สร้างบ้านต้องใช้สถาปนิกหรือเปล่าครับ

ผมสงสัยหลายอย่างนะครับ

อย่างแรกเลยคือสถาปนิก ทำหน้าที่อะไร เพราะออกแบบภายในก็เป็นหน้าที่ของ interior หรือจริงๆแล้วเจ้าของบ้านก็มักจะตกแต่งเองอยู่แล้ว หรือไม่ก็คนทำบิ้วอินออกแบบให้ ส่วนออกแบบโครงสร้าง จะรับน้ำหนักยังไงใช้เสาตรงไหนกำแพงตรงไหน มันก็หน้าที่ของวิศวกร ส่วนตำแหน่งของห้องต่างๆว่าอยากได้กี่ห้อง ห้องอะไรบ้างอยู่ตรงไหน ก็แน่นอนว่า เจ้าของบ้านต้องเป็นคนบอก แล้วสถาปนิกทำหน้าที่อะไรครับ? หรือว่าแค่เอาแบบที่เจ้าของบ้านต้องการมาเขียนให้อยู่ในรูปแบบตามหลักวิชา ซึ่งถ้าเขียนแบบมันก็มีช่างที่เขียนแบบโดยเฉพาะอยู่แล้วหรือเปล่า? แล้วสถาปนิกทำอะไร?

ถ้าเราออกแบบบ้านเองทั้งหมด แล้วให้ช่างเขียนแบบเขียนเป็นแบบมาให้ ไม่ต้องผ่านสถาปนิก ได้เลยหรือเปล่าครับ ? หรือจริงๆเราไม่ต้องใช้เขาเขียนแบบ เราเขียนเองได้หรือเปล่า ใช้พวกโปรแกรม sketchup อ่ะ

ส่วนเรื่องรับน้ำหนัก ถ้าเราไม่ใช้วิศวกร แต่ออกแบบบ้านให้เสาอยู่ใกล้ๆกันจะได้แน่ใจว่ารับน้ำหนักได้แน่ๆ แบบนี้ก็ทำได้หรือเปล่าครับ

By: Acater
Since: 26 ต.ค. 55 12:31:00

คำค้นหา:

  • https://www thaider com/homepro/53071

52 thoughts on “สร้างบ้านต้องใช้สถาปนิกหรือเปล่าครับ

  1. admin Post author

    การออกแบบบ้านมันมีรายละเอียดกว่าที่คิดครับ
    จริงอยู่ที่เจ้าของบ้านบอกว่า เอาห้องนี้อยู่ตรงนี้งี้งั้น
    แต่เอาจริงๆคุณต้องรู้ไปถึงรายละเอียดครับว่ามันวางแบบไหนยังไง

    สถาปนิกมีหน้าที่ออกแบบทั้งหมดที่คุณว่ามาล่ะครับ
    วิศวกรเค้ามีหน้าที่คำนวนครับไม่ได้มีหน้าที่ออกแบบ
    เค้าคำนวนว่าโครงสร้างมันรับน้ำหนักได้ไม๊ ถ้าไม่ได้
    เค้าก็จะแจ้งกลับมาว่าตรงนี้ต้องแก้ครับ

    อย่างที่คุณบอกว่าออกแบบเสาให้มันอยู่ใกล้กันยังไงก็รับน้ำหนักได้ มันก็ไม่จริงเสมอไปครับ
    เสาถี่มากมันเปลืองครับ แล้วมันก็ไร้ประโยชน์ด้วยถ้ามันถี่ ปรกติ บ้าน1-2ชั้น ระยะเสาหรือที่เรียกว่าสแปนเสา 4-5เมตรก็พอครับ

    เฮ้อ เหนื่อย
    ขอเชิญท่านอื่นมาอธิบายต่อครับ 555

    By: mooaomsin
    Since: 26 ต.ค. 55 12:56:44

  2. admin Post author

    คิดเองทำเองจ้างคนเซ็นต์ก็ได้
    แต่ถ้าคุณไม่มีทักษะในทางนี้
    คุณอาจจะได้กล่องสี่เหลี่ยมกล่องนึงที่แบ่งซอยกล่องย่อยภายในแยกไว้ให้วางสิ่งของต่างๆ
    หรือถ้าคุณมีความสามารถพิเศษมีทักษะสามารถจัดการได้
    คุณก็อาจจะได้บ้านที่สวยมากหลังนึงก็เป็นได้อีก

    ปัญหาคือผลงานที่ออกมามันสวย ทิศทางจังหวะในการวางตัวอาคารกับที่ดิน
    ฟังก์ชั่นต่างๆของบ้านมันเวิร์ค ทราฟฟิคโฟลว์ในการใช้สอยเหมาะสม ฯลฯ
    มันจะเป็นไปตามที่มันควรจะเป็นหรือป่าว?

    ไม่ว่าหน้าที่ไหนมันก็มีความถนัดเฉพาะทางแตกต่างกันไป
    ไม่งั้นจะมีสถาปนิกไว้ทำไมล่ะครับ
    เวลาจ้างสถาปนิกสิ่งที่ควรบอกเขาคือข้อมูลของคุณ-บ้านคุณมีใครบ้าง ผู้ชายผู้หญิงเด็กคนแก่
    และความต้องการ-งบประมาณ สไตล์ไหน กี่ห้อง ใช้งานอะไรบ้าง เท่าที่คุณอยากได้
    แล้วปล่อยให้เขาทำงานของเขาไป ไม่ใช่ไปบอกว่าเขาต้องทำอะไร

    ประโยคนี้เหมาะกับคำถามของจขกท.มาก

    "I don’t know why people hire architects and then tell them what to do."
    —Frank Gehry

    By: umibozu
    Since: 26 ต.ค. 55 12:58:27

  3. admin Post author

    ผมยกตัวอย่างเปรียบเทียบอย่างง่ายๆนะครับ

    สมมุติว่าตัวคนเราเปรียบเทียบได้กับที่ดินและบ้าน
    คนที่ออกแบบเสื้อผ้าให้เราใส่ ก็เปรียบได้กับสถาปนิก
    คนที่นำแบบเสื้อผ้ามาวัดตัวเรา เขียนแบบลงในกระดาษเปรียบได้กับวิศวะกร
    คนที่หาผ้ามาตัดเย็บให้เราใส่ เปรียบได้กับ บริษัทรับก่อสร้างบ้าน
    คนที่แต่งหน้าแต่งตัวให้กับเรา เปรียบได้กับ มัณฑนากร
    คนที่หาเครื่องประดับมาใส่ให้กับเรา เปรียบได้กับนักภูมิสถาปัตย์

    ถ้าเปรียบแบบนี้จะเห็นภาพชัดเจนว่า สถาปนิก มีความจำเป็นต่อการสร้างบ้านหรือไม่ครับ

    ถ้าคุณคิดว่า ภาพลักษณ์ไม่สำคัญ แม้แต่เสื้อผ้าหนาๆที่มีอยู่ก็สามารถใส่ในฤดูร้อนได้ สีสรรของผ้าก็ไม่สำคัญ มีผ้าอะไรก็นำมาตัดเย็บใส่ได้ แบบนั้นก็ตัดนักออกแบบเสื้อผ้าไปได้ครับ

    หรือถ้าคุณคิดเห็นว่า ส่วนไหนไม่สำคัญ ก็ตัดทิ้งไปได้ครับ เช่นไม่ต้องมีคนวัดสัดส่วนตัวเราเขียนแบบลงในกระดาษ ก็สามารถให้ช่างตัดเย็บตัดเย็บให้คุณได้ ก็จัดการได้เลยครับ

    แต่ถ้าต้องการให้คุณสวมใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับแต่งหน้าแล้วออกมาดูดี อาชีพทั้งหลายเหล่านี้ ก็มีส่วนสำคัญที่ควรจะมีครับ

    By: Moonlight Sonata
    Since: 26 ต.ค. 55 14:37:43

  4. admin Post author

    การออกแบบสถาปัตย์บ้านพักอาศัย บ้านบางขนาด อาจไม่ค่อยมีความสลับ
    ซับซ้อนมากนัก แต่ยังมีงานออกแบบสถาปัตย์ ในอีกหลายรูปแบบ ที่มีความสลับ
    ซับซ้อน

    ซึ่งทุกรูปแบบอาคารไม่ว่าจะเป็นอาคารขนาดใดก็ตาม การวางตำแหน่ง(ฟังก์ชั่น)
    ที่เหมาะสมถูกต้อง จะก่อให้เกิดสภาวะสบาย ในการใช้อาคาร และยังมีตัวแปรอื่น
    มาให้พิจารณาอีกทั้งแดด ลม เสียง ความสูง ระยะต่างๆ และกฎหมายที่ต้องคำนึ่ง
    ถึงด้วย ในความเหมาะสมนั้น ยังต้องเกิดความสวยงามด้วยครับ

     เจ้าของบ้านอาจจะวางตำแหน่งที่ต้องการมาให้แล้วก็ตาม สถาปนิกยังต้อง
    วิเคราะห์ อาจเห็นชอบหรือปรับเปลี่ยน ก่อนลงชื่อเป็นผู้รับรองแบบตามกฏหมายอีกด้วยครับ  
    ผมว่าหาสถาปนิก ให้เป็นที่ปรึกษาได้ก็ดีนะครับ

    By: pv-zumo
    Since: 26 ต.ค. 55 15:36:35

  5. admin Post author

    ณ Acater มีความเห็นคล้ายๆกับผมแต่ไม่เหมือนซะทีเดียว ผมคิดว่าสถาปนิกมีประโยชน์ต่อสังคม แต่ค่าจ้างแพงเกินไปในการออกแบบบ้าน
    โดยที่ไม่มีใครรับประกันว่าผลงานจะออกมาเป็นอย่างไร ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไปให้สมาคมสถาปนิก ก็มีหลากหลายความเห็นครับลองอ่านดูครับ

    http://www.asa.or.th/?q=node/100952

    ———————————————————————————————————

    ผมเป็นประชาชนทั่วไปที่ปกติไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาปนิกนัก

    จนเมื่อผมกำลังจะสร้างบ้านผมก็เลยได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับสถาปนิกอยู่ บ้างและผมมีความเห็นบางประการเกี่ยวกับวงการสถาปนิกในประเทศไทยซึ่งผมเป็นคน นอกวงการแต่จะขอแสดงความคิดเห็นบ้างเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

    เมื่อผมจะปลูกบ้านเองผมก็คิดถึงแบบบ้านก่อนเริ่มต้นก็ไปหาหนังสือแบบบ้าน ก็ได้พบแบบบ้านที่ชอบใจอยู่บ้างแต่ยังไม่ถูกใจทั้งหมด ก็เลยลองปรับเปลี่ยนดูเอง

    จนตอนหลังก็เขียนแปลนบ้านเอง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าที่เราปรับเปลี่ยนไปนั้นมันทำได้หรือเหมาะหรือไม่ในแนวทาง สถาปัตยกรรศาสตร์
    และวิศวกรรมศาสตร์ สุดท้ายลองร่างดูจนได้แปลนบ้านที่พอใจก็จะหาสถาปนิกเขียนให้เป็นแบบจริง สำหรับเอาไปขออนุญาต
    และเอาไปให้ผู้รับเหมาทำให้ ก็ลองหาข้อมูลจากอินเตอร์เนตว่าค่าบริการเป็นอย่างไร

    ผมพบว่าค่าบริการที่สถาปนิกยึดถือกันและอ้างว่าเป็นข้อกำหนดของสมาคมสถาปนิก นั้นเป็นค่าที่สูงมากผมจำได้ว่าประมาณ7 หรือ7.5%
    ของราคาบ้าน ผมประมาณราคาบ้านผมไว้ 5 ล้านบาทค่าแบบก็ตั้ง350,000บาท ซึ่งผมเห็นว่าแพงเกินไป ลองอ่านดูตามเวปบอร์ดเช่น
    ห้องชายคาของพันทิป หรือเวปของสถาปนิก ก็จะมีคนมาอธิบาย(เข้าใจว่าเป็นสถาปนิก) ว่าค่าออกแบบนี้ไม่แพงเลยเพราะ

    1.เป็นค่าความคิด ไม่ได้ลอกใครเขามา จะได้บ้านที่มีความเป็นเอกลักษณ์

    2.เป็นค่าที่สถาปนิกจะออกแบบบ้านให้เหมาะกับเจ้าของบ้านและที่ดินที่สุด

    3.สถาปนิกจะช่วยประหยัดค่าวัสดุต่างๆให้ได้มากกว่าที่เสียไปจากค่าแบบบ้านอีกมาก

    4.บางคนอธิบายว่า7.5%ของราคาบ้านนี้ ได้รวมการคุมงานก่อสร้างด้วย แต่จากประสบการณ์จริงส่วนใหญ่เจ้าของบ้านมักจะได้แต่แบบบ้าน ถ้าจะให้สภาปนิกคุมจะต้องมีค่าใช้จ่ายต่างหากเป็นรายเดือน+เป็นรายครั้งที่ เข้าไปดู site งาน

