นลูกคนโตต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน พอครอบครัวน้องเค้ามาอยู่ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นเพราะทางโน้นเค้าไม่ยอมออกค่าใช้จ่่ายอะไรเลย และยังไม่เคยช่วยประหยัดด้วย เปิดแอร์ตลอดจะร้อนจะหนาวจะฝนคือห้องไม่เคยเปิดหน้าต่่างเลย ห้องเค้าติดทั้งแอร์เก่าๆ(ซึ่งกินไฟมากไม่ยอมเปลี่ยนเพราะไม่ใช่คนจ่ายค่าไฟ) ติดทั้งเครื่องฟอกอากาศ พฤติกรรมเค้าคือกลับมานอนอย่างเดียว บางคืนไม่กลับ (ตอนนี้ลูกเมียเค้าย้ายไปอยู่เชียงใหม่เหลือแค่น้องชายเค้าคนเดียว)

    ส่วนห้องเรากับสามี ถ้าไม่ร้อนมากก็จะไม่เปิดแอร์ เปิดประมาณอาทิตย์ละ 1-2 คืน
    เราก็ไม่รู้จะพูดกับเค้ายังไงให้เค้าช่วยประหยัดหน่อย เพราะสามีไม่กล้าพูด
    ส่วนเรากลับมานอนคอนโดบ้างคืนวันศุกร์ เพราะวันเสาร์ก็อยากไปเที่ยวโน่นนี่ในเมืองบ้างมันสะดวกกว่า
    ไม่ต้องขับรถจากบ้านเข้าเมือง กลับอีกทีก็เย็นวันเสาร์ อย่างน้อยได้ความเป็นส่วนตัวบ้าง
    แต่ก็ไม่ได้ค้างทุกศุกร์หรอกนอกจากว่าวันเสาร์ต้องมีธุระในเมืองจะได้ไม่ต้องตื่นเช้า

    แต่พอเช้าวันศุกร์อ้าปากบอกแม่กับอาม่าเค้าทีไรว่าคืนนี้ไปค้างคอนโดนะ ก็ต้องโดนว่าและประชดประชันทุกทีว่า
    บ้านนี้เป็นยังไงไม่มีคนอยากอยู่ หรือไม่ก็ไม่ต้องบอกหรอกรู้อยู่แล้ว

    เราอึดอัดมาก คนอื่นเค้าอยากมีคอนโดในเมืองเพื่อสะดวกในการทำงานจันทร์-ศุกร์ ไม่ต้องขับรถไกล แต่เราต้องทำกลับกัน แถมค้างแค่คืนเดียวใน 7 วันยังโดนว่าอีก
    ส่วนเรื่องที่จะออกไปอยู่เองนี่ไม่ต้องแม้แต่จะคิดเลย ทุกวันนี้ใช้รถกันคันเดียวต้องรอกันกลับบ้าน บางวันเราดึก บางวันแฟนดึก อีกฝ่ายก็ต้องรอ สรุปกลับถึงบ้าน 4 ทุ่มทุกวัน ไม่ได้มีเวลาแวะไปเทียวหรือกินข้าวที่ไหน

    ตอนนี้ทางออกเราคือต้องยอมเอาเงินเก็บก้อนสุดท้ายของเรา มาปลูกบ้่านอีกหลัง ในรั้วเดียวกันเลย
    แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยให้อะไรดีขึ้นไหม ตอนนี้สร้างบ้านกับผรม. ปวดหัวและปัญหาเยอะมากมาย
    ทุกวันนี้นั่งนับวันรอให้บ้านเสร็จเหมือนเป็นความหวังสูงสุดในชีวิตยังไงไม่รู้
    แล้วคงจะขายคอนโดเพราะมีไว้ก็ไม่ได้อยู่ ตอนนี้บ้านยังไม่เสร็จเลยไม่กล้าขาย

    ครอบครัวใหญ่ปัญหามากมายจริงๆคะ ถึงแม้ว่าไม่มีปัญหาหนักหนาแบบแม่ผัวลูกสะใภ้แต่มันก็ไม่ได้สบายใจจริงๆ
    ทุกวันนี้สามีเราผ่อนคอนโดผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน เงินแทบจะไม่พอใช้ ต้องมายืมเราทุกเดือน
    กลับเป็นว่าแต่งงานแล้วเราต้องประหยัดมากขึ้น เพราะเงินสร้างบ้านเป็นเงินเราทั้งหมด เพราะสามีไม่มีเงินเก็บเลย
    เพราะเงินเก็บก้อนสุดท้ายเค้าก็ใช้หนี้ OD ให้แม่เค้าไปหมด ทุกวันนี้ต้องกินข้าวบ้านกันทุกวัน กินข้าวนอกบ้าน
    นับครั้งได้ ต้องประหยัดทุกทางในขณะที่น้องชายเค้ากินข้าวนอกบ้านทุกมื้อ อาม่าก็จู้จี้บ่นทั้งวัน ติได้ทุกรื่อง

