อยากจะขอคำแนะนำ เรื่องการถือครองกรรมสิทธิ์ และ การกู้เงินธนาคารเพื่อซื้อบ้านครับ

          เนื่องจาก  ดิฉัน และ สามี    ตั้งใจ จะซื้อบ้านทาวเฮ้าส์หลังหนึ่งในหมู่บ้านใหญ่ แห่งหนึ่ง ย่านบริเวณลาดพร้าว  ในราคา ประมาณ 3,200,000  บาท  เป็นบ้านสร้างใหม่

           ดิฉันและสามี ตั้งใจจะซื้อบ้านหลังนี้ ด้วยเงินสด    โดยต้องการ จะใส่ ชื่อของดิฉัน กับ สามี  เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในโฉนด      ซึ่งบ้านหลังดังกล่าว ตั้งใจจะซื้อไว้เป็นมรดกให้กับลูกสาว    

            หลังจากได้ปรึกษา เรื่องการซื้อบ้านหลังนี้ กับพวก ลูก  ๆ แล้ว      ลูกสาวก็แนะนำว่า  ไม่ควรจะซื้อบ้านเป็นเงินสด  ควรจะใช้วิธีกู้เงินผ่านธนาคารและ ผ่อนกับธนาคารไปก่อน  เพื่อจะได้นำดอกเบี้ยเงินผ่อนไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับลูกสาวได้   เพราะ ปัจจุบันนี้ลูกสาว ทำงานเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง   จึงทำให้ การระบุชื่อ ผู้ซื้อ ต้องเปลี่ยนจากชื่อของดิฉัน เป็นชื่อลูกสาวแทน  เพราะลูกสาว ต้องเป็นผู้ยื่นเรื่องกู้เงินกับธนาคาร
 
            แต่เนื่องจากดิฉันและสามี ไม่เคยกู้เงินกับธนาคารมาก่อน จึงไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับการกู้เงินดีเท่าที่ควร   แต่ก็ตั้งใจว่า จะ จ่ายเงินสด ไปก่อน ส่วนหนึ่งประมาณ  2,200,000 บาท  ส่วนที่เหลือ อีก  1,000,000  บาท  จะให้ลูกสาว กู้ผ่านธนาคาร     อายุการผ่อนประมาณ 30 ปี   เท่าที่ตรวจสอบวงเงินที่จะขอกู้กับธนาคาร   คาดว่า จะสามารถผ่านการพิจารณาจากธนาคารได้     เพราะลูกสาว มีเงินเดือน ประมาณ 26K  อายุงานประมาณ  2  ปี

           เมื่อต้นเดือนนี้  ดิฉัน และสามี ก็ได้ไป จองบ้านดังกล่าวแล้ว โดยจ่ายเงินจองไป 10,000 บาท  โดยตั้งใจว่าจะ ใส่ ชื่อผู้ซื้อบ้าน เป็นชื่อลูกสาวกู้ร่วมกับ คุณพ่อของเขา     แต่ปรากฏว่า  ทางเจ้าหน้าที่ของโครงการขายบ้าน  เขาต้องการระบุชื่อผู้ซื้อ เป็นชื่อของลูกสาวคนเดียว  ไม่ยอมให้คุณพ่อลงชื่อด้วย    โดยให้เหตุผลว่า เป็นแค่การทำหนังสือ ระหว่างบริษัทกับผู้ซื้อเท่านั้น    ส่วนจะใส่ชื่อคุณพ่อร่วมกับลูกสาวในโฉนด ได้หรือไม่  อยู่ที่ตอนทำเรื่องขอกู้เงินกับธนาคาร ว่าเขาจะพิจารณาอย่างไร

          ตอนนี้ การซื้อบ้าน  ยังไม่ได้ทำหนังสือ สัญญาจะซื้อจะขาย    แต่ดิฉันมีความประสงค์  อยากจะให้ในโฉนดบ้าน  ระบุชื่อผู้ซื้อ เป็นชื่อลูกสาว ร่วมกับคุณพ่อของเขา   โดยระบุลงไปในหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย  ซึ่งจะทำกันในเดือนต่อไป   จะได้หรือไม่   เพราะเงินที่ซื้อส่วนใหญ่ คุณพ่อของลูกสาวเป็นคนออกเกือบทั้งหมด  

          ถ้าในโฉนด ลงชื่อลูกสาว เพียงคนเดียว  คุณพ่อ ของเขาก็จะไม่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนี้        ถ้าต่อไปลูกสาวเกิดแต่งงานไปแล้ว  สิทธิต่าง ๆ  ในบ้านหลังนี้ ก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของครอบครัวลูกสาว   โดยดิฉันและสามี คงไม่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนี้เลย