    By: Kook
    Since: 26 ต.ค. 55 15:40:42

  6. admin Post author

    ไม่มีสถาปนิกก็สร้างบ้านได้ครับ จ้างคนเขียนแบบตามความต้องการ

    ไม่มีหมอก็รักษาหายได้ครับ กินยาตามร้านขายยา

    ไม่มีนักบัญชีก็ทำบัญชีเองได้ครับ ผิด-ถูกแล้วแต่ความชำนาญ

    ไม่มีนักบิน ก็ขับเครื่องบินเองได้ครับ

    ฯลฯ

    อยู่ที่ว่าคุณมีความชำนาญในด้านนั้นๆพอเพียงที่จะทำมันได้ดีหรือเปล่า

    ขอเพิ่มเติมครับในสถานะของสถาปนิกคนหนึ่ง

    คนไทยให้ความสำคัญกับสถาปนิกน้อยมากครับ คนส่วนใหญ่สร้างบ้าน สร้างตึกให้พออยู่ได้ ใช้งานได้ตามความต้องการ ความสวยงามเป็นเรื่องรองๆหรือไม่เห็นความสำคัญเลย เศร้าเหลือเกินนนน

    By: เจ๊ขอร้อง
    Since: 26 ต.ค. 55 15:40:44

  7. admin Post author

    ต่อนะครับ
    —————————————————————————–
    ขณะ เดียวกันผมก็เห็นปัญหาของสถาปนิก โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ๆที่ออกมาหางานอิสระทำซึ่งหางานได้ยาก และเมื่อได้งานแล้วก็ไม่
    ได้ค่าออกแบบตามที่สมาคมกำหนด บางครั้งถูกรุ่นพี่ว่าเอาว่าทำให้"เสียราคา" หรือ"ผิดจรรยาบรรณ" ไปโน่น
    ยิ่งทำตามข้อกำหนดของสมาคมก็ยิ่งหาลูกค้ายาก ยิ่งไม่มีลูกค้าก็ไม่มีโอกาสแสดงผลงานยิ่งทำให้คนไม่รู้จัก ต้องพยายามหางานประกวดให้ตนเอง
    เป็นที่รู้จัก

    และเวลาบางครั้งได้งานแล้วดีใจมาก จะต้องสำแดงผลงานความสามารถให้ปรากฏ แบบต้องมีความเป็นเอกลักษณ์ เห็นแล้วต้องแตกต่างจากบ้านอื่น
    เช่นอาคารโมเดิร์นหลังคาแบนซึ่งทั้งร้อน+รั่วง่าย(คอนกรีต) หรือไม่ก็เสียงดัง(เมทัลชีท) กระจกรอบตัวไม่มีกันสาด อาคารมีรูตรงกลาง
    ให้ต้นไม้ลอด ฯลฯ

    จนบางครั้งกลับกลายเป็นว่าสถาปนิกอาศัยเงินทุนเจ้าของบ้านช่วยสร้าง "ฝัน(การได้ออกแบบและสร้างอาคารจริงตามแบบ)" ของเขาให้
    เป็นจริงมากกว่า เจ้าบ้านแย้งก็ไม่ยอมแก้งานให้ หาว่าเจ้าบ้านไม่เข้าใจงานสถาปัตย์ทั้งที่โดยงานแล้วเขาน่าจะเป็นคนมาสร้าง ฝันของเจ้าของบ้านให้
    เป็นจริงมากกว่า ในมุมมองของผมเจ้าของบ้านระดับกลางที่ไม่อยากใช้บริการสถาปนิกเพราะ

    1.ค่าบริการแพงมากและไม่มีมาตรฐานแน่นอนว่าสถาปนิกจะ"ทำอะไร"ให้เราบ้าง(แบบบ้าน โมเดล คุมงาน) แต่มีค่าวิชาชีพที่เป็นมาตรฐาน

    2.การออกแบบบ้านโดยใช้สถาปนิกไม่ได้การันตีว่าจะได้แบบบ้านที่ดีจริง (ไม่ได้หมายถึงแบบที่ถูกใจนะครับ เพราะบางที่เจ้าของบ้านเรื่องมากก็มี)

    หลายกรณีแม้ว่าจะออกแบบบ้านโดยสถาปนิก กลับได้อาคารที่รูปร่างประหลาด การใช้งานไม่สะดวกสบาย เจ้าบ้านหลายท่านอ่านแบบไม่เป็น
    ไว้ใจสถาปนิก ท่านว่าสวยว่าดีใช้งานสะดวก ท่านเรียนมาทางนี้โดยตรงตั้งหลายปีก็ไว้ใจเกรงใจไม่อยากเถียง

    พอสร้างออกมาถึงได้มองออกว่าไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง เจ้าบ้านก็ผิดหวังเสียใจ

    บางทีก็บอกให้ท่านสถาปนิกรู้ บางที่ก็จ่ายเงินค่าแบบให้ท่านแล้วก็จบๆกันไป เงินทองก็ไม่มีจะมาสร้างบ้านใหม่แล้วเพราะทุ่มไปหมดแล้ว ก็ทนๆอยู่ไป

    แต่รับรองว่าเขาจะบอกกับคนใกล้ชิดกับเขาแน่นอนว่าการออกแบบบ้านจากสถาปนิก นั้นไม่ได้ออกมาดีไปกว่าแบบบ้านธรรมดาที่เราเห็นกันอบู่ทั่วไปแต่อย่างใด

    ปัญหานี้เวลาเข้ามาถามสถาปนิกท่านอื่นๆก็กลายเป็นเรื่องระหว่างเจ้าบ้านกับ สถาปนิกท่านนั้นเอง ถ้าไม่พอใจก็ต้องแก้แบบถ้าคนเก่าคุยไม่เข้าใจก็
    ต้องเปลี่ยนสถาปนิก ทีนี้ก็ต้องเสียค่าแบบบ้านให้สถาปนิกคนใหม่กันอีกในราคาเดิมกลายเป็น15%ของ ราคาบ้าน

    By: Kook
    Since: 26 ต.ค. 55 15:43:12

  8. admin Post author

    ต่อนะครับ
    —————————————————————————–

    3.การออกแบบแท้ที่จริงแล้วมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนสำหรับสังคมไทยขณะนี้? และทำไมคนไทยส่วนใหญ่เมื่อปลูกบ้านเองจึงไม่จ้างสถาปนิก

    คำตอบเรื่องนี้ตอบได้หลายลักษณะ แต่ก็คงต้องพูดถึงสิ่งที่ได้รับ และสิ่งที่เจ้าบ้านต้องเสียไปว่าคุ้มกันหรือไม่ ความสะดวก การตลาด

    3.1ตามมุมมมองส่วนตัวของผมเองปัจจุบัน สถาปนิกในเมืองไทยจัดpositionในเรื่องการออกแบบบ้านให้ดูสูงและมีคุณค่าเกิน กว่าที่ตลาด
    จะยอมรับ นั่นหมายถึงสินค้านี้คนจะมีโอกาสเข้าถึงได้น้อย สินค้าจะขายได้น้อย แต่ขายแต่ละชิ้นแพง ผู้ประกอบการ(สถาปนิก)ที่อยู่รอดมักจะเป็นราย
    ใหญ่ หรือมีการรวมกลุ่มเป็นบริษัท หรือมีชื่อเสียง รายย่อยยากจะอยู่รอด เพราะลูกค้ามีจำนวนน้อยเกินไป

    3.2คนในสังคมไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่ได้ต้องการบ้านที่มีลักษณะพิเศษมากจน เกินการไปนัก ขอเทียบกับวงการเสื้อผ้า ผมมองสถาปนิกคือ
    designer

    designer = สถาปนิก

    ร้านตัดเสื้อ = บริษัทรับสร้างบ้าน หรือ ผู้รับเหมาที่มีบริการออกแบบ ซึ่งมีหลายระดับ

    เสื้อสำเร็จรูป = บ้านจัดสรร

    แบบบ้านสำเร็จ แปลนบ้านแจกฟรี = แบบเสื้อผ้าโชว์ในหนังสือ

    คนไทยปัจจุบันเวลาหาเสื้อผ้าใส่ ไม่ได้ต้องการเสื้อผ้าที่แปลกแหวกแนว ขอเพียงใส่ได้สบายดูเรียบร้อย หรือฉูดฉาดก็มีแบบเสื้อผ้าสำเร็จให้เลือกมากมาย
    จะมีสักกี่คนที่ต้องการเสื้อผ้าที่ต้องออกแบบเป็นพิเศษสำหรับคุณเท่านั้น แม้แต่ในวงการของคนที่เห็นคุณค่าของงานออกแบบอย่างยิ่งยวดก็ตาม
    ผมก็คิดว่าสถาปนิกส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าที่ออกแบบเฉพาะสำหรับตัวท่าน เช่นกัน ยกเว้นคนที่มีข้อจำกัดเช่น ตัวโตหรือตัวเล็กกว่าปกติ รูปร่างไม่สมส่วน
    ต้องมีการตัดเสื้อเฉพาะตัว

    ในเรื่องบ้านคนส่วนใหญ่ที่อยากมีบ้านเดียวน่าจะไปลงตัวกับบ้านจัดสรร แบบเดียวกับที่คนส่วนใหญ่ซื้อเสื้อผ้าสำเร็จ ทีนี้คนที่ต้องการเสื้อผ้าแบบพิเศษการ
    จะไปจ้าง designer แล้วค่อยมาหาร้านตัดเสื้ออีกที มันก็ไม่สะดวกเท่าการไปในที่ๆเป็น one stop service
    ก็เวลาสมัยนี้มันหายากนี่ครับ แถมบางทีdesignerท่านก็ออกแบบมาซะจนใส่ออกมาตามถนนแล้วแปลกแหวกแนว รวมทั้งการเคลียร์แบบ
    ให้คนตัดเสื้อก็อาจไม่เข้าใจกันอีก ตัดมาผิดแบบอีก รวมทั้งค่าใช้จ่ายโดยรวมมักจะสูงกว่าการไป one stop serviceซะอีก
    เขาก็เลยไปหาร้านตัดเสื้อกันมากกว่า ยกเว้นเสื้อผ้าที่เขาจะออกงานจะโชว์(สำหรับคนมีจะให้โชว์และอยากโชว์)จึงจะ ออกแบบกันจริงจังสักครั้ง

    By: Kook
    Since: 26 ต.ค. 55 15:45:24

  9. admin Post author

    ต่อนะครับ
    —————————————————————————–

    สิ่งที่ ต่างกันระหว่างบ้านและเสื้อผ้าที่สำคัญมากก็คือ เรามักจะทุ่มเทให้กับ้านมากกว่าเพราะเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ทำให้ไม่มีโอกาส ที่จะสร้างกัน
    ได้บ่อยๆ ไม่เหมือนเสื้อผ้าที่ซื้อเปลี่ยนกันได้ง่าย ทำให้ถึงแม้หลายๆคนที่ไม่ได้ต้องการแบบบ้านแบบพิเศษสำหรับตนเองก็ยังต้องการ สถาปนิกมา
    ช่วยออกแบบ ขัดเกลาแบบ เขียนแบบ ให้กับบ้านของตนเอง จุดนี้เป็นจุดที่อุตสาหกรรมออกแบบบ้านในไทยน่าจะไปได้ แต่สถาปนิก
    ต้องลดค่าวิชาชีพของท่านลงมาให้ตลาด(สังคมไทย)เห็นว่า"คุ้ม"ที่จะ จ่าย

    ข้อเสนอผมคือสถาปนิกควรปล่อยตลาดให้เป็นเสรีได้แล้ว ใครจะคิดค่าออกแบบเท่าไหร่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร พวกที่มีชื่อเสียงมีลูกค้ามากก็คัดเกรดลูกค้าได้
    รับจำนวนไม่มากแต่ได้จากแต่ละรายเยอะ กลุ่มนี้ท่านก็ต้องทำงานละเอียดปราณีต

    ส่วนกลุ่มรองลงมาค่าแบบก็ถูกลงความปราณีตก็ลดลง ซึ่งสิ่งที่ผมเสนอนี้มันก็เป็นสิ่งที่เป็นจริงอยู่ในปัจจุบันนี้ แต่พวกท่านไม่ยอมรับความจิงกันเองใช่
    หรือไม่ จึงได้มีการโอดครวญกันอยู่เสมอว่าได้ค่าแบบน้อยกว่าที่ควร หรือสถาปนิกรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงมีงานมากเรียกค่าแบบได้แพงๆ ก็ต่อว่ารุ่นน้องที่ทำการตลาดลดค่าออกแบบลงให้สังคมยอมรับได้ หรือบางทีรวมกลุ่มกับวิศวะกรทำเป็น One stop service
    แล้วก็ถัวเฉลี่ยกำไรกันไปทำให้เฉพาะค่าแบบอาจไม่ตรงกับข้อกำหนดวิาชีพของ สถาปนิก ผมไม่รู้ว่าเอาเข้าจริงแล้วสถาปนิกไม่ได้ค่าแบบสูงตามที่ควรจะ
    ได้

    หรือพวกคุณติดกับดักของตนเอง(หรือของสถาปนิกรุ่นพี่พวกคุณบางคน ทีมีส่วนในการกำหนดค่าวิชาชีพ)ที่ไปกำหนดว่าตนเองควรจะได้ค่าวิชาชีพเท่า
    ไหร่นั้นสูงกว่าความเป็นจริงที่ตลาดยอมรับได้หรือไม่ อย่าลืมว่าของซื้อของขาย คุณต้องคำนึงถึงทั้งด้านผู้ซื้อและผู้ขาย จะไปกำหนดเอาเองแต่ฝ่ายเดียวไม่
    ได้ ยกเว้นสินค้าผูกขาด ซึ่งงานออกแบบบ้านธรรมดาสักหลังสำหรับคนทั่วๆไปนี้ผมว่ามันไม่ได้ยากเย็น เกินไปจนพวกสถาปนิกสามารถผูกขาดไว้ได้
    การที่พวกคุณยึดราคาตายตัวแบบนี้บอกตรงๆพวกที่มีชื่อเสียงเท่านั้นที่จะเอา ไปกิน ลองคิดดูง่ายๆคุณจะสร้างบ้านมีสองบริษัทตีราคาเท่ากัน
    บริษัทหนึ่งชื่อเสียงดีมากทำงานมาหลายสิบปี อีกแห่งเพิ่งเปิดเดป็นเด็กจบใหม่ ท่านจะเลือกเจ้าไหนสร้างบ้านให้ท่าน?