    By: i’ll be
    Since: 10 ส.ค. 55 14:37:02

  30. admin Post author

    เป็นกำลังใจให้คุณ i’ll be นะคะ แม่เราแต่งเข้าบ้านคนจีนเหมือนกัน

    By: แมวป่วนก๊วนซ่า
    Since: 10 ส.ค. 55 15:25:10

  31. admin Post author

    เป็นกำลังใจให้คุณi’ll be นะคะ

    เราก็เพิ่งซื้อบ้านค่ะ เหตุผลคือ อยากซื้อให้แม่กับพ่อค่ะ แต่เราแต่งงานแล้วนะคะ อยู่บ้านสามีค่ะ
    ที่บ้านสามีก็จะมีแม่และพี่สาวเค้า ซึ่งก็แน่นอนค่ะ มีปัญหาบ้าง กับแม่สามีไม่เท่าไหร่
    แต่กับพี่สาวสามีนี่ ปวดหัวมากค่ะ พี่สาวเค้าเป็นคนแปลกๆ ชอบวุ่นวายเรื่องของเรา เซ้าซี้ถามโน่นนี่ตลอด
    เรื่องบางเรื่องเราคุยกะสามีสองคน ก็มาแอบฟัง แล้วเอาไปเล่าให้แม่สามีฟัง

    อย่างเรื่องเราซื้อบ้าน เราสองคนกะสามีก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะไปอยู่บ้านใหม่แค่เสาร์-อาทิตย์
    วันธรรมดาคงอยู่บ้านสามีเหมือนเดิม เพราะบ้านเค้าห่างจากที่ทำงานแค่8กิโลเอง
    เรื่องนี้ก็ได้บอกแม่สามีไปแล้ว เพราะเราก็รู้ว่าท่านคงไม่สบายใจ ถ้าเราสองคนจะย้ายออกไปเลย
    แต่พี่สาวตัวดี ก็ชอบมาชงเรื่องเราจะย้ายออกอยู่นั่นแหละ พูดบ่อยๆมาก เบื่อเหลือเกิน
    สงสารสามีเหมือนกันตอนเราปรี๊ดแตกเรื่องพี่สาวเค้าเนี่ย….
    เพราะเวลาพี่สาวเค้ามาเจ๊าะแจ๊ะวุ่นวายกับเรา เราก็ไม่ตอบโต้ ไม่พูดอะไรกับไปนะคะ
    แต่เหมือนชีจะไม่รู้ตัว ก็ยังคงวุ่นวายกับเราต่อไป เฮ้อ….

    By: porvie
    Since: 10 ส.ค. 55 19:14:52

  32. admin Post author

    วัหยุดคุณก็พาครอบครัวแวะไปหาท่านบ่อยๆซิคะ ถ้าท่านต้องการน่ะนะ

    ของเราไม่มีปัญหานี้ค่ะ ทั้งครอบครัวเดิมและของสามี เรียนจบก็แยกย้ายบ้าน ยกเว้นเราแต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย ลูกชายคนโตของครอบครัวจีน

    แค่เบื่ออาหารจีนวันพบญาติทุกวันอาทิตย์ ปีละ 52 ครั้ง 10 กว่าปี คิดแค่ 10 ปีละกัน 520 ครั้ง ไม่นับงานสังคมเกิดตายย้ายถิ่นโกนจุกบวชนาคขึ้นบ้านใหม่แต่งลูกประชุมสัมมนาสมาคม ฯ อาหารจีนเพิ่งออกไปจากชีวิตเราเมื่อคุณแม่ท่านสิ้น (ทำไมเขาไม่ทานอย่างอื่นกันบ้างก็ไม่รู้)

    กลับเข้าเรื่อง เราชอบแนวคิดของคุณแม่สามีนะ พอลูกเรียนจบท่านก็แยกบ้านให้ทุกคน แม้ยังเป็นโสดค่ะ แค่มีนัดทานข้าว เจอกันสัปดาห์ละครั้งก็พอ ทำตามท่านด้วย ลูกเรียนจบเราก็ซื้อคอนโดให้เขาแยกไปอยู่เองลำพัง คิดถึงก็โทรหา ส่งข้อความนัดไปมาหาสู่  