           อยากจะขอคำแนะนำถึง  วิธีการกู้เงิน และ วิธีการระบุชื่อความเป็นเจ้าของ  ร่วมกัน  จะทำได้หรือไม่  และต้องทำอย่างไร บ้าง  ขอคำแนะนำด้วยนะคะ   ขอบคุณมากคะ

By: รุ่งโรจน์ทวีคูณ
Since: 10 พ.ย. 55 10:54:15

6 thoughts on “อยากจะขอคำแนะนำ เรื่องการถือครองกรรมสิทธิ์ และ การกู้เงินธนาคารเพื่อซื้อบ้านครับ

  1. admin Post author

    อ่านไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรค่ะ แต่มีข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องเสนอดังนี้ค่ะ
    – ตามระดับเงินเดือนของลูกสาว น่าจะจ่ายภาษีอยู่ที่ 10 %
    ถ้าต้องการแค่เอาดอกเบี้ยไปหักลดหย่อนภาษี คิดว่าไม่คุ้มกับดอกเบี้ยและค่าจดจำนองที่ต้องเสียจากการกู้เงินค่ะ รวมถึงค่าทำประกันบ้านด้วยค่ะ

    ยกเว้นแต่ว่า อยากให้ลูกสาวมีส่วนร่วมในการมีบ้านก็อีกเรื่องนึงค่ะ

    By: แมว
    Since: 10 พ.ย. 55 14:10:40

  2. admin Post author

    ตอบ คุณความคิดเห็นที่  1

                      ต้องขอโทษนะคะ  ที่ทำให้ เกิดความสับสน

                      ดิฉัน  ยืม  log in  ของ  พี่ชายของสามี มาใช้ค่ะ  

                      ตรงหัวข้อกระทู้  สามี เป็นคนตั้งให้ค่ะ   เลยอาจจะทำให้ งง ค่ะ

                   

    By: รุ่งโรจน์ทวีคูณ (รุ่งโรจน์ทวีคูณ)
    Since: 10 พ.ย. 55 15:28:13

  3. admin Post author

    ซื้อสดดีกว่านะคะ  .. ลดหย่อนยังไงก็ไม่น่าจะพอ ยังต้องเสียภาษีอยู่ดี แถมเอาภาระมาใส่เครดิตบูโร่เล่น เสียค่าจำนองเล่นๆ หมื่นนิดๆ
    หรือเข้าโครงการภาษีบ้านหลังแรก …
    ถ้าจะเอาชื่อใส่ คงต้องใส่ในสัญญาซื้อขาย ซึ่งส่วนใหญ่ทำกันที่ที่ดิน หมายถึงวันโอน+จำนองเลย เลยโยนเรื่องให้ว่าแบงค์ทำมายังไง มันก้อจะโอนตามนั้น
    คงต้องใส่ชื่อกู้ร่วมค่ะ แต่จะทำให้สิทธิ์ในการนำไปลดหย่อนของลูกหายไปตามส่วน

    ซื้อสดแล้วหาวิธีลดหย่อนอย่างอื่นดีกว่าไหมคะ

    By: N’oh (oOh_MyBabEo)
    Since: 11 พ.ย. 55 01:40:58

  4. admin Post author

    ขอบคุณมาก ๆ  ค่ะ  สำหรับ ทุก ๆ  คำแนะนำที่ให้มา

               และจะนำคำแนะนำดังกล่าวไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง  นะค่ะ

               ตอนนี้  ยังอยากจะได้คำแนะนำ จากหลาย ๆ  ท่าน เพิ่มเติมนะค่ะ ขอบคุณ มากค่ะ

    By: รุ่งโรจน์ทวีคูณ (รุ่งโรจน์ทวีคูณ)
    Since: 11 พ.ย. 55 11:09:06

  5. admin Post author

    เรื่องแบบนี้ต้องคิดให้รอบด้าน
    ก่อนอื่นดูว่ามีลูกกี่คน  หากมีลูกหลายคน
    แล้วให้ลงชื่อคนเดียวอย่างนี้แย่แน่ๆ
    เพราะคนอื่นไม่มีสิทธิด้วยเลย

    และต่อให้ลูกตกลงยินยอมให้ลูกคนอื่นให้มาร่วมถือ
    กรรมสิทธิ์ในภายหลัง  ก็จะเสียค่าโอนน่าจะหลายหมื่น
    หรืออาจถึงแสนบาทก็เป็นได้ (คือมันขึ้นอยู่กับราคาประเมิน
    และส่วนที่จะยกให้  และจะยกให้เมื่อไรด้วย
    หากยกเร็วๆ นี้ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะด้วยก็อานแน่ๆ)