    จุดที่จะพอทำให้บริษัทเล็กแข่งขันได้มีหลายจุดแต่จุดหนึ่งที่สำคัญมากคือ ราคาที่ถูกกว่า แน่นอนเมื่อวันหนึ่งท่านมีประสบการณ์ มีผลงานดีๆให็ดู มีลูกค้าประทับใจการทำงานของท่านแล้วแนะนำลูกค้าใหม่มาให้ท่าน ท่านก็สามารถเรียกค่าดำเนินการมากขึ้นได้

    ลองคิดดูนะครับในระบบปัจจุบันนี้พวกท่านเหมือนคุมกำเนิดรุ่นน้องของพวกท่านกันเอง แล้ววงการของท่านจะเติบโตได้อย่างไร

    By: Kook
    Since: 26 ต.ค. 55 15:47:56

  10. admin Post author

    ต่อนะครับ
    —————————————————————————–

    สถาปนิกบางท่านน้อยอกน้อยใจว่าทำไมสังคมไทยมองไม่เห็นความสำคัญของงานออกแบบ

    อาหารที่ท่านไม่เคยชิมท่านจะรู้หรือไม่ว่าอร่อยจริงไหม?

    สถาปนิกกำหนดค่าบริการสูงจนทำให้สังคมไทยเข้าถึงยาก เมื่อเข้าถึงท่านไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าการออกแบบบ้านโดยมี หรือไม่มีสถาปนิกนั้นต่างกันอย่างไร
    สังคมจึงไม่มีการรับรู้ตรงนี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็น เหมือนกับอาหารอร่อย ถ้าท่านไม่เคยกินท่านจะรู้ไหมว่ามันอร่อย ท่านอาจอยากลองไปชิมดู
    แต่ค่าอาหารชนิดนี้แพง แถมบางคนกินแล้วก็บอกว่าธรรมดา ถ้าอาหารชนิดนี้ไม่แพงนักคนจะซื้อมากขึ้นได้รับรู้ความอร่อยและเน้นว่าท่าน
    ต้องควบคุมคุณภาพอาหารของท่านให้ดีจริงๆ ลูกค้าก็จะมาใช้บริการซ้ำ แนะนำลูกค้าใหม่มาให้ท่าน นานๆไปสังคมจะมีการรับรู้ว่าอาหารชนิดนี้
    เป็นสิ่งคู่สังคมชนิดขาดไม่ได้เลย ทีเดียว

    สุดท้ายนี้ผมมาเขียนทำไมตั้งยืดยาว?

    1.ก็ขอบอกว่าเขียนมาเพื่อเป็นมุมมองให้พวกท่านอย่างแท้จริงเพราะแบบบ้าน ของผมก็เรียบร้อยไปแล้วไม่ได้หวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงค่าวิชาชีพพวกท่านใน เร็ววัน

    2.ดูแล้วตอนนี้ฝ่ายเจ้าบ้านก็เป็นทุกข์ที่อยากจ้างสถาปนิกแต่ติดที่ ราคาแพง ก็เลยไม่เอาดีกว่า วงการสถาปนิกเสียรายได้ตรงนี้ไปมหาศาลเลยนะครับ สถาปนิกก็ไม่มีลูกค้าก็เป็นทุกข์ พวกท่านร่ำเรียนมาเป็นคณะยอดฮิตคณะหนึ่งเลยทีเดียว แต่จบมาแล้วทำไมลำบากลำบนจัง ดังนั้นถ้าจูนเรื่องราคาได้ก็น่าจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

    By: Kook
    Since: 26 ต.ค. 55 15:49:42

  11. admin Post author

    ต่อนะครับ
    —————————————————————————–

    3.อย่าคิดเลยนะครับว่าค่าออกแบบบ้านถูกแปลว่าไม่ให้ความสำคัญกับความคิดของท่าน

    ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าแบบบ้านที่คนส่วนใหญ่พอใจไม่ได้เป็นแบบบ้านแปลกๆหรอก ครับ ท่านไม่น่าจะต้องใช้ความคิดมาก การเขียนแบบท่านก
    ็ใช้โปรแกรมช่วย เข้าใจว่าน่าจะสะดวกกว่าแต่ก่อนมาก ถ้าเป็นแบบบ้านพื้นๆก็อย่าไปคิดแพงเลยครับ ตรงนี้ได้เหนาะๆครับ ออกแบบง่าย
    ได้เงินพอประมาณ แต่ได้บ่อยๆได้เรื่อยๆ เลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวได้ ได้สร้างผลงาน ได้สร้างฐานลูกค้า

    ลูกค้าแบบบ้านธรรมดาของท่านอาจคิดถึงท่านเป็นคนแรกก็ได้เมือหน่วยงานที่เขา เป็นหัวหน้าอยู่ต่องการจะปลูกอาคารอีกสักหลังหนึ่ง หรือเวลาที่เขาจะลงทุนทำรีสอร์ทก็อาจมาปรึกษาให้ท่านออกแบบทั้งโครงการเลยก็ ได้ใครจะรู้ นอกจากนี้ยังได้สร้างperceptionด้านการออกแบบให้กับสังคมอีกด้วย

    แต่ถ้าเป็นแบบแปลกๆ(เน้นว่าเป็นตามความต้องการของเจ้าบ้านนะครับ ไม่ใช่ท่านยัดเยียดความคิดให้เขา)ท่านก็อาจบวกค่าความคิดเพิ่มขึ้นไปตามแต่ กรณี

    ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ อย่างน้อยก็เป็นมุมมองของคนนอกวงการแต่ต้องอาศัยบริการจากพวกท่านคนหนึ่งนะครับ

    โดย Kook [12 ธ.ค. 2552 , 19:06:30 น.] ( IP = 203.153.170.154 : : )

    —————————————————————————————-
    จบแล้วครับ แต่ก็มีความเห็นของสถาปนิกที่นั่นหลายคน ลองอ่านต่อตาม link ที่ให้ไว้ครับ

    By: Kook
    Since: 26 ต.ค. 55 15:52:49

  12. admin Post author

    ไม่เคยคิดถึงสถาปนิกเลยค่ะ แม้จะรู้ว่าเขารู้มากกว่าเราและหลาย ๆคนในเรื่องแบบบ้าน แต่ในความรู้สึกของคนทั่วไป สถาปนิกคือคนออกแบบแต่งตัวเก๋ ๆ เขียนแบบบ้านที่เราต้องการ แต่นั่นหมายถึงเงินที่เราต้องจ่ายแต่เรารู้สึกว่าทำไมเราต้องจ่ายขนาดนั้น เพราะคนชนชั้นกลางอย่างเราไม่อยากจ่ายตรงนี้เท่าที่เขาคิด มีความรู้สึกว่าสถาปนิกเหมือนคนขายฝัน แต่ทุกอย่างที่เขาทำให้ต้องเป็นเงินทั้งหมด คนไทยโดยเฉพาะคนต่างจังหวัด และคนชั้นกลาง เราอยากให้สถาปนิกช่วยนะ แต่เราก็ไม่มีปัญญาจ่ายเขาหรอก

    By: วิชยา
    Since: 26 ต.ค. 55 16:01:57

  13. admin Post author

    เห็นด้วยว่า ค่า สถาปนิกแพงเกินไป อยากใช้บริการเหมือนกัน แต่สู้ราคาไม่ไหว

    By: fhumctn
    Since: 26 ต.ค. 55 16:04:09

  14. admin Post author

    สถาปนิกที่ค่าจ้างไม่แพงก็มีเยอะนะครับ คนใกล้ๆตัวผมก็รับกันที่ 1-2% กันเยอะ คนที่ได้ระดับ 7% น้อยมากกกกกกครับ ต้องระดับ บ.ชื่อดังเลยครับ

    By: เจ๊ขอร้อง
    Since: 26 ต.ค. 55 16:46:14

  15. admin Post author

    คนไทยคือคนจนครับ
    ไม่ใช่ว่ามองไม่เห็นคุณค่า
    มองเห็นครับ แต่ไม่มีตังค์ครับ
    หรือถ้ามีตังค์ ก็ต้องเป็นคนที่มีตังค์เหลือๆ
    พวกที่ซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมแพงๆโดยไม่ต้องรอลดราคาได้

    คนทั่วไปที่ยังมีเงินจำกัด เค้าก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าจ้างมาแล้วจะคุ้มค่ารึเปล่า
    สถาปนิกจ้างแล้วคุ้ม ควบคุมต้นทุนได้ จริงรึเปล่า ทำได้ทุกคนเหรอ
    ถ้ามูลค่างานต่ำมากๆวัสดุถูกๆอยู่แล้วยังจะกดได้อีกรึเปล่า
    บ้านที่มูลค่าก่อสร้างไม่เกิน 1.5 ล้าน จ่ายเพิ่มเป็นแสน
    ในชีวิตนึง ชาวบ้านธรรมดาจะต้องจ่ายค่าบริการอะไรเป็นแสน มากกว่าเงินเดือนตัวเองกี่เท่า ไม่จ้างแล้วถึงตายไหม
    ถ้าคิดจะหากินกับคนรวยจัดๆอย่างเดียวก็มีฐานลูกค้าอยู่แค่นั้นแหละ

    พวกคุณคิด 7% แล้วจะคิดจากเงินต้นเท่าไหร่ในเมื่อมูลค่างานจริงๆยังไม่ได้สร้าง ยังไม่ได้ตกลงกับผู้รับเหมา จะคิดตามราคาประเมินกรมธนารักษ์เลยรึเปล่า
    เลือกหลังคา Excella กับ หลังคาลอนคู่ธรรมดา สถาปนิกควรคิดราคาต่างกันเหรอ
    การคิดราคาทำไมไม่คิดเป็นตารางเมตรดูบ้าง มันเป็นหน่วยกลางๆที่วงการนี้ใช้ประเมินราคาอยู่แล้วนี่ จะได้ประเมินคร่าวๆถูก
    หรือไม่ก็คิดเป็นแพคเกจ fix ราคาไปเลย ราคา xxx บาทต่อหลัง แล้วค่อยระบุตามหลังว่าอะไรไม่เกินเท่าไหร่ ไม่เกินกี่ห้องนอน กี่ตารางเมตร

    วงการสถาปนิกก็เหมือนกับวงการอื่นๆที่ต้องปรับตัว
    งานด้านพัฒนาซอฟท์แวร์ก็ขายชาวบ้านไม่ได้ โดนก็อปแหลก ต้องทำขายกินเงินกับบริษัทใหญ่ๆ
    งานด้านดนตรีก็ต้องไปเน้นรายได้จากการเล่นโชว์เป็นหลัก
    อย่าพยายามคิดว่าตัวเองเรียนมาหนักแล้วควรจะได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม
    โลกไม่ได้ใจดีขนาดนั้น ไม่มีคนจ้างคนไหนจะมาสนใจสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของผู้รับจ้างหรอก
    (ถ้าจะมีเป็นห่วงเป็นใยก็เพราะว่ากลัวจะเป็นอะไรแล้วไม่ได้งาน หรือกฏหมายระบุไว้ก็แค่นั้นแหละ)
    เค้าสนแค่ว่ามีเงินแล้วได้อะไร รู้สึกคุ้มไหม จำเป็นไหม ยังมีอะไรสำคัญกว่ารึเปล่า
    วงการอื่นก็โดนตัดสินแบบนี้เหมือนกัน

    By: Avexiouz
    Since: 26 ต.ค. 55 19:41:28

  16. admin Post author

    อยากให้สัก  100 gifts คุณ kook จริง ๆ    พูดตรงใจเราทุกอย่าง

    By: chawap
    Since: 26 ต.ค. 55 20:11:59

  17. admin Post author

    ไปอยู่บ้านที่สถาปนิกออกแบบดูสิครับแล้วคุณจะเข้าใจว่ามันต่างจากบ้านทั่วไปยังไง
    งั้นผมจะเรียนไปทำไมถ้าไม่จำเป็นหลักสูตรนานกว่าชาวบ้านด้วย- -"

    By: LIZP
    Since: 26 ต.ค. 55 22:00:10

  18. admin Post author

    เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกท้อกับมุมมองของคนไทยกับสถาปนิก…

    By: PAPAPAP (PAPAPAP)
    Since: 26 ต.ค. 55 22:19:58

  19. admin Post author

    ที่ซื้อ iphone ipad  กระเป๋าแบรนด์เนม ใบละหลักหมื่นยันแสน
    บอกว่า คุ้ม ทั้งที่ของพวกนี้ฉาบฉวย

    แต่บอกอาชีพสถาปนิก ดีไซร์บ้านให้อยู่สบาย ถูกหลักการใช้งาน บริหารพื้นที่ที่คุณอยู่เป็นสิบๆปี บอกว่ามัน แพงงงงงงงง

    สถาปนิกไทยจึงโดนกดราคา ต่อราคา ไม่พอ แถมโดนโกงอีก เพราะความไม่เข้าใจวิชาชีพ และต้นทุนของแรงงานและมันสมอง