    เราชอบชีวิตอย่างนี้นะ สบายดี ไม่ชอบลูกหลานห้อมล้อม อยู่กันเต็มบ้านหงุดหงิดใจน่ะ

    By: anthurium
    Since: 11 ส.ค. 55 12:01:39

  33. admin Post author

    เราก็ ย้ายจากครอบครัวใหญ่ มาเหมือนกัน แต่ ไม่ได้แต่ง แล้วย้าย แต่ย้ายออกมาเพราะ ว่าครอบครัวใหญ่ ขึ้น มีพี่สาว พี่เขย หลาน 2 คน แม่ด้วย

    มีัปัญหา เรื่องห้องน้ำเหมือนกัน ต้้นไม้ไม่โตใต้ร่มเงา ฉันท์ใดเราก็คงเป็นอย่างนั้น  ออกมาได้ สองปี น้องสาวแต่งงานตอนนี้ ก็ อยู่กับน้อง กับน้องเขย ก็ดีมากค่ะ

    อีกอย่าง บ้านอยู่คนละซอยไปมา สะดวก

    เสาร์ อาทิตย์ไหนว่างตรงกันก็นัด ทานข้าวกันค่ะ

    By: บ๊วยขาว
    Since: 11 ส.ค. 55 16:33:59

  34. admin Post author

    อ่ืานความเห็นแต่ละท่านแล้วรู้สึกว่าเราโชคดีมาก  ที่(ยัง)ไม่มีัปัญหากับแม่และน้องสามี  แต่ว่าปกติเราอยู่กันเองจันทร์-พฤหัส  ใกล้ที่ทำงานค่ะ   แล้วกลับมาอยู่บ้านแม่สามีศุกร์-อาทิตย์  อาจเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดด้วยมั้งเลยราบรื่น   ส่วนวันอาทิตย์ทั้งวันเราจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่เราเองแต่ว่าไม่ได้ค้างคืน   ไปทุึกสัปดาห์เลย   จะว่าไปก็ไม่ได้นอนบ้านตัวเองนานมากแล้วตั้งแต่น้ำท่วม

    ช่วงแต่งงานใหม่ๆสงสารพ่อแม่มากๆค่ะ   เค้าเคยเล่าว่ากลับมาบ้านนั่งมองหน้ากันสองคน  บ้านเงี๊ยบเงียบ  เราก็สะท้อนใจเพราะตัวเราเองก็คิดถึงบ้านเหมือนกัน   ช่วงแรกๆเรากลัีบมานอนบ้านบ่อยมากๆ เกือบจะวั้นเว้นวันแน่ะ   ทำอย่างนี้เป็นปีๆเลยค่ะเป็นช่วงปรับตัวทั้งเราเองทั้งพ่อแม่   แต่หลังน้ำท่วมแม่บอกอย่ามาเลย  บ้านเพิ่งโดนน้ำท่วมมีเชื้อโรคเยอะ  – -"  ไว้ค่อยมาละกัน   เราก็เลยไม่ได้ค้างจนบัดนี้  ยิ่งตอนหลังแฟนเราอาจต้องใช้รถช่วงกลางคืนบ้าง   แล้วที่พักเราเค้ืาให้จอดรถไ้ด้คันเดียว  ถ้าเรากลับมาค้ืางบ้านแฟนจะไม่มีรถใช้  พ่อแม่ยิ่งบอกว่าไม่ต้องค้างหรอก   วันอาทิตย์ไปหาเค้าเนี่ย  ยังไม่สองทุ่มก็เร่งเรายิกๆให้กลับได้แล้ว  กลัวที่บ้านแฟนเป็นห่วง   เราว่าพ่อแม่ก็คงเหงา  แต่ว่าเข้าใจชีวิต  ไม่อยากให้เราเป็นห่วงค่ะ

    By: SWEET TOFFY
    Since: 11 ส.ค. 55 19:37:22

  35. admin Post author

    บ้านเราและบ้านแฟนถูกสอนมาเหมือนกันค่ะ

    "ถ้าแต่งงานต้องแยกไปมีบ้านของตัวเอง"

    แต่ไม่ได้หมายความว่าตัดขาดกันนี่คะ

    กำลังคิดอยู่ว่า ถ้าแต่งจะปลูกบ้านใหม่ 3 หลัง แต่ให้อยู่ในรั้วเดียวกัน

    คือยังไงก็ได้ให้ไม่อยู่หลังเดียวกันอ่ะ แต่คงไม่ไกลกันมาก

    เพราะถ้าอยู่บ้านเดียวกัน จากคนรักใคร่ชอบพอกัน มันจะกลายเป็นเกลียดขี้หน้ากันได้ค่ะ

    By: -0-
    Since: วันแม่แห่งชาติ 55 01:58:05

  36. admin Post author

    แค่เรื่องห้องน้ำอย่างเดียวก็เป็นเหตุผลเพียงพอให้แยกบ้านอยู่แล้วละ

    By: นีโม่จัง
    Since: 13 ส.ค. 55 13:24:58

Leave a Reply