    เรื่องการทำเรื่องซื้อขายโดยตรงให้ลูกเป็นคนทำซื้อนี่
    ก็จะกลายเป็นสินสมรสระหว่างลูกกับสามี  หากมีอันเป็นไป
    ลูกตายไปก่อนสามี(มันเกิดได้ตลอดเวลา) สามีเอาไปครึ่งหนึ่ง
    ในฐานะสินสมรส  อีกครึ่งที่เหลือเป็นมรดกของลูก  สามี
    มีสิทธิรับมรดกในส่วนนั้นอีก  แต่ในส่วนนี้จะแบ่งเท่าๆ กัน
    ระหว่างคุณกับสามีและลูก ๆ ของเขาทุกคน คนละเท่าๆ กัน
    ส่วนแบ่งของคุณสองคนจะน้อยนิดอาจได้ไมถึง 1 ใน 5
    ของส่วนนี้  ถ้าคิดทั้งแปลงแล้วอาจได้ไม่ถึง 1 ใน 10
    (คือยิ่งเขามีลูกมากเท่าใดส่วนแบ่งที่คุณกับสามีคุณจะ
    ได้ก็น้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะตัวหารมันเพิ่มขึ้น)  

    โดยหลักการใครออกเงินซื้อก็ควรมีชื่อ  แต่หากมีเงินเหลือเยอะ
    มีลูกคนเดียวแล้วไม่แคร์ว่าสามีลูกจะได้ทรัพย์ไปแค่ไหนก็ไม่ว่า
    ก็ทำตามที่ต้องการได้เสมออยู่แล้ว    แต่คนที่คิดรอบคอบหรือมีเงิน
    จำกัด  การต้องเสียเงินก้อนใหญ่ไปโดยไม่ได้ทรัพย์กลับมาเลย
    มันเสี่ยงต่อความมั่นคงของตัวเอง

    อันดับต่อไปก็ดูว่าอายุตัวเองเท่าไรจะอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน
    จะมีรายได้เข้ามามากแค่ไหน  ถ้ามีเยอะก็ให้ๆ ไปเลยได้
    เพราะหากซื้อในนามคุณแล้วไปยกให้ก็ต้องเสียค่าโอนอีกเป็นหมื่น
    แต่ให้เขาซื้อในนามเขามันก็ประหยัดไม่ต้องโอนเป็นชื่อเราก่อน
    แต่หากจะให้โอนแบบตกเป็นมรดกหลังคุณตายไปแล้ว  ค่าโอนก็
    เพียงร้อยละ 50 สตางค์ของราคาประเมิน  

    จริงๆ วิธีคิดคือเอาความมั่นคงของตัวเราก่อน  เพราะคนอื่น
    รับรองชีวิตความเป็นอยู่เราไม่ได้   แล้วการซื้อในชื่อเรา  ต่อ
    ไปถ้าเราตายไป  มันก็ตกเป็นของลูกวันยังค่ำเป็นสินส่วนตัวของลูกด้วย
    ไม่ใช่สินสมรส

    เรื่องการลดหย่อนภาษีมันคุ้มกับดอกเบี้ยหรือ  คิดว่าไม่
    เรื่องนี้ไม่ได้บอกมาว่ามีลูกกันกี่คน   หากมีหลายคนละก้อ
    ลูกคนนี้หัวแหลมแน่ ๆ  เพราะถ้าซื้อในชื่อเขา  เขามีสิทธิในบ้าน
    กับที่ดินแล้ว   ต่อมาพวกคุณตายไปเขาก็ยังมีสิทธิรับมรดก
    ส่วนอื่นๆ ของคุณอีก   ที่เราได้ยินได้ฟังครอบครัวแย่งมรดก
    กันส่วนหนึ่งก็เกิดจากคนหนึ่งได้ไปแล้ว  ก็ยังจะเอาอีก  ซึ่ง
    ตามกฎหมายมีสิทธิแน่นอน  แต่ลูกคนอื่นบอกว่าไม่ควรได้
    เพราะได้ไปมากแล้ว   หากคนที่ได้ไปเยอะแล้วไม่ยอม
    ก็ทะเลาะกันแน่นอน  เผลอ ๆ มีทำร้ายกัน

    By: หมอที่ดิน
    Since: 11 พ.ย. 55 15:49:06

Leave a Reply