    คุณไปให้ความสำคัญกับผู้รับเหมา ถ้าคุณไม่แบบให้เค้านะ คุณจะรู้จักสร้างบานแล้วบาน แก้บ้านทั้งชาติ แถมโดนฟันหัวแบะอีก

    สถาปนิกกว่าเค้าจะมารับงานคุณได้ โดยไม่ใช่พนักงานบริษัท เค้าต้องสั่งสมประสบการณ์การทำงานมาพอควร ต้นทุนพวกนี้ไม่สามารถตีราคาได้

    คุณจะหาหมอทำไมถ้าคุณกินยาพาราแล้วหายทุกโรค
    ฉันใดก็ฉันนั้น สถาปนิกเป็นเหมือนหมอบ้าน
    ให้หน้าที่ปรึกษา ดูแลเรื่องการก่อสร้างให้คุณ ดั่งเสมือนคุณเป็นคนไข้

    เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการให้คำปรึกษา สถาปนิกก็ต้องกินต้องใช้

    ส่วนเรื่องค่าแบบ กรุณาศึกษาก่อนว่า ค่าแบบระบุขอบเขตงานถึงไหน
    แพงหรือไม่ ต่อรองกันดูได้

    By: design50
    Since: 26 ต.ค. 55 23:29:57

  20. admin Post author

    ถูกแล้วครับ สร้างบ้านไม่ต้องใช้สถาปนิกครับ

    จ้างสถาปนิกไปทำไม ยุ่งยากเปล่า ๆ หาตัวก็ยาก เอาเวลาไปเปิดหนังสือแบบบ้านสำเร็จสวย ๆ ดู แล้วหาคนเขียนแบบ , คนเซ็นต์แบบ , คนออกแบบภายใน . คนทำประมาณราคาเองดีกว่า สบายใจกว่า ได้เลือกทีมคนทำงานด้วยตัวเอง สถาปนิกก็แค่ทำทั้งหมดที่ว่ามาได้ด้วยตัวคนเดียวแค่นั้นเอง ถ้าเราหาทีมคนทำงานได้ครบตามนี้ สถาปนิกก็ไม่จำเป็นครับ ถึงจริง ๆ แล้วคนเซ็นต์ จะต้องเป็นสถาปนิกก็เถอะ

    แบบขออนุญาต ไม่ยากครับ จ้างคนใน ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็เทศบาล ใน กทม. ก็ตามสำนักงานเขต เขาจะเอาแบบเก่าที่พวกสถาปนิกเคยทำส่ง มาแก้ไขใหม่ให้ท่าน ด้วยราคาถูก ๆ ครับ หรือบางทีก็เอาแบบเก่านั่นแหละครับ ขายให้เลย เซ็นต์ให้ด้วย ผ่านง่าย ค่าแบบถูกเกินครึ่งของแบบที่จ้างสถาปนิกครับ ไม่ต้องสนใจครับว่า แบบก่อสร้างนี่ถือเป็น ลิขสิทธิ์ทางปัญญา และถือเป็นสัญญาทางกฏหมาย แค่เอาแบบมาเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่ผิดกฏหมายแล้วครับ ถึงจริง ๆ แล้วไอ้แบบที่เอามาปรับนี่ จะถูกออกแบบโดยสถาปนิกก็เถอะ

    ปกติแล้วพวกสถาปนิก มักจะทำงานกับนายทุน รวย ๆ ที่ต้องการบ้านแบบแปลก ๆ ครับ ชนชั้นกลางที่มีเงินเดือนแค่ หมื่น – 2 หมื่น ไม่ค่อยมีโอกาสได้เรียกใช้สถาปนิกหรอกครับ ดีไม่ดี สถาปนิิกที่เรียกมานั่น เงินเดือนเยอะกว่าผู้ว่าจ้างอีกครับ หรือจะให้ง่าย ๆ ก็ ซื้อบ้านจัดสรรอยู่ ก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกใช้สถาปนิก ไม่ต้องคุยงานกับสถาปนิก ให้ปวดหัว ถึงจริง ๆ แล้วบ้านจัดสรรนั่น จะถูกออกแบบโดยสถาปนิกของโครงการ ก็เถอะ

    ที่บอกว่า ค่าไอเดีย ไม่ได้ลอกแบบใครจริง ๆ แล้วตอนทำงานก็ลอกจากในหนังสือ เมืองนอกเหมือนเดิมครับ ถ้าไม่ใช่สถาปนิก ก็จะไม่ค่อยได้เห็นครับ หนังสือไอเดียแปลก ๆ ของเมืองนอก ลองหาตาม คิโนะ หรือ Asia Book ก็ได้ครับ เล่มละไม่กี่พัน หรือถ้าอยากประหยัดก็ Room หรือ บ้านและสวน หรือ B1 ของบ้านเราก็ได้ครับ แบบบ้านสวย ๆ มีเพียบ ถึงแม้จริง ๆ แล้ว ไอ้แบบบ้านในหนังสือนั่น จะถูกออกแบบมาโดยสถาปนิกก็เถอะ

    เห็นมั๊ยครับ ไม่ยากเลย สร้างบ้านแบบไม่ต้องง้อสถาปนิก มีตั้งหลายวิธี ไม่เห็นต้องพึ่งสถาปนิกเลยครับ ออกแบบเองก็ได้ เรียนไปทำไม 5 ปี เหนื่อยเปล่า ๆ แค่มีหนังสือ แบบบ้านสวย ๆ ใครก็ออกแบบเองได้ จริงไหมครับ 😛

    …………….ปล. ผมก็เป็นสถาปนิกครับ

    By: Maestro_GoDsLaYeR
    Since: 27 ต.ค. 55 00:52:33

  21. admin Post author

    ผมก็แอบตลกกับคนไทยนะครับ 
    เงินจ้างสถาปนิกที่ใช้ศาสตร์ในการออกแบบมาจัดการอาคาร แต่บอกว่าแพง แต่กลับยอมไปจ้างซินแส มาดูตำแหน่งบ้าน โดยใช้หลักการทาง ไสยศาสตร์ ราคาเป็นแสนๆ 
    แต่เข้าใจครับ ว่าหลายคนยังไม่เข้าใจว่า สถาปนิกมีไว้ทำไม?? ไม่เป็นไรครับ เพราะก่อนผมเรียนศาสตร์ทางด้านนี้ ผมก็เข้าใจเหมือนกันว่า อาชีพนี้คือการขายฝันสวยๆงามๆ ไปหลอกลูกค้าเหมือนกัน 
    ผมขออธิบายจากประสบการณ์ผมดีกว่า   ผมจะบอกว่า ในการออกแบบอาคาร ทุกๆคนทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่คุณจะมีความชำนาญ หรือ หัวทางด้านศิลปะ มากแค่ไหนเท่านั้นเอง 
    สถาปนิก มีไว้ เพราะพวกเขาคือคนที่ขัดเกลาทางด้านความชำนาญและศาสตร์ศิลปะ ทางด้านนี้มาโดยเฉพาะครับ  เหตุที่ต้องจ้างสถาปนิก เพราะในอาคารหนึ่งหลัง คุณต้องรู้เรื่องพวกนี้ก่อนด้วยครับ 
    1.กฏหมาย   หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า การออกแบบอาคารที่มีพื้นที่เกิน150 ตร.ม.จะต้องมีสถาปนิกเซ็นรับรองในแบบก่อสร้างครับ  ห้อง ผนัง หน้าต่าง ที่พวกคุณลูกค้าอยากได้ คุณอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่า มันผิดกฏหมายหรือเปล่า อาคารของคุณต้องมีระยะร่นจากแนวเส้นโฉนดที่ดินเท่าไหร่  ถ้าจะให้เปิดกฏหมายดูแล้ว ออกแบบไปด้วย เราทำได้ ก็โอเคครับ จะได้ บ้านที่ถูกใจเราจริงๆ (แต่ต้องหาสถาปนิกมาเซ็นแบบของคุณเองนะครับ ซึ่งปกติก็ไม่มีใครยอมเซ็นอยู่แล้ว เพราะผิดจรรยาบรรณ)
    2.ไม่รู้หลัก วิศวกรรมก่อสร้าง และ การเขียนแบบ  ข้อนี้ สถาปนิกส่วนใหญ่รู้หลักการเบื้องต้นกันอยู่แล้วครับ  แน่นอนว่าเรื่องแบบก่อสร้างเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง การที่คุณเอาแบบ สี่เหลี่ยมสามสี่เส้น ไปบอกผู้รับเหมาให้สร้างออกมาเป็นบ้านให้หน่อย รับรองว่า ปวดหัวแน่นอนครับ (เว้นแต่ผู้รับเหมาจะยอมบ้าจี้สร้างออกมาให้เป็นอาคารจริงๆ) และขอติง จขกท.ก่อนเลย คนที่วางตำแหน่งเสาแต่ละจุดในอาคาร ไม่ใช่วิศวกร นะครับ   แต่เป็นตัวสถาปนิก นี่แหละว่า ต้องการเสา span 4×4 หรือ 5×5 หรือ 4×6 ให้เหมาะสมกับห้องที่ใช้   วิศวกร คือผู้ที่เอาแบบที่สถาปนิกวาง ไปคำนวณว่าสร้างได้ไหม และคำนวณ ขนาดเสาครับ   ถ้าคุณไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไปวางเสา span 10×10 ในบ้าน คุณจะตกใจกับ บ้านและราคาที่ออกมากันจนแทบหงายหลังเลยทีเดียว      
    3. ยึดติดกับภาพสองมิติไม่ได้มองสามมิติ และไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอาคาร   อาคารที่สร้างไม่ใช่แค่สองมิติบนแผ่นกระดาษ หรือในจอคอมนะครับ  แปลนที่เห็น อาจไม่ได้มีเท่านั้น  จะต้องมองไปถึงเสา ผนัง หน้าต่างที่สูงเท่าไหร่ จะไปชนคานตัวไหนรึเปล่า บันไดจะไปยึดกับตัวไหน พื้นฝ้าเพดานตรงนั้นจะเป็นอย่างไร แล้วใช้โครงสร้างอะไรมารองรับ   ห้องที่เห็นว่าเป็นสี่เหลี่ยมง่ายๆ นั้นความจริงเบื้องหลัง มันเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าวาดๆ เป็นภาพออกมา แล้วก็ให้ผู้รับเหมาไปสร้างให้สมจริงตามแบบ มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ  แค่ห้องสี่เหลี่ยม ผนังเรียบๆ ฝ้าเพดานเรียบๆ มีประตูหนึ่งบาน ก็มีวิธีก่อสร้างเป็นร้อยแล้วครับ   จะเขียนแบบมั่วๆ ชุ่ยๆ ไปขอกราบให้ผู้รับเหมาสร้าง ก็คงไม่ง่ายนักครับ 
    4.อยากได้อาคารสวยๆ  คิดว่าข้อนี้ทุกคนคงรู้ดีว่า สถาปนิกมีหน้าที่อันนี้อยู่ด้วย การที่คุณอยากได้ ห้องสวยๆ บ้านสวยๆ เอาแบบจากหนังสือ แล้วไปชี้ผู้รับเหมาว่า อยากได้แบบนี้  ผสมออกมาเป็นแบบนี้ ทาสีนี้แล้วจะสวย ในเรื่องของความเป็นจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะครับ  สถาปนิก จะเป้นคนคิดให้คุณทั้งหมด
    5.ปัญหาต่างๆนานาเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้อาคาร  สุขภัณฑ์ ติดตั้งตรงไหนอย่างไรจึงจะเหมาะ  ห้องตรงไหนจะร้อน ตรงไหนจะเย็นเวลาเดือนไหน ทางเข้าไหนจะเข้าออกสะดวก และไม่ผิดกฏหมาย ประตูบ้านควรเปิดเข้าเปิดออก เพราะอะไร หลังคาควรลาดเอียงกี่องศา  ยื้นกันสาดออกจากตัวอาคารเท่าไหร่ วางครัวใช้งานสะดวกวางอย่างไร ประตูห้องนอนเปิดเข้าหรือออก วางเตียงอย่างไร ตัวบ้านวางแนวไหนจึงจะรับลมไม่รับแดด  กระจกหน้าต่างประตู ผนังใช้วัสดุอะไรดี? โครงสร้างเป็นปูนหรือเหล็กดี พื้นไม้ โครงสร้างต้องไม้ด้วยรึเปล่า  อะไรแบบนี้ สถาปนิกเค้าจะจัดการให้เองครับ 
    และสุดท้ายยยย   เอาทุกๆข้อมารวมกันให้เป็นอาคารเดียว 
    ถ้า อาคารหรือบ้าน มีครบที่ผมยกมา  ถูกกฏหมาย  หลังคาสวย รูปด้านสวย ทางเข้าสวย วัสดุสวย จัดผังโดยรวมดูดีเหมาะสม เอาทุกอย่างมารวมกันแล้ว ดูไม่แปลก ไม่น่าเกลียด สร้างได้จริงโอเคครับ ถือว่าจบหนึ่งโปรเจ็ค 
    ถ้าว่ากันตามจริง สร้างบ้านเล็กๆหนึ่งหลัง ไม่ยากหรอกครับ  อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้สถาปนิกจริงๆ ก็ได้อย่างที่คุณจขกท.บอก ก็ใช้คนตามนั้นแหละครับ สร้างไปเลย
    แต่ผมว่า อาคารอื่นๆ เช่นโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม ผมว่า เนี่ยแหละครับ ที่จะขาดสถาปนิกอย่างพวกผมไปไม่ได้เลย  
    หน้าที่ของสถาปนิกก็น่าจะมีเท่านี้แล

    By: EleMent M /at/ stER
    Since: 27 ต.ค. 55 01:35:44

  22. admin Post author

    เชื่อว่าคงมีคนคิดแบบจขกท.อีกมากมาย

    ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

    สถาปนิก เป็น วิชาชีพ  เปิดสอนในมหาวิทยาลัยมากมาย
    วิศวกร ก็เป็น วิชาชีพ

    ทั้งสองทำหน้าที่ต่างกัน แต่ต้องร่วมมือกัน แชร์ไอเดียกัน

    แบบบ้านสำเร็จ ที่หาซื้อได้ในท้องตลาด ล้วนแต่เป็นผลงานของสถาปนิกกับวิศวกรร่วมมือกัน

    แต่ถ้าต้องการแบบบ้านของตนเอง คิดเองก็ได้ ถ้ามีไอเดียบรรเจิด ไม่มีปัญหา สุดท้ายอย่าจบที่โรงยี่เกก็แล้วกัน

    By: panda_ch
    Since: 27 ต.ค. 55 08:53:25

  23. admin Post author

    สำหรับเราก็ยังทำมาหากินในวิชาชีพนี้อยู่นะคะ แต่ก็ไม่ได้เจอกลุ่มลูกค้าแบบคุณจขกทอีกแล้ว เพราะไปอยู่ในหมวดงานที่ใหญ่กว่าประชาชนได้ใช้งาน เหมือนก่อนก็เคยสัมผัสนะคะ แต่สุดท้ายทนกับงานการกุศลไม่ได้ก็หลีกหนีจากตลาดตรงนั้นไป ซึ่งคนเราก็ต้องทำมาหากินเพื่อความอยู่รอด

    เข้าใจว่าสุดท้าย บ้าน คนเราเมื่อถึงจุดๆนึงที่ต้องการปลูกสร้าง คนเราก็พร้อมในการดำเนินชีวิตต่อ
    สร้างครอบครัวและอนาคต ในบ้านเราที่ค่าครองชีพเพียงเท่านี้ จึงมีงบประมานไม่มากนักที่จะปลุกสร้าง
    สร้างบ้านเพียงคนละครั้งสองครั้งในชีวืต

    ตลาดที่เคยสัมผัสมาส่วนมากก็จะเป็นแบบนั้น คนเราชอบถูกและดีเป็นที่ตั้ง
    จึงไม่ได้คิดว่าจะสร้างสิ่งปลุกสร้างสักอย่างเนี่ยจะต้องผ่านมือใครมาบ้าง
    สิ่งที่ง่ายที่สุดก็ไปจัดสรรหรือคอนโด แลัวเอาเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมาใส่ๆ ซึ่งทุกคนสามารถทำได้
    ถ้าที่ทำเลดีๆก็แพง แต่มีแล้วต้องการจะปลูกใหม่ มีจึงเลยไปเกี่ยวข้องกับวิชาชีพของเรา

    หลายครั้งแต่ละกระทู้ตอบ มันก็ถูกในมุมมองของเค้า อย่างกระทู้ผ้าม่านอันโด่งดัง
    ไม่ทำก็ถูกว่า ตั้งกระทู้มากมายให้เราทำงานก่อนฟรีๆ คิดตังก่อนก็ว่าเพราะเราก็กลัวโดนเชิดเหมือนกัน
    ไม่ใช่แค่คนสองคน แต่เราทำมันเยอะกว่านั้น เราต้องกินต้องใช้เหมือนกัน
    นึกถึงรวมไปสาขาart ออกแบบทั้งหลายด้วย เราจึงอยู่ไม่ได้จริงๆ

    การที่จะอยู่ได้ในประเทศนี้ เพื่อนร่วมวิชาชีพนี้ล้มหายตายจากจากวงการมากมาย
    ลูกค้าที่กล่าวว่ามีเงิน เค้าต้องประสบความสำเร็จในชีวิต มีอายุประมานนึง มีความชำนาญในวิชาชีพ
    มันก็ไม่ได้ง่ายเลยที่จะได้ทำงานกับเขา ทั้งเรื่องการทำงานและก็พบเจอ
    แล้วกรุ๊ปนี้มีข้อนิสัยเสียของลูกค้าเต็มสตรีม ที่ว่าทำแล้วจ่ายๆนี่หายากและน้อยมากไปอีก

    อันนี้คือเรื่องจริงค่ะ คุณจขกท คหบนๆคงตอบหน้าที่ของเราไปเยอะแล้ว
    อันนี้ก็ไม่ได้ดราม่าค่ะ แค่นึกใจเขาใจเราบ้างเท่านั้น
    วิชาชีพเรามีหน้าที่และมีตัวตนบนโลกค่ะ… ไม่งั้นคงไม่คำที่เรียกว่า สถาปนิก

    By: …. (carys)
    Since: 27 ต.ค. 55 14:24:18

  24. admin Post author

    จากที่ผมได้อ่าน และคิดว่าความคิดเห็นข้างบนได้ตอบคำถามได้พอเข้าใจไปพอสมควรทั้งสองฝ่ายแล้วนะครับ ทั้งทางฝั่งสถาปนิกและลูกค้า

    ส่วนความคิดเห็นของผมนั้น ผมว่ามันเป็นสิทธิส่วนบุคคลครับเสมือนการซื้อสินค้านั่นแหละครับ มันต้องพอใจทั้งสองฝ่ายทั้งฝั่งคนทำงานและจ่ายเงิน การซื้อขายจึงเกิดขึ้นได้ ผมเป็นสถาปนิกคนหนึ่ง และเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์จากการออกแบบของผู้อื่นเช่นกัน ง่ายๆครับ จำเป็นต้องใช้ มีคุณภาพที่พอใจ ก็ซื้อครับ แต่ในทางกลับกัน ถึงจำเป็นต้องใช้แต่คุณภาพไม่น่าพอใจไม่สมราคา ผมก็ไม่ซื้อครับ สิ่งที่ผมกำลังจะชี้ให้เห็นคือ ในทุกอาชีพมีพื้นฐานเดียวกันครับ คือพึงพอใจของผู้ผลิตงานและผู้จ่ายเงิน คนไม่รู้มีสิทธิ์ที่จะสงสัยครับ เงินเป็นของเรา จะใช้จ่ายอะไรเรามีสิทธิ์ที่จะทราบครับ หน้าที่สถาปนิกมีหลายแหล่งข้อมูลนะครับที่สามารถคลายข้อสงสัยได้ สถาปนิกจำนวนไม่น้อยครับพร้อมจะคลายความสงสัยให้คุณ และสิ่งหนึ่งที่สถาปนิกเราสามารถทำได้นอกเหนือจากการออกแบบ และรักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้าแล้ว ขอย้ำตรงนี้นะครับ รักษาผลประโยชน์แก่ลูกค้า ทุกอย่างที่ลูกค้าจะเสียผลประโยชน์เราต้องกำจัดครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำและทำให้ได้นั่นก็คือ อดทนและชี้แจงให้คนอย่างพวกคุณที่คอยดูถูกวิชาชีพเราให้เข้าใจนี่แหละครับ ทุกคนทุกอาชีพมีหน้าที่มีความรับผิดชอบที่ต้องทำครับ เราไม่เข้าใจในวิชาชีพอื่นมีสิทธิ์สงสัยและถามครับ แพงจริงคนเรามีสิทธิ์พูดครับ แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะมีครูบาอาจารย์วิชาชีพไหนนะครับ ที่สอนให้คนเราไปดูถูกวิชาชีพอื่น คนที่ทำงานทุกคนเป็นคนทำงานครับ ช่วยเหลือกันไม่ได้ อย่าไปทำร้ายกันเพิ่มด้วยการดูถูกวิชาชีพอื่น ก็น่าจะไม่ยากเกินไปนะครับ

    By: AR (brit arch)
    Since: 29 ต.ค. 55 15:26:31

  25. admin Post author

    ผมอยากให้มองกลับกันมากกว่า

    ถ้าคุณ kook คิดว่าสถาปนิกราคามากเกินไป แพงเกินไป แล้วทำไมถึงมีสถาปนิกที่อยู่ไม่ได้เจ๊งกันระนายละครับ คุณก็บอกเองว่าปัจจุบัน Firm ที่อยู่ได้คือรายใหญ่ ยังงี้ตรงข้ามน่าจะแปลว่ารายเล็กได้เงินไม่พอสิครับ แล้วจะให้ปรับตัวโดยการลดราคาลงเนี่ยนะครับ จะยิ่งตายหนักกว่าเดิมเสียอีก

    แต่ก็อย่างที่คุณว่า ถ้าไม่ใช้สถาปนิกก็โอเคนะครับ เหมือนที่คุณว่านั่นแหละคือ Designer อาจไม่จำเป็นในกรณีที่คุณไม่ต้องการอะไมากมาย ถ้าคิดแบบนั้นก็โอเคนี่ครับ ก็ลงมือทำเอง จริงๆ ส่วนตัวผมว่าคนทำเองนี่ก็ไม่ผิดอะไรนะ เค้าเลือกเองคิดเองยอมรับสภาพบ้านไปเอง

    By: Mariel
    Since: 29 ต.ค. 55 15:48:24

  26. admin Post author

    เราก็เข้าใจว่าเมืองไทยคนไม่ได้รวยล้นขนาดที่ว่าจะมาจ่ายเงินจ้างสถาปนิกออกแบบบ้านแพงๆให้ได้ สุดท้ายคนจ่ายค่าแบบแพงๆก็เป็นคนกลุ่มเล็กๆ เศรษฐีคนรวยอะไรต่อมิอะไร  จริงๆต่างประเทศก็คล้ายๆกันค่ะ ไม่ใช่ทุกคนจะมาจ้างสถาปนิกทำบ้านหรอก คนจ้างทำบ้านก็รวยมากหน่อย คนทั่วไปก็ซื้อบ้านซื้อคอนโดอยู่ตามปัจจัยจะเอื้อ  แต่จะว่าไป อย่างเวลาทำตึกที่อยู่อาศัยแบบที่อยู่ที่หน่วยงานรัฐจัดสรรให้ เอาเป็นว่า อย่างเช่น บ้านเอื้ออาทร  อันนั้นก็ต้องใช้สถาปนิกทำนะคะ เพียงแต่ว่ามันสร้างหลายหลังในแบบเดียวกันแล้วก็อาจจะใช้วัสดุเรียบๆง่ายๆ ไม่แพง และแบบบ้านออกมาแบบมารวมๆทุกคนใช้ชีวิตอยู่อาศัยได้ พอดีกับความต้องการบ้าง สบายเกินคาดบ้าง ไม่พอกับที่ต้องการบ้างคละๆกันไป เหมือนเสื้อยืดไซส์ S, M ,L ,XL เกือบทุกคนใส่ได้แต่คนไหล่ใหญ่ คนไหล่เล็ก อาจจะฟิตต่างกันไปบ้าง นี่ละค่ะ

    เราคิดว่าทุกอาชีพมีรายละเอียดต่างกันไปค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากได้อะไรแบบไหนและพร้อมจะใช้จ่ายกับมันมากแค่ไหนค่ะ เห็นมีเปรียบเทียบกับเสื้อผ้า ก็ประมาณนั้นค่ะ แล้วแต่ความต้องการและความพร้อม

    ตอนเด็กๆอยากเรียนสถาปัตย์เพราะชอบดูแปลนบ้านในหนังสือพิมพ์ บ้านจัดสรรธรรมดานี่ละค่ะไม่ใช่บ้านพิเศษแพงๆอะไรเลย  ที่บอกมานี่เพราะว่า เราคิดว่าที่อยู่อาศัยคือสื่งที่คนสื่อถึงได้ง่ายที่สุด แต่อย่างที่คุณ คห.24 บอกค่ะ
    เพราะมีอาคารอีกหลายอย่างนอกเหนือจากบ้าน ที่ต้องการสถาปนิกในการออกแบบ  ไม่ว่าจะเป็นตึก ห้าง สนามบิน โรงพยาบาล โรงเรียน วัด โรงงาน ท่าเรือ หอประชุม พวกนี้มีความต้องการแตกต่างกันไปจึงต้องอาศัยกลุ่มคนที่จะเข้ามาออกแบบ (รวมทั้งวิศวกรเฉพาะทาง ภูมิสถาปนิก หรือสถาปนิกภายใน/นักออกแบบภายใน แม้แต่คนออกแบบแสงไฟ ออกแบบกราฟิค) เข้ามาทำค่ะ และเป็นเรื่องจำเป็นค่ะ

    บ้านอาจจะดูเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเล็กๆที่ดูไม่ยุ่งยาก
    แต่สำหรับสถาปนิกแล้วบ้านเล็กๆก็เป็นงานที่มีความละเอียดอ่อนมากมายเหมือนกันนะคะ

    สร้างบ้าน ไม่จำเป็นต้อง "จ้าง" สถาปนิก ทุกหลังค่ะ
    แต่ก่อนจะมาเป็นบ้าน ถึงมันจะยืมแบบมาจากหนังสือรูม บ้านและสวน หรือแบบบ้านแจกฟรี อะไรๆๆ มันก็น่าจะผ่านการออกแบบขั้นต้นมาแล้วโดยสถาปนิกซักคนเนี่ยละค่ะ
    เหมือนเสื้อไม่ต้องสั่งตัดทุกตัว แต่ตัวแรกที่เป็นต้นแบบมันก็มาจากช่างเสื้อนี่แหละ

    เรื่องอื่นขอไม่คอมเมนท์ละกัน
    แค่อยากแชร์ว่าสถาปนิกมีไว้ทำอะไรนะคะ

    By: crystalica (crystalica)
    Since: 29 ต.ค. 55 15:53:35

  27. admin Post author

    จริงๆเราว่าแล้วแต่มั๊งคะ

    อย่างบ้านเราเอง งบประมาณล้านกว่าๆเท่านั้น แต่ก็จ้างสถาปนิก
    อาจจะเพราะ ตอนที่สร้าง พ่อเราเห็นว่าอาชีพนี้มีความสำคัญ
    อยุ่มาได้ยี่สิบกว่าปีแล้ว ยังแข็งแรงใช้งานได้ดีอยู่

    เรื่องค่าแบบ…อาจจะแล้วแต่ ว่าคุย-ตกลงกันไว้เท่าไหร่มากกว่า
    เหมือนจะประมาณ 2-3% นะคะ

    By: i_am_pm (i_am_pm)
    Since: 29 ต.ค. 55 16:41:52

  28. admin Post author

    ก็ลองสร้างเองซักหลังสิคะ ไว้ถล่มเมื่อไหร่แล้วพวกเราจะได้ไปยื่นนามบัตร
    อ้อ ใช่!! อินทีเรียความจำเป็นน้อยกว่า ก็ยังอุตส่าเข้าใจว่าพวกเค้าทำอะไร
    ดิฉันออกแบบบ้านให้ลูกค้า ก้อทำภายในให้ด้วยแถม จ้างพนักงานเขียนแบบมืออาชีพก็ได้ (เค้าอาจจะจบปวส. มีความรู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ บ้างก็มั่ว ๆ) ยังแก้แล้วแก้อีก
    เสาเอ็นใส่บ้าง ไม่ใส่บ้างอย่าว่าแต่เจ้าของบ้านเลย ผู้รับเหมาอาชีพ ยื่นแบบให้ดู
    ก็ยังอ่านแบบกันไม่เป็น ต้องจ้างคนคุมงาน อ่านแบบ วิศวกรที่ไม่ได้จบสถาปนิกมาก็ออกแบบบ้านไม่ได้นะคะ เค้าคำนวนคาน-เสา อย่างเดียว
    หากคุณต้องการซอยเสาถี่ ๆ เพื่อรับน้ำหนักบ้าน 1.เปลือง 2. ถี่ไปก้อเท่านั้น วางเหล็กผิดก็ถล่ม จบข่าว ปรึกษาผู้รับเหมาได้ค่ะ คุณจะได้บ้านไว้อยู่แค่ปีสองปี เพราะเค้าจะโกงเสป็กแน่นอน และผุ้รับเหมาส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่องการรับแรง
    ถ้าคุณไม่มีเงินพอจะจ้างสถาปนิกแนะนำให้ไปที่เขต จะได้แบบที่เซ็นแล้ว เพราะ
    เขตจะก็อปปี้งานที่สถาปนิกออกแบบ มีลายเซ็นครบ ๆ เอาไว้ขายกินหาเงินเข้ากระเป๋า ไว้ขายให้เจ้าของบ้านอย่างคุณ ทั้ง ๆ ที่ผิดกฏหมายแต่จะไม่มีใครเอาผิดหรือฟ้องร้องเค้าได้(พวกเห็บหมัด)

    By: อย่าเดินไปตามแสงนั่น (อย่าเดินไปตามแสงนั่น)
    Since: 29 ต.ค. 55 16:53:58

  29. admin Post author

    ผมรู้สึกว่า เดี๋ยวต้องมีสถาปนิกมาตอบดราม่ากันเรื่อยๆแน่
    เท่าที่อ่านคห.มา คิดว่า คห.ของคุณ  เจ๊ขอร้อง น่าจะพอตอบจขกท.ได้มากที่สุด

    "ไม่มีสถาปนิกก็สร้างบ้านได้ครับ จ้างคนเขียนแบบตามความต้องการ

    ไม่มีหมอก็รักษาหายได้ครับ กินยาตามร้านขายยา

    ไม่มีนักบัญชีก็ทำบัญชีเองได้ครับ ผิด-ถูกแล้วแต่ความชำนาญ

    ไม่มีนักบิน ก็ขับเครื่องบินเองได้ครับ

    ฯลฯ

    อยู่ที่ว่าคุณมีความชำนาญในด้านนั้นๆพอเพียงที่จะทำมันได้ดีหรือเปล่า"

    นั่นแหละครับ มีก็ได้ไม่มีก็ได้  แต่ผลลัพท์ที่ออกมาก็จะต่างกัน  คุณอาจจะได้บ้านที่ไม่เสร็จสมบูรณ์ตามใจคุณ  หรืองบบานปลายขึ้นเรื่อยๆ ผู้รับเหมาทิ้งงาน หรือ บลาๆๆ ฯลฯ หรือคุณอาจจะโชคดีได้ผู้รับเหมาดี หรือคนคุมงานดีๆ ทำบ้านเสร็จสมบูรณ์ดังใจคุณก็เป็นได้ …ได้ทั้งนั้น …แต่เพื่อเซฟที่สุดและปลอดภัยที่สุดและควรจะทำที่สุด ควรจะติดต่อสถาปนิกหรือปรึกษาสถาปนิกในการสร้างบ้านของคุณเอง  เพราะสถาปนิกคือวิชาชีพที่เชี่ยวชาญในการออกแบบบ้าน-อาคาร-สิ่งปลูกสร้างมากที่สุด ซึ่งจะมองเห็นปัญหาหรือรายละเอียดต่างๆในการออกแบบบ้านที่คุณต้องการได้มากที่สุดครับ  …และก็ถ้าเอาเซฟเงินคุณที่สุด ก็ลองหาเพื่อนหรือคนรู้จักที่รู้จักกับสถาปนิกอิสระสักคนดู ลองติดต่อ/พูดคุย/ทำความเข้าใจเรื่องแบบเรื่องราคาให้ดีซะก่อน ก่อนจะตัดสินใจจ้างสถาปนิกครับ

    By: + (saak12)
    Since: 29 ต.ค. 55 17:02:26

  30. admin Post author

    (ต่อ) ดิฉันรับแก้งานให้พวกนี้บ่อยมาก ให้ผุ้รับเหมาสร้างให้ เอาอะไรยังไงตรงไหน สุดท้ายได้หน้าต่างสูงจากพื้นมา 1.20 เมตร *0* พื้นถึงเพดานประมาณ 3.5 เมตร(เกือบเท่าห้างสรรพสินค้า) ห้องน้ำทรุดเพราะซอยคานมั่วมาก ประตูหน้าต่าง ใส่เสาเอ็นบ้าง ไม่ใส่บ้าง แล้วแต่อารมณ์ บอกไว้ก่อนเลยว่า งานแก้ทั่ว ๆ ไปคิดค่าออกแบบ 2 เท่านะคะ เพราะเหนื่อยและเสียเวลามาก ๆ ถ้าใจรักจริง ๆ หรือกลัวเปลืองเงินจ้างสถาปนิก อย่าสร้างเกิน 1 ชั้นเลยค่ะ

    By: อย่าเดินไปตามแสงนั่น (อย่าเดินไปตามแสงนั่น)
    Since: 29 ต.ค. 55 17:05:54

  31. admin Post author

    เจอ "พวกลองของ" อีกแล้ว…….

    ไม่สงสัยอะไรเลยหรอ ทำไม คณะสถาปัตยกรรม เรียน 5 ปี……..

    ก่อนคิดจะออกแบบบ้านเอง หัด วางผังบริเวณ ให้มันถูกซะก่อนเหอะ….

    By: ป๋าชาร์ป
    Since: 29 ต.ค. 55 17:07:02

  32. admin Post author

    เห็นด้วยกับหลายๆกระทู้ครับ
    สร้างบ้านไม่จำเป็นต้องใช้สถาปนิกก็ได้  แพง  สิ้นเปลือง
    ไม่เฉพาะบ้าน  ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเราทำเองได้ทำเองดีกว่าครับ
    ยกตัวอย่างเช่น  การตัดผม  ถ้าตัดร้านในห้างก็  200 ขึ้นไป(ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้ตัดนานแล้ว)  แพงมาก
    ถ้าตัดร้านบาร์เบอร์ปากซอย ก็ 70 บาท (แถวบ้าน) ซึ่งก็เป็นราคาที่ไม่สมเหตุผล  งานง่ายๆ ตัดแป๊ปๆ 30 บาทก็เหมาะสมแล้ว
    เดี๋ยวนี้ผมตัดเองครับ ส่องกระจกแล้วเอากรรไกรค่อยๆเล็มเอา
    แหว่งบ้างอะไรบ้างก็หัวเรา  อยู่บนคอเรา  ไม่ได้อยู่บนคอคนอื่น
    มีความสุข  ประหยัด  สงบครับ

    By: kengkubpom
    Since: 29 ต.ค. 55 22:19:59

  33. admin Post author

    จริงๆกระทู้นี้ไม่ได้ดราม่านะ แต่ไม่รู้ไปสะกิดต่อมอะไรใครหรือเปล่าถึงมีคนทั้ง 2 ฝ่ายมาเถียงกัน แต่ผมก็อ่านสนุกดี ได้มุมมองอะไรเยอะ

    ประเด็นที่มาถามเพราะผมไปเจอกระทู้นึงบอกประมาณว่า "ถ้าคุณจะจ้างสถาปนิกออกแบบก็อย่าไปบอกเขาว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง" ผมก็งงว่า บ้านของเรา เราดันไม่มีสิทธิบอกว่าจะเอาอะไรยังไงเหรอ คือถ้าสำหรับบางคนที่คิดจะปลูกบ้านแต่ไม่มีความคิดอะไรเลย ก็ไม่แปลกถ้าจะให้สถาปนิกออกแบบให้ แต่ผมว่าคนส่วนใหญ่ต้องมีความคิดอยู่ในหัวแล้วว่าจะให้บ้านเป็นยังไง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วสถาปนิกจะทำหน้าที่อะไร แล้วถ้าเราไม่จ้างได้หรือเปล่า ออกแบบเองเลยจะได้ตามใจเรา

    เพราะแต่เดิมผมคิดว่าจะสร้างบ้านยังไงต้องจ้างสถาปนิกทุกหลัง เพราะว่าเวลาไปขออนุญาตจะต้องมีสถาปนิกไปเซ็นแบบให้ แต่อ่านกระทุ้นั้นดูเหมือนกับว่าไม่ต้องจ้างก็ได้ แต่ถ้าจ้างก็ต้องตามใจสถาปนิก ก็เลยสงสัย มันไม่ใช้สถาปนิกได้ด้วยเหรอ ถ้าไม่ใช้แล้วใครจะเซ็นแบบ หรือมันมีสถาปนิกที่รับเฉพาะเซ็นแบบ ก็เลยมาถามดู

    แต่ก็ได้อ่านดราม่าสนุกดี ขอบคุณสำหรับคำตอบ แต่มันทำให้สงสัยอย่างอื่นเพิ่ม ตอนนี้เหมือนสถาปนิกทำทุกอย่าง แม้แต่เรื่องการวางเสาการคำนวนการรับน้ำหนัก ตอนนี้ผมชักสงสัยแล้วว่าแล้วแบบนี้วิศวกรเข้าทำอะไร ออกแบบก็ไม่ได้ออก สร้างก็เป้นหน้าที่ของผู้รับเหมา แม้แต่ต่ำแหน่งเสา หรือจะใช้เหล็กอะไรกลายเป้นสถาปนิกทำ แล้ว วิศวกรเขาทำอะไร เดี๋ยวไปตั้งกระทุ้ใหม่ จะมีดราม่าวิศวกรอีกมั๊ยเนี่ย

    By: Acater
    Since: วันออกพรรษา 55 03:16:39

  34. admin Post author

    ไม่จริงเสมอไปหรอกครับ สถาปนิกที่ไม่ฟังลูกค้าเลย แทบจะไม่มีหรือมีน้อยมาก เพราะจริงๆแล้วสถาปนิกทุกคน จำเป็นต้องรู้ข้อมูลของลูกค้าให้มากที่สุด เพื่อที่จะออกแบบมาตรงใจลูกค้ามากที่สุด

       การได้เห็นงานของตัวเอง ออกมาสวยงามเป็นไปตามที่ใจคิดเป็นความสุขจริงๆของสถาปนิก แต่การสร้างบ้านให้ลูกค้าพอใจ แล้วเค้ารู้สึกขอบคุณเรา คือความสุขและหน้าที่ที่สำคัญมากกว่าครับ

       การที่คุณ Acater สงสัยเรื่องที่มีความคิดอยู่แล้วแล้วจะจ้างสถาปนิกทำไมนั้น ไม่น่าแปลกใจครับ ลุกค้าส่วนมากก็เป็นแบบนี้ แต่หน้าที่ของสถาปนิก ก็คือการดึงเอาของในหัวของลูกค้า มาผสมผสานกับความรู้ที่มี เพื่อให้มันออกมาดูมีเอกภาพ ไม่ใช่ออกมาแล้วรูปแบบบ้านไปทาง สีหลังคาไปอีกทาง เฟอร์นิเจอร์ไปอีกทาง มันก็ได้ทั้งหมดตามที่ลูกค้าต้องการ แต่มันจะดูเหมือนคนใส่ของแบรนด์เนม แต่ไม่ดูสีสันลวดลายว่าเข้ากันได้หรือเปล่า

        สุดท้ายแล้ว ผมอยากขอพูดเรื่องค่าจ้างซักนิดว่าให้คุณลองฉุกคิดนิดนึงว่าบ้านหลังนึงคุณใช้เวลาทำนานเท่าไหร่ ถ้า 300,000 บาทใช้เวลาสร้าง 8 เดือน เท่ากับคุณจ้างคนเขียนแบบ คุมงาน ตรวจเช็ค เลือกของ คิดแก้ไขงาน ให้โดยจ้างเค้าเป็นรายเดือน ตกเดือนละ 37,500 บาท ยังรู้สึกว่าแพงมั้ยครับ ถ้ายังแพงอยู่ ผมจะบอกว่าสถาปนิกต้องไปจ้างวิศวกรอีกต่อนึง ซึ่งวิศวกรก็มาแบ่งค่าจ้างจากเราไปอีก คราวนี้ยังแพงอยู่มั้ยครับ เทียบกับการไปจ้างคนที่เขตให้เค้าก๊อปแบบให้ อาจจะแค่ 50,000แต่เค้าไม่ได้ช่วยอะไรคุณหลังจากนั้นเลย… แค่อยากให้เข้าใจจริงๆ

    By: DDU_37
    Since: วันออกพรรษา 55 11:17:22

  35. admin Post author

    "ตอนนี้เหมือนสถาปนิกทำทุกอย่าง แม้แต่เรื่องการวางเสาการคำนวนการรับน้ำหนัก ตอนนี้ผมชักสงสัยแล้วว่าแล้วแบบนี้วิศวกรเข้าทำอะไร ออกแบบก็ไม่ได้ออก สร้างก็เป้นหน้าที่ของผู้รับเหมา แม้แต่ต่ำแหน่งเสา หรือจะใช้เหล็กอะไรกลายเป้นสถาปนิกทำ "
    ขอตอบอันนี้ละกันค่ะ
    วิธีการสร้างอาคารหลังหนึ่ง ๆ มันมีขั้นตอนของมัน
    1. สถาปนิก คุยกับเจ้าของบ้าน ออกแบบ ปรับแบบ คุยวัสดุ บรา ๆ ๆ ๆ จนกระทั่งเจ้าของบ้านพอใจ เซ็นสัญญาจ่ายเงินงวดแรก
    2. สถาปนิก เคลียร์แบบ อันได้แก่ แบบสถาปัตยกรรมโดยทั่วไป แบบสถาปัตยกรรมจะมีอัตราส่วนประมาณ 50-60% ของแบบทั้งหมดที่เหลือจะเป็นแบบวิศวโครงสร้าง วิศวไฟฟ้า วัศวสุขาภิบาลและวางผัง landscape(มีบ้างไม่มีบ้าง) วิศกรทั้งหมดนี้ล้วนแต่ทำงานต่อจากสถาปนิกทั้งสิ้น (อย่างไรขอไม่ลงรายละเอียด)
    3. เมื่อแบบเสร็จทุกอย่าง มีลายเซ็นสถาปนิก และวิศกรโครงสร้าง(สุขาภิบาลและไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องเซ็นก็ได้) สถาปนิกจะเป็นคนเดินเรื่องขออนุญาตก่อสร้างจากเขต (เจ้าของบ้านไปก้อได้ ไม่ไปก้อได้แต่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ)
    4. หลังจากสร้างได้แล้ว จะเป็นหน้าที่สถาปนิก คำนวนราคา หาผู้รับเหมา ต่อรองราคา(ส่วนหน้าเจ้าของบ้านทำเองก้อได้ แต่เห็นจัดการเองทีไร ถ้าไม่โดนผุ้รับเหมาโกงเสป็คก้องานไม่จบซักที)
    5. ถ้ากรณีสถาปนิกไม่คุมหน้างานเองจะหาคนคุมงาน เพื่อ!! ดูแลไม่ให้การก่อสร้างผิดไปจากแบบ คุยกับผุ้รับเหมา เช็คงานว่าตรงตามแบบหรือไม่ ย้ำ!! ผู้รับเหมาหลายเจ้าที่เคยทำงานด้วย อ่านแบบไม่เป็นนะคะ เมื่อไรก้อตามที่คุณโดนแบบให้เค้า บ้านคุณจะเละเป็นโจ๊กทันที

    ปล.ในระหว่างการดำเนินงานสร้างบ้าน สถาปนิกต้องดูแลตั้งแต่เริ่มทำแบบ จนกระทั่งบ้านเสร็จสมบูรณ์ หรือถ้าสถาปนิกไม่สะดวก คนที่คุณจะไว้ใจให้ดูแลการก่อสร้างบ้านคุณ ก็ไม่ใช่ผุ้รับเหมาอยู่ดี เพราะถึงเวลานั้น วิศกรที่เซ็นแบบให้ เค้าก้อไม่อยู่แล้ว เพราะงานเค้าจบไปแล้ว แต่งานสถาปนิกยังไม่จบ เพราะฉะนั้น สถาปนิกจะต้องหาคนคุมงานให้ได้ เพราะถ้าแบบไม่ตรง คนรับผิดชอบคนแรกคือสถาปนิก ตอนนี้คุณคงรู้แล้วว่า เราทำอะไรกัน เพราะเราต้องรับผิดชอบมหาศาลขนาดนี้ (นี่ยังแค่บ้านนะ) ค่าตัวเราถึงได้แพงไง!!

    By: อย่าเดินไปตามแสงนั่น (อย่าเดินไปตามแสงนั่น)
    Since: วันออกพรรษา 55 11:21:53

  36. admin Post author

    ตอบคำถาม เจ้าของกระทู้นะคะ

    ว่าขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของบ้านค่ะ บางคนคิดว่าเสียเงินจ้างคนออกแบบเพื่อให้ได้บ้านรุ่น Limited นึกออกมั้ยคะ แบบมันก็อาจจะไม่ซ้ำใคร การวางผัง พื้นที่การใช้งานมันก็จะผ่านกระบวการคิดของผู้ที่มีความรู้มาแล้วน่ะค่ะ บางครั้งอาจจะดีกว่า การที่เราดุ่มๆ สร้างโดยที่ไม่มีความรู้เลย

    กับบางคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องจ้างเลย ทำตามความต้องการของช้ั้นเองดีกว่า ถ้าคิดแบบนี้คุณควรจะมีคนที่ให้คำแนะนำปรึกษาได้ในระดับนึงค่ะ อย่างพวกช่างที่มีประสบการณ์ หรือ วิศวกร หรือใครก็แล้วแต่ที่แนะนำคุณได้นั้นแหละค่ะ

    เพราะสร้างบ้านมันไม่ได้ซับซ้อนมากขนาดสร้างตึกระฟ้า บางครั้งเราสามารถตัดความจำเป็นบางอย่างออกไปได้ถ้าคิดว่ามันไม่จำเป็น เอะ!! งงมั้ย  

    แต่ถ้าบ้านของเหล่าผู้มีอันจะกิน ขอใช้คำนี้แล้วกันเนอะ ส่วนใหญ่พวกนี้เ้ค้าจะยอมเสียค่ะ เพราะบางครั้งมันคุ้มค่ากว่ากันเยอะ เค้าจะจ้างทั้งสถาปนิคออกแบบ และวิศวกร คุมงานกันเลยทีเดียว
    แบบว่าถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา หาคนรับผิดชอบได้ อิอิ เช่นบ้านทรุด ตึกถล่มไรเงี้ย (ล้อเล่น)

    จริงๆ ก็ย้อนไปกับเหตุผลแรกน่ะค่ะ บ้านเขาเหล่านั้นมักจะเริศหรู อลังการ สร้างที สิบๆล้าน เพราะฉะนั้นทุกฟังก์ชั่นการใช้งานควรจะตอบโจทย์ เค้าได้ค่ะ

    ถ้าเราๆ ท่านๆ อยากได้ความรู้เรื่องการสร้างบ้านเองนะคะ แนะนำหนังสือชื่อ "คู่มือคนคิดจะสร้างบ้าน" ของ ส.ร.ว.(คนนี้เป็นสถาปนิคมั้งคะ เราไม่รุ้จักเป็นการส่วนตัว) มาอ่านค่ะ แล้วคุณจะเข้าใจภาพรวมของการสร้างบ้าน 1 หลังขึ้นมาเยอะเลย

    แต่สำหรับตัวเราถ้าจะสร้างบ้าน เราคงไม่จ้างแน่ๆ

    เหตุผลแรก และ เหตุผลหลักเลยคือ จน ค่ะ 5555+ เลยเป็นสถาปนึกมันซะเลยดีกว่า
    แล้วใช้สามี ที่เป็นวิศวกร ออกแบบโครงสร้างเอาเอง

    By: นางฟ้าไซเบอร์ (นางฟ้าไซเบอร์)
    Since: วันออกพรรษา 55 13:30:41

  37. admin Post author

    ขอบคุณครับ แต่คำถามที่ผมสงสัยและอยากรู้ที่สุดคือ สร้างบ้านมันต้องใช้สถาปนิกเซ็นเพื่อไปขออนุญาต แล้วถ้าเราไม่จ้างสถาปนิก แล้วใครจะเซ็นให้อ่ะครับ หรือเราเขียนเองแล้วเอาไปให้สถาปนิกตรวจความถูกต้องแล้วเซ็น แบบนี้หรือเปล่า

    By: Acater
    Since: วันออกพรรษา 55 18:23:51

  38. admin Post author

    อย่างน้อยๆคุณ acater ก้ต้องมีนายช่างที่สามารถเขียนแบบให้
    คุณไม่สามารถเขียนเองได้อยู่แล้วครับ รายละเอียดต่างๆ
    สำหรับงานก่อสร้างนั้นคนทั่วไปคงเขียนกันเองไม่ได้ครับ
    จากนั้นก้ไปจ้างสถาปนิกท้องที่เซ็นต์ให้

    ผมคิดว่าความหมายที่ดราม่ากัน น่าจะหมายถึงการจ้างสถาปนิก
    มาออกแบบแล้วคิดค่าจ้างแพงๆ (ตามที่เค้าคิด) แต่โดยความ
    เป็นจริงแล้วสถาปนิกที่เขียนแบบอย่างเดียวโดยที่ไม่คิด เซ็นต์
    เพื่อขออนุญาตอย่างเดียวก้มีครับ ค่าจ้างถูกๆ รายละเอียดพอ
    ประมาณที่จะใช้ยื่นขอนุญาตและก่อสร้างได้ แต่การใช้งาน
    จะตอบสนองการใช้งานหรือไม่ / อยู่สบายหรือไม่ อยู่ที่
    จรรยาบรรณของสถาปนิกของคุณครับ

    By: asis
    Since: วันออกพรรษา 55 21:37:53

  39. admin Post author

    >>คุณ..จขกท.ครับ มันเป็นเรื่องของจรรยาบรรณของวิชาชีพครับ ขึ้นอยู่กับความชอบธรรมของแต่ละบุคคล จิตใต้สำนึกมันมีไม่เท่ากัน ทุกๆอาชีพหรือวิชาชีพ จึงต้องมีข้อจำกัด หรือการพึงยึดถือปฏิบัติกัน เหตุผลหลักไม่ใช่อื่นใด ก็เพื่อสังคมของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขไม่เหลื่อมล้ำซึ่งกันและกัน จนเราลืมรายละเอียดบางส่วนที่อยู่ใกล้ตัวเราไป บ้านเมืองจึงต้องสร้างกฎเกณฑ์ กฎหมายต่างๆมาให้เป็นกติกาใช่มั๊ยครับ/ตัวอย่างเหตุผลนึง เช่น ทำไมต้องมีกฎหมายระยะร่นอาคารต่างๆ 1.ก็เพราะความเป็นส่วนตัวของกันและกัน 2.ถ้าเกิดเพลิงไหม้แล้วมันจะลามไปติดที่ข้างเคียงเค้าหรือเปล่า?ฯลฯ.เพราะวิชาชีพสถาปนิกเค้าเป็นอาชีพบริการ หรือจริงๆก็คือที่ปรึกษาของคุณที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ให้คุณได้ฟันธงอะไรๆได้ง่ายขึ้นเกี่ยวกับศาสตรนี้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าตอบโจทย์คุณ มันต้องมีที่มาที่ไปกับสิ่งที่เค้าคิดหรือศึกษามา หรือถ้าไม่อยากใช้บริการวิชาชีพนี้ ก็สามารถเดินเข้าไปขอแบบบ้านของทางราชการเค้าก็มีให้ฟรีๆ แต่ก็อาจเสียเวลานิดนึงที่จะต้องมาเปรียบเทียบให้มันสอดคล้องกับผังที่ดินของคุณที่จะสร้าง หรืออาจติดอะไรหลายๆอย่าง ที่คาดไม่ถึง? สรุป..ถ้าเค้าเซ็นต์แบบให้คุณไม่ว่าแบบจะถูกหรือผิด ขาข้างนึงของวิชาชีพเค้าก็เข้าอยู่ในคุกแล้วครับ

    By: ผ่านมา..เท่านั้นเอง /at/ _ /at/ !
    Since: วันออกพรรษา 55 23:29:48

  40. admin Post author

    เอาง่ายๆ เบื้องต้นครับ ….สถาปนิกจะรู้ก่อนคุณว่า งบที่คุณมีอยู่ จะได้บ้านประมาณไหน วัสดุเกรดไหน ไม่ใช่คุณวาดบ้านจัดห้องมาใหญ่โต หลายห้อง แต่มีงบอยู่ 1 ล้าน ก็จัดสร้างเลย แต่ดันอยากได้วัสดุดีๆแพงๆ สวยๆเหมือนในหนังสือบ้านที่สวยๆแล้วชี้จะเอาแบบนี้ แบบนั้น สุดท้าย 1 ล้าน ผู้รับเหมาขึ้นเสา กับเทพื้น(ไม่เสริมเหล็ก) งบหมด หลังคามุงไม่เสร็จ แล้ว ทิ้งงาน (เพราะเจ้าของบ้านเรื่องมาก จุกจิก เลือกเยอะ เปลี่ยนบ่อย เสียเวลา)
    บ้านแทนที่จะเสร็จ 2-3 เดือน ปาไปเป็นปี 2 ปี แล้วก็ทรุด ร้าว (สุดท้ายต้องจ้างสถาปนิก วิศว ตามแก้ คราวนี้ โดนค่าออกแบบ แก้งาน 2 เท่า สบายแฮ )

    By: สถาปนิก โดนมาเยอะ เจ็บมาเยอะ
    Since: 31 ต.ค. 55 00:38:56

  41. admin Post author

    เสริมอีกนิดครับ…สถาปนิกส่วนใหญ่ จะไม่ไปยัดเยียดความคิดตนเองให้เจ้าของบ้าน 100% หรอกครับ แต่จะรับฟัง แนวทาง รูปแบบบ้าน ที่เจ้าของบ้านต้องการ แล้วนำจินตนาการของเจ้าของบ้าน+แนวคิดสถาปนิก วาดออกมาให้เห็นภาพชัดเจน นำมาเสนอท่านอีกที ในรูปแบบ 3 มิติ หรือโมเดลแล้วแต่การนำเสนอ ท่านดูแล้วเห็นภาพเลย ชอบ ไม่ชอบ ก็เปลี่ยนแบบใหม่
    ส่วนคำถามของ จขท คงคิดว่า บ้านเล็กๆ สร้างง่ายๆ ต้องจ้างสถาปนิกมั้ย ตอบ… ถ้าพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 150 ตรม.ไม่สนใจความสวยงาม ส้รางพออยู่ได้ ไม่ต้องจ้างครับ ไม่ต้องมีสถาปนิกเซ็นก้ได้ ท่านก็คิดวาดเอง แล้วปรึกษาวิศกรเลยก็ได้ (แล้วท่านเข้าใจคำว่า "พื้นที่ใช้สอย "มั้ยทีนี้ ปรึกษา อบต.ก็ได้ ว่าแบบนี้ต้องมีหรือไม่มีสถาปนิกเซ็นรับรอง) สถาปนิกก็มีแนวทางที่ถนัด เหมือนหมอเฉพาะทางหละครับ ท่านต้องเลือกอีก ว่าสถาปนิกท่านนั้นๆถนัดทางไหน เพราะพื้นฐานอาจเหมือนกัน แต่ความชำนาญประเภทอาคารอาจต่างกัน ทรงเรือนไทย กลาง เหนือ ใต้ ทรงโมเดินทันสมัย หรืออาคารประเภทอื่นๆ ตอบเป็นกลางนะครับ เดี่ยวจะหาว่าจ้างสถาปนิกทั้งที ไม่ได้ดีไปกว่าผู้รับเหมา

    By: สถาปนิกโดนมาเยอะ เจ็บมาเยอะ
    Since: 31 ต.ค. 55 01:36:19

  42. admin Post author

    ตอบคุณ Kook นะครับ….คุณก็พูดเป็นนักเศรษฐศาสตร์จน ลืมคำว่า "วิชาชีพเฉพาะ"ไปเลยนะครับ สถาปนิก เค้าเป็นวิชาชีพควบคุม มีกฏหมายรองรับ ทำผิดกฏหมาย โดยยึดใบประกอบวิชาชีพ คุณจะเปรียบกับ Designer เสื้อ หรือร้านอาหาร หรือสินค้าอะไรไม่ได้หรอกครับ สถาปนิกเขาห้ามโฆษณาตนเอง พวกแลนด์แอนเฮ้าส แสนสิริ พวกนั้น บริษัทรับสร้างบ้าน พัฒนาที่ดิน เค้าโฆษณาได้ เพราะอาศัยช่องโหว่ของจรรยาบรรณ สถาปนิก และบ้านที่จัดสรรค์ ที่ว่าซื้อสร้างเสร็จไม่ยุ่งยาก แล้วคิดว่าเค้าไม่คิดค่า ออกแบบ ค่าโฆษณา กำไร ค่าดำเนินการ ต่างๆบวกไปแล้วหรือครับ ใหนจะมีค่าส่วนกลางผูกมัดท่านไปตลอดชีวิต ทำไมค่ายาหมอแพง ค่าวิชาชีพหมอแพง ทั้งที่บางทีท่านไม่เคยรักษากับหมอท่านนั้นด้วยซ้ำ ทำไมไม่มีใบรับประกันก่อนว่า หาย 100% แล้วค่อยคิดแพง แต่นี่บ้านท่านเอง อยู่ทุกวันมากว่า อยู่โรงพยาบาลซะอีก แถมดีไม่ดี บ้านสวย ทนนาน อนาคตมีเพิ่มมูลค่า ไม่คิดตรงนี้ละคัรบ บ้านดี อยู่สบาย สุขภาพดี ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอจริงมั้ยครับ

    By: สถาปนิกเจ็บมาเยอะ
    Since: 31 ต.ค. 55 02:21:40

  43. admin Post author

    ต่อนะครับ….เสื้อผ้าที่ Desingner ออกแบบมา มีลายเซ็นรับผิดชอบมั้ยครับ มีใบประกอบวิชาชีพควบคุมมั้ย ใส่แล้วเกิดแพ้ ตายขึ้นมา ติดคุกมั้ยครับ คนออกแบบเสื้อ โดนห้ามออกแบบอีกมั้ยครับ หรือ ร้านอาหารที่คุณเข้าไปกินเกิดเป็นพิษตายขึ้นมา ก็แค่ปิดร้าน ไปเปิดที่ใหม่ เปลี่ยนชื่อร้าน แต่สถาปนิกออกแบบผิดกฏหมาย เป็นเรื่องเป็นราว โดนยึดใบประกอบวิชาชีพ คราวนี้ทำมาหากินไรได้ครับ ไร้ราคา โดนลดชั้นมาเป็นช่างเขียนแบบ เรียน 5 ปี เท่ากับหมอ สอบใบประกอบวิชาชีพ เหมือนกับหมอ
    รับผิดชอบชีวิตคนเหมือนกับหมอ หันไปดูเงินเดือนสถาปนิกสิครับ เรี่ยดินขนาดใหน เพราะเจ้าของบ้านกดราคา เจ้าของออฟฟิศเลยมากดเงินเดือนสถาปนิกอีกที แล้วเพิ่มปริมาณงานเยอะๆ(ที่ราคาถูกๆ)ให้มีเงินเลี้ยงสถาปนิกที่จบมาใหม่ บทสรุปงานเยอะเงินเดือนน้อย ทนอยุ่กับงานหนักไมไหว ลาออกมาเป็นสถาปนิกอิสระ เพื่อจะได้ลืมตาอ้าปาก ยังมาเจอเจ้าของบ้านกดราคา แอบใช้งานฟรี เอาแบบไปจ้างเด็กเขียนแบบที่อื่น ไม่จ่ายตังค่าออกแบบ ตอนนี้ไปหาดูได้ตามร้านขายกาแฟสด ร้ายขายตามจตุจักร ล้มหายตายจากอาชีพนี้ไปหมดแล้ว ท่านยังจะมาให้ลดราคาลงไปอีกหรือ ที่ไปหาหมอเสริมความงาม สถาบันลดน้ำหนัก ยอมจ่าย เป็นแสน…เฮ้ออท้อๆๆๆ

    By: สถาปนิกเจ็บมาเยอะ
    Since: 31 ต.ค. 55 02:42:54

  44. admin Post author

    สุดท้ายแล้ว….สำหรับท่านที่ชอบ one stopservice หรือ เทิร์นคีย์ ที่คิดว่าขี้เกียจยุ่งยาก ออกแบบ รับเหมา ควบคุมงาน ในบริษัทเดียว ระวังท่านจะได้ของคุณภาพต่ำนะครับ ถึงผู้รับเหมาจะบอกท่านว่าออกแบบให้ฟรี(คนไทยชอบของฟรี) แต่เชื่อเถอะเค้าเอาไปบวกกับค่าก่อสร้าง เรียบร้อย แถมอาจได้ของเหลือใช้จาก Site งานอื่น คิดราคากระเบื้องท่าน เกรด A แต่เอาเกรด B มาใส่ เพราะไม่มีผู้ตรวจสอบ(วัสดุหน้าตาเหมือนกัน) ควรใช้คนคุมงานกับผู้รับเหมาคนละบริษัทกัน ผมขอชี้แจงเพียงเท่านี้ครับ

    "วิชาชีพควบคุม…& ….อาชีพทั่วไป" เห็นภาพมั้ยครับ (มัวแต่พิมชี้แจง งานผมเลยเสร็จไม่ทันเลย ….ฮื่ม)

    By: สถาปนิกเจ็บมาเยอะ
    Since: 31 ต.ค. 55 02:53:14

  45. admin Post author

    ผมคงไม่โต้ตอบอะไรเพิ่มเติมนะครับ ข้อเขียนนั้นผมเขียนมาแล้วสามปี

    แต่ผมก็ยังคงมีความเห็นเช่นเดิมนะครับ

    หากท่านใดเห็นประโยชน์ก็นำเอาไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรที่มันควรจะเปลี่ยนเพื่อประโยชน์แก่วิชาชีพของท่านและสังคมไทย

    หากท่านใดเห็นว่าข้อเขียนนี้ไม่มีประโยชน์ก็ทิ้งเอาไว้ในกระทู้นี้ก็แล้วกันนะครับ

    By: Kook
    Since: 31 ต.ค. 55 15:13:07

  46. admin Post author

    บริษัทสถาปนิกส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับออกแบบบ้านนิคะ

    ก็อยู่บ้านจัดสรรไปสิ ต่อเติมไปสิ เงินคุณอะ คนที่จะจ้างเรายังมีอีกเยอะ

    By: Painto
    Since: 5 พ.ย. 55 17:35:20

  47. admin Post author

    จ้างหรือไม่จ้างสถาปนิก ความจำเป็นหรือไม่จำเป็น สุดท้ายก็อยู่ที่กำลังเงินของคุณเจ้าของกระทู้นั่นแหละ อยากได้ของดี ๆ ก็ต้องเสียเงินเยอะ อยากได้ของถูก ๆ ก็ไม่ต้องอยากติดหรูมาก เอาธรรมดาพออยู่ได้ ไม่ต้องสวยเท่าไหร่ เหนื่อยเองนิดหน่อย ก็ได้แล้ว!! สถาปนิกส่วนใหญ่เค้าก้อไม่ได้หากินกับบ้านทุกหลังหรอกนะ จะ่ว่าไปแล้วตั้งแต่เป็นสถาปนิกมา ส่วนใหญ่ก็รับงานห้างสรรพสินค้า โรงงาน คอนโด หรือไม่ถ้าเป็นบ้าน ก็รับแต่หลังละ 50 ล้านอัพ เป็นมาตรฐานของออฟฟิศน่ะ ถ้าบ้านหลังเล็ก ๆ ญาติกันจ้างหลังละ 5-6 ล้านก็รับอยู่

    ปล.คุณเป็นหวัดธรรมดา ก็หาซื้อยากินเอง แต่ถ้าคุณเป็นเบาหวานเป็นมะเร็ง ก็ควรจะหาหมอเหอะ!!

    By: ตามนั้น (อย่าเดินไปตามแสงนั่น)
    Since: 8 พ.ย. 55 14:28:36

  48. admin Post author

    เราจ้างสถาปนิกเพราะต้องการบ้านที่อยู่สบายและเน้นมากคือต้องอยู่ในงบที่จำกัด จึงยอมจ่าย 6% ก็ 120,000 สิ่งที่ได้มา
    1. แบบบ้านที่มีรายละเอียดข้างในไม่ครบ ทำให้ผู้รับเหมาทำ BOQ ต่ำกว่าความเป็นจริง การก่อสร้างล่าช้าเพราะไม่มีรายละเอียดในแบบ
    2. บ้านสร้างมา 11 เดือน สถาปนิกเข้ามาดูสองครั้งโดยต้องโทรตาม ทั้งๆที่สัญญาว่า ค่าออกแบบจะรวมการเข้ามาควบคุมการก่อสร้างด้วย
    3. โทรตามสถาปนิก กลับได้รับคำตอบว่า ให้ส่งรูปความคืบหน้าผ่าน e-mail
    4. บทเรียนที่ได้คือ สถาปนิกเก่งทำงานในกระดาษ พูดเก่งเหมาะเป็นประชาสัมพันธ์ หรือเป็นได้แค่วิทยากรที่คอยจัดสัมนาเรื่อง HOT HOT เกี่ยวกับบ้านอยู่แล้วเย็น

    By: หมูหัวฟู
    Since: 8 พ.ย. 55 17:02:40

Leave a Reply